Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 100 ประวัติศาสตร์
ในเช้าวันต่อมาระหว่างทางไปยังเขตบริหารสมาคมนักดนตรี ลูเซียนก็รู้สึกประหลาดใจมากที่พบว่า เพลงบากาแตลที่เขาเล่นในงานฉลองเมื่อคืนนี้ ทุกที่ในนครอัลโต้ก็กำลังบรรเลงเพลงนี้อยู่
เหมือนกับที่วิกเตอร์กล่าวว่าการแต่งเพลงเซเรเนดง่ายๆ มักจะกลายเป็นที่นิยมมากกว่าเพลงซิมโฟนี
ทันทีที่เอเลน่าเห็นลูเซียนเข้ามาในห้องโถงนางก็โบกมือให้เขาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของนาง
“อรุณสวัสดิ์เอเลน่า!” ลูเซียนทักทาย “ทำไมวันนี้เจ้าดูมีความสุขนักละ”
“ข้าดีใจกับเจ้าด้วย!” เอเลน่าปิดปากของนางและหัวเราะคิกคักเบาๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ก่อนที่เจ้าจะมาที่นี่ มีสุภาพสตรีชนชั้นสูงสองสามคนมาที่สมาคมเพื่อมาหาเจ้า พวกเขาหวังว่าจะได้เป็นลูกศิษย์เปียโนของเจ้า อีเว็ตต์ที่เป็นเพื่อนของเฟลิเซียก็อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน”
จากนั้นนางยื่นจดหมายให้กับลูเซียน “พวกนี้ล้วนเป็นจดหมายตอบรับจากนักดนตรีที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ”
ลูเซียนหยิบจดหมายและกำลังจะเดินขึ้นไปบนชั้นบน แต่เขาก็หยุดครู่หนึ่งจากนั้นก็หันไปหาเอเลน่าแทน “เจ้าช่วยบอกสุภาพสตรีเหล่านั้นได้หรือไม่ว่าปีนี้ข้าจะไม่รับลูกศิษย์คนไหน? เพราะนอกจากการเป็นที่ปรึกษาด้านเพลงของเจ้าหญิงแล้วข้ายังต้องทำงานเพลงให้มากขึ้นอีกด้วย”
“ลูเซียน ทำไมเจ้าถึงมีแรงบันดาลใจที่จะทำงานตลอดเวลาเลยละ” ดวงตาของเคธีเปิดกว้างและนางก็ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “ข้าได้ยินมาว่านอกจากเซเรเนดแล้วเจ้ายังช่วยแนะนำแคนอน ดีเมเจอร์ ของท่านเฮอร์ซี่อีกด้วย”
ลูเซียนพยักหน้า “ข้าแค่หวังว่าข้าจะสามารถจัดการแสดงของตัวเองได้โดยเร็วที่สุด”
“ว้าว…” เอเลน่าและเคธีร้องออกมาในเวลาเดียวกัน
จากนั้นเอเลน่าก็ถามลูเซียนด้วยความคาดหวังว่า “ข้าเข้าใจว่าเจ้ายังไม่ต้องการลูกศิษย์คนใดในตอนนี้… แต่ข้าจะถามคำถามบางอย่างที่เกี่ยวกับดนตรีได้ไหมในบางครั้ง”
“แน่นอนเราสามารถแลกเปลี่ยนแนวคิดของพวกเราได้” ลูเซียนกล่าว เหตุผลที่แท้จริงที่ลูเซียนปฏิเสธที่จะมีลูกศิษย์ก็คือ ในฐานะนักเวทเขาอาจถูกตรวจพบโดยศาสนจักรในซักวันหนึ่ง และลูกศิษย์ของเขาอาจจะประสบปัญหาอย่างใหญ่หลวง
หลังจากส่งโน้ตเพลงเซเรเนดของโจเซฟลงทะเบียนแล้ว ลูเซียนก็มองเห็นรถม้าสีม่วงที่นาตาซาส่งมาจากทางหน้าต่าง
…
การศึกษาในหอศิลป์สงคราม
นาตาซาในชุดยาวสีดำกำลังแนะนำหนังสือให้ลูเซียน “บางคนก็เขียนด้วยภาษาทั่วไป ข้าคิดว่าเจ้าต้องการเริ่มอ่านพวกมันโดยเร็วที่สุด”
นั่นคือนาตาซากระตือรือร้น เร้าร้อน และมีแรงจูงใจ ทันทีที่นางตัดสินใจทำบางสิ่งนางก็ต้องการทำให้สำเสร็จโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
จากการแนะนำของนาง ลูเซียนมีความเข้าใจคร่าวๆ เกี่ยวกับหนังสือในเรื่องต่างๆ ที่เจ้าหญิงแนะนำ ในขณะนั้นชายวัยกลางคนก็เข้ามาและคำนับนาตาซา “ฝ่าบาท”
นาตาซาหันไปพยักหน้าให้ชายคนนั้นแล้วบอกกับลูเซียนว่า “ท่านผู้นี้คือเบค จากบ้านเนินเขา เขาเป็นนักวิชาการและนักภาษาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมาก เขาเป็นที่ปรึกษาและนักแปลที่ได้รับมอบหมายให้แปลหนังสือเหล่านี้”
เบคเป็นชายหัวล้านในวัยสี่สิบแล้ว เขาสวมแว่นตาหนาเตอะซึ่งวางอยู่บนใบหน้ากลมป้อมของเขา
“ขอบคุณท่านเบค” ลูเซียนกล่าว
“กระหม่อมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับใช้เจ้าหญิงและยินดีที่ได้เป็นที่ปรึกษาของท่านอีวานส์” เบคโค้งคำนับลูเซียนเล็กน้อย
“ท่านกำลังทำการแปลหนังสือนั้นอยู่หรือท่านเบค?” ลูเซียนสังเกตว่าหนังสือเล่มหนาที่อยู่ใต้วงแขนของเบคมีแท็กสีสันสดใสเล็กๆ จำนวนมากในหน้ากระดาษ
“ใช่… อย่างที่ท่านเห็นท่านอีวานส์ การแปลหนังสือเหล่านี้ต้องใช้เวลาและเจ้าหญิงก็เล่าความต้องการของท่านให้ข้าฟัง ข้าหวังว่าข้าจะสามารถแปลหนังสือให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้ท่านได้ศึกษา” เบคตอบอย่างช้าๆ
“ท่านเบค ท่านใจดีมาก” ลูเซียนรู้สึกขอบคุณ “ขอบคุณฝ่าบาท” ลูเซียนยิ้มให้นาตาซา
“ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ ที่คนหนุ่มๆ อย่างท่านอีวานส์สนใจเรื่องภาษาและวัฒนธรรมโบราณของอาณาจักรเวทมนตร์ซิลวานาส ท่านจะเห็นว่าวัฒนธรรมของพวกเขาน่าสนใจ” เบคเดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วเปิดหนังสือสีดำต่อหน้าลูเซียน “หนังสือที่ข้ากำลังแปลอยู่ตอนนี้คือ มหากาพย์วีรบุรุษและเป็นบทกวีที่สวยงามมาก…” เบคเริ่มตื่นเต้นเล็กน้อย
“หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไร?” ลูเซียนถาม “ขออภัยข้า… ข้าไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์มาให้ดี”
“โอ้ ไม่เป็นไรหรอก” เบคกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ความงามของบทกวีไม่ต้องการผู้อ่านที่มีพื้นฐานการศึกษามากมาย แต่เป็นสิ่งที่เจ้าต้องรู้สึกได้ เข้ามาใกล้ๆ และดูสิท่านอีวานส์”
นิ้วมือเรียบยาวของลูเซียนค่อยๆ ไล่ลงไปตามสันหนังสือสีดำหนาๆ และค่อยๆ รู้สึกถึงความเก่าแก่ของมัน
เมื่อลูเซียนพลิกหน้าหนังสือ เบคก็พูดกับเขาว่า “บทกวีในหนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อระลึกถึงวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นที่ติดตามการนำทางของพระเจ้าแห่งความจริงและเอาชนะนักเวทที่ชั่วร้าย”
“น่าสนใจ” ลูเซียนรีบเปิดผ่านๆ ทุกหน้าอย่างรวดเร็วจากนั้นในห้องสมุดวิญญาณของเขาก็มีสำเนาของหนังสือเล่มนี้ปรากฏบนชั้นหนังสือหนึ่งในรายการ “วรรณคดีโบราณ”
จากนั้นลูเซียนหันไปหานาตาซา “ท่านอ่านหนังสือเล่มนี้มาก่อนไหมหรือไม่ฝ่าบาท ท่านมีหนังสือที่แปลแล้วหรือยัง?”
“ข้าได้เรียนรู้ภาษาซิลวานาสในโบสถ์ชั้นสูงมาก่อน ข้าไม่ต้องการการแปล” นาตาซาตอบแบบสบายๆ “ข้าต้องไปที่ห้องซ้อมแล้ว หากข้ามีคำถาม ข้าจะกลับมาหาเจ้า ขอให้สนุกกับการอ่านลูเซียน”
หลังจากที่นาตาซาจากไปลูเซียนก็กระโดดตรงเข้าไปในหนังสือและเริ่มอ่านอย่างขยันขันแข็ง
…
ในเดือนถัดมา ลูเซียนค่อยๆ ได้รับมุมมองใหม่ต่อทวีปและแม้แต่โลกทั้งโลกจากความพยายามในการอ่านอย่างหนักของเขา
เพื่อที่จะได้รับพลังอันยิ่งใหญ่และทำลายขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์พ่อมดและแม่มดจำนวนมากในอดีตได้ทำการทดลองที่โหดร้ายนับไม่ถ้วนกับมนุษย์โดยการฉีดพลังที่แตกต่างกันจากสารสกัดจากสัตว์วิเศษ พวกเขาส่วนใหญ่เสียชีวิตแต่ผู้ที่สร้างมันกลับได้รับพลังมหาศาล
ที่น่าแปลกใจคือไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่ที่ผู้คนจากพื้นที่ต่างๆ ของทวีปได้รับความเดือดร้อนมากพอจากการถูกรังแกและก่อการจลาจลต่อต้านจักรวรรดิ
ในเวลาเดียวกันความจริงที่ว่านักบุญได้พัฒนาความลับบางอย่างมานานหลายปีได้รับแรงกระตุ้นอย่างรวดเร็วและกลายเป็นความเชื่อร่วมกันสำหรับคนเหล่านั้น นั่นคือเมื่อพลังอันยิ่งใหญ่ที่ได้มาจากสิ่งมีชีวิตเวทมนตร์เริ่มถูกเรียกว่า “พร” และปีนักบุญก็เริ่มนับตามสงครามมหากาพย์ที่เรียกว่า “สงครามแห่งรุ่งอรุณ” ซึ่งกินเวลานานกว่าสี่ร้อยปี
เนื่องจากลูเซียนกำลังอ่านหนังสือที่แปลแล้วตำราทั้งหมดจึงส่องแสงแห่งความรุ่งโรจน์ให้กับผู้คนที่ต่อสู้กับอาณาจักรในขณะที่พ่อมดและแม่มดเป็นสัญลักษณ์ของความมืดและปีศาจ
ในเวลานั้นบ้านไวโอเล็ตของครอบครัวนาตาซาที่กำลังปกป้องดินแดนตะวันตกของจักรวรรดิอันศักดิ์สิทธิ์ไฮลซ์ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของอัศวินไวโอเล็ตในตอนท้ายของสงครามแห่งรุ่งอรุณ บ้านไวโอเล็ตให้ความช่วยเหลืออย่างดีกับศาสนจักร เจ้าบ้านของบ้านไวโอเล็ตจึงได้รับฉายาของดยุกผู้อันยิ่งใหญ่ของอันโตและกลายเป็นอิสระจากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์
ในปีนักบุญที่ 425 ศาสนจักรได้จัดให้มีการประชุมทางศาสนาที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์เพื่ออภิปรายหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนสุดท้ายของสงครามและการโจมตีขั้นต่อไปสู่อาณาจักรอสูร ข้ามอาณาจักรเขาดำทางตะวันตก อย่างไรก็ตามในระหว่างการประชุมนั้นมีความขัดแย้งอย่างมากในการตีความหลักคำสอนระหว่างพระคาร์ดินัลและสมเด็จพระสันตะปาปา
ตั้งแต่นั้นมาโบสถ์ก็แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากจักรวรรดิชาชรานและชนชั้นสูงอื่นๆ พระคาร์ดินัลได้ทรยศพระสันตะปาปาและจัดตั้งระบอบแบ่งแยกดินแดนขึ้นทางเหนือ นั้นทำให้การเดินขบวนทางตะวันตกของกองทัพของโบสถ์ต้องหยุดลง
ลูเซียนตระหนักว่าเรื่องนอกรีตในโลกนี้มีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าที่เขาคิด
ลูเซียนรู้ว่าพี่น้องนักดาบถูกส่งไปประจำการที่ชายแดนระหว่างราชรัฐดยุกออร์วาริทและจักรวรรดิชาชราน ลูเซียนเคยถามนาตาซาว่าทำไมโบสถ์ไม่เคยเริ่มเดินไปทางทิศตะวันตกอีกครั้ง คำตอบของนางนั้นคลุมเครือแต่มีความหมาย “ในสายตาของผู้ศรัทธาส่วนใหญ่ศัตรูที่อยู่ในความกังวลของเราเป็นมากกว่าภัยคุกคามจากภายนอก ทุกวันนี้ไม่มีใครยกเว้นสมเด็จพระสันตะปาปารู้ว่าทำไมพระคาร์ดินัลถึงทรยศ”
ลูเซียนยังคงอ่านจากหนังสือที่ต่อต้านพวกนอกรีตที่ถูกสร้างขึ้นโดยเมืองทางตอนเหนือของราชรัฐดยุกออร์วาริทของอาณาจักรแห่งซีราคิวส์และจักรวรรดิไฮลซ์ศักดิ์สิทธิ์ ในบรรดาอาณาจักรทั้งหมดกว่าหกสิบราชอาณาจักร ราชรัฐ จักรวรรดิ และเขตปกครองต่างๆ ในทวีปส่วนใหญ่ยังคงรักษาความรุ่งโรจน์ไว้ได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในบางอาณาจักร เช่นจักรวรรดิกุสตาฟที่อยู่ห่างออกไปไกลทางตอนใต้ได้สูญเสียการปกครองของจักรวรรดิไป เนื่องจากครอบครัวขุนนางชนชั้นสูงหลายคนในกุสตาฟได้ครอบครองอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่
นอกจากนี้ยังมีทะเลแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ใจกลางทวีปซึ่งเรียกว่าทะเลพายุ แม่ของนาตาซาก็เป็นเจ้าหญิงจากราชอาณาจักรในช่องแคบพายุที่มีการกล่าวถึงน้อยมากเกี่ยวกับอาณาจักรนั้น
…
สองสัปดาห์ก่อนปีใหม่ ลูเซียนกำลังนั่งอยู่หน้าเตาผิง เขากำลังอ่านโหราศาสตร์และองค์ประกอบเวทมนตร์
หลังจากการอ่านมามาก ตอนนี้ลูเซียนสามารถเข้าใจตัวอักษรที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาซิลวานาสแล้ว
……………………………………….