Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 117 สภาแห่งเวทมนตร์
ดอกไม้ที่สวยงามในสวนดูค่อนข้างพร่ามัวภายใต้แสงจันทร์
ลูเซียนและไรน์กำลังเดินผ่านทุ่งดอกไม้ด้วยกัน แต่ตอนนี้ทั้งคู่ก็ยังคงนิ่งเงียบ
ไม่นานลูเซียนก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป “ท่านช่วยบอกข้าได้ไหม ว่าสำนักงานใหญ่ของสภาแห่งเวทมนตร์อยู่ที่ไหน?”
ไรน์มองลูเซียนและยิ้ม “เจ้าคิดว่าไง? ลองทายสิ”
“ข้าคิดว่า” ลูเซียนพยักหน้า “ข้าคิดว่ามันอยู่อีกด้านหนึ่งของเทือกเขาแห่งความมืดหรือไม่ก็อยู่ในภูเขา หลังจากที่การเดินทางของศาสนจักรล้มเหลวในการข้ามภูเขาไปทางทิศตะวันตก มันดูสมเหตุสมผลที่สุด”
“คาดเดาได้ดี” ไรน์ยิ้มกว้าง “แต่ถ้าเจ้าไปที่นั่น สิ่งที่เจ้าได้ค้นพบในภูเขาลึกจะเป็นเหล่าพ่อมดและแม่มดที่บ้าคลั่งและเศร้าหมอง ที่ซึ่งรอดชีวิตจากการปราบปรามอย่างรุนแรงหรือถูกล่าสังหาร ผู้คนเรียกพวกเขาว่า ‘นักเวทโบราณ’”
“จริงหรือ ทำไมพวกเขาถึงมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนั้น?” ลูเซียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“พวกเขาเป็นผู้รอดชีวิต” ไรน์อธิบายว่า “พวกเขาสามารถอยู่รอดได้เพราะพวกเขามีอำนาจมาก นักเวทหลายคนที่ยิ่งใหญ่และแม้แต่ผู้วิเศษในตำนาน พวกเขาต่างโหดร้ายและบ้าคลั่ง เจ้าอาจกลายเป็นวัตถุทดลองได้ถ้าเจ้าทำให้พวกเขาโกรธและเจ้าจะตายจากการทรมานที่โหดร้ายของพวกเขา”
“ถ้าอย่างนั้น… มีสำนักงานใหญ่ในเมืองอื่นๆ ไหม ข้าหมายถึง… ในเมืองที่ไม่ได้ศรัทธาพระเจ้าแห่งความจริง?” ลูเซียนเดาอีกครั้ง
“ไม่…” ไรน์ส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำอีก “เจ้าเคยได้ยินเรื่องอาณาจักรโฮล์ม ไหม”
“ใช่ ข้าเคยได้ยิน…” ลูเซียนยังไม่เข้าใจ
“สำนักงานใหญ่ของสภาแห่งเวทมนตร์อยู่ในอาณาจักรโฮล์ม” ไรน์กล่าว “หรือถ้าให้เจาะจงมากขึ้นไปอีกก็คือเมืองลอยน้ำที่เรียกว่า อัลลิน ที่ใกล้กับเมืองหลวงของราชอาณาจักรเรนตาโต”
“อัลลิน… ในซิลวานาสหมายถึงท้องฟ้า” ลูเซียนพึมพำ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างแล้วเขาก็พูดว่า “เดี๋ยวก่อน… มันเป็นไปไม่ได้! แม่ของเจ้าหญิงมาจากโฮล์ม ที่เป็นเมืองที่ศรัทธาเทพเจ้าแห่งความจริง! แกรนด์ดยุกเคยไปเยี่ยมเมื่อหลายปีก่อน! ทำไม…”
“ข้ารู้ว่าคำตอบจะทำให้เจ้าตกใจ” ไรน์อธิบายอย่างช้าๆ ราวกับว่าเขากำลังเล่าเรื่องที่น่าสนใจมาก “ในบรรดาบทกวีและเรื่องราวงานดนตรีที่ยกย่องความรักที่โรแมนติระหว่างแกรนด์ดยุกและแม่ของเจ้าหญิงไม่ได้ระบุว่าทำไม และใครที่พยายามแยกพวกเขาออกจากกัน เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกเหรือ?”
“ข้าไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย…” ลูเซียนสับสน “เป็นสภาใช่ไหม แต่ทำไมล่ะ”
“หากเจ้าเคยเรียนเกี่ยวกับปรัชญาของการปกครอง” มุมปากของไรน์ยกขึ้น “เจ้าจะเข้าใจว่ามันเกี่ยวกับความถ่วงดุลระหว่างขุนนาง”
“ท่านช่วยอธิบายเพิ่มอีกหน่อยได้ไหม” ลูเซียนมีความคิดบางอย่าง แต่ก็ไม่แน่ใจ
ไรน์เดินช้าๆ “ในช่วงสองร้อยปีสุดท้ายของสงครามแห่งรุ่งอรุณ พลังของศาสนจักรก็มาถึงจุดสูงสุด แม้แต่จักรพรรดิก็ต้องคุกเข่าต่อหน้าสมเด็จพระสันตะปาปาและก้มลงจูบรองเท้าของเขา ในเวลานั้นศาสนจักรสามารถกำจัดจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย และไม่ต้องพูดถึงดยุก เอิร์ลและไวเคานต์
“ดังนั้น พวกขุนนางเหล่านั้น…” ลูเซียนลูบคางด้วยนิ้วของเขา “พวกเขาตัดสินใจสนับสนุนพระคาร์ดินัลที่ต้องการแยกจากศาสนจักรใช่ไหม”
“เป็นความคิดที่ดี” ไรน์หันหน้าไปหาลูเซียน “แม้ว่าเราจะยังไม่รู้ว่าทำไมพวกพระคาร์ดินัลในสมัยนั้นจึงตัดสินใจทรยศพระสันตะปาปา แต่สิ่งที่เรารู้ก็คือขุนนางท้องถิ่นบางคนทางภาคเหนือยินดีสนับสนุนพวกเขามากกว่า แต่เหล่าขุนนางเหล่านี้ก็รู้ดีถึงความจริงที่ว่าถ้าพวกเหล่าพระคาร์ดินัลที่พวกเขาสนับสนุนได้รับแกนพลังและโค่นล้มสมเด็จพระสันตะปาปาลงได้ องค์สันตะปาปาองค์ใหม่ก็จะปรากฏขึ้นท่ามกลางเหล่าพระคาร์ดินัลเหล่านั้น และสถานการณ์ทั้งหมดของพวกขุนนางก็จะไม่เปลี่ยนแปลงเลย”
“ดังนั้นเหล่าขุนนางจึงจงใจเปิดเผยแผนการลับเพื่อให้สมเด็จพระสันตะปาปาเตรียมพร้อม!” ลูเซียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ดังนั้นทางเหนือและทางใต้จึงกลายเป็นสองด้านที่ถ่วงดุลกัน และสถานการณ์นี้ทำให้อำนาจของเหล่าขุนนางค่อนข้างมีความสำคัญ ฝั่งไหนที่ได้รับการสนับสนุนจากขุนนางมากกว่าก็จะเห็นได้ชัดว่าได้เปรียบกว่า”
“เจ้าฉลาดจริงๆ ครึ่งแรกของเหตุผลถูกต้อง แต่ครึ่งหลังยังไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง” ไรน์ยิ้ม ความจริงก็คือว่าหลังจากการแบ่งแยก ศาสนจักรทางใต้ก็ยังแข็งแกร่งกว่าทางเหนือ อย่างไรก็ตามศาสนจักรทางเหนือก็ได้รับการสนับสนุนจากพวกเอลฟ์ คนแคระ สิ่งมีชีวิตวิเศษมากมายและแม้กระทั่งนักเวทโบราณทางตะวันตกเฉียงเหนือของเทือกเขาแห่งความมืด อย่างที่พูดไปแล้ว ‘ศัตรูข้าคือมิตรข้า’ เมื่อพวกเขาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับศาสนจักรทางเหนือก็สามารถต้านทานการโจมตีอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นจากทางใต้ได้”
“จากนั้นสถานการณ์ทั่วทั้งทวีปก็ดูสมดุลมากขึ้น ทางใต้ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นอีกต่อไปแล้ว” ลูเซียนไตร่ตรอง “หลังจากนั้นทางใต้จะต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้น… หรือว่า กองกำลังอื่น”
“ช่างน่าประทับใจ” ไรน์ดูค่อนข้างแปลกใจในข้อมูลเชิงลึกของลูเซียน “ใช่ มีอีกหนึ่งกองกำลังจากทางใต้ ตั้งแต่ขุนนางทางใต้เห็นการพัฒนาที่ดีทางสถานะทางขุนนางในทางเหนือ ในขณะที่พวกเขาส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะเจรจากับศาสนจักร แต่บางส่วนก็เลือกที่จะแอบสนับสนุนผู้วิเศษ เพื่อที่จะให้พวกพ่อมดและแม่มดกลายเป็นปัญหาใหม่สำหรับศาสนจักรในโดยที่พวกเขายืนอยู่ตรงกลางและได้ประโยชน์ซึ่งๆ หน้า”
“ใครคือ ‘ส่วนเล็กๆ’ ของขุนนางเหล่านั้น สิ่งที่พวกเขาทำมันเสี่ยงมาก” ลูเซียนพูดงึมงำ
“ใช่ มันอันตราย” ไรน์ยักไหล่ “พวกเขาเป็นขุนนางจากสี่อาณาจักรทั่วช่องแคบมรสุม และสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือนักเวทที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งที่ชื่อดักลาสได้พัฒนาระบบเวทมนตร์โบราณและทำให้เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ในการศึกษากฎของจักรวาล ดังนั้นพลังอำนาจของสภาเวทมนตร์จึงเริ่มสูงขึ้นและมีผลงานชิ้นเอกที่ยิ่งใหญ่นับไม่ถ้วนออกมา เมื่อประมาณร้อยปีที่แล้วสภาได้รวมกลุ่มนักเวทที่สำคัญหลายกลุ่มเข้าด้วยกัน และกลายเป็นสถาบันที่ทรงพลังที่สุดอันดับสองของโลก”
“ดักลาส…” เขายังจำชื่อนี้ได้ ลูเซียนค่อนข้างมั่นใจว่าดักลาสยังมีชีวิตอยู่ เพราะพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขาต้องมีหลายวิธีในการยืดอายุขัยของตัวเอง ตัวอย่างเช่น มีพิธีกรรมเวทมนตร์ที่กล่าวถึงในโหราศาสตร์และเวทมนตร์องค์ประกอบที่สามารถยืดอายุขัยของคนหนึ่งคนไปเป็นพันห้าร้อยปี
“ท่านดักลาสซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกเป็นผู้ชำนาญเวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นทั้งประธานสภาแห่งเวทมนตร์และผู้ก่อตั้งวารสารอาร์คานา” เมื่อพูดถึงชื่อของเขา แม้แต่ไรน์ก็ยังเกรงขามเล็กน้อย “ตอนนี้ในอาณาจักรโฮล์ม การดำรงอยู่ของสภาเวทมนตร์นั้นเกือบจะเป็นกึ่งๆ ความลับ สภามีอำนาจมากกว่าศาสนจักรทางใต้ หากปราศจากการสนับสนุนจากเหล่าขุนนางในท้องถิ่นศาสนจักรอาจถูกกำจัดออกไปนานแล้ว”
“นั่นเป็นสาเหตุที่ศาสนจักรที่นี่ให้แกรนด์ดยุกมาเยือนโฮล์มเมื่อหลายปีก่อน จุดประสงค์ของการเดินทางของแกรนด์ดยุกคือการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเหล่าขุนนางที่นั่นเพื่อต่อสู้กับอำนาจของสภา” ลูเซียนพยักหน้า “แกรนด์ดยุกแต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งโฮล์มนั้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา”
“อืม… ข้าพนันว่ามันเกินความคาดหมายของแกรนด์ดยุก” ไรน์ยิ้ม “การแต่งงานทำให้เกิดชนวนทั่วทั้งทวีป ขุนนางหลายคนคัดค้านและพยายามขัดขวางการแต่งงานในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ เนื่องจากการสมรสกันของคนหนุ่มสาวทั้งสองอาจเปลี่ยนความสัมพันธ์อำนาจไตรภาคีระหว่างขุนนาง ศาสนจักรและสภาได้อย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่าสภาก็ไม่อนุญาตให้มีการแต่งงานเกิดขึ้นเช่นกัน”
เมื่อเห็นคิ้วของลูเซียนขมวดแน่น ไรน์ก็หยุดสักครู่แล้วโบกมืออย่างสบายๆ ว่า “อย่างไรเสีย… เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจเรื่องราวที่ซับซ้อนทั้งหมดในประวัติศาสตร์ สิ่งที่เจ้าควรคำนึงถึงคือการไปที่โฮล์ม ช่องแคบมรสุมถูกศาสนจักรปิดกั้นมาเป็นเวลานานและมีเพียงขุนนางและนักธุรกิจที่มีใบอนุญาตพิเศษเท่านั้นที่สามารถผ่านได้ หรือเจ้าสามารถข้ามชายแดนระหว่างทางเหนือและศาสนจักรสาขาย่อยของทางใต้ ข้ามจักรวรรดิชาชราน ไกลออกไปทางเหนือ จากนั้นเจ้าก็จะสามารถเข้าอาณาจักรโฮล์มจากชายแดนทางตอนเหนือได้”
“ข้าไม่คิดว่าข้าจะสามารถผ่านชายแดนจากทางแรกได้…” ลูเซียนส่ายหัว “ข้าสงสัยว่าสภาต้องมีเส้นทางลับของตัวเอง หลังจากที่ข้ารู้ว่ามีนักเวทจากสภามาที่เมืองอัลโต้”
ไรน์พยักหน้า “ใช่ข้ากำลังจะพูดถึงเรื่องนี้ ว่ากันว่าสภามีผู้ประสานงานในสเติร์ก ‘ไข่มุกบริสุทธ์แห่งท้องทะเล’ แต่ข้าไม่รู้ว่าเป็นใครและเจ้ายังคงต้องแอบข้ามชายแดนเข้าไปในบริเวณที่อันตรายมาก ดังนั้นสิ่งที่ข้าจะแนะนำคือเจ้าต้องเป็นนักเวทที่แท้จริงเสียก่อน จากนั้นจึงจะออกเดินทางสู่จุดหมายปลายทางเพื่อที่เจ้าจะสามารถปกป้องตัวเองได้”
“นักเวทที่แท้จริง…” สมองของลูเซียนทำงานอย่างรวดเร็ว เขาไม่ต้องการเสี่ยงที่จะใช้ตัวตนของศาสตราจารย์อีก แต่ในตอนนี้เพื่อไปที่การประชุมนักเวทฝึกหัดและวิธีเดียวที่เขาจะกลายเป็นนักเวทระดับหนึ่งโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็คือไปที่เมจิกล็อก “แต่นั้นเป็นกับดักที่ศาสนจักรวางไว้นะ” ลูเซียนบ่น
“หากเจ้าเป็นนักเวทระดับกลางและได้เรียนรู้วิธีการบิน เจ้าก็จะไม่ต้องกังวลกับสิ่งเหล่านี้” ไรน์กล่าวต่อ “ศาสนจักรสามารถปิดกั้นทางน้ำและชายแดน แต่ไม่สามารถควบคุมท้องฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ คนฉลาดอย่างเจ้ารวมกับการช่วยเหลือของน้ำยาที่เรียกว่า ซิลเวอร์มูน ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถพัฒนาได้ในไม่ช้า และไม่นานมานี้ศาสนจักรค่อนข้างยุ่งและพวกเขาก็แทบจะไม่ค่อยมีเวลามาค่อนแคะเจ้า ข้าคิดว่านะ”
“ท่าน ดูเหมือนจะรู้ทุกอย่างเลยนะ” ลูเซียนประหลาดใจ “ท่านเป็นใคร ทำไมถึงต้องช่วยเหลือข้า”
“ข้าเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์และเป็นคนนอก” รอยยิ้มของไรน์นั้นลึกลับ “เจ้าเป็นคนที่น่าสนใจลูเซียน การมีส่วนร่วมของเจ้าจะทำให้ทุกอย่างน่าสนใจมากขึ้น แน่นอนข้าจะเข้าร่วมเมื่อเกมน่าสนใจพอสำหรับข้า”
จากนั้นไรน์ก็หันกลับมาและผ่านประตูสวนเล็กๆ ออกไป ทำให้ลูเซียนยืนอยู่คนเดียวในความมืด
จู่ๆ ลูเซียนรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าความตื่นเต้นราวกับว่าไรน์เพิ่งช่วยเข้ายกก้อนหินที่หนักอึ้งออกจากอก
ในเวลานี้ ลูเซียนรู้สึกว่าวิญญาณของเขาขยายตัวขึ้นเล็กน้อยและเริ่มเข้าใกล้ขีดจำกัดพลังแล้ว
……………………………………….