Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 12 เงินกองแรกของลูเซียน
เมื่อโดนไล่ตะเพิดออกจากร้านตัดเสื้อเล็กๆ มาสามร้าน ลูเซียนรู้สึกหดหู่ใจอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาจะเอาผ้าสีดำออกมาตั้งแต่แรก ช่างตัดเสื้อก็ยังไม่ยอมไว้ใจ และไม่เต็มใจจะดูว่าเป็นผ้าชนิดใด พวกเขาระแวดระวังตัวกับคนแปลกหน้าอย่างลูเซียนยิ่งนัก
ตลาดแห่งนี้กินพื้นที่กว้างขวาง มีตรอกซอกซอยมากมายพาดผ่านตัดกัน ผู้คนเดินกันขวักไขว่ และบ่อยครั้งยังเห็นคนแคระ เอล์ฟ และเผ่าพันธุ์อื่นๆ อีกด้วย แม้คนจะพลุกพล่าน แต่ไม่นานลูเซียนก็เจอร้านตัดเสื้ออีกร้านที่ดูสะอาดและสง่างามที่ตรงท้ายซอยแห่งหนึ่ง
ข้างหลังเคาน์เตอร์คือเด็กหนุ่มผมบลอนด์อายุสิบห้าสิบหกปีท่าทางเหนียมอายที่ส่งยิ้มมาให้ “ท่านอาจารย์กำลังตัดเสื้ออยู่ข้างหลังขอรับ ช้ามีชื่อว่าบัสเตอร์ มีอะไรให้ข้าช่วยไหมขอรับ”
“เจ้าช่วยดูผ้าคลุมหน้าผืนนี้หน่อยได้หรือไม่” ลูเซียนได้รับบทเรียนมาแล้วหลายครั้ง เขาจึงถามโดยไม่อ้อมค้อม
บัสเตอร์คิดว่าลูเซียนคงจะอยากหาซื้อผ้าที่เนื้อใกล้เคียงกันกับผ้าคลุมหน้าผืนนี้ เขาจึงรับไปโดยไม่สงสัยอะไร เขาลูบดูเนื้อผ้า และส่องมันกับแสงแดด สีหน้าเขาเริ่มกลายเป็นประหลาดใจขึ้นเรื่อยๆ “นายท่าน นี่คือผ้า ‘ไนติงเกลดำ’ จากอาณาจักรโฮล์ม เป็นผ้าสีดำแบบที่ชนชั้นขุนนางที่แท้จริงเท่านั้นจะมีมันในครอบครองได้ ท่านได้มันมาอย่างไรกัน”
เขาแสดงอาการตื่นตัวระแวดระวังและกังวลเหมือนกับช่างตัดเสื้อคนอื่นๆ ลูเซียนที่สวมเพียงชุดลินินไม่มีทางมีเงินพอจะซื้อ ‘ไนติงเกลดำ’ เป็นแน่ แม้แต่คนมีอันจะกินหลายๆ คนยังไม่มีเงินพอจะซื้อมันเลย แล้วเช่นนี้จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร
ลูเซียนเห็นปฏิกิริยาแบบนี้มาแล้วจากทุกคนก่อนหน้า จึงทำเพียงลดเสียงลง “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่มีทางสร้างปัญหาให้เจ้าหรอก”
“จริงหรือ” ชายในวัยสามสิบกลางๆ ผู้มีใบหน้าเรียวยาวเดินออกมาจากหลังร้าน เขาคือแม็กโดเวลล์ เจ้าของร้านตัดเสื้อแห่งนี้ ก่อนหน้านี้ เขาประหลาดใจเพราะบัสเตอร์ส่งเสียงดังรบกวน เขาจึงออกมาดูและทันได้ยินคำอธิบายของลูเซียน
ไม่ไล่ออกจากร้านงั้นหรือ เมื่อเห็นว่าในที่สุดเขาก็ได้รับการตอบรับที่ดี ลูเซียนจึงอดคาดหวังและตื่นเต้นเล็กน้อยไม่ได้ “ข้าขอสาบานในนามของพระผู้เป็นเจ้า แล้วก็ ท่านเห็นตรงนี้ไหม มันขาดเป็นรูไปแล้ว ไม่มีท่านหญิงหรือท่านภริยาคนใดจะยังสนใจมันหรอกขอรับ ตราบใดที่ท่านตัดมันเป็นเพียงเศษผ้าลูกไม้หรือที่ประดับชุดกระโปรงยาว ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันเคยเป็นอะไรมาก่อน”
แม็กโดเวลล์รับผ้าคลุมหน้าสีดำมาจากบัสเตอร์ เพ่งพินิจมองมัน และหลังจากเงียบอยู่นาน เขาก็เอ่ยขึ้นอย่างสุขุม “เจ้าต้องการเท่าไหร่”
ลูเซียนตื่นเต้นจนกำมือแน่น แทบจะชูขึ้นโบกไปมา แต่ประสบการณ์จากการเผชิญหน้ากับหนูดวงตาสีแดงเลือดทำให้ลูเซียนรักษาอาการสงบไว้ได้ และมองแม็กโดเวลล์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ข้าเชื่อว่าท่านจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังขอรับ”
แม็กโดเวลล์สบตากับลูเซียนครู่หนึ่ง และเห็นว่าลูเซียนดูไม่ประหม่าเลยสักนิด ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วว่า “สี่สิบเฟลล์ ผ้าผืนนี้ไม่ได้ใหญ่มาก ทั้งยังมีรูขาด และคงนำไปใช้ประโยชน์ได้ไม่มากนัก”
“หนึ่งนาร์ขอรับ หากชุดกระโปรงยาวงามๆ ได้ประดับด้วยผ้า ‘ไนติงเกลดำ’ แสนประณีตที่ดูคล้ายท้องฟ้ายามราตรี ย่อมเหมาะสมกับท่านหญิงและท่านภริยาทั้งหลายมากกว่าเป็นแน่” ลูเซียนข่มความตื่นเต้นแล้วต่อรองด้วยกฎการต่อรองแบบสองเท่า
แม็กโดเวลล์ส่ายหน้า ก่อนจะคืนผ้าลูกไม้สีดำให้ลูเซียน “ข้าให้ได้แค่ห้าสิบเฟลล์ หากไม่เอา เจ้าก็เอามันกลับไปเถิด”
“น่าเสียดายยิ่งนัก” ลูเซียนแสร้งทำเป็นรับผ้าคลุมหน้ากลับมาอย่างใจเย็น หมุนกายหันหลังจะเดินออกไปจากร้าน แต่แท้จริงแล้ว ในใจเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียดและกังวลสับสน เขาจะรั้งตัวฉันไว้ไหมนะ จะได้ราคาสูงขึ้นหรือเปล่า หากพลาดไปจากร้านนี้ ลูเซียนคงจะหาใครที่เต็มใจซื้อสินค้าไร้ที่มาไม่ได้อีกแล้ว!
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว…ลูเซียนใกล้จะเดินไปถึงประตูหน้าร้านแล้ว แต่ในที่สุดเสียงแม็กโดเวลล์ก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง “แปดสิบเฟลล์ หากไม่ใช่ว่าผ้าไนติงเกลดำผืนนี้เหมาะจะใช้เป็นลูกไม้ประดับให้กับชุดกระโปรงยาวของข้าอย่างยิ่งแล้วล่ะก็ ข้าไม่มีทางจ่ายมากขนาดนี้แน่”
เยี่ยมไปเลย! ลูเซียนที่ยังคงหันหลังให้แม็กโดเวลล์ กระตุกมือขวาขึ้นมากำหมัดอย่างแรงด้วยความตื่นเต้นดีใจ จากนั้นจึงหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มเรียบนิ่ง “ตามที่ท่านต้องการขอรับ”
เหรียญทองแดงแปดสิบเหรียญอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขา มันส่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋งและทำให้กระเป๋าของเขาตุงขึ้นดูเทอะทะ แต่ลูเซียนคิดว่ามันดูน่ารักดี
แม็กโดเวลล์รั้งลูเซียนไว้อีกครั้งก่อนที่เขาจะจากไป “ข้าไม่รู้จักเจ้าและข้าก็ไม่ได้อยากรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเจ้า แต่ในอนาคต หากเจ้ายังมีผ้าล้ำค่าเช่นนี้อีก และตราบใดที่มันไม่นำปัญหามาให้ เจ้านำมันมาให้ข้าก็ได้”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งขอรับ” ลูเซียนอารมณ์ดีอย่างยิ่ง เขาจึงโค้งตัวเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
หลังจากออกมาจากร้านของแม็กโดเวลล์ ลูเซียนก็พบว่าท้องฟ้าช่างดูสดใส ดวงอาทิตย์ช่างสาดแสงแรงจ้า ทั้งอากาศยังสดชื่นอย่างยิ่ง และทุกอย่างก็ช่างงดงามเหลือเกิน
แปดสิบเฟลล์ถือว่าไม่มากแต่ก็ไม่น้อย นอกจากมันจะทำให้ลูเซียนเข้าใกล้เป้าหมายในการห้าเงินห้านาร์แล้ว มันยังพิสูจน์อีกด้วยว่าวิธีการเก็บของเก่ามาขายทำเงินนั้นได้ผลดีจริงๆ สำหรับลูเซียนแล้ว นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด!
…
“ลูเซียน พี่กลับมาเสียที พี่ชายข้ากลับบ้านมาแน่ะ แม่ข้าให้ข้ามาเรียกพี่ไปกินมื้อค่ำด้วย”
เมื่อลูเซียนใกล้จะถึงบ้านของเขา ก็เห็นไอเวินยืนอยู่หน้าประตู ไอเวินเองก็หันมาเห็นเขาในเวลาเดียวกัน แล้วโบกไม้โบกมือให้อย่างดีใจ
‘ลูกชายคนโตของท่านน้าอะลิซ่าที่ชื่อจอห์นน่ะเหรอ คนที่ได้เป็นอัศวินฝึกหัดน่ะนะ’ ลูเซียนนึกถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับพี่ชายของไอเวิน ก่อนจะยิ้มให้ไอเวิน “สักครู่นะ ข้าขอเช็ดเหงื่อก่อน” เขาไม่อาจให้ไอเวินเห็นเหรียญทองแดงกว่าเก้าสิบสองเฟลล์บนตัวเขาได้ ใครจะไปรู้ว่าเด็กช่างคุยอย่างไอเวินจะนำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศหรือไม่ เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเก็บค่าเรียนได้ครบห้านาร์ ก็จะไม่มีปัญหาอะไรอีก ลูเซียนเชื่อว่าเขาจะไม่ทำสิ่งนี้ตลอดไป
ไอเวินตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง “ได้สิ ลูเซียน เอ้อนี่ พี่ชายข้าเอาเนื้อกระทิงกลับมาด้วยชิ้นหนึ่งล่ะ มันเป็นกระทิงที่อัศวินทหารม้าใช้ฝึกและล่าจากป่าเมื่อไม่นานมานี้ เซอร์เวนน์มอบให้กับทุกๆ ครอบครัวอย่างเท่าเทียมกัน”
“ในที่สุดข้าก็จะได้กินหัวมันกับสตูเนื้อแล้ว ตั้งแต่พี่ชายข้าได้รับเลือกจากเซอร์เวนน์ให้ไปฝึกฝนที่คฤหาสน์ของท่านตลอดสองปีมานี้ ข้าได้กินน้อยกว่ายี่สิบครั้งเสียอีก!”
ใบหน้ามอมแมมของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง
โจเอลถือเป็นศิลปินข้างถนนที่ทำการแสดงได้ดีพอสมควร แม้ว่ารายได้จะดีบ้างแย่บ้าง แต่ก็ยังนับว่าดีกว่าผู้ที่เป็นแรงงานหาเช้ากินค่ำ นอกจากนี้แล้ว อะลิซ่ายังทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่สมาคมสิ่งทออีกด้วย รายได้ของทั้งครอบครัวจึงใกล้เคียงกับของชนชั้นกลางมากกว่า ทว่าเมื่อก่อนพวกเขาจำต้องเก็บเงินเพื่อให้จอห์นได้รับการฝึกฝน จึงทำให้ซื้ออาหารได้ไม่เพียงพอ ต้องลำบากกันไม่น้อย กระทั่งบางคราวยังต้องขอความช่วยเหลือจากพ่อของลูเซียนอีกด้วย
หลังจากที่จอห์นผ่านการคัดเลือกจากเซอร์เวนน์ได้สำเร็จ ทั้งสองจึงหมดห่วง และอะลิซ่าอยากเริ่มหันมาวางแผนอนาคตให้กับไอเวิน แต่ผลที่ออกมากลับย่ำแย่กว่าเมื่อก่อนเสียอย่างนั้น
แม้ลูเซียนจะไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับโลกนี้ แต่เขาก็ไม่ประหลาดใจกับเรื่องนี้ ที่จริงแล้ว ยังนับว่าดีที่คนยากจนยังได้กินเนื้อวัวอย่างน้อยเดือนละครั้ง
หลังจากที่เขาซ่อนเงิน และเช็ดเหงื่อไคลออกจากตัวเสร็จ ลูเซียนก็ตามไอเวินไปที่บ้านของอะลิซ่า
ด้านนอกบ้านอะลิซ่านั้น กลุ่มเพื่อนบ้านที่ลูเซียนคุ้นหน้าคุ้นตามารวมตัวกัน และต่างพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ
“ข้าได้ยินว่าจอห์นน้อยได้เป็นอัศวินฝึกหัดของเซอร์เวนน์แล้วงั้นรึ”
“อะลิซ่าเป็นคนบอกเอง นางไม่โกหกหรอก!”
“ได้เป็นอัศวินฝึกหัดตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสิบเก้าปีเช่นนี้ จอห์นน้อยอาจจะปลุกพรในตัวให้ตื่นขึ้นและกลายเป็นอัศวินที่แท้จริงก็เป็นได้”
“จิ๊ๆ ถ้าถึงตอนนั้นเจ้าก็เรียกเขาว่าจอห์นน้อยไม่ได้แล้ว เจ้าต้องเรียกเขาว่าท่านจอห์น หรือลอร์ดจอห์น”
“เจ้าจะเรียกส่งเดชไม่ได้อีกแล้ว อีกหน่อยเขาอาจมีคุณสมบัติมากพอจะเป็นผู้บัญชาการของเหล่าอัศวินที่สาบานตนกับศาสนจักรก็ได้!”
“โจเอลกับอะลิซ่าโชคดีจริงๆ พวกเขาจะต้องมีชีวิตที่ดีในอนาคตเป็นแน่!”
ลูเซียนเหลือบมองไอเวินด้วยความสงสัย เห็นไอเวินกำลังพยักหน้าหงึกหงักอย่างภาคภูมิใจ
หลังจากเข้ามาในห้องนั่งเล่น ลูเซียนก็เห็นชายหนุ่มผมบลอนด์ ดวงตาสีน้ำตาล ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ ด้วยลักษณะที่เหมือนกับบิดา จอห์นจึงดูเป็นคนหนุ่มที่หล่อเหลาและรูปร่างสูงโปร่ง แต่ที่น่าประทับใจที่สุดสำหรับลูเซียนแล้วคือท่าทางนิ่งสงบสง่างามของเขา
“ข้าได้ยินมาว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเจ้า ข้าจึงเป็นกังวลอย่างยิ่ง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนี่ แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย” จอห์นยิ้มกว้างพลางตบบ่าลูเซีย “อย่ากังวลมากนักล่ะ เรื่องแบบนี้ก็แค่อุบัติเหตุ ข้าว่านั่นคงเป็นบททดสอบจากพระผู้เป็นเจ้าสำหรับเจ้าแน่ๆ”
แม้ว่าเขาจะแก่กว่าลูเซียนเพียงปีหรือสองปี จอห์นกลับดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก และชุดอัศวินสีเทาที่เขาสวมอยู่ก็ทำให้เขาดูไม่สามัญสักนิด
ลูเซียนตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง “ข้าไม่ได้ป่วยหนักอะไร ท่านน้าอะลิซ่ากังวลเกินไป จึงเครียดเล็กน้อย”
ไอเวินร้องรับสนับสนุน “ใช่แล้วๆ ท่านแม่ไม่ยอมเชื่อข้าเลย”
จอห์นลูบศีรษะไอเวินด้วยรอยยิ้ม “ไปล้างหน้าล้างตา เตรียมตัวสำหรับมื้อเย็นเถอะ”
เมื่อไอเวินจากไป จอห์นก็หันมายิ้มอ่อนโยนให้และโบกมือเป็นเชิงเชิญลูเซียนนั่งลง “ทำไมกันนะ ข้าไม่พบเจ้าเสียนานแต่กลับรู้สึกถึงความห่างเหินเช่นนี้ ลูเซียน เราเป็นเพื่อนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันนะ”
“มันน่าอึดอัดใจเล็กน้อยน่ะ เอ่อ คือข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้” ลูเซียนพยายามสรรหาข้ออ้าง
จอห์นพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “การฝึกของอัศวินไม่ใช่แค่การฝึกเพียงร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฝึกด้านบุคลิกภาพและสภาพจิตใจอีกด้วย มันเหนื่อยมากแต่ข้าก็ได้รับอะไรมามากมาย”
เพียงพูดคุยเกี่ยวกับการฝึกฝนของจอห์นในคฤหาสน์ของเซอร์เวนน์ไม่นาน อะลิซ่าก็เรียกลูเซียนกับจอห์นให้ไปกินมื้อเย็น
แม้ว่าบนโต๊ะจะมีเพียงสตูเนื้อวัวกับปลาย่าง แต่ลูเซียนที่ได้กินแต่ขนมปังดำมาตลอด รู้สึกว่าอาหารมื้อนี้อร่อยเลิศล้ำเสียจนเขาแทบจะกินลิ้นตัวเองเข้าไปด้วย เพราะจอห์นกลับมาในฐานะอัศวินฝึกหัด บรรยากาศการพบหน้ากันครั้งนี้จึงอบอุ่นเสียจนโจเอลได้รับอนุญาตจากอะลิซ่าให้ดื่มไปกินเนื้อไปได้
ตลอดมื้อเย็น อะลิซ่าคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้อย่างมีความสุขไม่หยุด บางครั้งโจเอล ลูเซียน และไอเวินที่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารหรือเครื่องดื่มก็ตอบกลับไป ซึ่งเพียงเท่านั้นก็ทำให้นางพอใจอย่างยิ่ง ส่วนจอห์นที่ยังคงรักษากฎความประพฤติของอัศวิน เขาแทบจะเงียบตลอดเวลาที่กินอาหาร
“เอิ้ก…” มื้อเย็นแสนสุขจบลงด้วยเสียงเรอยาวๆ ของไอเวิน
จอห์นส่ายหน้ายิ้มๆ “ไอเวิน กินมากไปไม่ดีต่อร่างกายนะ อย่าทำแบบนี้อีกเล่า”
จากนั้นเขาก็หันมามองลูเซียน “ลูเซียน เจ้าคิดไว้บ้างหรือยังว่าอยากจะทำอะไรในอนาคตน่ะ”
เมื่อประเด็นนี้ถูกยกขึ้นมา ทั้งโจเอลและอะลิซ่าจึงมองไปทางลูเซียนอย่างจริงจัง
ลูเซียนตอบกลับไปอย่างระมัดระวัง “ข้ายังไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรไว้ แต่ข้าไม่อยากจะอยู่ในสภาพนี้อีกต่อไปแล้ว”
“เยี่ยม ความไม่พอใจกับชีวิตในตอนนี้คือพลังที่จะผลักดันเจ้าให้ก้าวไปข้างหน้า” จอห์นพยักหน้าอย่างพออกพอใจ “ช่วงนี้ที่คฤหาสน์ของเซอร์เวนน์กำลังขาดคนอบขนมปังกับดูแลเครื่องดื่ม และอยากจะรับสมัครลูกมือฝึกหัดสองสามคน เจ้าจะได้ไปอยู่ในคฤหาสน์เชียวนะ ลูเซียน ลองพิจารณาตัวเลือกนี้ดู ข้าจะกลับมาอีกทีวันจันทร์ เจ้าค่อยตอบข้าก็ได้”
หลังจากที่ได้เป็นอัศวินฝึกหัด จอห์นก็มีความสามารถมากพอจะเปลี่ยนชีวิตของครอบครัวและเพื่อนของเขาได้ แม้จะเล็กน้อย แต่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
ผู้คนบนโลกนี้ยังเชื่อเกี่ยวกับตำนานที่ว่าพระเจ้าคือผู้สร้างทุกสิ่งในเจ็ดวันอีกด้วย ดังนั้นทุกๆ เจ็ดวันหรือหนึ่งสัปดาห์ พวกเขาจะไปโบสถ์กัน
“ขอบคุณมาก จอห์น” ลูเซียนเพิ่งจะได้เงินก้อนแรกมา และเขาก็มีแผนการระยะยาวแสนงดงามสำหรับอนาคตแล้ว เขาไม่เคยคิดว่าจะเสียเวลาเพื่อเป็นลูกมือฝึกหัดถึงสิบปีเลย แต่มันคงจะเป็นเรื่องแปลกเกินไปหากจะปฏิเสธไปตรงๆ ทางเลือกนี้ไม่เหมาะกับวิถีชีวิตของเขาในตอนนี้ เขาจึงคิดว่าจะปฏิเสธหลังจากนี้ไม่กี่วัน ก่อนจะถึงสัปดาห์หน้า
จอห์นยืนขึ้น “เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้ลูเซียนไม่เป็นอะไรแล้ว ข้าคงต้องขอตัวกลับไปที่คฤหาสน์ของเซอร์เวนน์ก่อนที่ประตูจะปิด” จากนั้นเขาก็เข้าไปกอดโจเอล อะลิซ่า ไอเวิน และสุดท้ายก็กอดลูเซียนแน่น “เสียดายจริงๆ ลูเซียน ที่เจ้าอ่านหนังสือไม่ออก พ่อบ้านดาวน์นี่กำลังต้องการเสมียนไว้คอยช่วยงานในคฤหาสน์ มันเป็นงานที่ได้เงินดีและมั่นคงมาก”
“ข้าวางแผนไว้ว่าจะเรียนหนังสือ” ลูเซียนฉวยโอกาสนี้บอกออกไป
จอห์นนิ่งงันไป ก่อนจะหัวเราะออกมา “ลูเซียนของเราช่างทะเยอทะยานยิ่งนัก เอาเป็นว่า ข้าจะช่วยมองหาลู่ทางให้ เผื่อว่าเจ้าจะมีโอกาส แต่เจ้าอย่าคาดหวังอะไรมากนักเล่า อาจใช้เวลาไม่นานนัก เจ้าต้องเตรียมตัวให้พร้อมไว้ล่ะ”
“ขอบคุณนะ จอห์น” ลูเซียนไม่ได้คิดฝากความหวังไว้กับจอห์น เขามั่นใจกับการเดินไปบนเส้นทางนี้ด้วยตนเองมากกว่า
…
สามวันต่อมา แม้ว่าลูเซียนจะไม่ได้ค้นพบสิ่งมีค่าอย่างผ้า ‘ไนติงเกลดำ’ อีก เขาก็ยังสามารถเก็บเงินได้ถึงหนึ่งนาร์กับหกสิบสี่เฟลล์ ตอนนี้เขาจึงเดินออกจากประตูเมืองด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง
อังเดรเฝ้ามองแผ่นหลังของลูเซียน ก่อนจะพูดกับแม็กด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดเจ้าหนุ่มนั่นถึงออกไปนอกเมืองทุกๆ เช้ากัน”
“อังเดร เจ้าพูดถึงเรื่องอะไรงั้นหรือ” น้ำเสียงอันเป็นมิตรดังมาจากด้านหลังอังเดร
สีหน้าอังเดรพลันเปลี่ยนเป็นจริงจัง ก่อนจะรีบหันตัวกลับไป “อรุณสวัสดิ์ขอรับ ท่านแจ็คสัน”
แจ็คสัน ลีโอดอส หัวหน้ากลุ่มของแก๊งอารอน ผู้มีใบหน้าที่ดูธรรมดา เป็นมิตร และถ่อมตนอย่างยิ่ง หากผู้ใดหลงเชื่อรูปลักษณ์ภายนอกนี้ จะต้องพบกับจุดจบเลวร้ายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเล่ห์กลร้ายกาจ หรือความโหดเหี้ยม เขาถือเป็นที่หนึ่งแห่งแก๊งอารอน
————————————————
Comments for chapter "บทที่ 12 เงินกองแรกของลูเซียน"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
Kong.Sp
ทำไมจุดเริ่มต้นของพระเอกมันอนาถาขนาดนี้วะเนี้ย