Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 129 ฝ่าวงล้อม
“เปรี้ยง!” เสียงเสียดสีดังลั่นจากการปะทะกันของโลหะได้ยินไปทั่ว ดาบหนักๆ ของวายออนฟาดเข้ากลางหน้าที่กลายเป็นเหล็กของท็อด เมื่อท็อดผละมือจากการโจมตีแล้วหันหน้าไปช่วยลอร์ดเวอร์ดี้ของเขา
บาดแผลลึกดูน่ากลัวปรากฏตรงกลางหน้าของท็อด แผลฉกรรจ์ผ่าตั้งแต่บริเวณหน้ายาวจนไปยังคาง แม้แต่จมูกของเขาก็ถูกผ่าออกเป็นสองซีก อย่างไรก็ตาม แทนที่จะเห็นเลือด กลับเป็นโลหะเหลวที่ค่อยๆ ไหลออกมาจากแผล ขณะเดียวกัน โลหะเหลวกำลังเยียวยาแผลเหวอะหวะนั้น
แม้ว่าท็อดบาดเจ็บสาหัส ดาบในมือของเขาก็ไม่หยุดนิ่ง และพุ่งตรงไปยังเจ้าหญิงซึ่งดาบของนางห่างจากเวอร์ดี้เพียงไม่กี่เซนติเมตร นาตาซาเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว แต่ดาบของท็อดก็ยังทิ้งบาดแผลน่ากลัวไว้บนหลังของนาตาซา จนเกือบจะมองเห็นกระดูกสันหลังและอวัยวะภายในผ่านทางแผล
เกราะที่เสียหายหนักไม่สามารถคุ้มกันนางได้ดีอีกต่อไป ด้วยเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดที่ฟังไม่ได้ศัพท์ นาตาซากัดริมฝีปากระงับความเจ็บ แต่ยังไม่หยุดตวัด ‘ดาบธันเดอร์’ เข้าใส่เวอร์ดี้อีกครั้ง!
นางรู้ว่าจะปล่อยโอกาสการโจมตีครั้งนี้หลุดลอยไปไม่ได้ มิฉะนั้นนี่อาจเป็นจุดจบของทุกคน อัศวินและอัศวินฝึกหัดของนางจะตายอย่างไร้ค่า
ข้างๆ ร่างที่ถูกผ่าเป็นสองซีกของซิลเวีย เวอร์ดี้คิดว่าเขามีโอกาสใช้อุปกรณ์เวทมนตร์อีกครั้งเพื่อหนีจากนาตาซา อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้น สายฟ้าฟาดทรงพลังผ่าร่างเขาลงมาฟากฟ้า
‘ธันเดอร์’ ดาบเวทมนตร์วิเศษของนาตาซา สามารถเรียกสายฟ้าของจริงลงมาจากฟากฟ้า
เกราะสีม่วงเข้มที่เสียหายของเวอร์ดี้ดำเป็นตอตะโก แม้ยังโชคดีที่พลังจาก ‘พร’ บางส่วนที่เหลืออยู่ยังช่วยชีวิตเขาจากสายฟ้าฟาดไว้ได้ แต่พลังโจมตีอันรุนแรงทำให้ร่างกายเขาขยับเขยื้อนไม่ได้อีกครั้ง
เขาแค้นและสิ้นหวัง เวอร์ดี้ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกอย่างถึงกลับตาลปัตร เมื่อเขาคิดว่าความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อยู่ในกำมือเขาแล้วแท้ๆ อย่างไรก็ดี เขาจะไม่ยอมแพ้ต่อสถานการณ์นี้ง่ายๆ!
ในวินาทีนั้น คมดาบของนาตาซากำลังจะพุ่งเข้าเสียบคอหอยของเวอร์ดี้ แต่เขารวบรวมอำนาจจิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดมาคลายแขนขวาที่ขยับเขยื้อนไม่ได้ เมื่อแขนขวาขยับได้ เขาพยายามป้องกัน ‘ดาบธันเดอร์’ ด้วยมือขวาเปล่าๆ ลำแสงสายฟ้าเล็กๆ เกาะกุมรอบมือและท่อนแขนของเขาเต็มไปหมด กัดกินเนื้อบางส่วนของแขนขวาของเขาหลุดออก ถึงกระนั้น การเสียสละแขนขวาก็ลดความรุนแรงของ ‘ดาบธันเดอร์’ ลง เมื่อดาบจ่อถึงคอหอย ‘โล่แห่งสัจจธรรม’ ก็ปรากฏรอบๆ คอ ขณะเดียวกัน เท้าของเขายันพื้น และเขาม้วนตัวกลับหลัง
นาตาซาลงดาบบนคอของเวอร์ดี้ด้วยความโกรธ ความเจ็บปวด และความเกลียดชังทั้งหมด แม้โล่อันเล็กไม่อาจหยุดดาบของนางได้หมดเมื่อแตกเป็นเสี่ยงแล้ว กำลังดาบของนางก็อ่อนลงมาก ดาบธันเดอร์ยตัดคอเขาเป็นแผลลึก แต่คมดาบไปไม่ถึงหลอดเลือดแดง เวอร์ดี้หมดสติไป แต่เขายังไม่หมดลมหายใจ
ขณะนาตาซากำลังจะเงื้อดาบอีกครั้งเพื่อจบชีวิตบาปของญาติผู้พี่คนนี้ อัศวินหลวงของเวอร์ดี้สองสามนายก็เข้ามาสกัดนางจากการสังหารเจ้านายของพวกเขาซึ่งหมดสติไปแล้ว
นาตาซาประเมินพลังของเหล่าอัศวินที่เขามาแทรกคร่าวๆ ก่อนตัดสินใจถอย นางบาดเจ็บสาหัสและพลังพิเศษที่ ‘พร’ ของนางสร้างขึ้นจากการบาดเจ็บจะอยู่ได้ไม่นาน นางรู้ว่าตอนนี้คงไม่เหมาะที่นางจะได้เป็น ‘วีรสตรี’
“ไปกันเถอะ!” นาตาซาตะโกนสั่งคนของนาง แล้วนางก็กระตุ้นม้าอะกาธาควบฝ่าวงล้อม
อัศวินของเวอร์ดี้มัวแต่พะวงกับการช่วยชีวิตเจ้านาย และที่สำคัญกว่านั้น พวกเขารู้สึกพรั่นพรึง เมื่อเห็นเจ้านายของพวกเขานอนพะงาบๆ ใกล้ตายอยู่บนพื้นเหมือนกับถุงกระสอบขาดวิ่น
ฉะนั้น ลูเซียน คาชาเรล และวายออนก็ตีฝ่าวงล้อมและไล่ตามนาตาซาไปได้ไม่ยาก อย่างไรเสียโชคร้ายที่ถูกอัศวินฝ่ายเวอร์ดี้รุมกินโต๊ะมากเกินไป แดเนียลไม่รอดชีวิต
“ไอ้พวกโง่! มัวรออะไรอยู่?!” เมื่อท็อดเข้ามาถึงตัวเวอร์ดี้ เขาตะโกนใส่เหล่าอัศวินที่เหลือด้วยความโกรธแค้น “ไปตามล่าพวกมัน ไม่อย่างนั้นเราจะตายกันหมด!”
ท็อดทิ้งอัศวินฝึกหัดบางส่วนไว้ดูแลเวอร์ดี้ เขากระตุ้นม้านำอัศวินที่เหลือออกไล่ล่าเจ้าหญิง
ม้าเกล็ดมังกรสี่ตัววิ่งห้อไปอย่างเร็ว เมื่อทั้งสี่เข้าใกล้เขตชายป่าดำ ตอนนั้นเอง นาตาซาหันกลับมาพุ่งทวน ‘สเลเยอร์’ เข้าใส่ท็อดทันทีด้วยพละกำลังที่มีทั้งหมด
ทวนพุ่งตัดอากาศด้วยความเร็วสูงเป็นมวลกระแสลม ส่งเสียงดังประหลาด
ท็อดกระโจนลงจากหลังม้าร่วงลงบนพื้นด้วยสัญชาตญาณ ทวนสเลเยอร์พุ่งทะลุอกอัศวินระดับสี่อีกนายที่ตามหลังท็อดมาและไม่มีเวลายกโล่ขึ้นป้องกันได้ทัน เมื่อ ‘ทวนสเลเยอร์’ ทะลุตัวของอัศวินไปแล้ว ร่างของเขาดูเปราะและแตกเป็นเสี่ยงๆ นับพันชิ้นในวินาทีต่อมา
เมื่อท็อดยืนขึ้นอีกครั้ง เจ้าหญิงและคนของนางหายเข้าไปในป่าแล้ว
พลังเฮือกสุดท้ายของนาตาซาทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง
หลังจากนั้นไม่นาน ท็อดพูดกับอัศวินที่เหลือด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คืนนี้ เราต้องหาพวกมันแล้วฆ่าทิ้งให้หมด เราจะไม่มีโอกาสครั้งที่สอง ถ้าเจ้าหญิงรอดไปได้ เราจะตายกันหมด ครอบครัวพวกเราก็ไม่รอด”
อัศวินนายอื่นๆ พยักหน้าและตามท็อดเข้าไปในป่าลึก
…
ต้นไม้สูงใหญ่ยิ่งหนาตาเมื่อพวกเขาหนีเข้าในไปป่าลึกมากขึ้น การควบม้าไม่เหมาะสำหรับการหนีอีกต่อไป วายออนแนะนำให้พวกเขาทิ้งม้าไว้กลางป่าแล้วลงเดินเท้า
ขณะนาตาซากำลังจะลงจากหลังม้า นางก็ร่วงลงกองบนพื้น
ทั้งลูเซียนและวายออนรีบวิ่งเข้าไปหานาง ก่อนจะเห็นว่าเจ้าหญิงอยู่ในสภาพวิกฤต หน้าของนางแดงผิดปกติ ทั้งตัวเต็มไปด้วยแผลฉกรรจ์ โดยเฉพาะแผลโหว่ขนาดใหญ่บริเวณช่องท้องและรอยเฉือนบนแผ่นหลัง
“เจ้าหญิงถึงขีดจำกัดของพระองค์แล้ว” วายออนพยายายามห้ามเลือดจากบาดแผล “แต่พระองค์คงไม่เป็นอะไร พลังเยียวยาตัวเองของอัศวินหลวงสามารถรักษาพระองค์อย่างรวดเร็ว”
ลูเซียนจับหน้าผากและอังจมูกของนาตาซาอย่างระมัดระวัง เขาถึงพบว่ามีอนุภาคเล็กๆ กำลังแตกตัวพองอยู่ใต้ผิวที่ร้อนเป็นไฟของนาง ต้องขอบคุณที่ลมหายใจของนางยังสม่ำเสมอ
ในฐานะที่บาดเจ็บน้อยที่สุด ลูเซียนแบกนาตาซาขึ้นหลังและเก็บดาบของนางไปด้วย ขณะเดียวกัน วายออนก็ต้องแบกคาชาเรลขึ้นหลัง เนื่องจากเขาอ่อนแรงจนยืนไม่ไหว
หลังจากนั้น พวกเขาเดินเท้าหนีเอาตัวรอดทะลุเข้าไปในป่า
“บารอน วายออน” ลูเซียนหยุดและพูดกับเขาน้ำเสียงเคร่งเครียด “ท่านแข็งแรงและมีพลังมากที่สุดในกลุ่มพวกเรา ข้าคิดว่าท่านควรพาเจ้าหญิงกลับไปอัลโต้ ข้าจะอยู่คุ้มกันท่าน”
“น่าประทับใจมาก ลูเซียน ข้าได้ยินชื่อเจ้ามานาน ข้าไม่คิดว่าจะมีนักดนตรีที่กล้าหาญและเก่งกาจเหมือนกับเจ้า” รอยยิ้มขมขื่นปรากฏบนหน้าวายออน “ข้าเห็นด้วยกับคำแนะนำเจ้า แต่ว่าข้าไม่ควรเป็นคนพาเจ้าหญิงหนีกลับเมือง เพราะท็อดรู้จักข้าดี พูดตรงๆ ข้าไม่คิดว่าข้าจะหนีรอดพวกมันไปได้ง่ายๆ… ข้าเจ็บหนัก ตอนนี้ แม้แต่วิ่ง ก็ยิ่งทำให้ข้าเจ็บมากขึ้น…”
“บารอน วายออน” ลูเซียนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“ฟังข้านะ ลูเซียน” วายออนพยักหน้า “อย่างที่เจ้าพูด ข้าแข็งแรงที่สุดในกลุ่มพวกเรา และข้าเชื่อว่าท็อดคงคิดว่าข้าจะอารักขาเจ้าหญิง ฉะนั้น เจ้าควรเป็นคนนำเจ้าหญิงกลับอัลโต้ และคาชาเรลกับข้าจะคอยคุ้มกันเจ้า”
“ข้าเห็นด้วย…” คาชาเรลพยักหน้าพูดกับลูเซียนด้วยเสียงอ่อนแรง
“ถึงเจ้าจะเจอพวกมันกลางทาง คงไม่ใช่กำลังหลักของเวอร์ดี้ แล้วเจ้าก็ยังมีดาบของเจ้าหญิง” วายออนเสริม
“ข้าเข้าใจ” ลูเซียนพยักหน้า ไม่มีเวลาเหลือให้เขาทำตัวเหมือนเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่
“ถอดเกราะเจ้าหญิงออกเอามาให้ข้า” วายออนหยุดวิ่งแล้วพูดกับลูเซียน “อัศวินหลวงจะได้กลิ่นคาวเลือดในลอยอากาศ”
หลังจากลูเซียนส่งเกราะโลหิตมังกรที่เสียหายของนาตาซาให้กับพวกเขา ทั้งวายออนและคาชาเรลมัดเกราะบางชิ้นเข้ากับเกราะของตัวเอง
“ความหวังของพวกเราขึ้นอยู่กับเจ้า ลูเซียน” คาชาเรลยิ้มอย่างสงบ “ถ้าเราตาย อย่าลืมเอาดอกไม้มาฝากหลุมศพเราด้วย”
ลูเซียนพยักหน้า แล้ววายออนและคาชาเรลก็หนีไปอีกทางของป่า
…
ลูเซียนยังคงวิ่งอยู่ เขาไม่รู้เลยว่าวิ่งหนีมาไกลแค่ไหนแล้ว เขากระหืดกระหอบเสียงดัง และเสียงกระหืดกระหอบของเขาเป็นเสียงเดียวที่เขาได้ยินในป่าลึกเช่นนี้
พูดกันตรงๆ ลูเซียนก็มีความคิดแว่บหนึ่งขึ้นมาที่จะทิ้งนาตาซาไว้กลางป่าและหนีเอาชีวิตรอด เขายังมีความฝันที่ยังทำไม่สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ลูเซียนทิ้งนาตาซาไม่ลง การทิ้งสหายไว้กลางป่าแบบนี้ ในอันตรายใหญ่หลวงเช่นนี้ อาจทำลายชีวิตที่เหลือของเขา
หลังจากฟื้นฟูพลังขึ้นมาได้บางส่วน ลูเซียนร่ายคาถาเปิดเวท ‘เกราะแสงดารา’ อีกครั้ง คุ้มกันทั้งตัวนาตาซาและตัวเขา เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน
“ลูเซียน… เจ้าได้ของดีมาจากมิติเวทมนตร์สินะ…” ตอนนั้นเอง เสียงของนาตาซาดังมาจากข้างหลังของเขา ลูเซียนไม่รู้เลยว่านางได้สติกลับมาตอนไหน
“ข้าหนักมากไหม?” นาตาซายังคงมีอารมณ์ขัน สักพักหนึ่ง นางพึมพำ “เจ้าเป็นสหายคนเดียวของข้าแล้วนะ ลูเซียน”
ลูเซียนไม่แน่ใจว่านางกำลังร้องไห้หรือไม่
…
ลึกลงในไปท่อระบายน้ำ ณ นครอัลโต้ ไม่รู้หนูจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งกรูกันมาจากไหน ราวกับคลื่นสีดำ และหนูทุกตัวมีดวงตาสีแดงน่าขนลุก
……………………………………….