Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 133 ตัวตนของลูเซียน
“ใต้เท้า เงาของข้าบอกว่าพวกมันอยู่ใกล้ๆ” โรซาน อารอน รายงานท็อดด้วยเสียงที่แผ่วเบามาก
ท็อดกำดาบของเขาแน่น มองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวังอย่างสูง
เขาเห็นต้นสนสูงแต่พุ่มใบไม้นานาชนิด…และมีกลิ่นดินแปลกๆ แตะจมูกของท็อด ทุกสรรพสิ่งดูเหมือนๆ กับป่าดำที่เหลือ ยกเว้นหินก้อนใหญ่รูปร่างแปลกๆ
“ไม่มีแม่น้ำที่นี่…เงาไม่โกหก…พวกมันอยู่ที่ไหน” อารอนบ่นพึมพำ
“ระวัง!” ในวินาทีต่อมา ท็อดผลักอารอนกระเด็นจนล้มลงกับพื้น ขณะเดียวกัน เขาก็ยกมือซ้ายขึ้นและสร้างโล่เหล็กทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมาด้วย ‘พร’
เมื่ออารอนกระแทกลงกับพื้น นาตาชาก็กระโดดลงมาจากต้นสนสูงแล้วจู่โจมเขาด้วย ‘ดาบธันเดอร์’ ด้วยพละกำลังทั้งหมดของนาง
โล่ของท็อดแตกออกในทันที เขาก็ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ดาบของนาตาชาซึ่งพละกำลังลดลงจากโล่เหล็ก ก็ไม่สามารถตัดเข้าไปไกลอย่างที่นางตั้งใจ รอยแตกปรากฎขึ้นบาเกราะของท็อด แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ
‘แย่แล้ว! พลังของข้ายังฟื้นฟูไม่เต็มที่!’ นาตาชาสบถอยู่ในใจ นางมั่นใจว่าจะสามารถสังหารอัศวินดำ อารอน ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ก็ล้มเหลว
แม้ว่าเขาจะรู้สึกค่อนข้างสับสน ท็อดสร้างโล่เหล็กใหม่ทันทีจากชิ้นส่วนที่แตกเป็นเสี่ยงๆ จากการโจมตีของนาตาชา
เมื่อรู้ตัวว่าพลาดเสียโอกาสสำคัญ นาตาชาหันหลังกลับและวิ่งหนีเต็มกำลังไปยังอีกฟากของป่าดำ
แล้วท็อดก็คิดขึ้นมาได้ว่าคงเป็นยาวิเศษที่ช่วยเพิ่มพลังให้กับเศษเสี้ยวพลังที่เหลืออยู่ของนาตาชา เขารู้ว่าการเพิ่มพลังแบบนี้จะคงอยู่ได้ม่ได้ ท็อดชักดาบออกมา เขาเริ่มไล่กวดนาง
เขาไม่ได้สนใจอารอน ทันทีที่นาตาชาปรากฏตัว อารอนก็หมดประโยชน์
ฝ่ายหนึ่งวิ่งนำอยู่ด้านหน้า และอีกฝ่ายวิ่งไล่ตามหลัง ไม่นานทั้งสองก็หายตัวเข้าไปท่ามกลางต้นไม้สูง
อารมอาศัยแรงผลักจากการเคลื่อนไหวที่ทำให้กระเด็นจนล้มลง เขาก็กลิ้งตัวม้วนหลังอย่างรวดเร็วเพื่อตั้งหลักยืนขึ้น เขายังประหลาดใจมากที่นาตาชาจู่โจมได้รุนแรงขนาดนั้น หลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะอารอนกำลังออกวิ่งตามท็อดไป ร่างสีดำอีกร่างก็กระโดดพรวดลงมาจากต้นสนสูง และดาบที่เขาเงื้อแวววาวด้วยแสงอันน่าสะพรึงกลัว
…
หลังจากใช้เวลาเพียงสิบกว่าวินาที ระยะห่างระหว่างท็อดกับนาตาชาก็แคบลงเรื่อยๆ ท็อดรู้ว่าพลังของนาตาชายังฟื้นฟูไม่ถึงอัศวินระดับห้า เนื่องจากก่อนหน้านี้ นาตาชาว่องไวกว่าเขา แต่ตอนนี้เขาเกือบจะไล่กวดทันนางแล้ว!
เมื่อท็อดไล่มาจนห่างจากนาตาชาเพียงไม่กี่ก้าว เจ้าหญิงก็หันกลับไปตอบโต้อีกครั้ง
เมื่อป้องกันการจู่โจมของนางง่ายๆ ด้วยดาบที่ชื่อ ‘โลหิต’ ท็อดพูดจาเยาะเย้ยนาง “แค่นี้ไม่คณามือข้าหรอก ฝ่าบาท”
ตาของนาตาชากลายเป็นสีเทาอ่อนอีกครั้ง ขณะนางดิ้นรนตวัดดาบฟาดฟัน จ้วงแทง ป้องกัน และหลบฉาก
เสียงดังสนั่นจากโลหะปะทะกัน แต่ละครั้งทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน และกระแสลมแรงที่เกิดจากการประดาบทำให้พุ่ม หิน และกิ่งไม้เน่าของต้นสนกระจัดกระจายไปทั่ว
“กระหม่อมคิดว่ายิ่งพระองค์บาดเจ็บสาหัสเท่าไร พระองค์จะยิ่งแข็งแกร่งเสียอีก” ท็อดช่ำชองการกวนประสาทศัตรู “แต่ดูเหมือนว่ายาวิเศษของพระองค์จะช่วยอะไรไม่ได้มาก จริงไหมพะยะค่ะ?”
“เจ้าเป็นอัศวินจริงหรือ? หรือแค่ดีแต่ปาก ท็อด?” ‘ดาบธันเดอร์’ ของนาตาชาไม่หยุดจู่โจม สายตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
หลังจากปัดป้องการโจมตีอันดุเดือดของเจ้าหญิงได้ทั้งหมด ท็อดเริ่มตอบโต้กลับตามกลวิธีแบบอัศวินทางการที่เขาเคยฝึกมา “สู้ไปพูดไปไม่ผิดอะไรนี่ฝ่าบาท ไม่ดีหรือที่กระหม่อมยังคงเก็บแรงไว้พูด จริงไหมพะยะค่ะ?”
นาตาชาปฏิเสธไม่ได้ นางรู้สึกว่าพลังที่เพิ่มขึ้นจากยาวิเศษจะเริ่มลดลงอย่างช้าๆ
“ถ้าไม่ใช่เพราะดาบน่ารำคาญที่พระองค์ใช้อยู่เล่มนี้ พระองค์คงตายไปนานแล้ว!” ท็อดพูดต่อเพื่อทำลายสมาธิของนาตาชา
‘ดาบธันเดอร์’ เป็นคู่ปรับสำคัญกับพร ‘โลหิตเหล็ก’ ของเขาเนื่องจากผิวหนังที่กลายเป็นเหล็กของท็อดจะกลายเป็นสื่อไฟฟ้าชั้นดี
“อย่างไรก็เสียพลังของพระองค์จะหมดในไม่นาน ฝ่าบาท กระหม่อมยังไม่รีบ” ท็อดพูดน้ำเสียงดูถูก
นาตาชาไม่เสียสมาธิไปกับการตอบโต้ทางคำพูด แต่นางตั้งสมาธิกับการเคลื่อนไหว การจู่โจม และการป้องกัน นางเป็นอัศวินที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และนางยังเป็นหนึ่งในอัศวินที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดคนหนึ่งของศาสนจักร นางเชื่อว่าการฝึกหนักนั้นมีค่ามาก ถึงแม้จะไม่มี ‘พร’ ก็ตาม
‘พร’ อันทรงพลังขทำให้นางสามารถรับมือกับพัฒนาการแต่ละขั้นอย่างง่ายดาย และในการต่อสู้ครั้งก่อนๆ นางมักจะถือไพ่เหนือกว่าเสมอ อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ที่นางเผชิญช่วงก่อนในคืนนี้ และการต่อสู้ตรงหน้าในขณะนี้นับเป็นครั้งแรกที่นาตาชาจะรู้จักพลังของตัวเองมากขึ้น
พลังแฝงจาก ‘พร’ และความแข็งแกร่งทางกายของนางเริ่มผสมกลมกลืนกันเป็นเนื้อเดียว หากปกติก่อนหน้านี้นางต่อสู้โดยใช้พลังที่พระเจ้าประทานให้ แต่ตอนนี้นาตาชากำลังต่อสู้ในฐานะมนุษย์ปุถุชน อาศัยอำนาจจิตและบทเรียนที่ผ่านมาในการฝึกอันยากลำบาก
ท็อดสังเกตเห็นการยืนตำแหน่งแปลกๆ ของนาตาชาในการต่อสู้ครั้งนี้ แม้นางจะใช้พลังที่น่าอัศจรรย์ ความแข็งแกร่งหรือความว่องไวของนางก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น ท็อดรู้ดีว่าเขาต้องระวังให้มากขึ้น
…
ลูเซียนกำ ‘ดาบอะเลิร์ต’ ด้วยมือทั้งสอง เขาพุ่งลงมาใส่อารอนจากบนต้นไม้ แล้วฟาดดาบเข้าใส่เป้าหมาย
อารอนมีปฏิกิริยารวดเร็ว เขาใช้กริชดำในมือขวาป้องกันการโจมตีที่รุนแรงนี้ พร้อมทั้งอัญเชิญ ‘เพลิงดำ’ มาอยู่ในหมัดซ้ายและเตรียมชกเข้าที่หน้าท้องของลูเซียน
“แกร๊ง!”
เมื่อดาบและกริชปะทะกัน ดาบของลูเซียนทิ้งรอยแตกเล็กๆ ไว้บนคมกริชของอารอน ในวินาทีถัดไป ลูเซียนถอนดาบและพรางตัวกลืนไปกับแสงจันทร์ เพื่อหลบกำปั้นของอารอน
“ไม่ใช่แม้แต่พลังของอัศวินตัวจริง!” อารอนเยาะเย้ย และเมื่อเขาจำลูเซียนได้ เขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น
ในฐานะอัศวินดำ อารอนมีความว่องไวเหนือกว่าลูเซียน ไม่ต้องพูดถึงความเร็วของปฏิกิริยาตอบสนองและความแข็งแกร่ง
ลูเซียนเว้นระยะห่างจากอารอนด้วยความได้เปรียบจากการใช้ดาบซึ่งยาวกว่ากริช อาวุธในมือของศัตรู อย่างไรก็ตาม ลูเซียนสังเกตว่า ‘เพลิงดำ’ ที่ปกคลุมกริชสามารถกัดกร่อนคมดาบของ ‘อะเลิร์ต’ อย่างช้าๆ
อารอนเลือกที่จะไม่จู่โจมใส่เขาจากด้านหน้า แต่พยายามที่จะเข้าปะทะลูเซียนจากมุมอื่น และการเคลื่อนไหวของเขาไม่ตั้งใจจะสร้างความเสียหายจริงๆ เท่าไร แต่เหมือนเป็นการแหย่ทำลายสมาธิเสียมากกว่า
อารอนไม่ได้รู้สึกว่าเสียเวลาเท่าไร อันที่จริงเขาก็เป็นคนฉลาดมาก เพราะอารอนมีพลังมากเหนือกว่ามาก ต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำให้ลูเซียนมั่นใจมากพอที่จะซุ่มโจมตีเขาแบบนั้น คำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้ ดูจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับเวอร์ดี้ นั่นคือลูเซียนมีอุปกรณ์เวทมนตร์บางอย่าง
อารอนเคลื่อนไหวไปรอบๆ ไม่หยุด เพื่อไม่ให้อุปกรณ์เวทมนตร์ของลูเซียนจับเป้าเขาได้
ลูเซียนไม่ว่องไวเท่ากับอารอน และไม่นาน ทั้งร่างของเขาก็เต็มไปด้วยบาดแผลจากกริชของอารอน แม้แผลจะเล็กและไม่ลึก แต่แผลก็ถูกกัดกินด้วยกลุ่มก้อนเพลงดำ ราวกับว่าพวกเขามีชีวิต กลุ่มเพลิงดำพยายามเข้าสู่ร่างของลูเซียนผ่านบาดแผลเล็กๆ เพื่อดูดพลังของเขา
ด้วยการโจมตีอย่างรวดเร็วอีกครั้ง กริชของอารอนฉีกเสื้อบริเวณหน้าอกของลูเซียนขาดวิ่น เผยให้เห็นเครื่องราง ‘มงกุฎสุริยัน’ ที่ลูเซียนห้อยไว้ที่คอ
“ดูเจ้าสิ” ขณะเขาเคลื่อนไหวไปรอบๆ ตัวลูเซียนอย่างว่องไว ฟังดูเหมือนเสียงของอารอนมาจากทุกทิศทุกทาง “เจ้าเป็นแค่คนธรรมดา แต่มีดาบดีๆ แหวนเวทมนตร์ และแม้แต่เหรียญตราจาก ‘ศาสนจักร’ ข้าสงสัยว่าเจ้าคงเป็นชู้รักของนาตาชาสินะ ฮ่าฮ่า”
ลูเซียนยังคงกวัดแกว่งดาบของเขาปัดป้องกันการโจมตีของอารอนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“แต่ก็ไม่เป็นไร” อารอนเอ่ย “เดี๋ยว ของพวกนี้จะตกเป็นของข้า”
ขณะที่อารอนกำลังพูด เขาพยายามที่นึกคำนวณว่าลูเซียนใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ไปแล้วกี่ครั้ง จากนั้น การจู่โจมของอารอนก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเขาต้องการบีบให้ลูเซียนใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ทั้งสองชิ้น เพื่อดูว่ามันยังมีพลังเหลืออยู่มากน้อยเพียงไหน
ดูเหมือนว่าลูเซียนค่อนข้างอ่อนแรง เขาทำได้เพียงยืนอยู่ตรงนั้นและกวัดแกว่งดาบไปมา มีอยู่หลายครั้งที่เขาไม่สามารถแม้แต่จะยืนปักหลักอยู่ได้ เพราะ ‘เพลิงดำ’ ดูดพละกำลังของเขา
หลังจากทดสอบลูเซียนด้วยการบีบให้เขาจนตกรอกนับครั้งไม่ถ้วน อารอนเชื่อว่าชายหนุ่มผู้นี้ใช้พลังในอุปกรณ์เวทมนตร์ของเขาหมดเกลี้ยงแล้วในคืนนี้
ก่อนที่อารอนจะเปิดฉากโจมตีระลอกใหม่ ขาของลูเซียนก็รู้สึกอ่อนแอเกินกว่าที่จะแบกน้ำหนักไว้ได้ จนข้อเท้าพลิกในที่สุด ลูเซียนล้มลงตรงหน้าหินรูปร่างแปลกประหลาด
อารอนแทบจะหัวเราะออกมากับภาพที่เห็น “เจ้าล้อเล่นกับข้าเล่นหรือเปล่า? เจ้าคิดแค่กระโดดลงมาจู่โจมข้าจากต้นไม้แค่เนี่ยหรือ?…น่าประทับใจมาก เจ้าคงอยากตายเพื่อเจ้าหญิงอันเป็นที่รักมากสินะ”
อารอนยกกริชของเขาขึ้นมา แต่อีกครั้งนี้เล็งเป้าหมายที่หลังคอของลูเซียน!
ทันใดนั้น โล่รูปร่างโค้งและบางปรากฏเหนือลูเซียนและหยุดคมกริชของอารอนไว้ได้
ไม่มีอุปกรณ์เวทมนตร์ชิ้นไหนเปล่งแสง แสดงว่านี่เป็นพลังของลูเซียนเอง
“นักเวทงั้นหรือ?!”
ความทรงจำและความคิดมากมายฉายภาพในหัวของอารอน ดวงตาของเขาก็เบิกโพลง
“เจ้าคือ…‘ศาสตราจารย์’ สินะ!”
“ข้านะหรือ?” ลูเซียนหันกลับไปและรอยยิ้มปริศนาก็ปรากฏบนใบหน้าของลูเซียน ขณะเดียวกัน ลูเซียนชักมือขวาของเขาออกมาจากใต้ดิน ซึ่งมีกำไลข้อมือสีแดงเข้มซ่อนอยู่
ก่อนที่อารอนจะทันแปลงกายเป็นเงาและถอนตัวออกห่างลูเซียน ลูกไฟทรงพลังก็พุ่งออกมาจากกำไลข้อมือเส้นนั้น และปะทะอารอนเข้าอย่างจังจนกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง
“ลาก่อน อารอน” ลูเซียนพยักหน้าและยิ้ม
อุปกรณ์เวทมนตร์ระดับสาม ชั้นสูง ‘กำไลเชือกอัคคี’ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นอุปกรณ์เวทของ ‘หมาป่าไฟ’ ซึ่งเป็นผู้แปรพักตร์จากกลุ่มนักเวทฝึกหัดไปเข้ากับกองกำลังผู้พิทักษ์ราตรี ‘กำไลเชือกอัคคี’ สามารถร่ายคาถาได้สองบท ได้แก่ ‘โล่เพลิง’ อาคมระดับสอง สามารถใช้ได้วันละสองครั้ง และ ‘ลูกไฟ’ อาคมระดับสาม ใช้ได้วันละสองครั้งเช่นกัน
ลูกไฟที่เผาร่างกายช่วงบนของอารอน เมื่อร่างของอารอนตกกระแทกกับพื้นในวินาทีต่อมา ก็มีเพียงอวัยวะช่วงล่างเท่านั้นที่เหลืออยู่
เมื่อลูเซียนยืนขึ้นและถือกำไลอยู่ในมือ เขาได้ยินเสียงที่คุ้นหูของนาตาชา “ศาสตราจารย์งั้นหรือ…?!”
ลูเซียนหันไปรอบๆ เห็นนาตาชายืนอยู่อีกฟากหนึ่งพร้อมกับ ‘ดาบธันเดอร์’ ในมือ นางดูค่อนข้างตกใจ
……………………………………….