Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 136 โรงแรมฟันมังกร
“ปัง!” เสียงเปิดประตูของโรงแรมฟันมังกรกระทบกับกำแพงอย่างหนัก เหล่าคนขี้เมา หรือนักผจญภัยที่กำลังเอ็ดตะโร และตะโกนกันอยู่เสียงดัง หรือแม้กระทั้งทหารรับจ้างที่กำลังเพลิดเพลินกับเนื้อย่างชั้นดีของโรงแรมพลันเงียบเสียงลง
ชายผู้ผมสีดำคนหนึ่งเดินเข้ามาในชุดสีฟ้าอ่อนพร้อมกับดาบหรูหราข้างกายเขา แสงอาทิตย์ยามเที่ยงวันส่องผ่านด้านหลังร่างของชายหนุ่มแล้วปรากฏเงาของเขาทอดยาวอยู่บนพื้น
“ว้าว ว้าว! ลอร์ดน้อย! ดาบอันหรูหราของเจ้าสามารถฆ่าหมาป่าได้ไหม” คนขี้เมาตะโกนและผิวปาก
“น่าจะเป็นชายหนุ่มอีกคนที่ถูกหลอกจากนวนิยายอัศวินที่ขายดีที่สุด” นักผจญภัยกระซิบใส่หูเพื่อนของเขา “…การแสวงหาเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นกับดาบพิธีกรรม”
แต่เขาก็ไม่กล้าพูดเสียงดังเกินไป ถ้าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนสำคัญล่ะเป็นเพราะเขาแต่งตัวดีเกินไป
ลูเซียนไม่สนใจ เขาเดินด้วยท่าทางปกติตรงไปที่เคาน์เตอร์โรงแรม
สองเดือนหลังการเดินทางลูเซียน เขามาถึงเมืองเล็กๆ แห่งนี้ที่ชื่อว่าฟังมังกรที่ครอบครองโดยขุนนางจิบูตีซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของทวีป
“ดูที่แขนของเขาสิ! มันไม่มีกล้ามเนื้อเลย!” นักผจญภัยที่ดูท่าทางแข็งแกร่งยกแขนขวาขึ้นและงอแขนขวาของเขา มีกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ใต้ผิวหนังของเขา “ดูที่รูปร่างของเขา! ข้าพนันได้เลยว่าแม้แต่อัศวินฝึกหัดเขาก็ยังไม่ใช่! เขาทั้งเด็กและดูโง่งม!”
“เจ้าคิดว่าทุกคนจะสามารถปลุกพรได้หรือ เจ้าต้องล้อเล่นแน่ๆ…” ชายร่างอ้วนที่อาจจะมีสายเลือดของคนแคระพูดอย่างภาคภูมิใจ “ข้าเดินทางข้ามทวีปมานานกว่าสิบปีแล้วและข้าก็เหลือแค่… เป็นอัศวินระดับสูง แต่… ถ้าหากหนุ่มน้อยคนนี้มีโอกาสได้รับคำแนะนำจากข้า บางทีเขาอาจปลุกพรของเขาขึ้นมาก็ได้ ทั้งหมดมันเป็นเพราะการอบรมฝึกฝนของข้าอย่างลอร์ดนิวเวลแห่งเอโลในที่สุดปลุกเขาก็ปลุกพรของเขาจนได้…”
บางคนที่นั่งอยู่รอบๆ เขาดูให้ความชื่นชม แม้ว่าคริสจะเคยคุยโวเรื่องนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้วในอดีต แต่มันก็ยังทำให้เขามีความสุข
ลูเซียนไม่สนใจและตรงไปที่เคาน์เตอร์ เขานั่งลงบนม้านั่ง
เจ้าของโรงแรมไม่ได้มองว่าเขาเป็นเด็ก แม้ว่าเขาจะแต่งตัวดีในร้านเหล้าเล็กๆ แห่งนี้
“ไงสหาย วันนี้เจ้าต้องการอะไร ไวน์ เนื้อ? หรือทั้งสองอย่าง?” เจ้าของร้านถามอย่างเป็นกันเอง
“น้ำ เนื้อย่าง และสลัด” ลูเซียนพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อทักทายเขา “และข้าต้องการถามคำถามบางอย่าง”
ตอนกลางของทวีปนั้นล้อมรอบด้วยภูเขาและหุบเขา ดินแดนที่เปลี่ยวร้างไม่ได้ผลิตทรัพยากรใดๆ ยกเว้นไม้ และมันเป็นพื้นที่ที่ยากจนที่สุดและมีการพัฒนาน้อยที่สุดในทวีป บ่อยครั้งที่ในหมู่บ้านก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่รู้หนังสือ
สำหรับคนที่พยายามจะปลุกพรนั้นพวกเขาต้องมีความพยายามที่สูงกว่าผู้คนในอัลโต้ หลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่สงครามครั้งล่าสุดเกิดขึ้นที่นี่ ดังนั้นแม้ว่าคนๆ หนึ่งจะปลุกพรของเขาหรือนางขึ้นมาได้แต่คนนั้นก็ยังจะไม่ได้รับตำแหน่งและจะไม่ได้รับที่ดินอีกด้วย สิ่งที่พวกเขาทำได้คือประหยัดเงินได้มากพอที่จะซื้อที่ดินด้วยตนเอง
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ! น้ำ… เจ้าได้ยินไหม น้ำ!” คนขี้เมาที่อยู่ใกล้ๆ หัวเราะดังออกมาเสียงดัง “เด็กน้อยที่ไร้เดียงสา!”
และทุกคนในโรงแรมก็เริ่มหัวเราะ
ลูเซียนสงบนิ่งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นั่น เขาแค่มองไปที่เจ้าของโรงแรม
“ไม่มีปัญหาหรอกสหาย แม้ว่าข้อมูลจะไม่ฟรีก็ตาม” เจ้าของรินน้ำหนึ่งแก้วให้ลูเซียนและให้ครัวเตรียมอาหาร
“ข้ารู้ ทุกอย่างจะโอเค” ลูเซียนจิบน้ำ
ก่อนที่เขาจะเข้ามาที่นี่ ลูเซียนได้พบว่าสมาคมนักผจญภัยของเมืองนั้นอยู่ในร้านเหล้าแห่งนี้และเจ้าของก็เป็นหัวหน้าสมาคม
“งั้น ต่อเถอะ” เจ้าของผงกหัว
“ข้าต้องการทราบว่า เทเลอร์ ฮันท์ ตอนนี้อยู่ที่ไหน เขาเป็นเจ้าหน้าที่ในเมืองบอนน์ของขุนนางอัลวาเรตและเมื่อเก้าปีก่อนเขาได้รับเชิญจากบารอนเอริคให้มาที่จิบูตีเพื่อเป็นเจ้าหน้าที่พลเรือนที่นี่”
เทเลอร์ ฮันท์ เป็นพ่อของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ลูเซียนพบในโลกแห่งวิญญาณ ลูเซียนเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางของเขาเพื่อตอบสนองคำพูด แต่เขาไม่รีบเขาจึงแวะเยี่ยมชมเมืองที่มีเอกลักษณ์แปลกใหม่ตลอดบนเส้นทางของเขา
“เราไม่คิดค่าใช้จ่ายสำหรับเรื่องนี้ มันไม่ได้เรียกว่าฉลาดหรอกนะ… “เจ้าของโบกมือเล็กน้อย “ข้าจะบอกให้เจ้าฟังฟรีๆ เจ้าหน้าที่พลเรือนในดินแดนของบารอนเอริคไม่ใช่ ฮันท์ ข้าเดาว่าคนที่เจ้ากำลังมองหาอาจยอมรับข้อเสนอของคนอื่น หากเจ้าต้องการรู้ข้อมูลเจ้าสามารถไปที่เมืองคอร์โซที่อยู่ใกล้เคียงได้ เพื่อดูว่ามีบันทึกในศาลากลางไหม เพราะลอร์ดสแตนลีย์บารอนเอริคเป็นเจ้าของเมืองคอร์โซและหากเจ้าไม่พบข้อมูล เจ้าอาจต้องไปที่ดินแดนของบารอนเอริคและหาข่าวจากคนท้องถิ่น”
“ขอบคุณ มีข่าวเกี่ยวกับการข้ามทวีปอะไรบ้างไหมเมื่อเร็ว ๆ นี้?” ลูเซียนใช้เวลาสิบวันนั่งอยู่ในรถม้าผ่านภูเขาและเนินเขาเพื่อมาถึงที่นี่ และเขารู้สึกว่ามันช่างโดดเดี่ยวเหมือนอย่างที่นี่ในตอนนี้และอาจจะมากกว่านี้
“หนึ่งนาร์สำหรับหนึ่งข่าว ตกลงไหม” เจ้าของยิ้ม
“สิบ ขอร้อง” ลูเซียนหยิบเหรียญธาเลออกมาและวางไว้บนเคาน์เตอร์
นักผจญภัยและทหารรับจ้างต่างก็ประหลาดใจมากและดวงตาของพวกเขาก็จ้องมองไปที่เหรียญที่ส่องแสงระยิบระยับ เพราะพวกเขาต้องใช้เวลาสองถึงสามเดือนเพื่อที่จะมีเหรียญธาเลเพียงเหรียญเดียว และชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์คนนี้ใช้เพื่อกว้านซื้อข่าว!
บางคนถึงกับพิจารณาว่าควรปล้นชายหนุ่มคนนี้หรือไม่
เนื้อพร้อมแล้ว ลูเซียนหยิบส้อมขึ้นมาจิ้มและกัดมัน เนื้อนั้นชุ่มฉ่ำและนุ่มมากมันน่าประหลาดใจที่เดียว อย่างกับอาหารในร้านอาหารหรูในเมืองอัลโต้
เจ้าของโรงแรมดึงกระดาษที่ยู่ยี่ออกมาแผ่นหนึ่งแล้วค่อยๆ อ่านให้ลูเซียนฟัง “สองเดือนก่อนในอัลโต้…” เจ้าของหยุดสักครู่แล้วมองลูเซียน “เมืองเล็กๆ ในอัลโต้ถูกโจมตีโดยหมอผี นักดนตรีที่มีชื่อเสียงที่รู้จักกันในชื่อนักดนตรีที่สวยที่สุดซิลเวียและพ่อของนางเสียชีวิตในการต่อสู้ ในที่สุดเจ้าหญิงนาตาซาก็เอาชนะหมอผีที่ชั่วร้ายจากความพยายามทั้งหมดของนาง น่าเสียดายที่เจ้าหญิงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ และตอนนี้นางก็กำลังพักฟื้นในโบสถ์ ว่ากันว่าเจ้าหญิงยังได้รับการพัฒนาในระหว่างการต่อสู้ครั้งนี้และได้กลายเป็นอัศวินนภา
ลูเซียนไม่ได้แสดงท่าทีใดใด หลังจากได้ยินข่าวแม้ว่าหัวใจของเขาจะกำลังชื่นชมความสำเร็จของนาตาซา ไม่น่าแปลกใจที่ผลข้างเคียงของเลือดแวมไพร์ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนางในป่าทันที
หากการยกระดับจากระดับอัศวินฝึกหัดเป็นอัศวินเป็นความท้าทาย การยกระดับจากมหาอัศวินไปเป็นอัศวินนภานั้นยากยิ่งกว่าเดิม พลังอันยิ่งใหญ่ของอัศวินนั้นมาจากความแข็งแกร่งทางร่างกายของบุคคล กล่าวคือมหาอัศวินจะต้องเสริมหรือกระตุ้นร่างกายของเขาหรือนางให้ได้รับพลังและนั่นคือสาเหตุที่มหาอัศวินบางคนมีอายุขัยสั้นกว่าอัศวินระดับต่ำ แม้มีความช่วยเหลือของสมุนไพรและยาที่มีค่าบางอย่าง แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็จะอยู่ได้แค่ร้อยปี ในขณะที่การกลายเป็นอัศวินนภานั่น หมายความว่าบุคคลนั้นได้ทำลายขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ และอย่างน้อยเขาก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าสองร้อยปี
ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับข้อมูลที่เหลือ โดยปกติแล้วทางทิศเหนือและพวกนอกรีตมีปัญหาใหม่อีกครั้ง ขุนนางใหญ่หลายคนในกุสตาลงไปทางใต้และกำลังระดมทหารรับจ้างเพื่อให้เกิดสงครามกลางเมือง และนักผจญภัยบางคนค้นพบซากปรักหักพังทางตอนใต้ของเทือกเขาแห่งความมืดที่ซึ่งพวกเขาได้รับความมั่งคั่งอย่างมาก …
หลังจากได้ยินข่าวและจบมื้ออาหารแล้ว ลูเซียนเช็ดปากของเขาด้วยผ้าเช็ดหน้าสีขาวและพูดกับเจ้าของว่า “ท่านช่วยหาคนคุ้มกันและรถม้าให้ข้าหน่อยได้ไหม? ข้าต้องไปที่คอร์โซ”
แม้ว่าลูเซียนจะแข็งแกร่งพอที่จะเดินทางไปทางด้านตะวันออกของทวีปได้ด้วยตนเอง แต่เขาไม่ต้องการจัดการกับเหล่าทาสปีศาจ ก็อบลินและสัตว์อื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในระดับอัศวินหรือแม้แต่อัศวินฝึกหัด ลูเซียนค่อนข้างจะชอบใช้เวลาของเขาในรถม้าเพื่อศึกษาเวทมนตร์ระดับหนึ่ง
ภายในการเดินทางตลอดสองเดือนของเขา ลูเซียนสร้างเวทมนตร์ระดับหนึ่งอีกห้าบทในวิญญาณของเขาและตอนนี้วิญญาณของเขาก็มาถึงขีดจำกัดปัจจุบันของเขาแล้ว ส่วนที่เหลือของเวทมนตร์ระดับหนึ่งถ้าลูเซียนต้องการใช้มันเขาจำเป็นต้องมีสารเคมีและวัตดุเวทมนตร์หรือรูนพิเศษ
เวทมนตร์ห้าบทแรกคือ ‘กระสุนระเบิดเวท’ ‘นิทรา’ ‘ไขมัน’ ‘ขนนกร่วงหล่น’ และ ‘พ่นสี’
เนื่องจากนักผจญภัยและทหารรับจ้างส่วนใหญ่ไม่เต็มใจที่จะออกจากฐานปฏิบัติการของตนเองนานเกินไปพวกเขาจะพาลูกค้าไปในระยะที่กำหนดเท่านั้น กฎนี้นำไปใช้กับคนขับรถม้าด้วย ดังนั้นลูเซียนจึงต้องจ้างคนใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
“เลือกได้ดี เรายังมีเรื่องราวอีกมากมายเกี่ยวกับแวมไพร์และนักเวทดำ” เจ้าของโรงแรมวางถ้วยแก้วหลายใบกลับไปที่เคาน์เตอร์ “สหาย ข้าสามารถดูแลรถม้าและคนขับรถม้าของเจ้าได้ มันใช้เวลาสิบเอ็ดวันในการไปถึงคอร์โซ สำหรับคนคุ้มกันของเจ้า ข้าขอแนะนำนักผจญภัยทั้งสามคนที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง พวกเขาสองคนเป็นนักรบในระดับเดียวกันกับอัศวินระดับสูงและนักธนูก็อยู่ในระดับอัศวินฝึกหัด พวกเขามีชื่อเสียงที่ดี เจ้าไปคุยกับพวกเขาได้”
ลูเซียนมองไปตามทิศทางที่เจ้าของโรงแรมกล่าว มีผู้หญิงสองคนและชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น แขนของชายผมสั้นนั้นดูแข็งแกร่งและผู้หญิงสองคนก็ดูเหมือนจะมีส่วนที่คล้ายกันนิดหน่อย หนึ่งในนั้นดูเป็นผู้ใหญ่และมีเสน่ห์ แต่อีกคนหนึ่งนั้นดูจะยังเด็กและค่อนข้างน่ารัก จากรูปร่างหน้าตาของพวกเขาโดยเฉพาะใบหูแหลมที่ยาวออกมาของพวกเขา ลูเซียนเดาว่าพวกเขาอาจจะเป็นพี่น้องลูกครึ่งเอลฟ์
นักผจญภัยทั้งสามคนกำลังฟังนักกวีที่เล่นอยู่ตรงมุมอย่างตั้งใจและบางครั้งพวกเขาก็เต้นออกมา
……………………………………….