Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 144 สุสานเพลิง
กระสุนระเบิดเวทสองลูกพุ่งทะลุหน้าต่างแล้วตรงไปยังเจ้านกฮูกหน้าตาน่าขนลุกนั่น
เจ้านกฮูกสีเทาไม่ขยับเขยื้อน แต่มีก๊าซสีดำปกคลุมตัวมันทันที กระสุนระเบิดเวทโจมตีก๊าซรอบๆ ตัวมันอย่างหนักหน่วง
มันอ้าปากกรีดร้องราวกับว่าเพิ่งรู้ว่าคนที่พูดคุยกับเคลีนนั้นเป็นศัตรูไม่ใช่มิตร ถึงแม้จะไม่มีเสียงใดๆ ออกมาเลยก็ตาม
ทันใดนั้น มีหนวดยุบยับเลื้อยออกมาจากพรม ทันทีที่พวกมันโดนตัวลูเซียน เขาก็รู้สึกทั้งชา อ่อนแรง และเจ็บปวด
ลูเซียนไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ในบรรดาเวทฝึกหัดและเวทมนตร์ระดับที่หนึ่งเขาไม่เจออะไรที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายหลายอย่างเช่นนี้ แม้แต่เวทมนตร์ระดับที่สองสัมผัสปิศาจ ก็ทำได้เพียงให้คนรู้สึกชาและเจ็บได้ประมาณหนึ่ง
ลูเซียนคิดว่ามันคงเป็นเวทมนตร์ศาสตร์มืดแบบพิเศษ
ลูเซียนยังคงสงบนิ่ง เขากระตุ้นพลังจากสร้อยข้อมือและกำจัดหนวดพวกนั้นไปอย่างง่ายดายด้วยการร่ายเวทโล่เพลิง
ไฟโอบล้อมลูเซียน ป้องกันเขาจากหนวดสีดำมากมายมหาศาล เขาเห็นว่าพวกมันกองกันอยู่ข้างประตู ทำให้เขาหนีออกไปไม่ได้
ลูเซียนเปลี่ยนใจ เขาแฝงตัวเองไปกับแสงจันทร์ แล้วพุ่งเข้าใส่เจ้านกฮูกสีเทาพร้อมดาบ
เจ้านกฮูกบินขึ้นขณะที่ลูเซียนพุ่งทะลุหน้าต่างแล้วร่วงลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม แทนที่เขาจะกระแทกพื้นอย่างแรง ความเร็วที่ลูเซียนตกลงนั้นกลับลดลงเหมือนเวลาขนนกหล่น
เวทมนตร์ระดับหนึ่ง กายบางเบา
เมื่อลูเซียนใกล้ถึงพื้น เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังมาจากสุสานซึ่งอยู่ใกล้ๆ “ฮ่าๆๆ! ข้าใกล้ถึงแล้ว! อีกแค่ก้าวเดียว! เคลีน… เจ้าอยู่ไหน?!”
ขณะที่เสียงหัวเราะดังเข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น ลูเซียนก็ได้เห็นสิ่งที่น่าสยดสยองที่สุดในชีวิต ถ้าดูจากใบหน้าของมัน เขาแทบจะบอกไม่ได้เลยว่ามันเคยเป็นคนมาก่อน อย่างไรก็ตาม ส่วนอื่นของร่างกายเป็นเนื้อเน่าๆ มีลูกตาน่าขยะแขยง ริมฝีปาก และแขนซีดเผือดที่โผล่พ้นร่างกาย นอกจากนี้ เจ้าสิ่งนี้ยังถูกห้อมล้อมด้วยก๊าซสีเทาที่ทำลายต้นไม้ใบหญ้าเมื่อมันเดินผ่าน
ทันทีที่เจ้าอสุรกายนั่นเห็นลูเซียน มันก็แผดเสียงโหยหวน แล้วหนวดสีดำก็เลื้อยออกมาจากพื้นไปหาลูเซียนอย่างบ้าคลั่ง
ลูเซียนเห็นภาพเจ้าอสุรกายนี้เขาก็แทบจะอาเจียน เขารีบกระตุ้นร่าย ‘เวทต้านทานมรณะ’ ซึ่งเป็นเวทมนตร์ระดับสองจากเหรียญมงกุฎสุริยะ แล้วก็มีแสงสีขาวโอบล้อมตัวเขาเพื่อคุ้มกันเขาจากพลังของศาสตร์มืด
ฝูงหนวดสีดำตกใจกลัวราวกับว่ากำลังเผชิญหายนะครั้งใหญ่ ซึ่งช่วยให้ลูเซียนมีเวลาพอที่จะลงพื้นอย่างปลอดภัยและปรับตำแหน่งตัวเองเพื่อฟันเจ้าอสุรกาย ลูเซียนแน่ใจว่าอสุรกายตัวนี้คือฮันต์
แต่สิ่งที่ลูเซียนไม่ได้คาดไว้ คือ เมื่อฮันต์ชี้ไปที่ดาบระวังภัย ดาบก็ฟันย้อนกลับมาจนไหล่เขาเป็นแผลลึก
มันคือเวทมนตร์ระดับที่หนึ่งของศาสตร์มืด ‘โจมตีกลับ’
ลูเซียนสูดหายใจลึกเพราะความเจ็บปวด เขาจับดาบขึ้นมาอีกครั้งและกระตุ้นโครงสร้างเวทมนตร์ขึ้นในดวงจิต ทันใดนั้น ก็มีน้ำมันอาบตัวฮันต์แล้วไหลลงพื้น
เวทมนตร์ระดับหนึ่ง น้ำมัน
ฮันต์ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ทำให้เขาเกือบล้ม เขาจึงหยุดเท้าแล้วร่ายเวทสำหรับโจมตีระยะไกล
‘รังสีพลังลบ’ ‘เวทเหี่ยวเฉา’ ‘สัมผัสยะเยือก’ ‘รังสีลดพลัง’ …เวทมนตร์ทั้งหมดนี้กระหน่ำโจมตีลูเซียนราวกับไม่มีเวลาพักเลย อย่างไรก็ตาม ลูเซียนได้เรียนรู้กลยุทธ์มากมายที่แอรอนกับฮาบีโรใช้ในการต่อสู้กับนักเวท เขาวิ่งวนไม่ให้ฮันต์เล็งเป้าได้ ถึงแม้จะหลบไม่พ้นอยู่สองสามครั้ง แต่เวทระดับสองอย่างต้านมรณะ ก็ยังช่วยปกป้องเขาได้ในระดับหนึ่ง
ฮันต์กลายเป็นอสุรกายโดยสมบูรณ์แล้ว อสุรกายที่ไม่ใช้เหตุผลมากมายเวลาต่อสู้ ขณะที่เขาร่ายเวทไปเรื่อยๆ โดยไม่เว้นช่วงนานนัก ลูกตา ริมฝีปาก และแขนก็เริ่มหลุดจากเนื้อเน่าๆ ของเขา
เจ้าอสุรกายโกรธเกรี้ยว เมื่อฮันต์แผดเสียงดังแสบแก้วหู ก็เกิดคลื่นสีดำรอบๆ ตัวเขา เวทมนตร์ดำระดับสามและใช้เวทมนตร์ที่ส่งผลรอบทิศทาง ‘เวทระเบิดพลังลบ’ ด้วย
ลูเซียนไม่มีที่หลบคลื่นพลังดำนั้น เขาจำต้องใช้โอกาสสุดท้ายร่ายเวทโล่อัคคีจากสร้อยข้อมือเชือกอัคคีเพื่อต้านคลื่นพลัง
หลังจากร่ายเวทนี้ ฮันต์ก็หยุดนิ่งชั่วคราวเนื่องจากใช้พลังมากเกินไป เขาต้องใช้เวลาสักพักเพื่อฟื้นฟูพลัง
ในตอนนี้เอง ลูเซียนก็ร่ายเวทน้ำมันอีกครั้ง เพื่อให้อาบตัวฮันต์และจุดที่เขายืนเป็นชั้นที่สอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อลูเซียนจะโจมตีฮันต์อีกครั้ง ก็มีกระสุนระเบิดเวทสามลูกพุ่งตรงมาหาเขา
เจ้านกฮูกสีเทานั่นเอง ในขณะที่เจ้าของมันร่ายเวทมนตร์ไม่ได้ ฮันต์ก็ได้เรียกสมุนปีศาจมาขัดจังหวะลูเซียน
ลูเซียนหลบกระสุนระเบิดเวทไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ไม่กล้าหยุดอยู่กับที่ เขาไม่รู้ว่าจะใช้เวทมนตร์อะไรดีเพื่อกำจัดเจ้าตัวน่าเกลียดที่อยู่บนท้องฟ้านั่นนอกจากกระสุนระเบิดเวท เจ้านกฮูกก็บินไปรอบๆ ทำให้เขาเล็งเป้าลำบาก แถมยังมี ‘โล่มรณะ’ ป้องกันตัวเอง และลูเซียนก็ต้องยิงกระสุนระเบิดเวทหลายครั้งเพื่อทำลายโล่นั้น
“เราน่าจะศึกษาวิธีเรียกสมุนติดปีกมาด้วยนะ…” ลูเซียนคิดขณะวิ่งไปรอบๆ พยายามทำลายโล่เวทมนตร์ของเจ้านกฮูกด้วยกระสุนระเบิดเวท
เมื่อลูเซียนกำลังจะขว้างมีดใส่เจ้านกปิศาจตอนที่โล่ถูกทำลายเกือบหมด ฮันต์ก็เริ่มขยับตัวอีกครั้ง
“บ้าเอ๊ย!” ลูเซียนสบถเมื่อเห็นอย่างนั้น ขณะที่ชิ้นเนื้อหลุดร่วงจากตัวฮันต์อีกครั้ง อีกด้านหนึ่งก็มีศพกำลังคืบคลานออกมาจากหลุม บางศพเป็นโครงกระดูก บางศพเน่าเป็นบางส่วน… พวกมันทั้งหมดถูกฟื้นขึ้นมาและตะเกียกตะกายออกจากดินสีดำ อย่างไรก็ตาม มีผีหลายตัวลอยอยู่ในอากาศอีกด้วย
ลูเซียนคือเป้าหมายของพวกมัน พวกมันดาหน้ามาหาเขาเหมือนสึนามิถาโถม
หัวใจเขาเต้นรัว ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ควรฆ่าเจ้านกฮูกก่อนหรือจัดการกับกองทัพศพและผีดี?
ทันใดนั้น ลูกธนูดอกหนึ่งที่เปล่งแสงสีเขียวก็พุ่งออกมาจากปราสาทและเจาะทะลุตาเจ้านกฮูก
เบ็ตตี้นั่นเอง ตามด้วยโจแอนนาและไซม่อน หลังจากจัดการพวกหุ่นเชิดศพ พวกเขาก็พบธนูอย่างดีสองคันในปราสาท ขณะที่รีบมาช่วยลูเซียน พวกเขาก็เห็นฝูงศพเดินได้ล้อมลูเซียนอยู่ และเจ้านกฮูกผีกำลังบินไปรอบๆ และโจมตีเขา
เจ้านกฮูกกรีดร้อง มันเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นเบ็ตตี้ ในขณะเดียวกัน โจแอนนาก็ยิงลูกธนูอีกดอกซึ่งพุ่งทะลุตาอีกข้างของมัน
เมื่อไม่มีนกฮูกก่อกวนอีกต่อไป ลูเซียนก็ร่ายเวทน้ำมันเป็นครั้งที่สามและกระตุ้นเหรียญมงกุฎสุริยะ เพื่อเผชิญหน้ากับบรรดาศพที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
แสงศักดิ์สิทธิ์สีขาวเปล่งออกมาจากร่างของลูเซียนแล้วแผ่ไปทุกทิศทาง แสงนั้นจ้าจนท้องฟ้าสว่างไปครึ่งหนึ่ง
แสงศักดิ์สิทธิ์แผ่ปกคลุมทั้งโครงกระดูก ศพที่เริ่มเน่าเปื่อย และผี ราวกลับคลื่นยักษ์ เมื่อถูกแสงสีขาวชำระล้าง พวกมันก็ล้มลง กลายเป็นกองกระดูกและเนื้อ ภาพนั้นช่างน่าสะพรึงยิ่งนัก
“อีวานส์… อีวานส์เป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์!” เบ็ตตี้ร้อง “นั่นคือพลังของเขา!”
มีศพและโครงกระดูกอีกไม่กี่ตัวที่ดิ้นและกรีดร้องอยู่บนพื้น แต่ฮันต์ฟื้นฟูพลังได้บ้างแล้ว เขาอ้าปากและพร้อมจะร่ายเวทระเบิดพลังลบอีกครั้ง แต่มันก็สายเกินไป
“ฮันต์!” เสียงของเคลีนนั่นเอง นางร้องเรียกเขาสุดเสียง
ไซม่อนจับตัวนาง ทำเป็นว่าจะโยนนางออกมาจากหน้าต่าง
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ฮันต์ก็ค่อยๆ หันหน้าไปทางต้นเสียงแล้วมองเคลีน ถึงแม้เขาแทบจะไม่รู้ตัวแล้วก็ตาม
ลูเซียนฉวยโอกาสนี้ขว้างลูกไฟขนาดใหญ่ใส่เจ้าอสุรกาย
“ตู้ม!” เสียงระเบิดดังจนหูแทบแตก ฮันต์ซึ่งถูกน้ำมันอาบอยู่ก็ระเบิดทันที เนื้อเน่าๆ ของเขา ลูกตา และแขนกระจายไปทั่ว เกิดเสียงแผละๆ น่าขยะแขยง
ชิ้นส่วนร่างกายที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่ของฮันต์บิดงออยู่บนพื้นเหมือนคบไฟดิ้นได้ ไฟที่เผาชิ้นส่วนที่กระเด็นก็ลามไปติดศพและโครงกระดูกบนพื้นด้วย
สุสานจบลงด้วยกองเพลิงที่น่ากลัว
เบ็ตตี้ ไซม่อน และโจแอนนาต่างตกตะลึง
ลูเซียนหันกลับไปขว้างมีดใส่เจ้านกฮูก มีดพุ่งเจาะทะลุหัวของมัน
เจ้านกฮูกร่วงลงพื้น ไม่ไหวติงอีกต่อไป
“ฮันต์!” เคลีนร้องเรียกสามีและพยายามดิ้นให้หลุดจากมือของไซม่อน นางกระโดดออกทางหน้าต่างและตกกระแทกพื้นอย่างแรง
เคลีนใช้ความพยายามทั้งหมดค่อยๆ คลานลากขาไปที่กองไฟ
……………………………………….