Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 181 การเริ่มต้นใหม่
หัวใจของฌากส์เต้นเร็วมาก เขาได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
สิบวินาทีต่อมา ไหล่ของฌากส์ก็ห่อเหี่ยวราวกับลูกโป่งถูกปล่อยลม
“ทำไม… เจ้าต้องการให้ข้าทำแบบนี้” ฌากส์พูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว
ความรู้สึกของเขาถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ต่อความรักและอีกส่วนหนึ่งก็รู้สึกผิดอย่างร้ายกาจ
“มันง่ายมาก ท่านแค่ต้องลงนามสัญญาเวทมนตร์กับข้า” ลูเซียนยังคงยิ้มอยู่บนใบหน้า “ข้อแรกท่านต้องสัญญาว่าท่านจะไม่บอกใครว่าเราเป็นใคร ข้อสองท่านจะไม่บอกใครว่าบนเรือมีบางอย่างที่ผิดปกติ ข้อสามเมื่อท่านกลับไปที่ เมืองสเติร์ก ท่านจะต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย”
ขณะที่ฌากส์กำลังฟังลูเซียนพูดแต่สายตากลับมองลงไปที่พื้น
“ในทางกลับกัน ข้าสัญญาว่าจะให้ท่านดื่มยาวิเศษที่สามารถปลุกพรของท่านได้ หรือที่นักเวทอย่างพวกเราเรียกว่า ‘พลังโลหิต’ ถ้าในอีกสามปีต่อจากนี้ความพยายามของท่านล้มเหลว แม้ว่าในสามปีนี้ท่านจะไม่ได้พบข้าในโฮล์ม แต่สภาแห่งเวทมนตร์จะรักษาคำพูดเสมอ ทอมสามารถเป็นตัวแทนของสภาได้”
เพื่อที่จะทำให้ฌากส์รู้สึกดีขึ้น ลูเซียนก็พูดเสริมว่า “นอกจากนี้ตราบใดที่ชีวิตของเราไม่ได้ถูกคุกคาม เราก็จะไม่ทำร้ายท่านและเพื่อนของท่านบนเรือลำนี้”
“ข้าได้ยินแล้วและข้าจะทำตามที่เจ้าพูด” ฌากส์เงยหน้าขึ้นและจ้องมองเข้าไปในดวงตาของลูเซียน “เจ้ารู้จักความอ่อนแอของข้า”
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
“ยินดีกับการเลือกที่ถูกต้องของท่าน ข้าเห็นอนาคตที่สดใสของท่านแล้ว” ลูเซียนกล่าว จากนั้นเขาก็หยิบม้วนกระดาษปากกาขนนก และหมึกขวดเล็กออกมาจากกระเป๋าของเขา และเริ่มเขียนสัญญาอย่างรวดเร็ว พร้อมวาดลวดลายลึกลับลงบนกระดาษ
สายตาของลูเซียนไม่ได้มองไปที่กระดาษ แต่กลับจ้องมองไปที่ฌากส์ ส่วนมือซ้ายของเขาก็กำหมัดไว้ในกรณีที่ฌากส์จะเปลี่ยนความคิด
ฌากส์ไม่ได้รังเกียจความรอบคอบของลูเซียน เขาพูดกับลูเซียนและพูดกับตัวเองว่า “อนาคตของข้า คงจะเป็นอนาคตที่มืดมิดแน่นอน ในท้ายที่สุดข้าได้ทรยศต่อความเชื่อของอัศวิน และข้าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะปลุกพรได้ด้วยตัวเอง ใครๆ ก็รู้ว่าพลังเวทมนตร์ของน้ำยานั้นมีจำกัด แต่ข้าจะทำต่อไปเพื่อเชลีย์”
“ดีสำหรับท่านแน่นอน ท่านฌากส์ ท่านช่างเป็นคนรักที่ดีจริงๆ” ลูเซียนยิ้ม “ตามที่ข้ารู้ความเชื่อของอัศวินไม่มีในกฎสากลและ ‘ความเชื่อ’ ต่อตัวเองก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ด้วยความเชื่อบางอย่างที่สามารถมุ่งเน้นไปที่ฌานสมาธิและจดจ่อกับการฝึกฝนอัศวินของเขาหรือเธอ หากศรัทธาของท่านคือปกป้องท่านเชลีย์และเพื่อปกป้องความรักของท่าน ดังนั้นสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่ก็คือการไม่ทำลายความเชื่อของท่าน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฌากส์ก็รู้สึกประหลาดใจมาก “ความเข้าใจของเจ้า… แตกต่างจากที่อาจารย์บอกข้ามาก แต่ทฤษฎีของเจ้าก็สมเหตุสมผลสำหรับข้า”
ในความเป็นจริงลูเซียนได้ยินเรื่องนี้มาจากนาตาซา เขาพยายามที่จะทำให้คำตอบของเขาดูคลุมเครือ “อืม… ข้ารู้ว่าอัศวินหลวง… อาจจะมียาใหม่ๆ ออกมาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ที่ซึ่งจะช่วยให้อัศวินพัฒนาพลังของพวกเขาได้ดีขึ้น ใช่ไหม”
จากนั้นลูเซียนก็ลงนามชื่อในสัญญา
คำพูดของลูเซียนทำให้ฌากส์รู้สึกสบายใจ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของฌากส์ “ข้าได้ยินมาว่า ศาสนจักรเป็นเจ้าของยาชนิดหนึ่งซึ่งใช้ได้กับขุนนางชั้นสูงเท่านั้น ยานี้สามารถเปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นอัศวินระดับสองได้เลย และข้าก็ได้ยินมาว่าดยุคแกรนด์ ดยุคไวโอเล็ตก็ใช้ยานี้ เดี๋ยวก่อน… ชื่อของเจ้าคือ ลูเซียน อีวานส์ หรือ? ช่างน่าสนใจ นักดนตรีที่เชลีย์ชื่นชอบก็ชื่อ ลูเซียน อีวานส์”
“ข้าก็รู้จักผู้ชายคนนั้นเช่นกัน” ลูเซียนตอบอย่างสบายๆ “เห็นได้ชัดว่าถึงแม้เราจะใช้ชื่อเดียวกัน แต่เราก็ต่างกันมาก”
“แตกต่างกันมาก ข้าจะพูด… ตรงข้ามต่างหาก…” ฌากส์ยักไหล่ เขาไม่เคยพยายามเชื่อมโยงระหว่างนักดนตรีกับนักเวทที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา อย่างแรกชื่อ ลูเซียน อีวานส์ ก็ไม่ใช่ชื่อที่แปลกและข้อสองนักดนตรีชื่อดังก็ยังเป็นนักเวทด้วย มันเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการเกินไป
“ข้าเห็นด้วยกับท่าน” ลูเซียนกล่าวตามตรง เขาแอบหันไปรอบๆ เพื่อดูว่าทอมรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับชื่อของเขาหรือไม่
แต่ชัดเจนแล้วว่าทอมยังคงจ้องมองไปที่มือซ้ายของลูเซียนอย่างระมัดระวัง ขณะเฝ้ารอสัญญาณจากเขา
ลูเซียน รู้ว่าถ้ากราเนิร์ฟอยู่ที่นี่พร้อมกับเบาะแสทั้งหมดที่เขามีอยู่ เขาอาจเป็นคนเดียวที่สามารถบอกความจริงได้
“อีวานส์ ข้าลงชื่อได้ตรงไหน” ฌากส์ถาม
“ที่นี่” ลูเซียนชี้ไปที่มุมหนึ่งของสนธิสัญญา
หลังจากที่ฌากส์ลงนามในสนธิสัญญาแล้ว เขาก็ถือสนธิสัญญาไว้ในมือของเขา ลูเซียนก็คลุมกระดาษด้วยพลังวิญญาณของเขา
คลื่นเล็กๆ ของเวทมนตร์ปรากฏขึ้น จากนั้นคลื่นพลังก็กลายเป็นเปลวไฟสีฟ้าอ่อนและเผากระดาษเป็นเถ้าถ่าน
ทันทีที่สนธิสัญญาหายไปลูเซียนก็รู้สึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นในจิตวิญญาณ ‘สัญญาเวทมนตร์มีผลบังคับใช้’ และฌากส์ก็ดูสับสนเป็นครั้งที่สอง
“ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฝ่าฝืนข้อตกลงนี้ ผู้ที่ฝ่าฝืนสัญญาจะต้องทนทุกข์ทรมานจากไฟที่เผาจิตใจของเขาและวิญญาณของเขาก็จะถูกทำลาย” ลูเซียนจับมือกับฌากส์ราวกับว่าพวกเขากำลังฉลองความสำเร็จบางอย่างอยู่ “ตอนนี้เราทุกคนพร้อมแล้ว และจะปล่อยให้ท่านอยู่คนเดียวเพื่อตรวจสอบวงแหวนศักดิ์สิทธิ์”
ฌากส์ขัดคำพูดของลูเซียน “อีวานส์ ข้าต้องบอกว่าเจ้าเป็นปีศาจตัวจริง และเป็นปีศาจที่ล่อลวงได้เก่งมาก เมื่อตอนที่ข้าฝึกเป็นอัศวิน ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะยอมแพ้ให้กับข้อเสนอของปีศาจ”
จากนั้นเขาก็เดินผ่านลูเซียนไปเพื่อตรวจสอบแผ่นไม้ที่อยู่ใกล้กับหน้าต่าง
ลูเซียนและทอมยืนอยู่ตรงนั้นคอยดูฌากส์เดินไปรอบๆ
“ถ้าฌากส์ตัดสินใจที่จะหาวิธีที่จะทำลายสัญญา เจ้าจะทำอย่างไร? เจ้ารู้ไหมว่ามีพลังอันศักดิ์สิทธิ์บางอย่างที่สามารถผนึกพลังเวทมนตร์ได้” ทอมกล่าว
ทอมรู้ว่าสัญญาเวทมนตร์นั้นไม่สามารถทำลายได้จริงตามที่กล่าวอ้าง ตัวอย่างเช่น ถ้าลูเซียนกลายเป็นนักเวทระดับสูง วิญญาณที่แข็งแกร่งของเขาก็จะสามารถจัดการกับความเสียหายจากเปลวไฟได้
“สัญญาเวทมนตร์เป็นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น” ลูเซียนตอบด้วยน้ำเสียงที่เบามาก “ทันทีที่เขาตัดสินใจลงนามสัญญากับข้า ข้าก็รู้ว่าเขาจะไม่ทำลายคำพูดของเขา เพราะหัวใจของเขาเลือกที่จะทำตามความปรารถนาเรียบร้อยแล้ว แน่นอนมันยังคงมีความเสี่ยง แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า”
“น่าสนใจ” ทอมยิ้มและพยักหน้า “สภาจะให้ยาหลังจากที่เจ้าได้ป้องกันนักเวทฝึกหัดจำนวนมาก”
หลังจากนั้นไม่นานภายใต้ “การกำกับดูแล” ของลูเซียน ทอม และฌากส์ ก็ได้ตรวจสอบห้องโดยสารที่เหลือและไม่ได้สนใจนักเวทฝึกหัดจำนวนมากที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องโดยสารบางส่วน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฌากส์ออกจากชั้นนี้ไป มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในที่สุดลูเซียนก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
…
ห้องของไวเคานต์
เครื่องเคลือบดินเผาที่ผลิตในโคเล็ทก็ถูกโยนลงบนพรมอย่างรุนแรง ทันใดนั้นมันก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“ไอ้โง่! ไอ้โง่ไร้ประโยชน์! หินถูกปล้นและคนของเราเกือบจะถูก!” ไวเคานต์ไรต์ตะโกนด้วยความโกรธ
ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาคือ กราเนิร์ฟและทอมที่กำลังก้มศีรษะลงต่ำ
ไวเคานต์เดินกลับไปกลับมาในห้องของเขา “บอกข้าว่าพวกเมอร์ล็อกสกปรกเหล่านี้รู้ได้อย่างไรว่า ‘หินคลื่น’ อยู่บนเรือของเรา! พวกเขารู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังส่ง ‘หินคลื่น’ กราเนิร์ฟ ทอม มันเป็นความรับผิดชอบของเจ้าทั้งสองคนที่จะต้องตอบให้ได้!”
แม้ว่าไวเคานต์จะเป็นเจ้าของหนึ่งในสิบของทรัพย์สินทั้งหมดในเมืองสเติร์ก แต่มันก็ยังเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
“ขอรับ ใต้เท้า” ทั้ง กราเนิร์ฟ และทอมต่างก็ไม่กล้ายกศีรษะขึ้น
จากนั้นใบหน้าของไวเคานต์ก็เย็นชาและมืดมนมากขึ้น “หาโอกาสและฆ่าอัศวินที่ชื่อ ฌากส์ ปล่อยให้คนอื่นทำตามข้อตกลง มีแค่นักเวทและทอมเท่านั้นที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ”
“ขอรับ” กราเนิร์ฟคำนับและพยักหน้า
“รอก่อน… ลืมมันเสียเถอะ” ไวเคานต์กลับไปที่โซฟา เขาดูค่อนข้างเหนื่อยล้า “ข้าไม่ต้องการทำร้ายเชลีย์ เจ้าทั้งคู่ทำงานแรกให้เสร็จก่อน”
…
อีกหนึ่งเดือนต่อมาแม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นลง แต่เรือก็ไม่เคยประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่อีกเลยหลังจากการโจมตีของนักเวทเมอร์ล็อก
ในที่สุดเรือก็ข้ามช่องแคบมรสุมมาถึงที่ท่าเรือที่ชื่อแพทเรย์ในโฮล์ม
ที่ชั้นล่างของเรือ ลูเซียน ทอม และนักเวทฝึกหัดรู้สึกตื่นเต้นมาก แม้แต่ลูเซียนในฐานะผู้มีประสบการณ์ก็ยังไม่สามารถระงับความสุขและความตื่นเต้นในหัวใจของเขาได้
ลูเซียนมองว่าวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางแห่งเวทมนตร์ที่แท้จริงของเขา
เมื่อนึกถึงข้อความที่เขาพบในกระเป๋าของนักเวทเมอร์ล็อก ลูเซียนไม่ได้คิดมากนัก เขาไม่อนุญาตให้ตัวเองโลภเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่เขาไม่มีข้อมูลเพียงพอ
“อีวานส์ เจ้าและนักเวทฝึกหัดไปซ่อนตัวอยู่ในลังไม้ ต้องอยู่เงียบๆ ระหว่างที่พวกเขากำลังตรวจสอบ เพียงแค่ซ่อนตัวอยู่ในนั้นและอย่าตกใจ” ทอมพูดขณะที่เขาชี้ไปที่ลังไม้ยาว
ลูเซียนพยักหน้าและเดินเข้าไปในลังเป็นคนแรก เมื่อเขาล้มตัวลงนอนไม้กระดานก็ปิดคลุมเขา
ทอมกับลูกเรือของเขาวางสินค้าบนกระดานและตอกปิดผนึกลังด้วยตะปูเหล็ก
ลูเซียนรู้สึกว่าเขาถูกฝังอยู่ในโลงศพ
หลังจากอยู่ในความมืดเป็นเวลานาน ลูเซียนก็สงสัยว่าเขาถูกลืมหรือไม่ จากนั้นเขาก็ได้ยินว่ามีคนง่วนอยู่กับลังเพื่อตรวจสอบสินค้าข้างใน
ลูเซียนยังคงสงบนิ่งตามคำสั่งของทอมแม้ว่าเข้าจะตื่นตัวมากก็ตาม
“ไม่มีปัญหา”
นั่นเป็นเสียงของฌากส์
ลังถูกปิดผนึกอีกครั้ง และลูเซียนรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนระลอกใหญ่ หลังจากนั้นครู่หนึ่งลังของลูเซียนก็ถูกวางไว้บนพื้นที่เปียกและเย็น
อีกไม่นานลังก็จะเปิดออกอีกครั้ง สินค้าข้างบนถูกนำออกและฝากระดานที่ปิดอยู่ก็ถูกนำออกด้วยเช่นกัน
แสงอาทิตย์ส่องกระทบเข้ามาจนทำให้ลูเซียนต้องหยีตาลง
ชายหนุ่มคนหนึ่งในเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีน้ำตาลเข้มและแจ็คเก็ตยาวสีดำยืนอยู่ด้านหน้าลังไม้ ใบหน้าของชายหนุ่มคนนี้มีรอยยิ้มขนาดใหญ่ภายใต้หมวกทรงสูงของเขา
“ยินดีต้อนรับสู่โฮล์ม สหายของข้า”
ลูเซียนก็ยิ้มเช่นเดียวกันเขารู้ว่าชีวิตใหม่ของเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
……………………………………….