Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 222 ความปรารถนาของลูเซียน
ไอริสทีนสวมชุดลวดลายใบไม้งดงาม แต่นางดูเย็นชาเมื่อพูดคุยกับกับลูเซียน “อีวานส์ การวิเคราะห์เวทพัฒนาพืชผลและเวทเก็บเกี่ยวใบไม้ผลิของเจ้า ไปถึงไหนแล้ว? ตอนนี้กลุ่มอื่นนำหน้าพวกเราไปแล้วและก็เริ่มปลูกพืชจริงแล้ว แล้วตอนนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ เจ้าเป็นผู้ชนะรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์ม ผู้จัดลำดับธาตุนะ!”
ไทเรล และยูรีนเหมือนได้รับคำเตือน พวกเขาไม่แน่ใจว่าเจ้าชายและเจ้าหญิงจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเพื่อออกจากกลุ่มวิจัยนี้หรือไม่
ลูเซียนดันขอบแว่นตาขึ้นเล็กน้อยแล้วตอบด้วยความจริงจังว่า “เจ้าหญิงไอริสทีน เหตุผลที่ทำให้พวกกระหม่อมก้าวหน้าได้ช้าเป็นเพราะตราคาถาเทพที่ฝ่าบาทมอบให้นั้นไม่สมบูรณ์ บางทีดรูอิดที่อยู่กลุ่มอื่นอาจมีพรสวรรค์มากกว่าและทำได้ดีกว่า ฝ่าบาทคิดว่าเป็นเช่นนั้นไหม?”
ลูเซียนเหน็บแนมอย่างจริงจัง
“ …ถึงกระนั้นในฐานะผู้ชนะรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์ม เจ้าก็น่าจะทำได้ดีว่านี้!” อาร์เซเลียนยืนกรานหลังจากพูดไม่ออกไปสองสามวินาที
สิ่งสุดท้ายที่ลูเซียนจะทำก็คือการทำให้พวกเขาโกรธ ดังนั้นเขาจึงนำกระดาษของเขากลับมาพร้อมกับโจทย์ทางคณิตศาสตร์และตอบว่า “แน่นอน ว่ามีความก้าวหน้าไปบางส่วนแล้ว สำหรับเวทพัฒนาพืชผล อาคมจะไปกระตุ้นโครงสร้างภายในของพืชและพลังเทพนั้นจะเปลี่ยนเป็นองค์ประกอบหลายอย่างที่พืชต้องการเพื่อให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ส่วน เวทเก็บเกี่ยวใบไม้ผลิ นั้นแม้ว่าจะใช้วิธีการเดียวกัน แต่มันจะทำให้พืชสกัดสารอาหารจากดินมากเกินไป กล่าวอีกนัยหนึ่งเวทพัฒนาพืชผล นั้นต้องการพลังจากหัวใจแห่งธรรมชาติ ในขณะที่ เวทเก็บเกี่ยวใบไม้ผลิ ต้องการน้อยกว่า แต่มันกลับสร้างความเสียหายให้แก่ผืนดิน แต่เพราะตราอาคมไม่สมบูรณ์จึงทำให้ไม่รู้ว่าองค์ประกอบที่สกัดเหล่านี้คืออะไร”
“ …เจ้าได้เรียนรู้สิ่งนี้มามากแล้วหรือ” เมื่อได้ยินคำพูดของลูเซียน ทั้งไอริสทีน และอาร์เซเลียนก็รู้สึกประหลาดใจมาก พวกเขาไม่อยากเชื่อว่าจอมเวทคนนี้ใช้เวลาเพียงแค่สามวันเพื่อมาให้ถึงระดับนี้ด้วยตราอาคมที่ไม่สมบูรณ์
“เพราะหม่อมฉันคือผู้ชนะของรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์ม” ลูเซียนยิ้ม
แน่นอนว่าสิ่งที่ลูเซียนเพิ่งพูดไปนั้นไม่ใช่ผลการวิจัยของเขาเอง เนื่องจากหน้าที่ของเขาเพียงแค่ถ่วงเวลาทั้งคู่เท่านั้น เพื่อที่เขาจะได้รับข้อมูลทั้งหมดจากกลุ่มอื่น ในวันที่สองหลังจากที่ดรูอิดทั้งสองมาถึง จอมมหาเวททั้งสามและจอมเวทระดับสูงได้ค้นพบหลักการส่วนใหญ่ของอาคมเทพขั้นต้นแล้ว และตอนนี้พวกเขากำลังทำการวิเคราะห์สิ่งที่เรียกว่าจิตใจของธรรมชาติเพื่อดูว่า มันประกอบด้วยอะไร ทำไมเหล่าดรูอิดถึงสามารถใช้มันได้ และทำไมมันถึงทำให้พวกเขามีเวทมนตร์
นี่เป็นงานที่ยากมาก ดังนั้นคำขอของมัลฟิวเรียนจึงถูกมอบหมายให้กับนักเวทระดับกลางและระดับสูง
จากข้อมูลที่ให้ไว้ลูเซียนมั่นใจว่าพืชธรรมดาในโลกนี้ยังต้องการไนโตรเจนฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมเพื่อที่จะเติบโต แต่พืชเวทมนตร์นั้นมีความซับซ้อนมากกว่า
“ทำไมเจ้าไม่บอกเราก่อน อีวานส์” อาร์เซเลียนถึงกับพูดไม่ออก ดังนั้นเขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“หม่อมฉันเพิ่งคิดได้เมื่อคืนนี้” ลูเซียนดูสับสน “หม่อมฉันไม่มีเวลาที่จะบอก และเราต้องลงพื้นที่ทำการทดลองเพิ่มเติมเพื่อพยายามหาว่าองค์ประกอบใดบ้างที่พืชเหล่านี้จำเป็นต้องดูดซับเพื่อให้เติบโตได้ดีขึ้น”
ลูเซียนใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงที่ว่าตราอาคมนั้นยังไม่สมบูรณ์ แน่นอนว่าลูเซียนจะไม่บอกพวกเขาว่าจริงๆ แล้วเขารู้ว่าองค์ประกอบใดเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากการลงพื้นที่จะเป็นการถ่วงเวลาได้ดีที่สุด
ตอนนี้ไอริสทีน และอาร์เซเลียนเริ่มสงสัยในการทำงานของลูเซียนน้อยลงดังนั้นพวกเขาจึงติดตามลูเซียนไปยังดินแดนทางตะวันออกของเมือง
ลูเซียนทำเครื่องหมายบนผืนดินเล็กๆ และกล่าวว่า “ไทเรล กับยูรีนรบกวนวัดปริมาณขององค์ประกอบที่มีในดินตรงนี้ด้วย”
เนื่องจาก ไทเรล และยูรีนเป็นนักเวทด้านการต่อสู้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีโครงสร้างเวทมนตร์ที่สร้างขึ้นภายในวิญญาณเพื่อใช้ในการวัดปริมาณ พวกเขาจึงจำเป็นต้องร่ายอาคมและใช้องค์ประกอบการกลั่นเป็นส่วนประกอบเพื่อช่วยในการวัด ดังนั้นพวกเขาจึงใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการบันทึกองค์ประกอบทั้งหมดที่มีอยู่ในดิน
“จนถึงตอนนี้พวกกระหม่อมได้ระบุองค์ประกอบไปเพียงแค่หกสิบเจ็ดชนิดเท่านั้น มันอาจมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่ขาดหายไปก็ได้ เช่น ข้าวโอ๊ต หรือข้าวสาลี” ลูเซียนชี้แจงเงื่อนไขเบื้องต้นของการทดลองให้กับเจ้าชายและเจ้าหญิง จากนั้นเขาก็ขอให้เกษตรกรปลูกข้าวโอ๊ตหลังจากฝึกฝนมาหลายปี
หลังจากงานของเกษตรกรเสร็จสิ้น ลูเซียนพูดกับดรูอิดเอลฟ์ทั้งสองคนว่า “โปรดร่าย เวทเก็บเกี่ยวใบไม้ผลิ เพื่อที่ข้าวโอ๊ตจะได้เติบโต”
แสงสีเขียวแผ่ออกมาจากไอริสทีน และแสงนั้นก็เข้าปกคลุมพื้นดิน ในไม่ช้าต้นกล้าก็งอกออกมาจากข้าวโอ๊ตที่เพิ่งเพาะเมล็ดลงไป เจ้าชายและเจ้าหญิงก็ผลัดกันร่าย เวทเก็บเกี่ยวใบไม้ผลิ ไปสองรอบ จากนั้นภายในสิบนาทีข้าวโอ๊ตบนผืนดินก็พร้อมเก็บเกี่ยว!
ถ้าเป็นดรูอิดฝึกหัด พวกเขาเป็นต้องร่ายอาคมอย่างน้อยหนึ่งเดือนเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านี้
“ไทเรล กับยูรีนรบกวนวัดปริมาณขององค์ประกอบที่มีในดินตรงนี้ด้วย” ลูเซียนกล่าวในฐานะหัวหน้ากลุ่มทดลองโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องทำงานด้วยตัวเอง
ไอริสทีนที่กำลังดูไทเรลและยูรีนที่กำลังยุ่งอยู่กับการทำงานก็กล่าวด้วยความสับสนเล็กน้อยว่า “ข้าเข้าใจว่ามนุษย์ต้องการล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร แต่สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจก็คือตอนนี้พวกเขารู้วิธีการปลูกพืชและผัก แต่ทำไมพวกเขายังฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร? อีกทั้งยังมีที่ฆ่าแต่ไม่กิน แต่ก็ฆ่าเพื่อความบันเทิงซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก”
เมื่อเห็นว่าลูเซียนไม่ตอบสนอง นางจึงพูดกับเขาอย่างจริงจังว่า “อีวานส์ เจ้ามีเงินมากพอที่จะซื้อขนมปัง ผัก และผลไม้ แต่ทำไมเจ้าถึงยังกินเนื้อ หากมีคนไม่กินเนื้อก็จะมีสัตว์อีกหลายชนิดที่รอดตาย”
ลูเซียนตอบอย่างตั้งใจว่า “อย่างแรกเราต้องการเนื้อสัตว์ เพราะมนุษย์และเอลฟ์มีร่างกายแตกต่างกัน อย่างที่สองหากมีสัตว์ชนิดใดที่กำลังจะตายได้โปรดบอกหม่อมฉัน และหม่อมฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องสายพันธุ์ อย่างที่สามตอนนี้สัตว์ส่วนใหญ่ที่พวกหม่อมฉันกินมาจากฟาร์มไม่ใช่สัตว์ป่า พวกหม่อมฉันเลี้ยงพวกมันเพื่อกิน”
ไอริสทีนรู้ว่าไม่มีโอกาสที่นางจะเปลี่ยนความคิดของจอมเวทคนนี้
“มนุษย์ไม่ยอมละทิ้งความต้องการ” นางกล่าว
ลูเซียนไม่ได้ตอบกลับ แต่จ้องมองข้าวโอ๊ตที่กำลังเติบโตตรงหน้าเขา ลูเซียนเชื่อว่าปัจจุบันการมีชีวิตรอดและการเติบโตเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ในขณะที่ผู้คนมากมายในโลกนี้ยังคงอดอยาก
ลูเซียนมีความประทับใจต่อมัลฟิวเรียนซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ของดรูอิดมาก ในความคิดของลูเซียนความพยายามมัลฟิวเรียนต่อการเพิ่มผลผลิตของพืชเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างมาก
แม้ว่าลูเซียนจะระมัดระวังและต้องการปกป้องตัวเองในทุกขั้นตอน แต่เขาก็ยังต้องการมีส่วนร่วมในผลงานอันยอดเยี่ยมของมัลฟิวเรียนเพื่อช่วยชีวิตผู้คนในโลกนี้
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อชนชั้นล่างได้รับประโยชน์จากพลังเวทมนตร์มากขึ้น การปกครองของศาสนจักรก็จะสั่นคลอนอย่างแน่นอนซึ่งก็เป็นผลดีต่อนักเวทด้วยเช่นกัน
ตั้งแต่ลูเซียนมาถึงโลกนี้ เมื่อเทียบกับวิถีชีวิตที่ทันสมัยของเขาก่อนหน้านี้ของเขา ที่นี้ช่างไม่สะดวกเอาเสียเลย แน่นอนว่าถ้าเขามีความสามารถเขาจะพัฒนาสังคมมนุษย์ที่นี่ให้ก้าวหน้า
“อีวานส์ ที่นี้มีไนโตรเจนฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมในดินน้อย” ไทเรล และยูรีนรายงาน
ลูเซียนกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้วพยักหน้า “เราจะรวบรวมวัสดุที่มีองค์ประกอบเหล่านี้เพื่อใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์การเล่นแร่แปรธาตุ และลดความซับซ้อนของโครงสร้างเวทมนตร์ต่อไป สิ่งที่เราต้องทำคือการแบ่งข้อมูลนี้ออกเป็นส่วนๆ เพื่อให้สามารถดูได้ว่าองค์ประกอบเหล่านั้นสร้างความแตกต่างให้กับพืชอย่างไร”
ในขณะนี้ กลุ่มอื่นๆ ก็กำลังทำสิ่งเดียวกัน ลูเซียนกำลังสงสัยว่าใครเป็นคนแรกที่สามารถไขความลับของปุ๋ยได้
การทำปุ๋ยขั้นพื้นฐานนั้นง่ายมาก เพียงแค่รักษาฟอสฟอไรต์ด้วยกรดซัลฟิวริก และสภาก็สามารถผลิตกรดซัลฟิวริกในปริมาณคงที่ได้ อย่างไรก็ตามหากไม่ได้รับการสนับสนุนทางทฤษฎี มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะเข้าใจการทำงานของกรดซัลฟิวริก และฟอสฟอร์ไรท์ และลูเซียนก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในเวลาอันสั้น
ยังมีวิธีอื่นๆ อีกในการปรับปรุงผลผลิตในพืชผล เช่น ระบบชลประทาน และการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ แต่มันก็อยู่ในวาระการประชุมของสภาแล้ว ในขณะที่ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตข้ามสายพันธุ์เป็นเรื่องที่ท้าทายมากสำหรับลูเซียน ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่แน่ใจว่าเทคนิคการผสมข้ามพันธุ์นั้นจะทำงานแบบเดียวกันกับในโลกนี้หรือไม่ เขาจำเป็นต้องศึกษาให้มากกว่านี้
…
นครศักดิ์สิทธิ์ เมืองแลนซ์ หอประชุมแสงพิสุทธิ์
อัศวินในชุดเกราะสีขาวเงินกำลังคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “ฝ่าบาท สภาแห่งเวทมนตร์กำลังพยายามบุกรุกดินแดนของพระเจ้าโดยการยื่นมืออันสกปรกไปสู่สัจธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของโลก กระหม่อมจึงขอพระราชทานอนุญาตเริ่มต้นสงครามแห่งรุ่งอรุณครั้งที่สอง! เราจะประกาศสงครามอย่างเต็มรูปแบบต่อสภาแห่งเวทมนตร์!”
…………………………