Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 232 ทำไม
ราเวนติยืนอยู่ด้านหลังอุปกรณ์ทดลอง ท่ามกลางสายตาของเหล่าจอมเวททั้งหลาย เขาไม่ยอมเสียเวลาและตรงเข้าประเด็นทันที “เรื่องเล่าในตำนานที่เล่าขานกันมาจากผู้หยั่งรู้ทั้งหลาย เช่น เอลฟ์ มังกร และมนุษย์ ถึงจุดกำเนิดของโลกมีความคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ภูเขาไฟระเบิด และน้ำท่วม พวกเราต่างเกลียดชังศาสนจักร แต่ก็มีคำบรรยายทำนองเดียวกันในพระคัมภีร์ไบเบิล บางคนจากเจตจำนงแห่งธาตุได้เปิดตาเห็นความจริงจากการโต้เถียงว่าด้วยความเป็นไปได้ของสสารมีชีวิตสังเคราะห์ และพวกเขาก็สงสัยว่าเราจะสามารถถอดแบบสภาพแวดล้อมนั้นได้หรือไม่ ทำไมเราไม่ทดลองและรอดูผลที่เกิดขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมนั้น?”
แม้ว่าราเวนติจะพูดช้าๆ ด้วยเสียงทุ้มต่ำ คนในห้องโถงต่างก็รู้ว่าเขาตื่นเต้น
เฟลิเปพยักหน้าเบาๆ ดูเหมือนเขากำลังคิดถึงอะไรสักอย่าง ‘อุณหภูมิสูงและฟ้าผ่า… มีเทนกับคาร์บาไมด์จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในบรรยากาศนั่นหรือไม่? การใช้วิธีการสังเคราะห์ที่ถูกตรวจสอบภายใต้สภาพแวดล้อมการทดลองที่เคร่งครัดกับสภาพแวดล้อมธรรมชาติ? นั่นจะล้มล้างทฤษฎีพลังชีวิตไม่เหลือซากและศาสนจักรจะสั่นคลอนหนัก แต่ว่า ใครเป็นคนคิดเรื่องนี้? เป็นฝีมือศาสตราจารย์หรือสมาชิกคนสำคัญของเจตจำนงแห่งธาตุ? จากที่ท่านราเวนติพูดมา ดูเหมือนว่าการทดลองสำเร็จลงแล้ว’
ขณะที่เขากำลังคิด เขาหันไปมองลูเซียน เฟลิเปสังเกตว่าลูเซียนฟังสุนทรพจน์บนเวทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ดูเหมือนชายผู้นี้ไม่คุ้นเคยกลับเนื้อหาของการทดลอง ‘อาจเป็นคนอื่น ถ้าลูเซียนได้ผลสุดท้ายแล้ว เขาคงส่งมันไปก่อนแล้ว ข้ารู้ดี”
นักเวทคนอื่นๆ ต่างก็คิดคล้ายๆ กัน เพราะนี่เป็นประเด็นสำคัญของการอภิปราย นอกจากนี้ ราเวนติก็อ้างถึงที่มาของการทดลองไว้แล้ว พวกเขาจึงเริ่มอภิปรายและพูดจาซุบซิบกัน
“จะไปมีองค์ประกอบชีวิตได้อย่างไร?”
“เอาล่ะ คงมีก๊าซมีเทน ซึ่งสามารถพบได้ทุกที่ที่มีภูเขาไฟระเบิด อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าก๊าซมีเทนเกิดจากพืชที่เน่าอยู่ใต้ดิน และปรากฏขึ้นเนื่องจากการระเบิดของภูเขาไฟ”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่เกี่ยวกับพืชหรือสิ่งมีชีวิตเลยล่ะสิ มันเกิดจากธรรมชาติและสภาพแวดล้อมต้นกำเนิดอย่างนั้นหรือ?”
เหล่านักเวทไม่อาจหยุดอธิบายกันได้ วอลเตอร์และนิโคไลย์กำลังรอคำสั่ง เช่นเดียวกับข้ารับใช้คนอื่นด้านนอกประตู พวกเขาพยายามสงบสติอารมณ์ให้เป็นปกติที่สุด เพื่อไม่ให้พวกจอมเวทชั้นอาวุโสสัมผัสถึงความโกรธเกรี้ยวของพวกเขาได้
“นักเวทชั่วพวกนี้ที่ดูหมิ่นพระเจ้ายังบังอาจล่วงเกินเข้าไปในดินแดนแห่งพระเจ้าอีกนะ! ทั้งหมดเป็นความผิดของเฟลิเป! พวกดูหมิ่นพระเจ้า! เราต้องชำระบาปให้มัน!”
ทั้งสองคนซ่อนรัศมีและพลังเทพโดยใช้อุปกรณ์เทพพิเศษ จนดูเหมือนคนธรรมดา พวกเขารอบเข้ามาในคฤหาสน์ตั้งแต่ช่วงเช้าด้วยความช่วยเหลือจาก เวิร์น จอมเวทเฒ่า และกำลังรอคอยสายลมเย็นของฤดูใบไม้ผลิที่จะผ่านประตูเข้ามาพร้อมกับข้ารับใช้คนอื่นๆ ของศาสนจักร
พวกเขายกเอาน้ำร้อนและผ้าขนหนูเข้ามาในห้องโถง เมื่อนักเวทฝึกหัดสั่งให้ทำ
ทั้งสองได้ยินกันเกริ่นนำถึงการทดลองจากปากราเวนติก่อนที่พวกเขาจะสามารถหาโอกาสลงมือ ทั้งคู่เกือบคุมตัวเองไม่อยู่และพร้อมพลีชีพเพื่อพระเจ้า
“เงียบก่อน ได้โปรด ทุกๆ คน!” เสียงอันดังของราเวนติหยุดเสียงซุบซิบของเหล่าจอมเวท
ราเวนติมองไปรอบๆ แล้วเริ่มพูด “จากการวิเคราะห์ก๊าซที่อยู่โดยรอบการระเบิดของภูเขาไฟ และการวิเคราะห์ธาตุในองค์ประกอบชีวิต เราใส่น้ำบริสุทธิ์ ไฮโดรเจน มีเทน และแอมโมเนีย ลงในอุปกรณ์ทดลอง”
“ก๊าซมีเทนสามารถสังเคราะห์ได้โดยการเผาคาร์บอน และผสมกับก๊าซที่ได้จากไฮโดรเจน และยังต้องใช้ตัวเร่งปฏิกิริยา… อัตราของก๊าซเลือกโดยการเปรียบเทียบผลการทดลองภายใต้การควบคุมหลายต่อหลายครั้ง”
ทีนา-ทีมอส เฟลิเป และจอมเวทคนอื่นๆ จ้องมองราเวนติเรียกใช้วงแร่แปรธาตุ เตรียมการสังเคราะห์แอมโมเนียและมีเทน แต่พวกเขาไม่รู้ว่าราเวนติกำลังจะสร้างสสารอะไร
การทดลองเรื่องมีเทนสังเคราะห์อย่างเดียวก็สามารถใช้เป็นหลักฐานในการลบล้างทฤษฎีพลังชีวิตได้แล้ว แต่ท่าทางของราเวนติเหมือนกำลังเตรียมสถานที่ธรรมดาที่ใช้ในการทดลองเวทต่อไป
ทั้งห้องเงียบกริบ เหล่าจอมเวทกำลังสับสน ราเวนติสังเคราะห์ก๊าซตามขั้นตอนอย่างใจเย็น
‘แล้วตอนนี้ก๊าซมีเทนก็ถูกสร้างด้วยสสารไม่มีชีวิตได้อีก ไม่จำเป็นต้องใช้การสร้างจากซากศพและอัญมณีอีกแล้ว…’ จอมเวทศาสตร์มืดหลายคนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เมื่อเห็นราเวนติค่อยๆ ผสมก๊าซที่เตรียมไว้กับไฮโดรเจนโดยใช้สัดส่วนคงที่และส่งเข้าไปในขวดแก้วตรงมุมซ้ายบนของอุปกรณ์ทดลอง นี่แค่เพียงสัปดาห์เดียว แต่แนวคิดเก่าๆ ของพวกเขากลับโดนล้มล้างอย่างง่ายดาย
ราเวนติใช้วงแหวนของตัวเองเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีก๊าซอื่นปะปนอยู่ในภาชนะ ก่อนที่จะส่งส่วนผสมลงไป เขายังขอให้เปเซอร์และเฟลิเปช่วยตรวจสอบซ้ำว่ากระบวนการนี้ถูกต้อง ดังนั้น ผลการทดลองย่อมเชื่อถือได้
อากัปกิริยาเครียดของราเวนติทำให้จอมเวทคนอื่นๆ ก็พลอยวิตกกังวลถึงผลการทดลองไปด้วย แล้วเขาก็ฉีดน้ำบริสุทธิ์ที่ได้จากการเผาไฮโดรเจนกับออกซิเจนลงในขวดแก้วตรงมุมซ้ายด้านล่าง
“เอาล่ะ สภาพแวดล้อมการทดลองและวัสดุพร้อมทั้งหมดแล้ว พวกท่านสามารถค้นหาทุกสิ่งในนี้ได้จากสภาพแวดล้อมธรรมชาติจริงๆ เรามาเริ่มการทดลองอย่างเป็นทางการกันเถอะ”
“นี่เป็นการจำลองฟ้าผ่า” ราเวนติเปิดวงเวท แล้วสัญญาณไฟฟ้าก็ปรากฏขึ้นในขวดแก้วด้านบนมุมซ้าย “นี่เป็นการจำลองอุณหภูมิร้อนจัดจากเขาไฟระเบิดและน้ำท่วม” ราเวนติอธิบายขนาดเปิดใช้วงแร่แปรธาตุรอบขวดแก้วตรงมุมล่างขวา
แล้วเขาก็เปิดฝาท่อซึ่งเชื่อมต่ออุปกรณ์ทดลองทั้งหมดเข้าด้วยกัน น้ำบริสุทธิ์ในขวดแก้วมุมล่างขวาระเหยและลอยเข้าไปในขวดแก้วส่งมุมบนซ้าย สัมผัสกับก๊าซที่เตรียมไว้ นอกจากนี้ หลังจากก๊าซที่เกิดขึ้นมีปฏิกิริยากับฟ้าผ่าอยู่ชั่วขณะ หยดน้ำจากการกลั่นตัวตามธรรมชาติก็กลับลงสู่ขวดแก้วซึ่งเต็มไปด้วยน้ำบริสุทธิ์โดยไหลผ่านท่อและอุปกรณ์ทดลองอื่นตรงด้านล่าง
ราเวนติถอยห่างจากแท่นทดลองและเปิดใช้วงเวทป้องกันรอบตัว หลังจากเขาเห็นวงจรปฏิกิริยาเสถียรคงที่ “ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ แต่ข้าจะเรียกเปิดวงเวทตอนนี้เลย อีกอย่างนะ ท่านจอมเวททั้งหลาย ได้โปรดช่วยกันสร้างวงเวทรอบๆ วงเวทนี้ เพื่อจะได้ไม่มีใครสามารถขัดจังหวะการทดลองช่วงนี้ได้”
“หนึ่งสัปดาห์? ท่านจะทำอะไรกับมันกันแน่?” เหล่าจอมเวทยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของการทดลองครั้งนี้
“ทำไมถึงใช้เวลานานนัก? อย่าบอกว่าสุดท้ายแล้วจะมีเด็กเกิดออกมานะ” ทิโมธีปล่อยมุกตลก เขาดูท่าทางประหนึ่งผู้รากมากดีด้วยแว่นกรอบทองที่สวมอยู่
พวกนักเวทศาสตร์มืดรู้ว่านั่นเป็นเพียงมุกตลก พวกเขาจึงไม่ได้สนใจ การกลั่นอวัยวะมนุษย์มีความซับซ้อนสูงมาก วิญญาณก็เป็นปัญหา จึงเป็นเรื่องยากมากในการสร้างองค์ประกอบชีวิตที่ซับซ้อน การทดลองดูเรียบง่ายจนพวกเขาไม่อยากเชื่อว่าผลผลิตที่ได้มาจะมีคุณภาพสูงพอให้ชื่นชม
ราเวนติเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และมีสีหน้าเคร่งเครียด “ใช่ แต่ต้องรอประมาณหนึ่งสัปดาห์ และเราสามารถใช้เวลาช่วงนี้ในการอภิปรายว่าองค์ประกอบและแร่ธาตุสามารถช่วยบำรุงให้พืชเจริญเติบโตได้หรือไม่ มีห้องมากพอสำหรับทุกท่านทั้งสี่ชั้นด้านบนในอาคารหลังนี้ นอกจากนี้ ท่านสามารถใช้ตึกอื่นๆ ด้านหลัง ถ้าท่านต้องการ และยิ่งไปกว่านั้น ได้โปรดช่วยกันตรวจสอบการทดลองครั้งนี้ว่าเป็นไปอย่างเอกเทศและถูกต้อง”
เปเซอร์ โรเจริโอ และนักเวชศาสตร์มืดที่กำลังสับสนคนอื่นๆ สงสารถึง ‘เจ้าแห่งผีดิบ’ แล้วจึงตอบรับข้อเสนอของราเวนติ ทุกคนต่างอยากรู้ว่าการทดลองจำลองสภาพแวดล้อมบุพกาลเช่นนั้นจะพิสูจน์อะไรได้
อาร์เซเลียนและไอริสทีนนั่งอยู่ด้านข้างลูเซียน พวกเขาก็สนใจในธรรมชาติและสภาพแวดล้อมบุพกาล อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่แทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการทดลองเวทมนตร์ และก็ยังไม่รู้อีกว่าการทดลองจำลองสภาพแวดล้อมบุพกาลครั้งนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร ความสงสัยบังคับให้พวกเขาต้องวางความเกลียดชังลงและมองไปทางลูเซียน “ท่านอีวานส์ เราเข้าใจว่าจอมเวทอาวุโสของเจตจำนงแห่งธาตุออกแบบการทดลองนี้ แต่ว่าพวกเขาต้องการพิสูจน์อะไรหรือ?”
“ตามที่ท่านราเวนติอธิบาย การทดลองนี้กำลังพิสูจน์ว่าองค์ประกอบชีวิตพื้นฐานจะเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมธรรมชาติและทฤษฎีพลังชีวิตจะถูกล้มล้างยิ่งกว่าเดิม”
ด้วยพฤติกรรมติดตัว ไอริสทีนใช้นิ้วชี้ถูริมฝีปากสีชมพูของนางขณะกำลังครุ่นคิด เหล่าดรูอิดเห็นด้วยว่ามีความแตกต่างใหญ่หลวงระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิต อย่างไรก็ตาม ข้อโต้แย้งจากเหล่าจอมเวทค่อยๆ เปลี่ยนความคิดของนางในช่วงหลายวันที่ผ่านมา “ภายใต้สภาพแวดล้อมธรรมชาติ อืม? ฟังดูเข้าท่า”
“ธรรมชาติบุพกาล? โดยไม่อาศัยพระเจ้า?” อาร์เซเลียนค่อนข้างสับสน เขากำลังคิดตามวิถีของดรูอิด
นิโคไลย์และวอลเตอร์กำลังรออยู่ด้านนอกประตูอย่างกระวนกระวาย พวกเขาคิดแผนไว้สองแผน แผนแรกคือการโจมตีเฟลิเปแบบไม่ให้ตั้งตัว เมื่อพวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องโถง และสามารถเดินตรงเข้าไปหาเป้าหมายได้ หากเวิร์น นักเวทเฒ่า ไม่สามารถช่วยให้พวกเขาสบโอกาสลงมือ พวกเขาคงต้องใช้แผนที่สอง ซึ่งต้องรอให้เหล่าจอมเวทอภิปรายกันเสร็จเสียก่อน แล้วค่อยซุ่มโจมตีเฟลิเปขณะที่เขาออกจากห้องโถง
ทั้งคู่ไม่คิดว่าการประชุมจะใช้เวลาทั้งสัปดาห์ ยิ่งต้องอยู่ที่นี่นานเท่าไร ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะถูกจับได้มากขึ้นเท่านั้น
พวกเขายังมีความหวัง หากว่าเฟลิเปได้ห้องพักอยู่ในอาคารอีกหลังหนึ่ง เขาจะต้องเดินออกจากอาคารหลักหลังนี้ และนั่นจะเป็นโอกาสโจมตีของพวกเขา
เวิร์นนั่งอยู่แถวหน้าในห้องโถง เขาลูบเคราสีขาวด้วยท่าทีเป็นกังวลอย่างยิ่ง หากไม่มีโอกาสลงมือ เขาก็ต้องสร้างโอกาสขึ้นมาเอง แต่ดูเหมือนวันนี้เขาจะทำอะไรไม่ได้แล้ว
ราเวนติรอจนเหล่านักเวทอภิปรายกันจบก่อนที่จะอธิบาย “ความร่วมมือวิจัยของเรากลับเหล่าดรูอิดครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดี องค์ประกอบแร่แปรธาตุสามชนิดที่ลูเซียน อีวานส์ เสนอผ่านการตรวจสอบทั้งหมด องค์ประกอบเหล่านี้สามารถช่วยให้พืชเจริญงอกงาม และเป็นการค้นพบที่สำคัญสำหรับประเทศต่างๆ ที่มนุษย์เป็นผู้ปกครอง”
“การทดลองเข้าสู่ช่วงสังเกตการณ์โดยไม่มีผลกระทบจากอาคมเทพของดรูอิด และจะใช้เวลาสี่ถึงห้าเดือนถึงจะสมบูรณ์ แล้วเราจะเริ่มอภิปรายถึงองค์ประกอบแร่ธาตุที่เป็นไปได้อื่นๆ ที่อาจช่วยให้พืชเจริญงอกงามได้ก่อน แล้วเรายังต้องศึกษาปฏิกิริยาพื้นฐานต่อองค์ประกอบเหล่านั้น เพื่อที่เราจะสามารถผลิตได้ในปริมาณมากๆ วันนี้ ขอให้อีวานส์ขึ้นมาถ่ายทอดผลการศึกษาของเขาให้เราฟัง”
ทุกคนปรบมือ เจ้าแม่ส่วนใหญ่เข้าใจว่าถ้าอีวานส์ไม่ได้สังเคราะห์คาร์บาไมด์ เฟลิเปคงไม่ทดลองหาแนวคิดมาล้มล้างทฤษฎีพลังชีวิต แม้ว่าผลวิจัยสุดท้ายยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็เป็นผลงานที่ควรได้รับความเคารพ
นักเวทศาสตร์มืดบางคนจ้องลูเซียนตาเป็นมันด้วยความเกลียดชัง ขณะที่ชายหนุ่มผู้นี้เดินขึ้นไปบนเวที เขามีปัญหากับการเข้าฌานสมาธิ เนื่องจากโลกฌานสมาธิของพวกเขาถูกรบกวน แต่ก็ไม่มีใครที่เล่นงานลูเซียนให้ถึงตาย นั่นเพราะเฟลิเปเป็นคนล้มล้างทฤษฎีพลังชีวิต พวกเขาควรจะเล่นงานเขาก่อนที่จะไปเล่นงานคนอื่น
ลูเซียนกระแอมและเริ่มอธิบายถึงกระบวนการการทดลองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล การทดลองภายใต้การควบคุมส่วนใหญ่ได้รับการตรวจสอบจากเอลฟ์อย่างไอริสทีน และจอมเวทอย่างธีโอดอร์ การออกแบบการทดลองไม่มีปัญหา และแม้ว่ามีการขอแก้ไขข้อมูลบางอย่าง ลูเซียนก็แก้ข้อมูลกลับหลังจากอธิบายเหตุผลให้พวกเขาฟัง
ทุกคนปรบมืออีกครั้งเมื่อลูเซียนกล่าวสุนทรพจน์จบ และคิดว่าเขากำลังจะเดินกลับที่นั่ง อย่างไรก็ตาม ลูเซียนใช้มือทำท่าทางส่งสัญญาณให้เหล่าจอมเวทเงียบเสียงลง
อากัปกิริยาของลูเซียนดูจริงจังขึ้นมา ขณะที่เหล่าจอมเวทจ้องมองเขาดูท่าทางสับสน
“ข้าคิดว่าพวกท่านคงสังเกตเห็นสิ่งตลอดการทดลองของพวกท่านและบทความที่ข้าส่งตีพิมพ์ ธาตุที่ช่วยให้พืชเจริญเติบโตทั้งหมดอยู่ภายในองค์ประกอบแร่แปรธาตุซึ่งสามารถละลายน้ำได้ นั่นเป็นวิธีที่พืชดูดซับธาตุ”
“มันชัดเจน ไม่ใช่หรือ? พืชต้องการน้ำและแสงแดดในการเจริญเติบโต ฉะนั้น เฉพาะสสารที่ละลายน้ำได้จะถูกพืชดูดซับ ข้าคิดว่าจอมเวทส่วนใหญ่น่าจะสังเกตเห็นจุดนี้ หลังจากการทดลองล้มเหลวมาหลายครั้ง ท่านอีวานส์ ท่านค้นพบความจริงข้อนี้ก่อนหน้าเรานิดเดียว” เสียงนักเวทคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงผิดหวัง เขามีความรู้ในเวทมนต์ทั้งสายวิญญาณและสายธาตุ ข้อเท็จจริงเรื่องทฤษฎีพลังชีวิตจึงส่งผลกระทบต่อเขา
รอยยิ้มแบบมีเลศนัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของลูเซียน “ข้ามีคำถามจะถามพวกท่าน ถ้าคิดว่ามันชัดเจนแล้ว ทำไมสสารถึงถูกดูดซับได้เมื่อละลายน้ำแล้วเท่านั้นล่ะ? อนุภาคที่ลอยอยู่ในน้ำส่งผลเหมือนกันได้หรือไม่? พืชต้องการน้ำและแสงแดด แต่ก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าน้ำเป็นเครื่องมือนำพา ทำไมผสานแร่แปรธาตุถึงแตกต่างกันนักระหว่างก่อนและหลังละลายในน้ำ? สำหรับประเด็นสุดท้ายนี้ ข้าคิดว่าท่านจอมเวททั้งหลายน่าจะสังเกตพบสถานการณ์เดียวกันนี้กับการทดลองอื่นด้วย แต่เพราะอะไร?”
คำถามพวกนี้ทำให้เหล่าจอมเวทปวดเศียรเวียนเกล้า พวกเขานึกย้อนไปถึงการทดลองที่ผ่านมา และก็ตระหนักว่าสิ่งที่ลูเซียนอ้างถึงก็เป็นจริงตามนั้น ตัวอย่างเช่น สภาพนำของเกลือเปลี่ยนไปมากหลังจากละลายในน้ำ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องไม่ซับซ้อนที่คนต่างคิดว่านั่นเป็นเรื่องปกติ
ลูเซียนก้าวลงจากเวทีหลังจากฝากคำถามทิ้งไว้ เขาปล่อยเวลาที่เหลือไว้ให้จอมเวทได้อภิปรายกัน
“อีวานส์ อีกแล้วหรือ? ข้าจำได้ว่าเจ้าถามคำถามเป็นชุดๆ หลังจากตารางธาตุผ่านการรับรอง ช่างเหมือนท่านประธานดักลาส” รอยยิ้มด้วยความอิ่มเอมใจปรากฏบนหน้ากลมๆ ของแลร์รี่ “เจ้านี้เก่งเรื่องค้นหาปัญหาสำคัญ และสร้างความประหลาดใจ มีหลายเรื่องที่ข้าสามารถเรียนรู้จากเจ้าได้”
ทิโมธีดันแว่นตากรอบทองขึ้นและเริ่มปล่อยมุกตลกก่อนที่ลูเซียนจะทันได้พูดอะไร “อีวานส์ ข้าคิดว่าถ้ามีสมญานามที่เหมาะกับเจ้าแล้วล่ะ อย่าง ‘อีวานส์ จอมเวททำไม’ หรือ ‘นักตั้งคำถาม’ เราคิดว่าอย่างไร?”
“ข้าไม่ชอบสักชื่อขอรับ แล้วก็ ชื่อของข้าอยู่ในชื่อแรกที่ท่านตั้งด้วย ไม่น่าใช่สมญานามที่ดี” ลูเซียนส่ายหัวและเดินผ่านพวกเขาไป มุ่งหน้ากลับไปยังที่นั่งตรงกลาง
ทิโมธีหัวเราะชอบใจ “อีวานส์ แล้วสมญานามอะไรถึงจะเหมาะกับเจ้าล่ะ?”
“หนึ่งแสนทำไม…” ลูเซียนนั่งลงด้วยสีหน้าว่างเปล่าไร้อารมณ์
…
ในพื้นที่ของมิติพิเศษ เจ้าแห่งวายุยิ้มกริ่ม
“มีคำถามมากมายเหลือเกิน” เขาหันกลับไปพูดและจ้องไปที่ประธานสภาเวทมนตร์ ดักลาส
ดักลาสสังเกตว่าเจ้าแห่งวายุกำลังมองเขาอยู่ เขาจึงเบนสายตาออกมาจากอุปกรณ์ทดลอง ดักลาสพยายามจำลองการทดลองนี้ในพื้นที่ญานฌานสมาธิของเขา และพบผลที่เป็นไปได้ แต่เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับผลที่ตามมามากนัก และเขาก็มองกลับไปที่เจ้าแห่งวายุด้วยความสับสน
“หนึ่งแสนทำไม” เจ้าแห่งวายุพูดด้วยเสียงเบาๆ
ดักลาสไม่เข้าใจว่าเจ้าแห่งวายุกำลังพูดเรื่องอะไร “อะไร?”
…
จอมเวทก็มีเรื่องให้ต้องอภิปรายกันอีกก็เพราะคำถามของลูเซียน มีอีกหลายคนขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีเป็นระยะๆ และพวกเขาก็ทำงานทดลองสำเร็จไปหลายๆ ครั้ง โดยใช้แท่นทดลองเล่นแร่แปรธาตุอีกแท่นหนึ่ง บางคนก็ตั้งข้อสันนิษฐานไป แต่ก็ถูกพิสูจน์ว่าไม่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไป
ลูเซียนและเฟลิเปได้อยู่ในห้องพักชั้นบนของอาคารหลัก ข้ารับใช้ของพวกเขาได้รับเลือกมาจากนักเวทฝึกหัด ดังนั้น นิโคไลย์และวอลเตอร์ไม่มีทางลอบเข้าไปได้ เวิร์นเกือบจะพยายามลงมือด้วยตัวเอง แต่เขาได้รับห้องพักที่อยู่อาคารอีกหลัง
นิโคไลย์และวอลเตอร์มีโอกาสหลายครั้งที่จะได้เข้าไปในโถงอาคาร แต่เฟลิเปและลูเซียนนั่งอยู่กลางห้องโถงอย่างระแวดระวัง ท่ามกลางเหล่านักเวท พวกจอมเวทเป็นฝ่ายเตรียมเครื่องดื่มกันเอง เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถสังหารเขาด้วยยาพิษหรือการจู่โจมแบบไม่ให้ตั้งตัว ฉะนั้น นิโคไลย์และวอลเตอร์จึงต้องผิดหวังกับสถานการณ์ในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเขารอดจากการตรวจสอบของจอมเวทชั้นอาวุโสและคิดว่าอุปกรณ์เวทที่ใช้ได้ผลดีทีเดียว
สัปดาห์นี้กำลังหมดลง แต่พวกเขายังไม่มีโอกาสถึงตัวลูเซียนและเฟลิเป จอมเวทเฒ่าเวิร์นเป็นกังวลมากขึ้น นักเวทสายธาตุผู้นี้จะไม่สามารถหาช่องทางให้นิโคไลย์และวอลเตอร์มีโอกาสได้ หากเฟลิเปกลับไปยังเมืองไฮด์เลอร์
……………