Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 235 ผลกระทบ
ฟีลิเบลถึงกับกระโดดขึ้นมาจากเก้าอี้และรีบคว้าจดหมายด้วยมือที่สั่นเทา เขาอยากรู้ว่าสภาเวทมนตร์จะประกาศศึกกับศาสนจักรเลยหรือไม่
ในความผิดของเขา เขาเชื่อว่าการลอบสังหารจะสำเร็จลุล่วง เนื่องจากนี่เป็นเหตุผลเดียวที่จดหมายถูกส่งมาจากจอมเวทที่รับสินบน แทนที่จะใช้ช่องทางอื่น หากสภาเวทมนตร์สามารถยึดครองอาณาจักรโฮล์ม ความจริงที่นักเวทบางคนที่ทำงานให้กับศาสนจักรก็จะถูกเปิดโปงโดยง่าย แต่สำหรับนักเวทที่ต้องการหาผลประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ สถานการณ์ที่ดีที่สุดคือปล่อยให้อำนาจระหว่างสภาเวทมนตร์และศาสนจักรถ่วงดุลกันอย่างนี้ต่อไป
ขณะร่ายอาคมแสงศักดิ์สิทธิ์จากดวงตา ฟีลิเบลเพียงแค่ตรวจดูจดหมายให้มั่นใจว่าปลอดภัยที่จะเปิด เขาเคยร่วมมือกับนักเวทจำนวนมากในช่วงหลายปี ตั้งแต่เขารับตำแหน่งปกครองสังฆมณฑลโฮล์ม ดังนั้น ฟีลิเบลรู้ดีว่านักเวทพวกนี้เจ้าเล่ห์และมีเล่ห์เหลี่ยมมากขนาดไหน ตัวอย่างเช่น จดหมายฉบับนี้อาจบรรจุสื่อกลางบางชนิดสำหรับร่ายอาคม ‘เวททะลวงสมอง’
หลังจากตรวจสอบจนมั่นใจว่าไม่มีกับดักเวทมนตร์ในซองจดหมาย ฟีลิเบลก็เปิดซองจดหมายออกและพบกระดาษบางๆ ชิ้นหนึ่ง
“กลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุขอเสนอการทดลองจำลองสภาพแวดล้อมธรรมชาติยุคก่อนประวัติศาสตร์ ภายใต้การสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดของจอมเวทจำนวนมากและผู้พิทักษ์ราตรีสองคน และไม่มีการแทรกแซงจากเวทมนตร์หรือพลังเทพใดๆ หลังจากปล่อยให้วงจรการทดลองทำงานไปหนึ่งสัปดาห์ องค์ประกอบชีวิตถือกำเนิดขึ้นในอุปกรณ์ปฏิกรณ์ ซึ่งรวมถึงกรดแอสพาติคและอื่นๆ ผู้พิทักษ์ราตรีทั้งสองและอดีตจอมเวทซึ่งแปรพักตร์ไปศรัทธาใน ‘พระเจ้าแห่งสัจธรรม’ ไม่อาจทนยอมรับผลการวิจัยได้ด้วยภววิทยาอันล้มสลาย เป็นเหตุให้ทั้งสามคนปลุกพลังภายในของตนกัดกินทำลายในทันที
“พระเจ้าสร้างโลกในเจ็ดวัน… ท่านคาร์ดินัลฟีลิเบล ใช่ผลการทดลองนี้หรือไม่?”
หลังจากนั้น เนื้อความในจดหมายก็สรุปวิธีการสร้างอุปกรณ์ปฏิกรณ์และวิธีการทดลองคร่าวๆ รวมถึงผลการวิจัย
“องค์ประกอบชีวิต…? สภาพแวดล้อมธรรมชาติยุคก่อนประวัติศาสตร์” ฟีลิเบลพูดพึมพำราวกับว่าเขากำลังฝัน และเขาจำลายมือที่เขียนจดหมายได้ดี จดหมายฉบับนี้ไม่ได้ส่งมาจากจอมเวทธรรมดาๆ ที่รับสินบนจากศาสนจักร แต่มาจากดักลาส ประธานสภาเวทมนตร์!”
ดักลาสเล่าถึงทุกขั้นตอนของการทดลอง ฟีลิเบลรู้ความหมายข้อนี้ดี ดักลาส ในฐานะมหาจอมเวทผู้โดดเด่น เป็นผู้ทนงตนเกินกว่าจะกล่าวคำโกหก และเขามั่นใจเต็มร้อยว่าการทดลองครั้งนี้ให้ผลที่ชอบธรรมและถูกต้องแม่นยำ
มือของฟีลิเบลที่มีดวงขึ้นเป็นจ้ำๆ กำลังถือจดหมายฉบับนี้ เริ่มสั่นอย่างรุนแรง ‘พระผู้เป็นเจ้า… เราจะทำอย่างไรดี? พระองค์จะบอกอะไรกับพวกเรา? ทำไมพระองค์ถึงยอมให้มนุษย์เข้าไปในอาณาจักรของพระองค์?’
วิญญาณที่บริสุทธิ์ใสดั่งแก้วคริสตัลปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศเหนือร่างของเขา ซึ่งเปล่งแสงเรืองรองอนุบาลนวลไปทั่วห้องอ่านหนังสือ กระดาษแผ่นนั้นค่อยๆ ร่วงหล่นลงบนพื้น
“ฟีลิเบล เกิดอะไรขึ้น? อย่าให้ศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าของท่านสั่นคลอน!” ขณะที่วาฮารัลล์ตะโกนใส่เขา คลื่นพลังสีดำก็ปรากฏขึ้นห่อล้อมรอบตัวฟีลิเบลเพื่อควบคุมพลังของเขาให้เสถียร
“ข้าไม่เป็นอะไร… ข้าไม่เคยสงสัยในพระเจ้า” ฟีลิเบลสงบสติอารมณ์ลงได้เล็กน้อยและใส่หัวเบาๆ “ไม่ต้องห่วงข้า ข้าจะไม่เป็นอะไรไป ข้าเคยพยากรณ์เรื่องนี้ไว้ก่อนตั้งแต่ตอนที่พวกนักเวทมันสังเคราะห์คาร์บาไมด์และกรดไขมันสำเร็จ ข้าไม่คิดว่าผลที่ออกมาจะน่าตกใจขนาดนี้ จนเกือบจะทำร้ายวิญญาณข้า”
“มีอะไรในจดหมาย?” วารันไทน์หยิบจดหมายเข้ามาจากพื้น เขาเชื่อว่าเขาเตรียมสภาพจิตรับมือไว้พร้อมแล้ว ฟีลิเบลไม่ได้ห้ามเขา แต่จ้องมองวารันไทน์เพื่อดูปฏิกิริยาของเขาด้วยสายตาครุ่นคิด
“ชั่วช้า!” แม้ยังอ่านจดหมายไม่จบ วารันไทน์ก็สบถออกมาเสียงดังด้วยความเกรี้ยวกราด แก่นแท้ความเข้าใจต่อโลกนี้และความเชื่อพื้นฐานในพระเจ้าของเขาอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดรังสรรค์นิยม หลังจากอ่านจดหมายฉบับนี้ มีก้อนอะไรบางอย่างอุ่นๆ หวานๆ พูดขึ้นมาในลำคอของเขา
เลือดสีทองทะลักออกมาจากปาก ทั้งล่างของเขามีแสงมัวๆ ปกคลุม แม้วิญญาณของเขาจะบาดเจ็บ วารันไทน์ก็กัดฟันพูดออกมา “เราต้องประกาศสงคราม! สงครามเต็มรูปแบบ! เราต้องชำระล้างสภาเวทมนตร์เพื่อปกป้องกิตติศัพท์แห่งพระเจ้า!”
ถือว่ายังโชคดีสำหรับวารันไทน์ เขาสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากสุดตอนที่ผลวิจัยสองชิ้นก่อนหน้านี้ออกมา ฉะนั้น เขาถึงไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนเห็นข้อความจากประธานสภาเวทมนตร์ ดักลาส อย่างไรก็ตาม นี่ยังเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งร้อยหกสิบเก้าปีที่วารันไทน์กระอักเลือดเช่นนี้ ตั้งแต่เขาพัฒนาพลังมาถึงระดับนี้
ในทางกลับกัน เมื่อวาฮารัลล์ผู้มีนิสัยเลือดร้อนอ่านจดหมายฉบับนี้จบ เขาไม่ได้ตกตะลึงเกิดเหตุ แต่สีหน้าของเขาดูเศร้าหมอง เขาค่อยๆ กัดฟันพูดด้วยความเดือดดาลอย่างช้าๆ “เราไม่ควรมัวแต่สนใจพวกนอกรีตทางตอนเหนืออีกต่อไป ถึงเวลาหันมาสนใจกลับพวกนักเวทชั่วช้าสามานย์ที่พยายามใช้มือกันเปื้อนเลือดของพวกมันเอื้อมเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้า!”
วาฮารัลล์เป็นวีระอัศวิน และพลังของเขาก็มาจาก ‘พร’ ของตัวเขาเอง ดังนั้น ผลกระทบอันใหญ่หลวงที่มีต่อความรู้ความเข้าใจอาจจะสั่นคลอนความเชื่อในพระเจ้าระดับหนึ่ง แต่ไม่อาจพรากชีวิตเขาไปได้
“สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือเก็บข้อมูลนี้ไว้เป็นความลับ ปลอบพวกบาทหลวงให้ใจเย็นลง และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนความเข้าใจต่อแนวคิด ‘รังสรรค์นิยม’ ของพวกเขา” ฟีลิเบลพูดกับพระคาร์ดินัลอีกสองรูป
บาทหลวงผู้นำจดหมายฉบับนี้เขามาส่งยืนอยู่ตรงมุมห้อง เขาไม่กล้าอ่านจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะ
ขณะเดียวกัน มีเสียงฝีเท้ารีบจ้ำเข้ามาอยู่ภายนอกห้องอ่านหนังสือ และพระคาร์ดินัลซึ่งอยู่ในชุดสีแดงและผ้าคลุมไหล่ทรงยาวรีบเข้ามาในห้อง ในฐานะบาทหลวงผู้มีพลังพอสมควร เขาดูท่าทางสิ้นหวังและวิตกกังวล “ใต้เท้าฟีลิเบล! บาทหลวงรูปหนึ่งในโบสถ์อาภาเพิ่งถูกลำแสงศักดิ์สิทธิ์กัดกินทำลาย! สังฆมณฑลหลายแห่งก็รายงานว่าบาทหลวงส่วนใหญ่ หรือแม้กระทั่งพระคาร์ดินัล กำลังได้รับผลกระทบรุนแรงต่อความตระหนักรู้ในความเชื่อของพวกเขา! แม้ว่าตอนนี้ เราเพิ่งเสียบาทหลวงจากพลังไปเพียงสองรูป แต่บาทหลวงส่วนใหญ่กำลังรู้สึกสับสนและสิ้นหวัง พวกเขากำลังขอร้องให้ท่าน ใต้เท้าฟีลิเบล พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นโดยด่วนว่าการทดลองซึ่งสร้างงงกับชีวิตในสภาพแวดล้อมธรรมชาติยุคก่อนประวัติศาสตร์นั้นเป็นเรื่องหลอกลวง!”
“อะไรนะ?!” ฟีลิเบลตกใจหนักกว่าเดิม เขาไม่คิดว่าสภาเวทมนตร์จะปล่อยข่าวได้เร็วขนาดนี้
…
ในช่วงเช้าตรู่ กลุ่มเด็กส่งหนังสือพิมพ์กำลังร้องตะโกนบนท้องถนนอย่างกระปี้กระเปร่า
“หนังสือพิมพ์ หนังสือพิมพ์! โฮล์มนิวส์ฉบับล่าสุด! ออกเร็วกว่าปกติ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้คนจำนวนมากบนท้องถนนต่างควักเงินจากกระเป๋าออกมาห้าเฟลล์ เนื่องจากทุกคนรู้ว่าต้องมีบางอย่างสำคัญมากในหนังสือพิมพ์ฉบับนี้
ด้วยอิทธิพลจากสำนักเวทมนตร์ต่างๆ คนธรรมดาที่อาศัยอยู่ในโฮล์มรวมเป็นผู้มีการศึกษาสูงกว่าคนธรรมดาในประเทศอื่นๆ ทั่วทั้งมหาสมุทร และพวกเขาต่างก็สนใจเกี่ยวกับการพัฒนาเวทมนตร์ในระดับหนึ่ง ดังนั้น หนังสือพิมพ์ของที่นี่ โดยเฉพาะในนครเรนทาโต จะขายดีเป็นพิเศษ
ขณะเดียวกัน บรรดาขุนนางชนชั้นสูงผู้ไม่ต้องเร่งรีบไปทำงานก็กำลังเพลิดเพลินอยู่กับอาหารเช้า ขณะอ่านหนังสือพิมพ์ ‘โฮล์มนิวส์’ ตามปกติ คนกลุ่มนี้ยังรวมถึงบาทหลวงและพระคาร์ดินัลจำนวนมาก
บาทหลวงหนุ่มรูปหนึ่งออกจากห้องและตรงไปยังห้องอาหารของอาสนวิหาร หลังจากสวดภาวนาเสร็จ ก็มีขนมปังทาเนยและไส้กรอกวางอยู่ในจานตรงหน้าเขา ข้างๆ จานอาหาร มีหนังสือพิมพ์กองหนึ่งวางอยู่
“โฮล์มนิวส์?” บาทหลวงหนุ่มประหลาดใจเล็กน้อย และเขาถามบาทหลวงฝึกหัดอีกคนที่นั่งอยู่ใกล้กัน “ฉบับนี้ออกเร็วกว่าปกติหรือ?”
“ขอรับใต้เท้า” บาทหลวงผู้นั้นตอบด้วยความเคารพ “ข้าไม่มั่นใจขอรับ แต่เห็นคนพูดกันว่ามีข่าวใหญ่เกิดขึ้นในเรนทาโต”
“โอ้?” บาทหลวงหนุ่มหนังสือพิมพ์ขึ้นมา เหมือนเช่นทุกฉบับ หนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งกล่าวถึงข่าวกษัตริย์ผู้ชราภาพซึ่งเสด็จออกล่าสัตว์เมื่อหลายวันก่อน ตามเสด็จโดยขุนนางชนชั้นสูงจำนวนมาก ยกเว้นเพียงเจ้าชายแพทริค
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเปิดหนังสือพิมพ์ไปหน้าสอง พาดหัวข่าวสีดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏให้เห็น ‘การทดลองจำลองสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติยุคบุพกาล’
“การทดลอง?! นักเวทพวกนั้นลงหนังสือพิมพ์แล้วหรือ?” บาทหลวงหนุ่มตกตะลึง ขณะเขาอ่านเนื้อข่าวเพิ่มเติม เขาถึงกับเอ่ยปากออก “โกหก! โกหกหน้าด้านๆ! พวกลบหลู่พระเจ้า!”
บาทหลวงฝึกหัดคนอื่นๆ ต่างตกใจกลัว เมื่อเห็นว่าบาทหลวงหนุ่มรูปนี้ขว้างปาจานชามทั้งหมดลงบนพื้น พวกบาทหลวงฝึกหัดต่างถอยหลังออกไป
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ บาทหลวงหนุ่มพึมพำกับตัวเองอย่างสับสนงุนงง “โกหก… มันต้องเป็นเรื่องโกหก! ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อหัวหน้าพระคาร์ดินัล และเขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่านี่มันเรื่องโกหก!”
สถานการณ์เดียวกันเกิดขึ้นกับโบสถ์และอาสนวิหารส่วนใหญ่ในสังฆมณฑลโฮล์ม และเกือบจะพร้อมๆ กันกับโบสถ์ต่างๆ ในอาณาจักรโคเล็ตต์
สภาเวทมนตร์ได้แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลอันใหญ่หลวงของพวกเขา!
…
“นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง” พระคาร์ดินัลอีกรูปค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อย
ฟีลิเบลถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “แต่ว่าทำไมโฮล์มนิวส์ถึงตีพิมพ์ผลวิจัยครั้งนี้?”
“สำนักงานใหญ่และฝ่ายต่างๆ ของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของสภา พวกมันตีพิมพ์โฮล์มนิวส์ฉบับล่าสุดในทุกๆ เมือง” พระคาร์ดินัลรูปนั้นอธิบาย “อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่างนี้ไปหมดแล้ว”
ฟีลิเบลยังคงสับสน “แต่พวกมันสื่อสารกับคนอื่นๆ รวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร? พวกอาคมส่งผ่านเสียงต้องอาศัยพลังมหาศาลและการร่ายเวทพวกนั้นมีขั้นตอนซับซ้อน… ทำไมพวกมันถึงทำได้เร็วขนาดนี้?”
“ตอนนี้เรายังไม่ทราบขอรับ ใต้เท้าฟีลิเบล” พระคาร์ดินัลรูปนั้นตอบ
วาฮารัลล์พูดกับฟีลิเบลด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดไม่ต่างกัน
“ฟีลิเบล เจ้าอยู่ที่นี่และคอยควบคุมสถานการณ์ไว้ ข้าจะเข้าเฝ้าพระสันตะปาปาเพื่อทูลขอคำแนะนำจากพระองค์”
เมื่อฟีลิเบลอยู่เพียงลำพังในห้องอ่านหนังสือ หลังจากทุกทุกคนออกไปทำหน้าที่ของตน เขาถอนหายใจอย่างช้าๆ “พระประสงค์ที่แท้จริงของพระองค์คืออะไรกันแน่ พระผู้เป็นเจ้า?”
…
แลนซ์ นครศักดิ์สิทธิ์
พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่สองกำลังมองเหล่าพระคาร์ดินัลที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างใจเย็น แล้วเขาก็ยกคฑาขึ้นพูดกับเหล่าพระคาร์ดินัลด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกท่านลืมโอวาทของพระผู้เป็นเจ้ากันหมดแล้วหรือ? เพียงวิญญาณเท่านั้นที่เข้าถึงสวรรค์ขุนเขา หาใช่เลือดเนื้อของใครไม่!”
…………………………