Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 240 ความประทับใจของเอลฟ์
ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองอัลลิน ณ คฤหาสน์บ้านสวนหลังงาม
แม่บ้านสองคนกำลังยกน้ำชาในถ้วยกระเบื้องเคลือบอย่างดีมาให้กลับไอริสทีนและอาร์เซเลียน แม่ทั้งสองคนจะได้รับการอบรมมาอย่างดี แต่ก็ไม่อาจห้ามใจไม่ให้แอบเหลือบมองเอลฟ์ทั้งสองได้ เนื่องจากเขาและนางมีรูปร่างลักษณะงดงามและทรงเสน่ห์ หูยาวๆ ของทั้งสองก็ดูมีเอกลักษณ์มาก
ณ ห้องรับแขก นักเวทฝึกหัดกำลังทำแบบฝึกหัดเรื่องอาร์คานาศาสตร์บนโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ พวกเขาถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า รู้สึกเหนื่อยหน่าย แต่ขณะเดียวกัน เขาก็คอยชำเลืองมองอีวานส์กับเอลฟ์ทั้งสองตน รู้สึกอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แม้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหล่านักเวทฝึกหัดได้เห็นสัตว์ประเสริฐนอกเหนือจากมนุษย์สายพันธุ์อื่น เช่น เอลฟ์ คนแคระ และยักษ์ พวกเขาก็รู้สึกประทับใจกับภายนอกของไอริสทีนและอาร์เซเลียนมาก ซึ่งดูสง่างามและภูมิฐาน
“นั่นคือที่เราเห็นมา ท่านอีวานส์ ท่านคิดเห็นอย่างไรช่วยบอกข้าเถิด?” ไอริสทีนอธิบายรายละเอียดสิ่งที่นางเห็นอยู่รอบข้างโรงงานโดยพูดเกินจริงไปเล็กน้อย ตอนนี้ นางกำลังจ้องหน้าลูเซียน เฝ้ารอคำตอบของเขา
แม้ว่าพวกเขาจะเป็น ‘เอลฟ์ตะวัน’ ซึ่งเป็นเอลฟ์ชั้นสูง แต่นี่ก็เป็นเพียงครั้งที่สองที่เดินทางออกจากป่าสตรู๊ป เมื่อครั้งก่อนพวกเขามาพร้อมกับมัลฟิวเรียน ‘ผู้เฒ่าหลวง’ แต่ครั้งนี้ ไอริสทีนและอาร์เซเลียนต้องการความช่วยเหลือจากลูเซียน ทั้งสองหวังว่าลูเซียน เจ้าของรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์ม และผู้เขียนบทความผลผลิตแร่แปรธาตุ จะสามารถช่วยทั้งสองเจรจากับสภาเวทมนต์
“ท่านอีวานส์ ครั้งสุดท้ายที่มาที่นี่ เราไปกันได้ด้วยดี… คือ ข้าหมายถึง… ตอนหลังๆ เราทำงานร่วมกันได้ด้วยดี” อาร์เซเลียนพูดอย่างจริงใจ “ข้ารู้ว่าท่านเป็นมนุษย์ที่ดีคนหนึ่งซึ่งห่วงใยธรรมชาติเป็นอย่างมาก แม้ว่าความจริง ในฐานะมนุษย์ ท่านต้องพูดแทนเผ่าพันธุ์ของตัวเอง แต่ข้าก็รู้ว่าท่านตระหนักถึงความรุนแรงของสิ่งนี้ดี ท่านอีวานส์ ท่านคงไม่อยากเห็นมนุษย์ตายเหมือนปลาพวกนั้น ใช่ไหม? ข้าหวังว่าท่านจะสามารถเสนอต่อสภาเวทมนต์ให้ปิดโรงงานแห่งนั้น และอาจจะมีโรงงานอื่นๆ ด้วย เพื่อปกป้อง ‘พระแม่แห่งสรรพสิ่ง’ ของทุกเผ่าพันธุ์
ลูเซียนจิบน้ำชาและค่อยๆ ตอบคำถาม “ประการแรก ข้าต้องบอกว่า… เราไม่สามารถปิดโรงงานนั้นได้”
“อะไรนะ?” ไอริสทีนและอาร์เซเลียนแสดงออกถึงอาการผิดหวังอย่างชัดเจน
ลูเซียนใช้มือทำท่าทางให้ทั้งสองคนใจเย็นลงก่อนและอธิบายต่อ “หากไม่มีผลผลิตแร่แปรธาตุพวกนั้น มนุษย์ส่วนใหญ่จะต้องอาศัยอยู่ด้วยความแร้นแค้น และพวกเขาจะตายเพราะความยากจน ก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสได้เห็นความเสียหายต่อธรรมชาติเสียอีก และจากมุมมองของนักเวท ข้าก็อยากเห็นพัฒนาการของมนุษย์ เนื่องจากพวกเราต้องใช้เงินในการปลูกผลผลิต ฉะนั้น ไม่ว่าในฐานะมนุษย์หรือนักเวท ข้าก็ไม่เห็นด้วยกับการปิดโรงงาน”
ก่อนที่ไอริสทีนและอาร์เซเลียนจะโกรธเขามากไปกว่านี้ ลูเซียนก็อธิบายต่อ “แต่ แน่นอน เราไม่สามารถปฏิเสธผลเสียหายที่ตามมาจากอุตสาหกรรม เราสามารถออกแบบและจัดตั้งวงเวทใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อจำกัดปริมาณสารปนเปื้อนและลดผลกระทบต่อธรรมชาติให้น้อยที่สุด เราไม่สามารถปิดโรงงานแร่แปรธาตุทั้งหมด เพียงเพราะผลกระทบ จนมองข้ามคุณค่าของมัน”
หากพูดกันตรงๆ การแก้ปัญหามลภาวะของโลกนี้ง่ายกว่าปัญหาบนโลกใบเดิมมาก อาคมจำพวกธาตุมากมาย เช่น ‘แยกธาตุ’ ‘พายุหมุนพลังธาตุ’ หรือ ‘ลำดับธาตุ’ ซึ่งลูเซียนมีสิทธิพิเศษในการครอบครองอาคมทั้งสาม สามารถจัดการกับมลภาวะได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ อาคม ‘แยกธาตุ’ และ ‘ลำดับธาตุ’ ยังสามารถแม้กระทั่งนำธาตุบริสุทธิ์ที่ได้กลับมาใช้ใหม่ในการทดลองต่อไป แต่มีสองเหตุผลที่ลูเซียนกำลังคิดอยู่ในหัวตอนนี้ก็คือต้นทุน และข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่ต้องการเปิดเผยถึงอาคมพิเศษที่เขามีตอนนี้ และนั่นทำให้เขาต้องการออกแบบเวทมนตร์ระดับสี่หรือห้าใหม่ด้วยการผสมผสาน อาคม ‘แยกธาตุ’ และ ‘ลำดับธาตุ’ เข้าด้วยกัน
เมื่อได้ยินดังนั้น ไอริสทีนก็โล่งใจ และรอยยิ้มมันก็ปรากฏบนหน้านาง “ท่านอีวานส์ เรารู้ว่าท่านจะไม่ทำให้เราผิดหวัง เราตกใจมากจริงๆ… ท่านรู้ไหม การเห็นโรงงานนั้น… เราผิดหวังแค่ไหน ท่านอีวานส์ เราไม่ได้ไม่มีเหตุผล ตราบใดที่สภาวางแผนจะเพิ่มปริมาณวงเวท ข้าเชื่อว่าเราจะสามารถร่วมงานกันได้ในอนาคต”
ทั้งไอริสทีนและอาร์เซเลียนได้เรียนรู้มามากมายและโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นจากการร่วมงานกับมนุษย์ ทั้งสองเริ่มเข้าใจความหมายของคำว่าประนีประนอมและการเจรจา รวมถึงความสำคัญของการรักษาความสมดุลระหว่างธรรมชาติและสังคมมนุษย์ แน่นอน การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นผลมาจากความประทับใจทั้งหมดที่มีต่อนักเวทซึ่งได้พิสูจน์ถึงความยิ่งใหญ่ของพระแม่แห่งสรรพสิ่ง
“ฝ่าบาท เรื่องจริงๆ ซับซ้อนยิ่งกว่านี้ ข้ามั่นใจว่าเราจะเห็นโรงงานขึ้นอีกมากมายในอนาคตอันใกล้ และเราไม่สามารถเพิ่มวงเวทตามจำนวนโรงงานที่สร้างขึ้น สิ่งที่ข้าเป็นกังวลก็คือ พวกที่เป็นเจ้าของโรงงานส่วนใหญ่อาจไม่ฟังข้า เนื่องจากการเพิ่มวงเวทหมายถึงการเพิ่มต้นทุนการผลิต แล้วปัญหาก็จะอยู่เหนือการควบคุม วางแผนจะเสนอต่อสภาว่าทั้งสภาและโฮล์มควรออกกฎหมายและระเบียบบังคับโรงงานให้มีวงเวทมนตร์ทำความสะอาดติดตั้งเข้าตั้งแต่แรก” ลูเซียนอธิบาย และนี่เป็นแผนตั้งแต่ต้นของเขาจริงๆ
อาร์เซเลียนกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ยาวและพูดกับลูเซียนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ท่านอีวานส์ ขอบคุณท่านมาก! ท่านเป็นเพื่อนแท้ของธรรมชาติ เอลฟ์ และดรูอิด! ท่านคิดไปไกลกว่าเรามาก!”
“ท่านอีวานส์ ได้โปรดทำตามที่ท่านพูด และข้ามั่นใจว่าท่านมีอิทธิพลพอที่จะทำเรื่องนี้” ไอริสทีนพูดด้วยความซาบซึ้งและจริงใจ “ถ้าท่านต้องการเรา ได้โปรดอย่าเกรงใจ ถ้าผลออกมาดี เราจะสามารถ…”
ไอริสทีนกำลังจะพูดให้คำสัญญาบางประการ แต่นางก็หยุดไว้แค่นั้น เพราะนางไม่ใช่ผู้มีอำนาจตัดสินใจ
ลูเซียนวางถ้วยน้ำชาลงและยืนขึ้น “ไปคุยกับสมาชิกคณะกรรมการกิจการกันเถอะ”
มีสมาชิกสามคนอยู่ภายใต้ ‘สภาสูงสุด’
คณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา รับผิดชอบหน้าที่ตรวจสอบบทความวิจัย ประเมินผลอาคม ตัดสินให้คะแนนค่าชื่อเสียง และประเมินวารสาร นักเวทห้าสิบสองคนที่ทำงานให้คณะกรรมการต่างเป็นผู้รอบรู้ในอาร์คานาศาสตร์ และได้รับการเคารพสูงสุดในบรรดาคณะกรรมการทั้งสามชุด สมาชิกคณะกรรมการส่วนใหญ่ไม่ได้ยุ่งมากนัก
คณะกรรมการวิจัยเวทมนตร์ รับผิดชอบหน้าที่การตรวจสอบและการอนุมัติโครงการวิจัยอาร์คานาศาสตร์และเวทมนตร์ บางครั้ง คณะกรรมการจะมีโครงการของตัวเอง รวมถึงการก่อตั้งกลุ่มวิจัยของตัวเอง นอกจากนี้ คณะกรรมการชุดนี้ยังรับผิดชอบการบริหารจัดการห้องทดลองเวทมนตร์และห้องสมุด คณะกรรมการชุดนี้มีสมาชิกเพียงยี่สิบสามคน แต่เนื่องจากสมาชิกคณะกรรมการก็ไม่ได้ยุ่งวุ่นวายมากนัก และส่วนใหญ่เป็นจอมเวทชั้นอาวุโสผู้ไม่ฝักใฝ่ในการต่อสู้หรือการผจญภัย สมาชิกคณะกรรมการบางคนยังทำงานให้กับ ‘คณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา’
คณะกรรมการกิจการ รับผิดชอบหน้าที่ประจำวันในการบริหารจัดการนักเวท ซึ่งรวมถึงนักเวทฝึกหัด การลงโทษ การป้องกันสภาเวทมนตร์ ข่าวกรอง การบัญญัติกฎระเบียบ และการบริหาร ‘เขตภารกิจ’ และ ‘เขตแลกเปลี่ยน’ หรืออีกความหมายหนึ่ง คณะกรรมการกิจการทำหน้าที่แทน ‘สภาสูงสุด’ และเป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุดในบรรดาคณะกรรมการทั้งสามชุด คณะกรรมการชุดนี้แบ่งออกเป็นฝ่ายต่างๆ และแต่ละฝ่ายก็รับผิดชอบงานในหมวดหมู่ของตน มีสมาชิกคณะกรรมการสี่สิบสองคนอยู่ภายในองค์กร และส่วนใหญ่เป็นจอมเวทหรือนักเวทชั้นอาวุโสที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้ ซึ่งมีความสามารถในการบริหารจัดการ
สมาชิกหกคนจากสิบคนของคณะกรรมการทั้งสามชุดจะมาจากสมาชิกระดับสูงของกลุ่มเวทมนตร์ทั้งหกกลุ่ม กล่าวคือ เจตจำนงแห่งธาตุ หรือหัตถ์ไร้ชีวา และกลุ่มที่เหลือคือกลุ่มที่ขึ้นกับ ‘สภา’ หรือมีกลุ่มย่อยๆ ของตัวเอง
…
ณ ชั้นสิบสามของหอคอยเวทมนตร์ ลูเซียน ไอริสทีน และอาร์เซเลียนถูกยามรักษาการณ์โกเลมทองหยุดไว้
“แขกทั้งสาม” โกเลมพูดด้วยเสียงต่ำ “มาที่นี่ มีวัตถุประสงค์อันใด? ต้องการพบสมาชิกคณะกรรมการผู้ใด?”
ชั้นสิบห้าของ ‘หอคอยเวทมนตร์อัลลิน’ เป็นพื้นที่ของคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา ชั้นสิบเอ็ดเป็นส่วนของคณะกรรมการวิจัยเวทมนตร์ และพื้นที่ระหว่างชั้นของคณะกรรมการทั้งสองชุดเป็นของ ‘คณะกรรมการกิจการ’ ซึ่งมีเรื่องราวมากมายให้จัดการในแต่ละวัน
“สวัสดีขอรับ เรามาขอพบท่านหญิงฟลอเรนเซีย” ลูเซียนตอบ เขาคุ้นเคยกับคนเพียงสองคนในคณะกรรมการกิจการ อีกคนหนึ่งก็คือ ‘โรเจริโอ’ ซึ่งเขาเคยพบตั้งแต่อยู่ในนครอัลโต้ โรเจริโอมาจาก ‘กลุ่มหัตถ์ไร้ชีวา’ และไม่มีทางที่ลูเซียนจะไปหาเขา ลูเซียนรู้ดีว่าเขาโชคดีแค่ไหนที่โรเจริโอไม่ได้เปิดเผยตัวตนนักดนตรีของเขาที่นี่
โกเลมชี้ไปทางเก้าอี้ยาว “กรุณารอที่นี่ ข้าต้องตรวจสอบว่าท่านหญิงฟลอเรนเซียสะดวกหรือไม่?”
ตอนนั้นเอง ประตูลิฟท์ก็เปิดออก เฟลิเปเดินออกมา เมื่อเขาเห็นลูเซียน เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ท่านเฟลิเป มีเรื่องอันใดให้ข้าช่วยขอรับ?” โกเลมโค้งคำนับเฟลิเป นักเวทท่านอาวุโส ด้วยท่าทางเคารพอย่างสูง
“ข้าอยากพบท่านคาร์โรล” เฟลิเปพยักหน้าเล็กน้อย คาร์โรลเป็นสมาชิกคณะกรรมการกิจการคนที่มาจากกลุ่มหัตถ์ไร้ชีวา
“กรุณาตามมาทางนี้ ขอรับ” โกเลมตอบอย่างสุภาพ
เฟลิเปเหลือบมองไปที่ลูเซียน แล้วเขาก็เดินเอามือล้วงกระเป๋าจากไป
“ท่านอีวานส์ ท่านคิดว่าเราควรติดต่อกลับทรูแมนรีกับท่านผู้เฒ่าหลวงหรือไม่?” ไอริสทีนกระซิบข้างหูลูเซียน สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้นางได้รู้ว่าลูเซียนไม่ได้มีอิทธิพลมากอย่างที่นางคิด อย่างไรก็ตาม ทั้งไอริสทีนและอาร์เซเลียนต่างก็รู้สึกซาบซึ้งในตัวลูเซียนมากไม่เปลี่ยน
ลูเซียนไม่ได้ใส่ใจกับคำเสนอแนะของไอริสทีน เขาตอบกลับว่า “ลองดูก่อนเถอะว่าเราทำอะไรได้บ้าง ถ้าไม่ได้ผล คาดคิดว่าท่านมัลฟิวเรียนคงต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง”
การเผชิญหน้ากับ ‘ศาสนจักรฝ่ายเหนือ’ และ ‘ศาสนจักรฝ่ายใต้’ สภาเวทมนตร์เต็มใจอย่างยิ่งในการร่วมมือกับเอลฟ์และดรูอิด แต่ลูเซียนยังไม่มั่นใจว่า ‘สภาสูงสุด’ จะจริงใจแค่ไหน และดรูอิดจะตอบสนองอย่างไร ฉะนั้น เขาจึงอยากลองลงมือด้วยตัวเองก่อน
และการได้รับอนุมัติจากเอลฟ์และดรูอิดก็ถือเป็นส้มหล่นสำหรับลูเซียน
หลังจากผ่านไปสักพัก โกเลมก็กลับออกมา “ท่านหญิงฟลอเรนเซียอยู่ในห้องรับแขกส่วนตัว และนางอยากพบท่านที่ห้อง 1314”
ลูเซียนเองก็ประหลาดใจที่ฟลอเรนเซียอยู่ที่นี่ในวันเสาร์อย่างนี้ เขาหวังว่าเขาจะสามารถโน้มน้าวใจของนางได้ เนื่องจากนางไม่ใช่เพียงหนึ่งในแกนนำของ ‘กลุ่มเจตจํานงแห่งธาตุ’ และ ‘สถาบันเวทมนตร์ราชสำนักโฮล์ม’ เท่านั้น แต่นางยังเป็นภรรยาของ ‘หัตถ์ทำลายล้าง’
อย่างไรก็ตาม จริงๆ แล้ว ลูเซียนไม่มั่นใจเลย เนื่องจากพวกเขาเคยพบกันครั้งเดียวเท่านั้น ลูเซียนเองก็สงสัยว่าจะใช้วิธีไหนทำให้ฟลอเรนเซียเห็นด้วยกับเขา
………………………