Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 243 บิน
ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ขณะนี้เต็มไปด้วยท่วงทำนองแสนมีชีวิตชีวา แอนนิค เลย์เรีย สปรินต์ และนักเวทฝึกหัดทุกคนที่เรียนที่นั่นต่างกำลังเต้นรำไปตามเสียงเพลง พยายามนึกภาพว่าพวกชนชั้นสูงเต้นรำกันอย่างไรในงานเลี้ยงหรูหรา และในขณะเดียวกัน ก็มีบางคนที่แอบมองไปทางท่านอีวานส์เช่นกัน
ร่างกายท่อนบนของท่านอีวานส์ดูผ่อนคลายอย่างมาก นิ้วมือที่พรมไล่คีย์อยู่รวดเร็วและยืดหยุ่น ใบหน้าของเขาดูมีเสน่ห์อย่างยิ่ง ราวกับว่าเขากำลังอุทิศตัวให้กับการเล่นอย่างมาก ใบหน้าจึงประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง ภาพตรงหน้านี้ชวนให้นึกถึงภาพวาดโอ่อ่าดูสง่างาม
เมื่อเล่นจบ ลูเซียนก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เปียโนแล้วหันมาพูดกับเหล่านักเวทฝึกหัด “สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน สวัสดีปีใหม่”
“สวัสดีปีใหม่ ท่านอีวานส์!” ทุกคนเอ่ยขึ้นพร้อมกันอย่างมีความสุข
เสียงของพวกเขาค่อนข้างต่างไปจากเดิม บ้างก็แผ่วทุ้ม บ้างก็แหบพร่า บ้างก็ใสกังวาน ในหมู่เด็กวัยรุ่นพวกนี้ บางคนกำลังประสบกับช่วงวัยที่เสียงจะเปลี่ยน ซึ่งทำให้ลูเซียนรู้สึกสะเทือนอารมณ์เล็กน้อย เพราะอีกหนึ่งปีผ่านพ้นไปแล้ว และลูกศิษย์ของเขาทุกคนก็กำลังเติบโตและเปลี่ยนแปลงไป
“วันนี้คือวันแรกของปี 818” ลูเซียนหยิบแก้วของตนขึ้นมาจากโต๊ะ “ข้าขอให้พวกเจ้าทุกคนมีความก้าวหน้าในการเรียนปีนี้!”
เด็กๆ ต่างก็ชูแก้วของตนขึ้น “ขอให้ท่านกลายเป็นนักเวทระดับกลางในปีนี้ ท่านอีวานส์!”
ในช่วงวันหยุดปีใหม่ สหายของลูเซียนส่วนใหญ่จะกลับไปยังบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมเยือนครอบครัว ดังนั้นเขาจึงเชิญนักเวทฝึกหัดทุกคนที่เดินทางข้ามช่องแคบมาที่บ้านเขาและร่วมฉลองไปด้วยกัน
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เพราะการสอนของลูเซียน แอนนิค เลย์เรีย ไฮดี้ สปรินต์ และแคทรินาต่างเลื่อนขึ้นมาเรียนชั้นเรียนสำหรับระดับสูงแล้ว และเชลีย์ก็กลายเป็นนักเวทฝึกหัดแล้วเช่นกัน
มื้อค่ำนั้นยอดเยี่ยม และหลังจากนั้นนักเวทฝึกหัดทั้งหลายก็เริ่มบอกราตรีสวัสดิ์กันและตรงไปยังห้องนอนแขก เพราะพวกเขาต่างตื่นเต้นเกินไปจนดึกดื่นค่อนคืน ตอนนี้ทุกคนจึงรู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อย
เชลีย์ คือคนสุดท้ายที่จะเดินออกไปจากห้องโถง ขณะที่นางกำลังเดินขึ้นบันไดไป ก็หันกลับมาพูดกับลูเซียนด้วยสีหน้าเขินอายเล็กน้อย “ท่านอีวานส์เจ้าคะ… ข้าแค่อยากจะบอกว่า… ตอนที่ท่านเล่นเปียโน ท่านดูเหมือนนักดนตรีมากสามารถจากอัลโต้ ผู้ประพันธ์บทเพลง ‘แด่ซิลเวีย’ จริงๆ เจ้าค่ะ เพลงนั้นทำให้ข้านึกถึงฌากส์ ข้ามั่นใจว่าเขายังคงต่อสู้เพื่ออนาคตของเรา และข้ารู้สึกมีกำลังใจอย่างมาก ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านอีวานส์… ขอบคุณสำหรับการบรรเลงเพลงแสนไพเราะ”
“นั่นฟังดูโรเมนติกจริงๆ” ลูเซียนแย้มยิ้มและพยักหน้าให้
หลังจากที่คนรับใช้เข้ามา ลูเซียนก็กลับขึ้นไปยังห้องทำงานชั้นบน เขานั่งลงบนเก้าอี้นวมเดี่ยว แล้วหันไปเปิดไฟบนโต๊ะแล้วเปิดจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะอ่าน
มันคือจดหมายที่ส่งมาจากอัลโต้เมื่อครึ่งปีก่อน แต่เพิ่งมาถึงในวันนี้
‘…อาการโลหิตเผาผลาญของข้าหายไปแล้วตอนนี้ และพลังของข้าก็กำลังเสถียรมากขึ้นเรื่อยๆ ข้าคิดถึงดาบของข้า คิดถึงท้องฟ้าสดใส คิดถึงการต่อสู้เหล่านั้น และคิดถึงเสียงเพลงแสนมหัศจรรย์’
‘…เจ้าคงจะไปถึงอัลลินแล้วแน่ๆ ข้าสงสัยว่านครลอยฟ้าจะยังดูเหมือนเดิมหรือเปล่า…’
‘อาหารในโฮล์มมีรสชาติเดียวน่าเบื่อหน่ายอย่างที่ข้าเคยบอกไหม ในความคิดข้า อาหารของโฮล์มนั้นแย่ที่สุด ทุกๆ ครั้งที่ข้านึกถึงความจริงที่ว่าเจ้าต้องกินปลาทอดกับมันฝรั่งทอดทุกๆ วัน ข้าก็รู้สึกแย่และขบขันในเวลาเดียวกัน…’
‘ตอนข้ายังเด็ก มารดามักเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอาร์คานาศาสตร์และเวทมนตร์ให้ฟัง และบอกว่าที่นั่นคือโลกอันยอดเยี่ยมที่เต็มไปด้วยปริศนาลึกลับ ข้าหวังว่าเจ้าจะลืมความเจ็บปวด และความทุกข์ทรมานทั้งหมดที่เจ้าต้องเจอมาก่อนหน้านี้และได้สนุกไปกับการสำรวจโลกใบใหม่นะ และข้าก็มั่นใจว่าเจ้า สหายของข้า จะกลายเป็นนักเวทระดับกลางได้ภายในไม่กี่ปี’
‘ว่าแต่ว่า ลูเซียน เจ้าได้เจอกับแพทริค ท่านลุงของข้าหรือไม่ ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง เขาไม่เคยพูดถึงสุขภาพของเขาในจดหมายเลย และนั่นทำให้ข้าค่อนข้างเป็นกังวล…’
‘สหายของเจ้า จอห์นน่ะ ปลุกพรขึ้นมาได้และกลายเป็นอัศวินเต็มตัวแล้ว ข้าประหลาดใจนิดๆ ที่พรของเขาคือ “กำจัด” โชคดีที่เขาไม่ได้ไปรับใช้ศาสนจักร ดังนั้นเขาจะไม่มีวันเข้าร่วมกับกลุ่มผู้พิทักษ์ราตรี มิเช่นนั้นมันคงจะเป็นการเล่นตลกที่เลวร้ายมากของโชคชะตา เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับซิลเวียและข้า แต่ถึงเช่นนั้น ข้าก็เชื่อว่าเจ้าจะไม่มีทางยอมแพ้ต่อโชคชะตาแน่ สหายข้า และเจ้าก็จะโค่นล้มสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตาแล้วเหยียบย่ำมัน! สำหรับข้ากับซิลเวีย… มันคือความผิดพลาด แต่ข้าไม่อยากจะบ่นแล้วและจะไม่พูดถึงอีก เพราะนี่คือความผิดพลาดของข้ากับซิลเวียเอง และเราควรจะรับผิดชอบมัน’
‘เอาล่ะ เรามาพูดถึงเรื่องดีๆ กันเถอะ ลุงโจเอลของเจ้า ยังชอบไปเล่นดนตรีข้างถนนอย่างมาก ส่วนป้าอะลิซ่าของเจ้าเพิ่งจะเสียงานในสมาคมสิ่งทอไปเพราะไม่มีใครกล้าปล่อยให้มารดาของอัศวินมาซักเสื้อผ้าให้พวกเขาน่ะสิ ตอนนี้งานหลักๆ ของอะลิซ่าก็คือการดูแลคฤหาสน์ของจอห์นและของเจ้าด้วย’
‘สำหรับไอเวิน ตอนนี้เขากำลังเรียนอ่านเขียนอยู่ และเขาก็ได้รับการฝึกฝนเป็นอัศวินจากลอร์ดเวนน์เช่นกัน เอเลน่าลาออกจากงานที่สมาคมนักดนตรีแล้วเพื่อจดจ่อกับการเล่นไวโอลิน ท่านวิกเตอร์กับเฟลิเซียกลับมาจากการเดินทางแล้ว และพวกเขาก็ชอบโซนาตาแสงจันทร์ของเจ้ามาก ในตอนนี้ เฟลิเซียกำลังเตรียมตัวจัดคอนเสิร์ตของนางเอก และข้ารู้สึกยินดีกับนางจริงๆ’
‘ท่านไรน์หายตัวไปนับตั้งแต่ที่งานเทศกาลดนตรีจบลง ข้าไม่แน่ใจว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นในอัลโต้กัน…’
‘ลูเซียน ได้โปรดอย่าลืมในสิ่งที่ข้าเคยบอกเจ้าก่อนหน้านี้ ชีวิตมีอะไรมากกว่าแค่ดนตรี เรามีดนตรี อาหาร การต่อสู้ สหาย และความรักก็เช่นกัน ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นสุภาพบุรุษผู้หนึ่ง ลูเซียน และข้าก็รู้ว่าเจ้ายังเฝ้ารอหญิงสาวในฝันของเจ้าอยู่ จงกล้าหาญเมื่อเจ้าเจอนาง! ไล่ตามนางไป! ชนะใจนางให้จงได้! อย่าได้เขินอาย! หากเจ้าต้องการกลเม็ดเด็ดล่ะก็ เขียนมาถามข้าได้เลยนะ!’
‘สุดท้ายนี้ สุขสันต์วันเกิดนะ สหายข้า’
‘นาตาชา’
’30 มิถุนายน 817’
ลูเซียนอ่านจดหมายไปยิ้มไป ถ้อยคำในจดหมายไม่ได้ประณีตดูดีอะไรเลย แต่มันกลับปลอบประโลมใจลูเซียนอย่างมาก ราวกับว่าเขากำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเพื่อนเก่า และเขาก็รู้สึกสงบสุขอย่างยิ่ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เจอหน้ากันมานานมากแล้ว แต่ลูเซียนก็ยังรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกับนาตาชา
แต่ให้ตายเถอะ ลูเซียนคิดกับตัวเองในใจขณะยังคงมีรอยยิ้มประดับใบหน้า ถ้าหากว่าเขาอยากจะขอคำแนะนำจากนาตาชาในเรื่องการไล่ตามผู้หญิง เขาคงจะเสียโอกาสไปหมดเพราะการสื่อสารระหว่างพวกเขาต้องใช้เวลาตั้งหนึ่งปี…
ด้วยรู้สึกสงบสุขและสดชื่นหลังจากได้อ่านจดหมาย ลูเซียนจึงลุกจากเก้าอี้และเข้าไปในห้องนั่งสมาธิเข้าฌาน
หลังจากปิดประตูและนั่งลงบนเก้าอี้พิเศษ ลูเซียนก็หยิบขวดน้ำยาสีเขียวออกมาจากกระเป๋ามิติ น้ำยาสีเขียวนี้ดูใสแจ๋วและน่าจะมีรสชาติดี
นี่ก็คือน้ำยาที่มีชื่อว่า ‘บิน’ และมันก็ทำมาจากใบไม้ที่ร่วงหล่นจากต้นไม้ของชาวเอลฟ์รวมกับวัตถุดิบล้ำค่าอื่นๆ ซึ่งทำให้ลูเซียนต้องเสียคะแนนอาร์คานาไปถึงเจ็ดสิบคะแนน หากรวมเงินทั้งหมดที่เขาใช้เพื่อทำการทดลอง และปรุงน้ำยาเวทมนตร์ขึ้นมา ตอนนี้ลูเซียนเหลือเพียงหกสิบเอ็ดคะแนนอาร์คานาเท่านั้น ต้องบอกว่าการเรียนเวทมนตร์นั้นก็คือการผลาญเงินดีๆ นี่เอง
ขณะที่จิตใจยังสงบสุขดี ลูเซียนก็ค่อยๆ ดื่มน้ำยาเข้าไป น้ำยาให้รสชาติหวานเย็น ดีกว่าน้ำยาอื่นๆ ที่ลูเซียนเคยดื่มมาก่อนหน้านี้นัก
ฉับพลันนั้นลูเซียนก็รู้สึกได้ว่าดวงจิตของเขาเบาหวิว และเขาก็เข้าฌานได้อย่างง่ายดาย ครานี้ โลกแห่งฌานของเขาชัดเจนสดใสราวกับคริสตัล เหมือนกับน้ำใสๆ ในทะเลสาบน้ำนิ่ง
ดวงจิตของลูเซียนดูดซับน้ำยาเข้าไปช้าๆ แล้วพลังวิญญาณของเขาก็ถีบตัวพุ่งขึ้นราวกับจรวด จากนั้น แบบจำลองเวทมนตร์หน้าตาซับซ้อนเข้าใจยากก็ปรากฎขึ้น นั่นก็คือโครงสร้างคาถา ‘บิน’
แบบจำลองนั้นถูกสร้างขึ้นจากเส้นสายบิดเบี้ยวและส่วนโค้งหลังเต่า นักเวทที่ความเข้าใจในอาร์คานาศาสตร์เป็นศูนย์หรือผู้ที่ไม่เก่งทางด้านคณิตศาสตร์จำต้องวาดแบบจำลองเวทมนตร์ของจริงด้วยมือโดยยึดจากแบบจำลองกึ่งโปร่งแสงจากน้ำยานี้ ซึ่งนั่นจะต้องใช้พลังวิญญาณระดับสูง ทว่าลูเซียน ในฐานะจอมเวทผู้หนึ่ง ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงเรื่องนี้เลย เขาได้คำนวนและวิเคราะห์โครงสร้างไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงใช้พลังวิญญาณได้อย่างชาญฉลาดกว่าด้วยการเชื่อมพลังของเขาเข้ากับดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวและอนุภาคของธาตุรอบๆ เขาเพื่อสร้างโครงสร้างคาถานี้ขึ้น
ทันทีที่ลูเซียนสามารถวิเคราะห์คาถาระดับสามได้ด้วยความรู้อาร์คานาศาสตร์ของเขาเองและกลายเป็นนักเวทระดับกลาง นั่นหมายความว่าองค์ความรู้ของเขามีพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ที่แน่นพอ เขาจึงสามารถเลือกแขนงที่ต้องการศึกษาได้ในอาร์คานาศาสตร์
ลูเซียนในตอนนี้ถูกล้อมรอบด้วยสัญลักษณ์และสูตรทางคณิตศาสตร์แสนซับซ้อนมากมาย แต่เขาก็ยังเพ่งณานสมาธิและพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การสร้างโครงสร้างนี้ให้เสร็จสิ้น
ทันทีที่แบบจำลองนั้นเสร็จสมบูรณ์ แสงเจิดจ้าก็พลันระเบิดโพลงออกมาจากมัน และเริ่มดูดซับพลังวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง ดวงจิตของลูเซียนก็ถูกหุ้มอยู่ในนั้นเช่นกัน
พลังวิญญาณของลูเซียนมีมากพอสำหรับการเลี้ยงบำรุงแบบจำลองนี้ ดังนั้นเขาจึงปัดป้องพลังวิญญาณเพิ่มเติมจากน้ำยาเวทมนตร์ไม่ได้เข้าใกล้เขา พร้อมกับที่ปล่อยให้แสงสว่างเจิดจ้าเปลี่ยนดวงจิตของเขา
ขณะรู้สึกคันยิบๆ และชาหนึบ ดวงจิตของลูเซียนก็เกือบจะกลายเป็นรูปธรรมเพราะพลัง และมันก็ดูใสชัดเจนและบริสุทธิ์กว่าเดิม สัญลักษณ์เวทมนตร์ทั้งหมดที่เขาสร้างประทับไว้ในดวงจิตเขาก่อนหน้านี้หดเล็กลงเหลือเพียงลูกคริสตัลขนาดเล็ก และตอนนี้ก็กำลังหมุนวนไปรอบๆ สัญลักษณ์เวทมนตร์ที่ใหญ่กว่าอย่าง ‘บิน’ ราวกับว่าพวกมันกำลังสักการะบูชามันอยู่
มันคือสัญลักษณ์ที่บอกว่าการเลื่อนขั้นขึ้นเป็นระดับสามสำเร็จแล้ว!
ทว่า ลูเซียนไม่หยุดเพียงเท่านั้น กลับสร้างแบบจำลองเวทมนตร์ของเวท ‘จัดลำดับธาตุ’ และ ‘บอลไฟยักษ์ของลูเซียน’ เวทมนตร์อย่างหลังคือเวทโจมตีที่ยึดหลักจากการศึกษาสารเหลวไนโตรกลีเซอรีนใช้ในการทำระเบิด และมันก็แข็งแกร่งเทียบเท่าเวทมนตร์ระดับสี่อย่าง ‘ระเบิดลูกโซ่’ ที่พัฒนาโดยทิโมธี ข้อบกพร่องเดียวของ ‘บอลไฟยักษ์ของลูเซียน’ คือมันยังไม่เสถียรพอ และบางครั้งบอลไฟก็อาจระเบิดออกก่อนที่จะไปถึงจุดหมาย ดังนั้นจึงต้องใช้เวทมนตร์คงสภาพเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือในการร่ายคาถานี้
เวลาผ่านไปนานเท่าใดมิอาจทราบ แต่แล้วหน้าต่างห้องนั่งสมาธิเข้าฌานอยู่ๆ ก็เปิดออก แล้วลูเซียนก็บินผ่านหน้าต่างและพุ่งขึ้นไปบนอากาศ
ตอนนี้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวดารดาษเหนือเมืองอัลลินดูเหมือนอยู่ใกล้เพียงเอื้อม และสายลมยามราตรีก็ทำให้ลูเซียนรู้สึกสดชื่น เมื่อเขาก้มลงมองไปทางเมืองด้านล่าง ในอกเขาก็พองฟูคับแน่นด้วยความรู้สึกของอิสระเสรี
การบินได้มันรู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง!
………………