Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 247 หอประชุมนักเวทฝึกหัด
เมื่อเห็นประตูเปิดกว้าง ลูเซียน ชาร์ลี และซานดร้าก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย เพราะนั่นหมายความว่าวงเวทของปราสาทนั้นยังไม่ได้ถูกใช้งาน แกนกลางของปราสาทได้รับความเสียหายเมื่อการอัญเชิญล้มเหลว หรือมากจากปีศาจระดับต่ำก็ไม่รู้ว่าจะควบคุมวงเวทอย่างไร
แต่มันเป็นข่าวดีสำหรับพวกเขา เนื่องจากปราสาทของนักเวทที่มีการร่ายเวทมนตร์ป้องกัน ที่อาจจะเป็นระดับหนึ่งหรือสอง หรือมีประสิทธิภาพมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับเจ้าของเอง ปราสาทนี้ได้รับการออกแบบและสร้างโดยนักเวทระดับสาม ที่น่าจะมีพลังของนักเวทอยู่ในระดับสี่หรือห้าด้วย และถ้าวงเวทของปราสาทถูกเปิดใช้งานมันจะทำให้ ลูเซียน ชาร์ลี และซานดร้าต้องให้เวลามากขึ้นในการฝ่าเข้าไป
อย่างไรก็ตามลูเซียนค่อนข้างระมัดระวัง เขาไม่ได้รีบเข้าไปข้างในแต่เขากลับหยุดอยู่กลางอากาศ และจ้องมองปราสาทจากด้านบน
ตาซ้ายของเขาที่สวมแว่นตาข้างเดียวเริ่มใช้แสงอินฟราเรดเพื่อตรวจสอบสถานที่ทั้งหมดผ่านความมืดจากประตูที่เปิดอยู่ ลูเซียนมองเห็นกลุ่มแสงสีแดงในนั้น เหล่าปีศาจที่สร้างขึ้นจากเปลวไฟและกำมะถันมีปริมาณรังสีอินฟราเรดมากมายที่แผ่ออกมาจากร่างกาย ที่แม้แต่กำแพงหนาของปราสาทก็ไม่สามารถซ่อนพวกมันได้
ชาร์ลีกับซานดร้าใช้เวทมนตร์ของตัวเองเพื่อตรวจสอบปราสาททั้งหมด หลังจากการพิจารณาสักครู่ลูเซียนก็มีแผนที่เค้าโครงของปราสาทคร่าวๆ ในใจของเขา และช่วงที่ปีศาจเคลื่อนไหว หลังจากฟังคำอธิบายของซูซานพวกเขาก็รีบวางแผนอย่างรวดเร็ว ลูเซียนพูดกับชาร์ลี และซูซานอย่างใจเย็นว่า “เราต้องทำลายวงเวทในห้องอัญเชิญก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้มีปีศาจออกมาอีก แล้วจากนั้น เราก็จะจัดการเก็บกวาดพวกที่เหลือ สรุปว่า… การเข้าไปในปราสาทผ่านประตูและขึ้นไปชั้นสองเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด”
“เห็นด้วย” นักเวทอีกสองคนพยักหน้า
ในตอนนี้ มีสายฟ้าเริ่มรวมตัวกันในมือของซานดร้าและกลายเป็นหอกสายฟ้าที่มีรูปร่างยาว นางขว้างมันไปทางสวนที่มีบ่อน้ำพลังงานเวทมนตร์ และหอกก็พุ่งปักตรงเป้าหมายอย่างสมบูรณ์ ทันใดนั้นก็เกิดการระเบิดขึ้นเล็กน้อย แต่เสียงไม่ดังมากจนเกินไป บ่อน้ำทั้งหลายในสถานที่ต่างๆ ของปราสาทเหล่านี้คือบ่อน้ำที่ได้ดูดซับพลังมาจากดวงอาทิตย์เพื่อเป็นเวทมนตร์ป้องกันของปราสาท
พวกเขาจำเป็นต้องระเบิดบ่อน้ำให้มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้วงเวทถูกเปิดใช้งานหลังจากที่พวกเขาเข้าไปในปราสาท
ตอนนี้บ่อน้ำถูกปกคลุมไปด้วยสัญลักษณ์เวทมนตร์นับไม่ถ้วน ราวกับว่ามันถูกต่อต้านการใช้พลังจากหอกสายฟ้า
ซานดร้าที่กำลังเรียกหอกสายฟ้าเล่มอื่นๆ พลันเห็นลูเซียนที่ยื่นมือขวาขึ้นมาและมีลูกไฟขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือฝ่ามือของเขา นางรู้สึกได้ถึงพลังที่มีอยู่ในลูกไฟทันที
ลูเซียนผลักมือขวาของเขาไปข้างหน้าและลูกไฟก็พุ่งตรงไปยังบ่อพลังงาน ทันทีที่ลูกไฟกระทบกับบ่อพลังงาน จากนั้นมันก็ระเบิดออกมาเป็นรูปดอกเห็ดเล็กๆ และควันที่หนาทึบ
เมื่อควันหายไปซานดร้าก็เห็นว่าบ่อน้ำทั้งหมดหายไปแล้ว นางอ้าปากค้างเล็กน้อยพูดอะไรไม่ออก เธอรู้ว่าสำนักเวทธาตุมีเวทมนตร์ระเบิดที่ทรงพลังที่สุด แต่สิ่งที่อีวานส์ทำมันเกินกว่าจะจินตนาการเสียอีก มันเหมือนกับเวทระเบิดเพลิงกัมปนาที่เป็นเวทระดับห้า
นางสงสัยว่ามันต้องเป็นเวทมนตร์พิเศษของกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุ’ หรือของอีวานส์เอง เนื่องจากทั้งซานดร้าและชาร์ลี รู้ได้อย่างชัดเจนว่าลูเซียนไม่ได้ใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ใดๆ เพราะพวกเขาอยู่ข้างๆ นั้นเอง
ถึงตอนนี้พวกเขาก็เชื่อมั่นในพลังเวทมนตร์ของลูเซียนอย่างแน่นอน
“ก่อนที่ปีศาจจะมารวมตัวกันเพราะเสียงที่เกิดขึ้น พวกเราต้องเข้าไปตอนนี้” ลูเซียนกล่าวด้วยความรวดเร็ว
‘ลูกไฟบรรลัยกัลป์’ ของลูเซียนเป็นเวทมนตร์ระดับสามที่เป็นเวทมนตร์โจมตีที่ผสมผสานพลังระเบิด และพลังการเผาไหม้ นอกจากนี้เวทมนตร์จากแหวนธาตุของลูเซียนก็เพิ่มพลังของเวทมนตร์อีกสามสิบถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ จนเวทมนตร์นี้ดูเหมือนเวทระดับห้า
ลูเซียนสามารถร่ายเวทมนตร์ได้ติดต่อกันมากกว่ายี่สิบครั้ง อย่างไรก็ตามเพราะเขาต้องใช้เวทมนตร์ที่สลักไว้เพื่อเสริมพลัง ดังนั้นจำนวนของการร่ายจึงลดลงเจ็ดถึงแปดครั้ง โชคดีที่แหวนธาตุนั้นได้เพิ่มความเร็วในการฟื้นพลังวิญญาณของลูเซียนได้เทียบเท่ากับเวทระดับห้า เว้นแต่ว่าเขาจะร่ายเวทมนตร์โดยไม่หยุดพัก เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพลังวิญญาณของเขาจะหมดไปในการต่อสู้ที่กินเวลาไม่ถึงสามสิบนาที
แหวนธาตุ เป็นของวัตถุเวทมนตร์ที่ดีมากอย่างแน่นอนโดยเฉพาะกับระดับของลูเซียน
ลูเซียน ชาร์ลี ซานดร้า และซูซาน ร่อนลงตรงหน้าประตูเหล็กในสวนของปราสาท พวกเขาร่ายเวทความเร็ว และความทนทานกับนางเพื่อให้แน่ใจว่านางจะสามารถติดตามพวกเขาได้
ทันทีที่พวกเขาลงสู่พื้นดิน พวกเขาก็จัดวางรูปแบบการต่อสู้มาตรฐาน ชาร์ลีกับซานดร้าอยู่ด้านหน้า และลูเซียนอยู่ด้านหลัง ซูซานอยู่ตรงกลาง
มีรอยเลือดบนพื้นสวน พวกเขาได้ยินเสียงคำรามที่แสนชั่วร้ายออกมาจากปราสาท เห็นได้ชัดว่าปีศาจได้สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเขาแล้ว
ชาร์ลีระเบิดประตูเหล็กด้วยลูกไฟและพวกเขาก็รีบเข้าไปในปราสาท
ในห้องโถงหลักมีชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์อยู่ทุกหนทุกแห่ง และบนใบหน้าที่ฉีกขาดปรากฏร่องรอยของความหวาดกลัว แขน ขา อวัยวะภายใน และเลือดปกคลุมไปทั่วพื้นและกลิ่นเลือดก็แรงจนเกือบจะทำให้อาเจียน
พวกเขาวิ่งไปทางที่ตรวจสอบจนแน่ในแล้วว่าถูกต้อง พวกเขาวิ่งไปที่บันไดทั้งที่เหยียบย่ำอยู่บนอวัยวะภายในและร่างกายมนุษย์
บริเวณพื้นที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยควันไฟ แต่ทันทีที่พวกเขาใกล้จะถึงบันไดเสียงหึ่งๆ บางอย่างก็เข้ามาใกล้พวกเขา ทางเดินรอบห้องโถงปรากฏฝูงตัวต่อขนาดใหญ่ที่กำลังมาหาพวกเขา และตัวต่อแต่ละตัวมีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของมนุษย์
นอกจากขนาดของตัวต่อแล้ว ตัวต่อแต่ละตัวก็มีใบหน้าของมนุษย์ผู้หญิงที่มีรูม่านตาสีขาวอยู่บนหัว ใบหน้าของผู้หญิงเหล่านั้นดูน่ากลัวราวกับว่าพวกเขาเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก ด้านบนมีหนวดสั้นและขากรรไกรก็ถูกบิดเป็นปากของแมลง ที่ด้านล่างของของตัวต่อเหล่านั้นมีหนามสีดำเงาเป็นประกาย
เมื่อเห็นหน้าเหล่านั้น ซูซานก็เริ่มกรีดร้องราวกับว่านางอยู่ในฝันร้าย ในขณะที่นักเวทระดับกลางสามคนยังคงสงบนิ่งอยู่
พวกมันเป็นปีศาจที่เรียกว่า ‘แตนหัวเสือ’ ลูเซียน ชาร์ลี และซานดร้ารู้ว่าพวกมันเป็นปีศาจระดับต่ำ เพราะไม่มีแถบสีเหลืองส้มหรือแดงบนร่างกาย
สายฟ้าทรงพลังปรากฏออกมาจู่โจมตัวต่อปีศาจตัวหนึ่งที่พยายามจะจับซูซาน
ตัวต่อปีศาจตกลงมาบนพื้น สายฟ้าผ่าลงบนร่างของมันจนเป็นสีดำเหมือนเถ้าถ่าน ส่วนตัวต่อปีศาจที่อยู่ใกล้ก็เป็นอัมพาต ตัวต่อปีศาจที่ได้รับผลกระทบ ตอนนี้กำลังนอนกระตุกอยู่บนพื้น ในขณะที่ตัวต่อปีศาจซึ่งอยู่ไกลจากพวกเขากำลังขว้างก้อนไฟใส่พวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
ในเวลานี้เอง ลมหนาวก็ได้ถูกอัญเชิญออกมาพร้อมกับเกล็ดหิมะที่เริ่มบินเข้ามาในห้องโถง ในไม่ช้าลูกเห็บขนาดเท่ากำปั้นก็เริ่มก่อตัวขึ้นในสายลมที่หนาวเย็นและทุบตัวต่อปีศาจทั้งหลายอย่างรุนแรง
เวทมนตร์ระดับสี่ของชาร์ลี ‘เวทพายุน้ำแข็ง’
ปีศาจส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันต่อเปลวไฟและสารพิษทั่วไป แต่พวกเขาอ่อนแอต่อกรด น้ำแข็ง และหิมะ ชาร์ลีกับซานดร้ามีประสบการณ์มากพอที่รู้ว่าพวกเขาต้องทำอย่างไร
ลูเซียนยังได้ร่ายเวทธนูกรดของมาสเกลีนออกมาอีกด้วย ลูกศรสีเขียวอ่อนจำนวนมากแทงทะลุพวกปีศาจอย่างรุนแรง
หลังจากการโจมตีครั้งนี้ ตัวต่อปีศาจมากกว่ายี่สิบตนก็ถูกฆ่าตายทั้งหมด
สองปีที่แล้วลูเซียนไม่เคยคาดคิดว่าวันหนึ่งเขาจะมีพลังเช่นนี้ ครั้งที่สองก็คือตอนที่ลูเซียนนึกถึงความกลัวของเขาเมื่อเขาถูกส่งไปยังท่อระบายน้ำ และหลังจากนั้นก็คือตอนที่เขาต้องฆ่าบารอนลอเรนต์
ร่างของตัวต่อปีศาจหายไปซึ่งก็หมายความว่าพวกมันไม่มีตัวตน ลูเซียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะเขาตั้งใจจะรวบรวมวัตถุบางอย่างจากพวกมัน และเขาก็รู้สึกสงสัยอะไรบางอย่างเช่นกัน
แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถคิดมากเกินไปได้ เนื่องจากพวกเขายังคงต้องเดินหน้าต่อไปและรักษารูปแบบการต่อสู้ไว้
ไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงชั้นสอง ตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องโถงกว้างขวางซึ่งเต็มไปด้วยชั้นหนังสือจำนวนมาก โต๊ะทำงาน พร้อมด้วยกระดาษและปากกาขนนก
โต๊ะบางโต๊ะล้มอยู่บนพื้น และหนังสือบนพื้นเหล่านั้นก็เปียกโชกไปด้วยเลือด โต๊ะบางส่วนก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นักเวทฝึกหัดถูกฆ่าตายบนเก้าอี้ของเขาเอง และปีศาจก็ผ่าเอาอวัยวะภายในออกห้อยอยู่ตรงนั้น
“นี่คือห้อง หอประชุมนักเวทฝึกหัด เราเคยเรียนที่นี่” ซูซานพูดสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ห้องการอัญเชิญอยู่สุดทางเดินห้องโถง”
แม้ว่าลูเซียนจะอยากคัดลอกหนังสือทั้งหมดที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม พวกเขาทั้งสี่คนยังเดินอย่างระมัดระวังระหว่างผ่านชั้นหนังสือไปที่ทางเดิน
เพื่อแสดงความเคารพพวกเขาไม่ต้องการที่จะทำลายหนังสือเหล่านี้
เมื่อลูเซียนเดินผ่านชั้นหนังสือ เขาก็สังเกตเห็นว่ามีกระจกอยู่ข้างกำแพง ในกระจกเขาเห็นว่าตัวเองกำลังเดินอยู่เป็นท้ายที่สุดตามหลัง ชาร์ลี ซานดร้า และซูซานที่อยู่ตรงกลาง
ในขณะที่ลูเซียนหันศีรษะของเขามาเพื่อวิเคราะห์การสะท้อนของกระจก ตัวเขาในกระจกก็ทำเช่นเดียวกัน ภาพสะท้อนให้เห็นตัวเขาเองที่สวมแว่นตาข้างเดียวที่ตาซ้าย
เมื่อลูเซียนกำลังจะหันกลับไป ทันใดนั้นเขาก็เห็นเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกที่เริ่มแสยะยิ้มอย่างน่าขนลุก ดวงตาของนักเวทหนุ่มในกระจกเริ่มบวมขึ้น และสิวสีเขียวอมเทาก็เริ่มปกคลุมใบหน้าของเขา!
…………………………….