Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 250 เตาเผา
แขนสีขาวลวงตานับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากพื้นหินสีเทา แขนปีศาจเหล่านั้นพยายามที่จะคว้าสิ่งที่อยู่เหนือพวกมัน และดูเหมือนพยายามจะฉีกกระชากสิ่งใดก็ตามที่หลงเขามาแล้วลากไปยังนรก
บนผนังด้านซ้าย และชั้นหนังสือด้านขวามีแขนสีซีดพุ่งออกมา มันดูเหมือนกำแพงแขนที่มาจากนรก
แขนสีซีดที่อยู่รอบๆ ลูเซียน ชาร์ลี และซานดร้าเหมือนกับรับรู้ถึงตัวตนของพวกเขา แขนเหล่านั้นจึงขยับอย่างรวดเร็วเพื่อพยายามที่จะจับ แขน ข้อเท้า หรือเสื้อผ้า
ลูกบอลคริสตัลกลมๆ สิบเอ็ดลูกที่หมุนอยู่เหนือศีรษะของลูเซียน ปล่อยแสงออกมาเมื่อแขนเข้าใกล้พวกเขา แขนสีซีดถูกเผาเป็นจนมีควันสีขาวลอยขึ้นมา
ซูซานและซานดร้าถูกล้อมรอบด้วยลูกบอลพลังงานที่เหลืออีกสามลูกของซานดร้า และลำแสงพลังงานจากลูกบอลทำลายแขนสีซีดรอบตัวพวกเขา และแขนที่สัมผัสร่างกายของชาร์ลีก็ถอยกลับไปในพื้น และกำแพงด้วย ‘เวทกำแพงดูดซับดักลาส’ การไหลของอักษรรูนขยายตัวใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
ชาร์ลี ซานดร้า และลูเซียนไม่ได้ปลดเวทมนตร์ป้องกันออกในขณะที่บิลล์พูด
อย่างไรก็ตามยิ่งทำลายแขนมากเท่าไรแขนก็ยิ่งปรากฏขึ้นมาจากผนังและชั้นวางหนังสือมากขึ้นเท่านั้น มันให้ความรู้สึกเหมือนกับมันงอกออกมาจากเหวลึกที่ไม่มีที่สิ้นสุด
มีเส้นเชือกโปร่งแสงที่โผล่ออกมาจากศีรษะของซานดร้า แล้วพุ่งไปยังลูเซียน ชาร์ลี และซูซาน
ลูเซียน และชาร์ลีจำได้ว่านี้เป็นเวทระดับสามชื่อว่า ‘เวทเชื่อมโยงจิต’ พวกเขาปล่อยให้เส้นเชือกโปร่งแสงนี้เชื่อมพวกเขาไว้เพื่อติดต่อผ่านความคิด ซูซานเมื่อเห็นว่าคนทั้งคู่ไม่ได้ต่อต้าน และไม่ได้เป็นอะไรก็ตัดสินใจที่จะเชื่อมด้วยเช่นกัน
“วิธีเดียวในการจัดการคือการทำลายวงเวทที่เรียกมันออกมา ไม่อย่างนั้นสัตว์ประหลาดจะมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นมาและพวกมันจะจัดการพวกเราถ้าพวกเราคิดจะหนี” ความคิดของซานดร้าถูกถ่ายโอนไปยังความคิดของลูเซียน ชาร์ลี และซูซาน
เวทมนตร์นี้สามารถช่วยให้นักเวทสื่อสารกันได้โดยตรงและเร็วกว่าการพูดด้วยปาก แล้วยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการสื่อสารกันเมื่อพวกเขาต่อสู้หรืออยู่ในสถานการณ์อันตราย จุดอ่อนของเวทมนตร์นี้คือระยะเวลาที่ใช้ได้เพียงสั้นๆ และการเชื่อมต่ออาจถูกขัดจังหวะจากเวทมนตร์ที่ส่งผลต่อจิตใจ หรือความคิดของพวกเขา
ชาร์ลีเห็นด้วยกับแผนของซานดร้าโดยไม่ลังเล “หมอกข้างนอกหน้ามาก ข้าคิดว่าถ้าเราไม่ทำลายวงเวทอัญเชิญและฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นหมอกก็จะไม่มีวันหายไป และอีกอย่างถ้าเราเดินเข้าไปในหมอก สัตว์ประหลาดก็จะกำจัดเราทีละคน”
นักเวทประจัญบานสองคนตัดสินใจที่จะโจมตีเพราะพวกเขาไม่สามารถติดต่อคนอื่นๆ ได้ พวกเขามีสองทางเลือก หนึ่งคือปักหลักอยู่ที่เดิม หรือสองตีฝ่าออกไปตามเส้นทางที่มีแขนสีซีดโผล่ออกมา แต่พวกเขาจะได้แต่เฝ้ารออย่างสิ้นหวังถ้าพวกเขาตัดสินใจที่จะปกหลักอยู่ที่เดิม นอกจากนี้ดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดน่าจะยังคงฟื้นฟูตัวเองอยู่ เพราะมันไม่ได้โจมตีพวกเขาเลยตั้งแต่ที่กำแพงแขนปรากฏขึ้นมา นี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่พวกเขาจะหนี
แต่พวกเขาจะไม่สามารถใช้พลังของพวกเขาในขณะกำลังหนีได้ เพราะพวกเขาจะเป็นกังวล และพวกเขาอาจหลงทาง
“มุ่งหน้าไปที่ห้องพันธะ” ลูเซียนยอมไม่เสียเวลาและตัดสินใจในทันทีในฐานะผู้นำกลุ่ม
บิลล์ปิดผนึกห้องลับหลังจากที่กำแพงแขนปรากฏ แต่ซานดร้าไม่มีเวลาตรวจสอบว่าเขายังปลอดภัยอยู่หรือไม่ ซานดร้าบอกให้ซูซานอย่าอยู่ห่างจากนาง เพราะนางรู้ว่าซูซานหวาดกลัวต่อสถานการณ์มาก
ถ้าซูซานถูกทิ้งไว้ข้างหลัง หรืออยู่ห่างจากจากนางในสภาพแวดล้อมที่อันตรายเช่นนี้ ซานดร้ามั่นใจว่านางจะเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อซูซาน
ซูซานเป็นหนึ่งในสองผู้รอดชีวิตที่ออกไปจากปราสาทได้เพราะนางสามารถปกป้องตัวเองได้ในระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามหากสถานที่นั้นน่ากลัวเกินไป นางจะไม่สามารถทำอะไรได้มากนักหากไม่มีความช่วยเหลือใดๆ ดังนั้นซูซานจึงติดตามอย่างใกล้ชิดหลังจากที่ซานดร้าเรียกลูกบอลพลังงานกลับมาอีกครั้ง
ลูเซียนติดตามอยู่ข้างหลังกลุ่ม เขาวิ่งด้วยความเร็วเทียบเท่าอัศวินจากเวทมนตร์ ‘เร่งความเร็ว’ เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วจนร่างกายดูพล่ามัว แสงจาก ‘เวทดวงดาวมาสเกลีน’ สาดส่องไปบนพื้นทำให้แขนซีดขาวทั้งหลายบนกำแพงถูกขจัด แต่ ‘เวทดวงดาวมาสเกลีน’ เป็นเพียงแค่เวทมนตร์ระดับสาม และมีเพียงดาวสามดวงจากสิบเอ็ดดวงเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถกำจัดแขนเหล่านั้นได้เร็วพอ ทำให้ร่างกาย และเสื้อผ้าของลูเซียนถูกคว้าจับไว้ได้
โชคดีที่ลูเซียนยังคงมี เวทอาณาเขตมรณะ และโล่เพลิงอัคคี ช่วยจัดการพวกแขนที่เหลือได้
ลูเซียนคิดว่าเขากำลังเดินบนเนื้อเน่าๆ หรือตะไคร่ลื่นๆ บนแขนที่โผล่ออกมาจากพื้น มันเป็นภาพที่น่ากลัวและเป็นประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์นัก
นักเวททั้งหลายกระแทกเข้ากับชั้นหนังสือมากกว่าสิบชั้นก่อนที่เข้าโถงทางเดิน และพวกเขาก็ไม่มีเวลาหลบวัตถุทุกชิ้นที่ขวางทางอยู่
โถงทางเดินน่ากลัวยิ่งกว่าหอประชุมนักเวทฝึกหัด ไม่มีแขนสีซีดที่ยื่นออกมาจากกำแพงอีกต่อไป แต่กลับถูกแทนที่ด้วยแขนจากศพ แขนที่เน่าเปื่อยเต็มไปด้วยบาดแผลเปื้อนเลือด และมีลิ้นสีแดงห้อยลงมาจากเพดาน
ซานดร้าชี้ไม้กายสิทธิ์ไปข้างหน้าในขณะที่นางกำลังวิ่ง และโถงทางเดินทั้งหมดก็สว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว แสงรวมตัวกันและเผาพวกมันเป็นเถ้าถ่าน
ชาร์ลีร่ายเวทมนตร์ออกมา จากนั้นกำแพงเพลิงก็ปรากฏขึ้นมาทั้งสอนด้านทำให้แขนเหล่านั้นต้องสูญเสียพลังไปมาก อีกทั้งยังโดน ‘เวทสุริยันอัคคี’ ของซานดร้าก็ยิ่งทำให้พวกมันสูญสลายหายไป
นักเวททั้งสองที่เชี่ยวชาญในการโจมตีช่วยเปิดเส้นทางให้ ทำให้ลูเซียนสามารถเดินทางได้ด้วยความเร็วสูงสุดโดยที่ไม่ต้องร่ายเวทมนตร์ใดๆ ทำให้ลูเซียนมีโอกาสที่จะเน้นไปที่การตรวจสอบสภาพแวดล้อมเพื่อให้เขาสามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้โดยเร็วที่สุด
นั่นคือวิธีที่นักเวทใช้ต่อสู้ในระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือดรุนแรง
ถึงแม้โถงทางเดินจะยาว แต่นักเวทก็เดินทางอย่างรวดเร็วจนมาถึงจุดสิ้นสุดมุมห้อง แขนคนตายแล้ว และลิ้นที่เปื้อนเลือดก็เริ่มแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ บางส่วนของสิ่งเหล่านี้เริ่มฝ่าการป้องกันของกำแพงเพลิง และ ‘เวทสุริยันอัคคี’ ได้แล้ว ทั้งมือและลิ้นเหล่านั้นเกือบจะทำลายการป้องกันของพวกเขาได้สำเร็จแล้ว มันหมายความว่าสัตว์ประหลาดกำลังจะฟื้นขึ้นมาในไม่ช้า
แขนบนพื้นทำให้นักเวทช้าลงอย่างมาก
ลูเซียนสร้างลูกไฟขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วปล่อยมันออกไป ลูกไฟพุ่งตรงไปข้างหน้านักเวท และตกลงบนพื้น
*ตู้ม*
เสียงดังท่ามกลางพื้นที่แคบ ๆ ของโถงทางเดิน พร้อมด้วยคลื่นกระแทกที่พัดแขนเหล่านั้นให้กระเด็นออกไป ประตูบนกำแพงก็ถูกทำลายเช่นกัน เหลือเพียงรอยแตกและรูจำนวนมากบนพื้นดิน
เมื่อพื้นที่ถูกทำลายไปกว่าครึ่ง ชาร์ลี ซานดร้า และซูซานก็ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย แต่มือหรือแขนจำนวนมากก็ผุดขึ้นมาจากพื้นดินอีกครั้งเมื่อลูเซียนพยายามที่จะผ่านทาง
ลูเซียนเปลี่ยนเส้นทางการหมุนของบอลแสงทั้งแปดบนศีรษะของเขา ราวกับว่าจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตา พวกมันชนกันจนบอลแสงหายไปสี่ลูก
ลูเซียนเดินไปที่หัวมุมหลังจากที่เปลี่ยนแปลง ‘เวทดวงดาวมาสเกลีน’ แขนโปร่งแสงและแขนที่เต็มไปด้วยเลือดพยายามที่จะสัมผัสร่างกายของเขา
สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นหลายครั้งเมื่อพวกเขาวิ่งผ่านโถงทางเดิน แต่มันก็เกิดขึ้นตลอดเวลา
วิธีหนึ่งในการใช้ ‘เวทดวงดาวมาสเกลีน’ โดยที่เป้าหมายจะสูญเสียโชคหรือก็คือพลาดเป้าหมาย และจะไม่สามารถทำอะไรได้หลังจากที่การโคจรของดวงดาวเปลี่ยน
หนึ่งวินาทีต่อมาทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะปกติ เขาเห็นว่าฝ่ามือสนามแรงของชาร์ลีก็มาถึงขีดจำกัด ลูกบอลพลังงานสี่ลูกที่อยู่เหนือหัวของซานดร้าก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ไม่มีแขนยื่นออกมาจากกำแพงอีกต่อไปแต่ก็ไม่สามารถมองเห็นประตูห้องพันธะได้ เพราะมีดวงตาขนาดมหึมาดังกำแพงปิดกั้นเส้นทางอยู่ ดวงตาสีดำและม่านตาสีขาวมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง พวกมันเป็นเหมือนทูตแห่งความสิ้นหวังในโลกนี้
ลูเซียนรู้สึกเหมือนวิญญาณของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำหลังจากถูกจ้องมองด้วยดวงตาเหล่านั้น พวกเขารู้สึกราวกับตกลงไปในห่วงอเวจี ดวงดาวมาสเกลีนหนือหัวของเขาดับลงทันทีและลูกบอลคริสตัลก็ตกลงมาที่พื้น เกราะป้องกันพลังอันทรงพลังกำลังจางหายไป และอักษรรูนอันศักดิ์สิทธิ์ของเวทอาณาเขตมรณะก็ปรากฏขึ้นในอากาศ
ทันใดนั้น แสงบริสุทธิ์จางๆ ก็ปรากฎบนร่างของซานดร้า แสงที่ถูกปล่อยออกมาก็พุ่งเข้าหากำแพงดวงตาปีศาจที่ชั่วร้ายเหมือนดอกไม้ไฟ
มันเป็นเวทมนตร์ระดับสี่ที่ชื่อว่า ‘แสงแห่งอาร์คานา’ เวทมนตร์นี้ถูกสร้างขึ้นตามแบบอาคมเทพระดับสี่ ‘แสงแห่งสวรรค์ขุนเขา’ ถึงแม้ว่าแสงแห่งอาร์คานาจะไม่ได้ถูกผสานเข้ากับพลังลึกลับของอาคมเทพ แต่ก็ยังสามารถใช้เพื่อกำจัดสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายได้
ในเวลาเดียวกัน ลูเซียนเรียกใช้ ‘มงกุฎสุริยัน’ และแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ส่องไปโดนกำแพงดวงตาปีศาจ ดวงตาทั้งหลายก็เริ่มบิดเบี้ยวจากแสงศักดิ์สิทธิ์ และเริ่มสลายไปที่ละดวง
อาคมเทพระดับสาม
ในขณะเดียวกันชาร์ลีก็สร้างกระจกใสที่ด้านหน้าของ ‘กำแพงดวงตาปีศาจ’ และบังคับให้ดวงตาจ้องมองมาที่ตัวเอง มันเป็นเวทมนตร์สนามแรงระดับสองชื่อว่า ‘เนตรพิฆาต’ ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการโจมตีด้วยการจ้องมอง
กระจกแตกออกเป็นชิ้นๆ ภายใต้แรงกดดัน แต่ในขณะเดียวกันดวงตาที่ชั่วร้ายก็ระเบิดขึ้นทีละดวง ของเหลวสีดำกระเด็นลงบนพื้นพร้อมกับเสียงที่ฟังคล้ายกับโลหะที่สึกกร่อน ส่วนที่เหลือของดวงตานั้นพินาศในแสงจาก ‘เวทลำแสงแผดเผา’ และ ‘แสงแห่งอาร์คานา’
ในสถานการณ์ที่มีความซับซ้อน เวทมนตร์ระดับต่ำอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าเวทมนตร์ระดับสูง
กำแพงดวงตาปีศาจสลายลงโดยไร้เสียงใดๆ และเผยให้เห็นประตูที่ไปสู่ห้องพันธะ
ลูกไฟถูกปล่อยออกมาจากถุงมือสีขาวของชาร์ลี พังประตูและกำแพงเป็นชิ้นๆ และในที่สุดนักเวททั้งหลายก็มีโอกาสได้เห็นว่าห้องนั้นเป็นอย่างไร
มีวงเวทที่ดูแสนธรรมดาในห้องพันธะ แต่มีศพอยู่เรียงกันตรงปลายทางแต่ละเส้น เลือดที่ไหลออกมามาจากศพถูกดูดไปยังแกนกลางของวงเวท
ตรงกลางของวงเวทมีเตาเผาที่มีเปลวไฟสีดำอันมืดมิด ทั้งที่ดูเหมือนว่าเป็นเตาเผาธรรมดาๆ ภายในเปลวไฟ ร่างๆ หนึ่งในเสื้อคลุมสีดำยาวหรูหรากำลังลุกขึ้น พร้อมกับมือซีดขาวทั้งสองข้างที่วางไว้บนขอบของเตาเผาเพื่อดึงร่างตัวเองออกใส
กะโหลกที่มีเนื้อเน่าบางๆ และดวงตาสีแดงเปื้อนเลือดกำลังจ้องมองที่ชาร์ลีที่อยู่ใกล้กับประตูมากที่สุด สีหน้าของกะโหลกไม่บ่งบอกอารมณ์วิตกกังวล เกรี้ยวกราด หรืออาฆาต มีเพียงแค่แย้มรอยยิ้มเยาะเย้ยที่แปลกๆ
………………………………