Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 265 ชายผู้ร่ำรวย
ในปี 819 ของปีปฏิทินนักบุญ ปลาย ‘เดือนแห่งการเริ่มต้น’
ตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย ท้องฟ้าสีเทาเริ่มเผยให้เห็นสีฟ้าสดใส ในที่สุดพายุใหญ่ก็ผ่านพ้นไป
หิมะทับถมกันข้างหน้าอาคารมีโดมหน้าตาโดดเด่น ซึ่งทับถมหนาเสียจนประตูของอาคารเปิดไม่ได้ ซึ่งชาวจักรวรรดิชาชรานบางคนต้องออกนอกอาคารทางหน้าต่าง พวกเขาเริ่มใช้พลั่วอันใหญ่ๆ โกยหิมะ พลางดื่มสุราไปด้วย
คนที่นี่ส่วนใหญ่มีผมสีบลอนด์ บลอนด์อ่อน หรือดำ และมีรูปร่างกำยำ ส่วนหญิงสาวงดงามและสง่า ส่วนหญิงวัยกลางคนมีแนวโน้มที่จะอ้วน ส่วนใหญ่จะมีรูปร่างใหญ่กว่าสามีถึงสองเท่า พวกนางกลิ้งหิมะให้เป็นก้อนได้สบายๆ ซึ่งเป็นงานหนักแม้แต่สำหรับผู้ชาย โดยใช้มือแค่ข้างเดียว
บนชั้นสองของโรงแรมแห่งหนึ่งที่เลียบไปตามถนนหลัก คนหนุ่มสาวสองคนกำลังมองผ่านหน้าต่าง ดูภาพความครึกครื้นที่ผู้คนข้างล่างกำลังง่วนอยู่กับการกวาดหิมะ หญิงสาวผมบลอนด์ ตาสีฟ้า กุมมือตนเองแล้วยิ้ม “ข้าไม่เคยเห็นหิมะเยอะขนาดนี้ที่ยูรัลมาก่อนเลย ตอนนี้สิ้นเดือนแล้วสินะ โอ้โฮ!”
เขตยูรัลอยู่ในเมืองคีโรฟ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจักรวรรดิชาชราน ยูรัลอยู่ห่างจากป้อมปราการของราชรัฐไวโอเล็ตทางเหนือโดยมีเมืองคั่นอยู่สองเมือง ยูรัลเป็นที่รู้จักในเรื่องแร่และความเชี่ยวชาญในการผลิตอาวุธ ดังนั้น ยูรัลจึงรับผิดชอบเรื่องกองกำลังดูแลแนวปราการของมารินอฟ
หญิงสาวคนนั้นรูปงาม เสื้อโค้ตตัวยาวทำจากขนสุนัขจิ้งจอกที่นางสวมใส่เข้ากับรูปร่างสวยงามของนาง ชายหนุ่มผมสั้นข้างๆ นางมีท่าทางลังเล ทว่าก็เอ่ยขึ้น “เซเลน่า เจ้าไปคุยกับ… ปีเตอร์ งั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว อิกอร์” เซเลน่าหันหลังไป นางรู้สึกสับสนเล็กน้อย “ท่านปีเตอร์ลุ่มลึกและมีอารมณ์ขัน ข้าชอบคุยกับเขา”
นางพูดไปยิ้มไป
รอยยิ้มนั้นทำให้อิกอร์ขุ่นเคือง เขากระทืบเท้าแล้วบอกนางด้วยเสียงโกรธ “เซเลน่า เขาเป็นขุนนางนะ! แล้วเมียเขาก็ต้องเป็นขุนนางด้วย!”
คิ้วได้รูปของเซเลน่าขมวดมุ่น นางรู้สึกไม่พอใจ “แล้วไง? เราเป็นแค่เพื่อนกันนี่ เอาน่า อิกอร์… ระหว่างเรามันไม่มีอะไร ถ้าท่านปีเตอร์อยู่ที่นี่ เขาจะไม่มีทางทำให้ข้าหัวเสียแบบนี้ เขาจะคุยกับข้าเรื่องเกมสนุกๆ ที่เราสามารถเล่นกลางหิมะตกหนักได้…”
“ท่านปีเตอร์ ท่านปีเตอร์… เซเลน่า เจ้าหยุดพูดถึงเขาสักวินาทีไม่ได้รึไง? พวกคนชั้นสูงน่ะเสแสร้งจะตาย!” อิกอร์โมโหเล็กน้อย “เขาดูภูมิฐานใช่ไหม? มีใครรู้บ้างว่าเขาทำมาหากินอะไร? มีใครรู้บ้างว่าเขาเคยทำอะไรมาก่อน? ดูดาบเล่มงามของเขาสิ เขาเอาใจสาวสวยทุกคนในกองคาราวานทั้งนั้น! แปลว่าเขาไม่ได้สนใจเจ้าเลย! เขามันพวกรักสนุก! เขายังไม่ได้ปลุก‘พร’ ของตัวเองเลยด้วยซ้ำ!”
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองคุยกันเรื่องนี้ แต่เซเลน่าไม่ฟังอิกอร์เลย ซึ่งเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป
เมื่อเห็นเซเลน่าก้มหน้า เสียงอิกอร์ก็อ่อนลง “ข้าสนใจเจ้านะ เซเลน่า… ข้าก็เลยทำให้เจ้าหัวเสีย เขาพยายามจะให้เจ้า…” อิกอร์หยุดแค่นั้น ถึงแม้เขาชอบพูดทะลึ่งเมื่ออยู่กับพวกทหารรับจ้าง แต่เขารู้ว่าควรจะยั้งปากเมื่ออยู่ต่อหน้าเซเลน่า
ตอนนี้เซเลน่าดูอารมณ์เสียจริงๆ ในดวงตาสีฟ้ามีน้ำตาคลอ เธอพูดกับอิกอร์ด้วยเสียงสั่นๆ ว่า “อิกอร์ ทำไมเจ้าชอบคิดว่าท่านปีเตอร์เป็นคนไม่ดีนักนะ? เขาปฏิเสธสาวสวยในกองคาราวานไปถึงสองคน อีกอย่าง ข้าไม่ใช่คนโง่ด้วย!”
แล้วนางก็หันหลังเดินกลับห้องไป ปิดประตูดังปัง อิกอร์ขอโทษจากอีกฝั่งของประตู
ตรงสุดโถงทางเดินอีกด้าน ผู้ชายสองคนกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ท่านปีเตอร์ขอรับ ข้าต้องบอกว่าคนของตระกูลวลาดิเมียร์นั้นมารยาทดีจริงๆ ท่านเป็นขุนนางที่ซื่อตรงที่สุดเมื่ออยู่ต่อหน้าสตรี เท่าที่ข้าเคยเห็นมาเลยละ” ชายสูงวัยจมูกใหญ่คนหนึ่งยิ้ม เขาคือเบอร์ดีชิฟ พ่อของเซเลน่า และเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกองคาราวาน
ลูเซียน หรืออีกชื่อหนึ่งว่าปีเตอร์ โจเซฟ วลาดิเมียร์ วางมือซึ่งสวมถุงมือสีขาวบนรางหน้าต่างแล้วยิ้ม “อันที่จริง มีขุนนางอีกมากที่ซื่อสัตย์ นึกถึงเรื่องชวนฝันพวกนั้นสิ”
เพื่อเล่นให้สมบทบาทมากยิ่งขึ้น ลูเซียนได้ย้อมผมเป็นสีบลอนด์โดยใช้น้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้ชนิดพิเศษ เขายังเปลี่ยนสีตาเป็นสีฟ้า ตอนนี้เขาดูสดใสมากทีเดียว
“เราทั้งคู่รู้ดีว่าเรื่องพวกนั้นน่ะเหมาะกับสาวๆ ไร้เดียงสา เพื่อให้พวกนางกลายเป็นคนรักของพวกขุนนาง” เบอร์ดีชิฟหัวเราะ “ท่านปีเตอร์ ท่านอยากรับประทานมื้อกลางวันด้วยกันไหม? ข้ายังมีไวน์ชั้นยอดอยู่อีกขวดหนึ่งนะ”
ลูเซียนผละมือจากรางหน้าต่างแล้วส่ายศีรษะ “ขอบท่านขอรับ ท่านเบอร์ดีชิฟ แต่ข้าดื่มไม่ได้ ข้าทำตัวเองเจ็บเล็กน้อยเมื่อเดินทาง”
“ฮ่าๆ ท่านปีเตอร์… นี่เป็นเรื่องเดียวของท่านที่ไม่น่าพิสมัยนัก!” เบอร์ดีชิฟคุ้นเคยกับลูเซียนมาร่วมเดือนแล้ว ตอนนี้เขาพูดตลกกับปีเตอร์ได้อย่างสบายๆ
จักรวรรดิชาชรานรู้จักกันในนามของจักรวรรดิแห่งอัศวิน เนื่องจากที่นี่มีอัศวินมากกว่าราชรัฐไวโอเล็ตและอาณาจักรโฮล์ม และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจักรวรรดินี้จึงยืนหยัดต่อต้านศาสนจักรฝ่ายใต้มาได้หลายร้อยปี
สิ่งนี้ทำให้นักผจญภัยหลายคนเชื่อว่าสภาพแวดล้อมที่แข็งกร้าวเช่นนี้ดีสำหรับการฝึกความมุ่งมั่น ดังนั้นพวกเขาจะสามารถปลุก ‘พร’ ได้เร็วขึ้น
ในห้องโถงรับประทานอาหาร ลูเซียนเห็นโต๊ะหนึ่งตัวอยู่ตรงมุมห้อง ส่วนลีโอซึ่งบัดนี้คือพ่อบ้านประจำตัว ยืนอยู่ข้างๆ เขา
ผ่านไปครู่หนึ่ง ขณะลูเซียนกำลังรับประทานซุปบอร์ช ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีดำและเสื้อกั๊กขนสัตว์ก็เดินมาหาเขาโดยมีข้ารับใช้เดินตาม
“นี่ ท่านปีเตอร์ ข้านั่งตรงนี้ได้ไหม?” ชายวัยกลางคนร่างเทอะทะถามอย่างกระตือรือร้น
ลูเซียนมองไปรอบๆ และเห็นว่าไม่มีเก้าอี้ว่างเหลืออยู่ เขาจึงพยักหน้า “เชิญขอรับ ท่านเซอร์เก” หิมะตกหนักทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนติดอยู่ที่นี่ ห้องอาหารจึงวุ่นวายกว่าปกติ
เซอร์เกเข้าร่วมกลุ่มคาราวานเมื่อห้าหรือหกวันก่อน เขากำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองยูรัล เขาเป็นคนตรงไปตรงมา ใจกว้าง และช่างพูด จึงคุ้นเคยกับคนส่วนใหญ่ในกองคาราวานแล้ว
หลังจากสั่งบูลิน ซึ่งเป็นแป้งหนาชนิดหนึ่ง คาเวียร์ เนื้อลูกวัวอบ และแกะ เซอร์เกก็ยิ้ม “ท่านปีเตอร์ ข้าอยากบอกว่าท่านทำให้ข้านึกถึงเคานต์คูตูซอฟจากตระกูลวลาดิเมียร์ ท่านกับเขาสง่างามและมารยาทดี ข้าหมายความว่า… ตอนที่ข้าไปทำธุรกิจที่วอลค์ ข้าพบเขาสองสามครั้งได้…”
ลูเซียนหั่นไก่เป็นชิ้นๆ แล้วยิ้ม “ท่านลุงคูตูซอฟงั้นหรือ? เขายังปวดข้อตอนวันฝนตกอยู่หรือเปล่า?”
คูตูซอฟเป็นคนสำคัญของตระกูล ดังนั้น วาเลนไทน์จึงเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับตัวเขา อย่างเช่นอาการเจ็บป่วยจากความล้มเหลวในการเลื่อนขั้นเป็นอัศวินหลวง
“ยังเป็นเหมือนเดิม เหมือนเดิม…” เซอร์เกยิ้มแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย เขาพูดถึงขุนนางคนอื่นๆ ที่เขารู้จัก
หลังจากได้พูดคุยเรื่องของตนกับเหล่าขุนนาง เซอร์เกได้สร้างภาพให้ตัวเอง — นั่นคือ ลึกลับและร่ำรวย จากนั้น เขาถอนหายใจเบาๆ “น่าเสียดายที่ข้าต้องบอกลาท่านเร็วๆ นี้ เพราะเราใกล้ถึงยูรัลแล้ว ข้ารู้จักเคานต์วิตต์ผ่านทางบารอนเนสคาร์ลีน่า และข้าซื้อเหมืองอัญมณีที่เพิ่งมีการค้นพบในยูรัล ถึงแม้ว่าโครงการนี้จะยากลำบาก แต่มูลค่าของเหมืองนั้นเกินจินตนาการเลยละ ใครๆ ก็อยากได้เต็มไปหมด ข้าเลยเกรงว่าจะต้องอยู่ที่ยูรัลอีกนาน”
เขตแดนของเคานต์วิตต์นั้นมีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของเขตยูรัล และเขาเป็นผู้ปกครองจริงๆ
ลูเซียนเคี้ยวไก่จนละเอียด หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ถามคำถามที่เซอร์เกคาดไว้ “เหนือจินตนาการงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง! ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์แล้วว่ามูลค่าของเหมืองนี้เท่ากับเขตทั้งเขตเลย! จากความจริงที่ว่าเคานต์วิตต์ไม่อยากสร้างความยุ่งยาก และเขาอยากหารายได้จากภาษีมากกว่า ไม่งั้นโอกาสที่ข้าจะได้มันมาก็เป็นศูนย์!” เซอร์เกหยิบเอกสารทั้งหมดออกมาจากกระเป๋าแล้วอวดลูเซียน
เวทมนตร์หลายเวทต้องใช้อัญมณีประกอบการร่าย อุปกรณ์เวทมนตร์หลายอย่างก็ทำมาจากอัญมณีธรรมชาติ
“ยินดีด้วยขอรับ” ลูเซียนยิ้มอย่างสุภาพ
“ขอบคุณ ท่านปีเตอร์ แต่รู้ไหมว่าการขายครั้งนี้มันไม่ง่ายเลย ข้าเกือบล้มละลายเพียงเพื่อจะทำให้ท่านเคานต์พอใจ ตอนนี้ข้าไม่มีเงินจ้างคนกับซื้ออุปกรณ์พวกนั้นทั้งหมด เมื่อเร็วๆ นี้ข้าต้องวิ่งหยิบยืมเงินจากเพื่อนๆ แล้วข้าจะจ่ายคืนให้สองเท่า! แต่ข้าก็อยากได้อีกสักหน่อย…” เซอร์เกดูกังวล “ข้าหวังจริงๆ ว่าที่จักรวรรดิจะมีธนาคารให้กู้ยืมเหมือนที่เมืองสเติร์กและอาณาจักรโฮล์ม… ตอนนี้ข้าคิดกระทั่งขายหุ้นบางส่วน…”
พูดจบ เซอร์เกก็เงียบรอลูเซียนพูดตอบอย่างอดทน
แต่ลูเซียนก็ไม่ได้พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
“เอ่อ… ท่านปีเตอร์ ไม่อยากพูดอะไรสักหน่อยรึ?” เซอร์เกชูแก้วไวน์
“ไม่ขอรับ” ลูเซียนใช่ผ้าเช็ดปาก “ข้ากินมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว ท่านเซอร์เก เชิญตามสบายเลยครับ”
จากนั้นลูเซียนก็ยืนขึ้นอย่างสุขุม หลังจากปรับดาบงามๆ ทั้งสองเล่มให้เข้าที่เล็กน้อย เขาก็ออกจากห้องอาหารไปพร้อมลีโอ
เซอร์เกยิ้มค้างอยู่ชั่ววินาที แล้วเขาก็ยิ้ม และจิบไวน์
….
ในตอนบ่าย เมื่อหิมะถูกกวาดออกไปได้บ้างแล้ว ก็มีจดหมายเชิญมาที่โรงแรม ผู้ได้รับเชิญคือลูเซียน และจดหมายนั้นส่งมาจากบารอนเนส คาร์ลีน่า
………………………..