Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 271 ท่านเคานต์คนเก่า
ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายอันอบอุ่น รถม้าชั้นดีกำลังมุ่งหน้าไปยังศูนย์กลางของ ‘เขตขุนนาง’ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองยูรัล จุดหมายการเดินทางคือปราสาท ‘ดรายไวน์’ ของเคานต์
คนเดินถนนทั้งหมดเมื่อเห็นรถม้าผ่านมาทางโค้งคำนับด้วยความเคารพ เนื่องจากทุกคนต่างรู้ว่ารถม้าคันนี้เป็นของเคานต์
ในรถม้าคันดังกล่าว ลูเซียนแสร้งทำเป็นกำลังชมทัศนียภาพ อย่างไรก็ตาม จริงๆ แล้ว เขากำลังตรวจสอบแผนที่ของจักรวรรดิในห้องสมุดห้วงจิต และให้ความสนใจเป็นพิเศษกับสภาพบ้านเมืองของยูรัล
คำเชิญของเคานต์สร้างความประหลาดใจ และลูเซียนไม่อาจหาข้อแก้ตัวที่จะปฏิเสธได้ทัน บทบาทที่ลูเซียนกำลังเล่นอยู่ทำให้เขาได้รับความสะดวกสบายมากมาย แต่ก็ตามมาด้วยปัญหาเช่นกัน
นอกจากนี้ เนื่องจากคำเชิญดังกล่าวอยู่นอกเหนือความคาดหมายของทุกคน แผนของคาร์ลีนาและอีวานอฟสกีอาจถูกขัดขวางจากเหตุการณ์นี้ ลูเซียนไม่รู้เลยว่าทั้งคู่จะทำอะไรต่อไปเพื่อให้กลับมาเพื่อชิงความได้เปรียบ แต่ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เขาจึงต้องเตรียมตัวรับมือไว้ล่วงหน้า
ลูเซียนมั่นใจว่าคำเชิญนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในแผนของคาร์ลีนาและอีวานอฟสกี เนื่องจากก่อนที่ทั้งคู่จะมั่นใจว่า ลูเซียนจะยอมร่วมมือด้วย ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเปิดตัวลูเซียนต่อหน้าเคานต์ หากเคานต์เกิดชอบลูเซียนขึ้นมา และยกสตรีสาวงามของตระกูลวิตต์คนอื่นให้กับลูเซียน ความพยายามของคาร์ลีนาและอีวานอฟสกีก็สูญเปล่า และนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ลูเซียนตัดสินใจตอบรับคำเชิญ
เรื่องที่ลูเซียนยังไม่มั่นใจก็คือเขาคิดว่าคาร์ลีนาและอีวานอฟสกีจะสามารถบงการให้เคานต์ได้รู้ได้เห็นเฉพาะสิ่งที่ต้องการเท่านั้น แล้วทำไมคำเชิญถึงถูกส่งมานอกเหนือคำสั่งของทั้งสองคน? เคานต์ส่งคำเชิญมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ถูกคาร์ลีนาและอีวานอฟสกีจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตามที่อีวานอฟสกีพูดไว้ เมื่อเคานต์ป่วยหนัก และคนที่ไว้ใจที่สุดของเคานต์ก็คือคาร์ลีนา?
หากอีวานอฟสกีไม่รู้วิธีบงการเคานต์ ลูเซียนเชื่อว่าอีวานอฟสกีก็ควรเลิกทำธุรกิจลักลอบขนสินค้าเถื่อนและกลับบ้านไปหาอาชีพที่ปลอดภัยกว่าทำ การลักลอบขายของเถื่อนและความปรารถนาในทรัพย์สมบัติของทันเคานต์ก็คงไม่เหมาะกับเขา
ขณะเขากำลังตรวจสอบแผนที่ อยู่ๆ ลูเซียนก็ถามลีโอที่นั่งอยู่ด้านข้างถึงสภาพแวดล้อมของเมืองยูรัล โดยเฉพาะเมื่อถามถึงสถานที่ผีสิงภายในเมือง ลูเซียนต้องการเตรียมพร้อมให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
“ท่านปีเตอร์ ศาสนจักรอยู่รอบเมือง พวกบ้านผีสิงคงมีเพียงแต่ในนิทานหลอกเด็กเท่านั้น หรือไม่ก็ถูกสร้างขึ้นโดยพวกนักเวทที่อาศัยลึกเข้าไปในเทือกเขาขอรับ ตามที่ข้ารู้มา เหมืองหลายแห่งทางตะวันตกของเมืองถูกเรียกว่า ‘เหมืองต้องคำสาป’ หรือ ‘ประตูถ้ำสู่นรก’ ก็เพราะเกิดการถล่มหลายครั้งและมีคนตายจำนวนมากขอรับ” นิโคไลย์ ข้ารับใช้ของเคานต์ ร่วมวงสนทนาและกล่าวแนะนำ ขณะที่เขาได้ยินบทสนทนาระหว่างลูเซียนและลีโอ
นิโคไลย์เป็นอัศวิน และเขาก็เป็นถึงลอร์ด อย่างไรก็ตาม เขาทำงานรับใช้เคานต์มาเกือบทั้งชีวิต ตั้งแต่สงครามกับ ‘ศาสนจักรฝ่ายใต้’ และเคานต์วิตต์ก็ช่วยชีวิตเขาไว้หลายต่อหลายครั้ง ฉะนั้น นิโคไลย์จึงเต็มใจอยู่ที่นี่และเป็นข้ารับใช้ของท่านเขาต่อไป
จริงๆ แล้ว คนกลุ่มนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก พวกเขามักทำงานรับใช้ขุนนางตระกูลใหญ่ๆ ดยุก ราชา และจักรพรรดิ ไม่เหมือนพวกอัศวินที่มีหน้าที่ปกป้องขุนนาง เนื่องจากพวกเขาเข้าร่วมเป็น ‘อัศวิน’ คนกลุ่มนี้พร้อมใจละทิ้งถิ่นฐานและทำงานใกล้ชิดเพื่อปกป้องขุนนางด้วยเหตุผลหลายประการ
อัศวินบางคนได้ส่งมอบสิทธิและตำแหน่งให้กับลูกหลาน และด้วยการปกป้องขุนนางตระกูลใหญ่ๆ พวกอัศวินก็มีโอกาสเลื่อนสถานะสูงขึ้นกว่าชนชั้นเดิมของตระกูลที่มีมาแต่กำเนิด อัศวินบางคน เช่น นิโคไลย์ ประสงค์เพียงการตอบแทนบุญคุณ อัศวินบางคนก็ได้รับการฝึกจากขุนนาง พวกเขาจึงให้สัญญาว่าจะรับใช้และปกป้องขุนนางไปอีกหลายๆ ปี ส่วนบางคนที่ยอมทำงานให้ขุนนางก็เพียงเพราะถือเป็นทางลัดในการพัฒนา ‘พร’ ที่ถูกส่งต่อเป็นมรดกตกทอดในตระกูลขุนนาง
เมื่อได้ยินความเห็นของนิโคไลย์ ลูเซียนก็ยิ้ม “ท่านนิโคไลย์ ข้ารู้ว่ามีสถานที่ผีสิงในมณฑลตะวันตกเฉียงเหนือ และตอนนี้ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของศาสนจักร” ด้วยการเล่าถึงข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือ ลูเซียนกำลังแสดงให้เห็นว่าเขารู้จักตระกูลเป็นอย่างดี
“ก็อาจจะจริงขอรับ บางทีอาจมีสถานที่เช่นนั้นในเมืองยูรัลอยู่บ้าง และก็อยู่ภายใต้การควบคุมของศาสนจักร แต่เราก็ไม่รู้แน่ชัดขอรับ” นิโคไลย์ใช้ชีวิตอยู่กลางสนามรบเป็นเวลาหลายปี ฉะนั้น วิธีพูดของเขาจึงค่อนข้างตรงไปตรงมา
ลูเซียนไม่ได้ใส่ใจ เขายังคงสนทนากับนิโคไลย์และลีโอต่อไปเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ปราสาทขนาดใหญ่ที่มีเถาวัลย์แห้งขึ้นปกคลุมก็อยู่ตรงหน้าลูเซียน
ทันทีที่มาหยุดวิ่ง หญิงสาวหน้าตางดงามในชุดขนแกะสีขาวก็ลงจากรถม้าด้วยความช่วยเหลือจากแม่บ้านของนางอย่างรวดเร็ว
“ท่านปีเตอร์…”
“ท่านหญิงคาร์ลีนา…”
ทั้งสองต่างประหลาดใจที่พบอีกฝ่ายตรงหน้าปราสาท
ลูเซียนยิ้มและพูดขึ้นก่อน “ท่านหญิงคงมาเยี่ยมท่านเคานต์สินะ?”
“ใช่แล้วค่ะ ข้ารู้มาว่าท่านลุงวิตต์เชิญแขกมา และข้าก็เป็นห่วงว่าเขาจะทำตามคำแนะนำของแพทย์หรือไม่ เดี๋ยวเขาจะเหนื่อยเกินไป จริงๆ ตอนนี้ ท่านเคานต์ต้องการพักผ่อน” คาร์ลีนามีรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วง ข้าคงไม่รบกวนท่านเคานต์มากเกินไปขอรับ” ลูเซียนค้อมศีรษะให้นาง “เชิญก่อนขอรับ”
“ท่านปีเตอร์ ท่านเป็นคนมีมารยาทดีที่สุดในจักรวรรดิชาชราน ข้าชอบนะ” คาร์ลีนาพยักหน้าให้เขา แล้วเดินเข้าไปในประตูปราสาท
สิ่งที่นางพูดเป็นเรื่องจริง พวกขุนนางในชาชรานส่วนใหญ่ไม่ชอบทำตามกฎและธรรมเนียมปฏิบัติเอาเสียเลย พวกเขากลับชอบเรื่องวิญญาณและการต่อสู้ บ่อยครั้งพวกขุนนางที่นี่มักถูกขุนนางทางตอนใต้พูดถึงเรื่องความป่าเถื่อน
เป็นไปตามที่ลูเซียนคาดการณ์ คำเชิญครั้งนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของคาร์ลีนาและอีวานอฟสกี ลูเซียนชักสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในปราสาท เขาเดินตามคาร์ลีนาเข้าไปในประตูปราสาท
…
เปลวไฟโชติช่วงในเตาผิงทำให้พื้นที่ห้องรับแขกในปราสาทอบอุ่นขึ้น ซึ่งไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก
ลูเซียนถอดเสื้อโค้ตออกและส่งให้กับข้ารับใช้ จากนั้นเขาก็โค้งคำนับชายชราตามมารยาทขุนนางด้วยความสุภาพ “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบท่าน ท่านเคานต์วิตต์”
ชายชรากำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ยาวถัดจากเตาผิง เขาสวมเสื้อโค้ตตัวหนาสีดำและกำลังดึงเสื้อโค้ตคุมตัวเองให้แน่น ราวกับว่าเขารู้สึกหนาวมาก หน้าของเขาซีดเผือด แม้ว่ารูปหน้ายังมีเค้าโครงความห้าวหาญเหลืออยู่ ดวงตาของเขาซึ่งเป็นสีน้ำเงินชัดเจน ดูมัวหมองและเป็นต้อขาว หมวกไหมพรมทรงกลมสีดำที่เคานต์สวมอยู่ช่วยปกปิดผมที่เหลืออยู่น้อยของเขา ความประทับใจแรกโดยรวมของลูเซียนต่อเคานต์ก็คือชายที่เคยห้าวหาญและแข็งแกร่ง ตอนนี้กลายเป็นต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา
เมื่อเห็นสภาพท่านเคานต์ซึ่งเป็นอัศวินอาภาระดับเจ็ดที่ดูอ่อนแอถึงเพียงนี้ ความกลัวจับขั้วหัวใจก็ผุดขึ้นในหัวของลูเซียนเมื่อเขาคิดถึงยามแก่ชราและใกล้ตาย แต่โชคยังดี มีหลากหลายวิธีในการยืดอายุขัยในโลกของเวทมนตร์ ทุกๆ คนกลัวความตาย มนุษย์ที่มีเวลาชีวิตสั้นมากมักแสวงหาวิธียืดอายุและรักษาความเยาว์วัย
“ปีเตอร์ โปรดทำตัวตามสบาย” เคานต์กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงและริมฝีปากที่ซีดขาว “สำหรับข้า… การได้พบสมาชิกตระกูลวลาดิเมียร์ที่โดดเด่นในยูรัลเป็นเรื่องยากนัก”
หลังจากพูดจบ เขามีอาการหอบเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “นี่คือหลานสาวของข้า คาร์ลีนา ทั้งสองคนคงได้พบกันแล้ว นี่ผู้ช่วยของข้า เซเมนอฟ ผู้ช่วยมือดี”
คาร์ลีนายืนอยู่ทางด้านซ้าย และเซเมนอฟอยู่ทางด้านขวาของเคานต์ ผมของเซเมนอฟเป็นสีเทา และแม้จะมีริ้วรอยบนใบหน้าไม่มากนัก แต่ทุกริ้วรอยนั้นก็ค่อนข้างลึก จึงยากที่จะบอกอายุจริงของเซเมนอฟ
ว่ากันว่าเซเมนอฟเป็นอัศวินหลวง และแตกต่างจากพวกผู้ช่วยส่วนใหญ่ เขาเป็นคนน่าสนใจทีเดียว
“ขอรับ ใต้เท้า ท่านหญิงคาร์ลีนาเชิญข้าไปยังงานเลี้ยงของนางก่อนหน้านี้ และนางก็ดูแลข้าเป็นอย่างดี” ลูเซียนตอบด้วยมารยาทอย่างจริงใจที่แกล้งทำ แล้วเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ยาว
คาร์ลีนาไม่ชอบสิ่งที่ลูเซียนพูด และนางก็ไม่เข้าใจการเลือกใช้คำของลูเซียน นางยังสาปแช่งเขาให้หญิงสาวทุกคนที่เขาเจอในอนาคตพูดกับเขาอย่างนั้นเหมือนกัน
เคานต์ยิ้ม “ใช่… คาร์ลีนาเป็นคนน่ารัก อันที่จริง… ข้ากำลังมองหาชายหนุ่มจากตระกูลวลาดิเมียร์ และเจ้า ปีเตอร์… เจ้าอยู่ตรงนี้แล้ว…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็เริ่มหอบอีกครั้ง เหมือนเขาจะมีปัญหาสุขภาพร้ายแรงจริงๆ
คาร์ลีนาเป็นกังวลขึ้นมาทันที มือของนางวิธีจับแขนของเคานต์ก็แข็งทื่อ เส้นเลือดบนมือก็ปูดโปนขึ้นมา
ลูเซียนเฝ้ารอเคานต์อย่างสุภาพ
เคานต์ลดความเร็วในการพูดและกล่าวต่อ “ข้าแก่แล้ว… แก่มากจริงๆ ข้าไม่แข็งแรงเหมือนเดิมอีกต่อไป… ข้าเริ่มชอบคิดถึงอดีต ข้าจำได้… สมัยข้าเป็นหนุ่ม ข้าเคยไปที่มณฑลตะวันตกเฉียงเหนือกับท่านแม่ มีต้นไม้ ดอกไม้ และสัตว์หน้าตาแปลกๆ มากมายในป่าทูล่าใช่ไหม?”
“ข้าก็ไม่ได้กลับไปที่นั่นหลายปีแล้วเช่นกัน ใต้เท้า แต่ข้าจำเกือบทุกอย่างในป่าได้ดี… โดยเฉพาะต้นไม้เวทสีแดงที่เคลื่อนไหวและล่าได้เหมือนสัตว์” ลูเซียนตอบอย่างมั่นใจ
คาร์ลีนาค่อยรู้สึกโล่งอกขึ้นมาหน่อย
บทสนทนาที่เหลือระหว่างเคานต์กลับลูเซียนก่อนอาหารมื้อเที่ยงล้วนเกี่ยวกับความทรงจำของเคานต์ และการสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น เคานต์ชวนให้ลูเซียนอยู่ร่วมมื้ออาหารเที่ยงกับเขาและพักค้างคืนที่นั่น คณะคาราวานกำลังจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้
มีอัศวินหลวงและอัศวินมากมายภายในปราสาท ฉะนั้น ลูเซียนจึงตอบตกลง แผนของเขาผิดคาดมาตลอด และตอนนี้ลูเซียนก็อยากจะรู้ว่าจะไปได้ถึงไหน
…
บรรยากาศมืดลง ภายในห้องๆ หนึ่งในบรรดาห้องมากมายของปราสาทดรายไวน์
“ท่านเคานต์รู้จักปีเตอร์ได้อย่างไร?” อีวานอฟสกีถามคาร์ลีนาด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
………………………