Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 275 ช่องโหว่ทางเข้า
ห้องของลูเซียนยู่บนชั้นสามของปราสาท สูงจากพื้นสิบเมตร แม้แต่อัศวินก็อาจได้รับบาดเจ็บหนักตกจากความสูงระดับนั้น อย่างไรก็ตาม การร่าย ‘เวทขนนกร่วงหล่น’ ก็อาจไม่ใช่ความคิดที่ดี เนื่องจากลูเซียนอาจตกเป็นเป้าโดยง่ายขณะที่ร่วงลงสู่พื้นอย่างช้าๆ
ดังนั้น ลูเซียนจึงกระโดดออกมาโดยไม่ได้ร่ายเวทมนตร์ใดๆ เลย เขาตกลงสู่พื้นภายในช่วงเวลาเพียงครึ่งวินาที แล้วเขาก็รีบไล่เวท ‘บิน’ โดยใช้แรงโน้มถ่วงของดวงดาวเพื่อชะลอการตกลงของเขา
ด้วยการคำนวณอย่างสมบูรณ์แบบ ลูเซียนโผลลงบนพื้นดินโดยปลอดภัยในสวน แม้ว่าการควบคุมเวลาที่เหมาะสมจะเป็นปัญหาที่สำคัญ แต่ด้วยพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งและความสามารถในการคำนวณอันแม่นยำของลูเซียนก็ทำให้ขั้นตอนทั้งหมดเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
หลังจากโผล่บนพื้นอย่างปลอดภัย ลูเซียนก็รีบกระโดดหลบเศษซากแสงสีต่างๆ ที่ร่วงหล่นลงจากฟ้า และรีบวิ่งไปยังประตูปราสาท
เนื่องจากลีโอสวมแหวนที่ตึกเวทมนตร์ ‘ขนนกร่วงหล่น’ ลูเซียนคิดว่าเขาน่าจะไม่เป็นอะไรเมื่อกระโดดลงมา เรื่องเดียวที่ลูเซียนกังวลก็คือ ลีโออาจตกเป็นเป้าขณะร่วงลงมาอย่างช้าๆ ดังนั้น ลูเซียนจึงตัดสินใจชิงลงมือก่อนเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกๆ คน นอกจากนี้ ลีโออาจไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับลูเซียนในสายตาของศัตรู
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ลูเซียนเริ่มออกวิ่ง สนามพลังวิญญาณของเขาก็สัมผัสได้ว่าลีโอถูกอีวานอฟสกีชกเข้าอย่างจังและปลิวเหมือนตุ๊กตาตัวหนึ่ง โคร้ม! ร่างของลีโอตกลงบนพื้นอย่างแรง
วงเวทสำหรับปิดกั้นเสียงและคลื่นพลังเวทมนตร์ที่นิโคนอฟสร้างขึ้นใกล้จะถึงขีดจำกัด แต่ก็ยังไม่สลายไป อัศวินหลวงและอัศวินคนอื่นๆ ในปราสาทยังคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านบนตอนนี้ ขณะที่การต่อสู้ระหว่างวิตต์และนิโคนอฟดำเนินไปอย่างดุเดือด ไม่มีฝ่ายไหนมีโอกาสแม้กระทั่งเสริมพลังของวงเวท หรือทำลายให้สลายเพื่อขอความช่วยเหลือจากอัศวิน
ลูเซียนเองก็รู้สึกเหลือเชื่อ หมัดที่ทรงพลังหมัดนั้นเผยให้เห็นว่าอีวานอฟสกีที่จริงแล้วเป็นอัศวินหลวง ก่อนหน้านี้ ลูเซียนไม่มีเบาะแสมาก่อนเลย
แม้ว่าจะผ่านการฝึกฝน อัศวินก็สามารถซ่อนพลังของตนด้วยการปรับเปลี่ยนวิธีการเดิน ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ อัตราการเต้นของหัวใจ การไหลเวียนของโลหิต เป็นต้น อัศวินตัวจริง โดยเฉพาะอัศวินระดับสูง สามารถเปิดเผยตัวตนด้วยการแสดงพลังและลักษณะท่าทางของอัศวินออกมา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าลูเซียนจะได้คุยกับอีวานอฟสกีตัวต่อตัวถึงสองครั้ง ลูเซียนก็ไม่เคยสงสัยเลยว่าอีวานอฟสกีเป็นแค่อัศวินธรรมดาๆ ที่ปลุกพรด้วยน้ำยาเวทมนตร์ จนมารู้ความจริงเอาวันนี้
ลูเซียนรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ไม่เสี่ยงทำอะไรบุ่มบ่ามตอนที่เขาอยู่ในคฤหาสน์ของคาร์ลีนา แล้วหลังจากนั้น เขารู้สึกว่าหลังจากครวญครางด้วยความเจ็บปวด ลีโอก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ขณะที่อีวานอฟสกีก็กระโดดลงมาจากหน้าต่างและเริ่มวิ่งไล่ล่าลูเซียน
หมัดที่ทรงพลังของอีวานอฟสกีทำให้ลีโอบาดเจ็บไม่น้อย เขารู้สึกปวดไปทั้งร่าง เขารู้ดีว่าในตอนนี้แม้แต่อัศวินฝึกหัดก็สามารถฆ่าเขาลงได้ แต่ยังโชคดี เขาได้เรียกใช้พลังจากพร ‘ยักษ์’ ตอนที่เขาถูกชก มิฉะนั้น หัวของเขาคงเหมือนกับแตงโมที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม โหนกแก้มข้างหนึ่งของลีโอก็กระดูกแตก หน้าฝั่งหนึ่งของเขาจึงดูยุบลงไป และมีเลือดทั่วใบหน้า เขารู้สึกมึนงงอย่างหนัก และอวัยวะต่างๆ ก็บาดเจ็บรุนแรงเช่นกัน เขาไร้ความสามารถที่จะต่อสู้ได้แล้วในตอนนี้
นี่คือช่องว่างระหว่างพลังของอัศวินหลวงและคนที่พึ่งสามารถปลุกพรของตัวเองได้ แม้ลีโอจะใช้เงินมากมายไปกับน้ำยาวิเศษเพื่อพัฒนาพลังของตน แต่ช่องว่างก็ยังคงอยู่!
หากเปรียบเทียบกับความเจ็บปวดทางร่างกาย ความเจ็บปวดในหัวใจของลีโอรุนแรงกว่า ความหวังที่จะแก้แค้นในตอนนี้ดูเหมือนจะริบหรี่ เมื่อได้รู้ว่าศัตรูของเขาเป็นถึงอัศวินหลวง ตอนนี้เขาเหมือนคนสิ้นหวัง
ขณะเดียวกัน เขาได้ยินเสียงของลูเซียน “ข้าจะล่ออีวานอฟสกีออกไปเพื่อคุมกันเจ้า เจ้าต้องหนี แล้วไปเจอกันตรงที่นัดหมาย…”
เวทมนตร์ระดับสอง ‘สารแม่เหล็กไฟฟ้า’
ลีโอตระหนักถึงสถานการณ์ได้แล้วในตอนนี้ เขารู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง แต่เขาก็รู้ว่าคงไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะมัวมาจมอยู่กับความเศร้า เขาต้องมีชีวิตรอด… อย่างน้อยเขาควรได้ตอบแทนลูเซียน
หลังจากส่งข้อความให้กับลีโอ ลูเซียนยังคงวิ่งต่อไปและไม่นานเขาก็มาอยู่ตรงหน้าประตูปราสาท
เมื่อเรียกใช้พลังจาก ‘เชือกอัคคี’ ลูกไฟขนาดใหญ่ก็พุ่งเข้าพังประตู แรงระเบิดรุนแรงสร้างรูโหล่ตรงประตูเหล็กกล้า และลูเซียนก็รีบวิ่งออกจากปราสาทไปยังทางฝั่งตะวันตก
การกระโดดลงสู่พื้นของอีวานอฟสกีทำให้พื้นดินสั่นไหวเล็กน้อย เขาไม่ได้รับบาดเจ็บจากการกระโดดลงมาแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่หันกลับไปมองลีโอ เขารีบวิ่งออกจากปราสาทไล่ตามลูเซียน
ความโง่เขาทำให้ลีโอเศร้าใจยิ่งนัก เขารู้ว่าเขาไม่อาจทำอะไรอีวานอฟสกีแม้เพียงปลายเล็บ ขณะเดียวกัน อีวานอฟสกีก็ไม่เสียเวลากับเขาแม้แต่วินาที อย่างไรก็ตาม ลีโอรู้ว่าเขาจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องเขาบอกอย่างนั้นอีกครั้ง
ลีโอรีบหยิบหลอดน้ำยา ‘พายุ’ ออกมาดื่ม หลังจากควบคุมอาการบาดเจ็บได้และพลังในกายถูกขับเคลื่อน ลีโอก็เรียกใช้พลังแฝงจากพร ‘ ยักษ์’ อีกครั้ง และรีบวิ่งไปยังประตูปราสาท
ตอนนั้นเอง เขาเสียหลักเล็กน้อยขณะเหยียบอะไรบางอย่างบนพื้น เมื่อก้มลงไปดู เขาพบรองเท้าบูทของมัตเวียนโค แม้สีรองเท้าจะดูหมองลงจากการต่อสู้ แต่มันก็แทบไม่เสียหายอะไรเลย
“นายท่านอาจต้องใช้…” ลีโอพูดพึมพำ หลังจากม้วนห่อรองเท้าบูทกับเสื้อผ้าของเขา ลีโอก็ใช้พลังทั้งหมดที่มีรีบวิ่งออกจากปราสาท เขาต้องออกจากที่นี่ก่อนที่การต่อสู้ระหว่างเคานต์และนิโคนอฟจะทำให้พวกอัศวินหลวงในปราสาทรู้ตัว!
ภายในห้องๆ หนึ่ง ขณะจ้องมองการต่อสู้บนอากาศ คาร์ลีนามีท่าทางสับสน เมื่อนางเห็นอีวานอฟสกีเริ่มวิ่งไล่กวดตามลูเซียน และออกจากปราสาทไป นางก็สบทออกมา “สารเลว อีวานอฟสกี…”
ช่วงวินาทีต่อมา นางเองก็กระโดดออกจากหน้าต่าง ก่อนที่นางจะกระแทกลงพื้น ร่างของนางก็เริ่มเปลี่ยนและมีปีกสีดำคู่หนึ่งโผล่ออกมาจากหลังของนาง นอกจากนี้ยังมี เขาเล็กๆ สองข้างงอกออกจากหน้าผากของนาง ซึ่งมองดูน่ารักไม่เบา ผิวทั้งตัวของนางตอนนี้อยู่ภายใต้ชุดเกราะสีดำกึ่งโปร่งแสง
คาร์ลีนาเองก็เป็นอัศวินเช่นกัน! พรของนางคือ ‘ซัคคิวบัส’!
ปีกสีดำของนางกระพือ และคาร์ลีนาก็ร่อนลงสู่พื้นอย่างปลอดภัย แต่เมื่อนางจะออกบินอีกครั้ง ตรงกลางหน้าผากของนาง มีรอยข่วนบางๆ ที่มีเลือดไหลซึมปรากฏ และร่างกายของนางก็เริ่มเหี่ยวแห้งราวกับใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง ตาดวงโตของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แล้วนางก็ตายภายในไม่กี่วินาทีขณะที่ร่างอันแห้งเหี่ยวล้มลงกระแทกพื้น
ในบรรดาทุกคน เคานต์เกลียดนางมากที่สุด เขาเคยชื่นชอบและสนับสนุนหลานสาวคนนี้มาก่อนในอดีต เขาถึงขนาดช่วยให้นางได้สืบทอดทรัพย์สมบัติต่อจากบารอนล็อตนิคอฟ แต่ตอนนี้ นางกลับแสวงหาประโยชน์จากความแก่และความอ่อนแอของเขาเพื่อตัวเองร่วมกับคนอื่นๆ เคานต์ไม่อาจจะอภัยให้นางได้ หากเคานต์ไม่ได้รับข้อมูลจากการเปิดเผยของผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่ง เขามั่นใจว่าคงตายภายใต้การดูแลของคาร์ลีนาและอีวานอฟสกีในที่สุด
เคานต์วิตต์คว้าโอกาสเมื่อหนึ่งนาทีที่ผ่านในการสังหารหลานสาวของตัวเองโดยไม่ลังเล แล้วตอนนี้ อัศวินหลวงในปราสาทต่างเห็นเหตุการต่อสู้แล้ว และพวกเขาช่วยเป็นกำลังเสริมให้เคานต์และรีบแจ้งกับศาสนจักรและขุนนางคนอื่นๆ
…
ลูเซียนร่าย ‘เวทความเร็ว’ ให้กับตัวเอง และสามารถทิ้งระยะห่างจากอีวานอฟสกีมาได้สักระยะหนึ่ง ตอนนี้ทั้งสองคนวิ่งออกมาจากเมืองยูรัลไปบนกำแพงเมืองและมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ
อีกสักพักต่อมา ลูเซียนก็รู้สึกว่าอีวานอฟสกีเปลี่ยนทิศทางไปเล็กน้อย
เนื่องจากอีวานอฟสกีรู้จักสภาพแวดล้อมโดยรอบดีกว่า ลูเซียนกังวลว่าอีวานอฟสกีอาจใช้ทางลัดเพื่อไปดักหน้าเขา
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เมื่อลูเซียนหยุดวิ่งและหาทางสังหารอีวานอฟสกีในพื้นที่นอกเมืองแห่งนี้ เขากลับพบว่าอีวานอฟสกีหายตัวไป
ลูเซียนรู้สึกประหลาดใจที่อีวานอฟสกีหยุดไล่ตามเขา ก่อนที่เขาจะคิดได้ว่าอีวานอฟสกีไม่เคยลงมือสังหารนักเวทชั้นกลางด้วยตัวเองเลย ยังไม่พูดถึงอุปกรณ์เวทมนตร์ส่งพลังและเวทมนตร์แปลกๆ ที่เขามี อีวานอฟสกีไม่ได้พยายามตามล่าเขา เพียงแต่วิ่งหนีเช่นกัน!
หากเคานต์เป็นฝ่ายกำชัยในการต่อสู้ที่ปราสาท สิ่งสุดท้ายที่อีวานอฟสกีต้องการคือยังอยู่ที่ปราสาท และในฐานะอัศวินหลวง เขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือนิโคนอฟ นักเวทชั้นอาวุโส ได้แน่นอน หากนิโคนอฟสามารถสังหารเคานต์ได้สำเร็จ เขาก็ไม่ใช่คนที่ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากเหตุผลที่เขารีบออกจากปราสาทก็เพื่อไล่ตามนักเวท
ลูเซียนรู้สึกประทับใจกับกลยุทธ์ของนิโคลอฟ รวมถึงความสามารถในการแสดงชั้นยอดของเขา เนื่องจากความโกรธและความมุ่งมั่นที่อีวานอฟสกีแสดงออกมาสมจริงมาก
ลูเซียนส่ายหน้าเบาๆ และหลังจากตรวจสอบเส้นทาง เขาก็เริ่มวิ่งไปยังเหมืองทางตะวันตกของเมือง
…
ในเขตเทือกเขา ลูเซียนกำลังบินต่ำๆ เหนือต้นไม้ มองหาเหมืองที่ปิดร้างจากเหตุถล่มบ่อยครั้ง หลังจากเลือกหลุมเหมืองที่ดูน่าขนลุกที่สุด ลูเซียนก็รอบเข้าไปข้างในและเริ่มใช้ ‘มงกุฎสุริยัน’ เพื่อมองหาช่องโหว่ทางเข้าที่เชื่อมต่อกับ ‘โลกวิญญาณ’
จากประสบการณ์ของเขา ยิ่งสถานที่หลอนมากเท่าไร ยิ่งมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะมีช่องโหล่ทางเข้าปรากฏ แต่ลูเซียนก็ไม่มั่นใจ นี่เป็นส่วนหนึ่งในแผนของลูเซียน หากเขาต้องเผชิญกับอันตรายใหญ่หลวง เขาจะสามารถหนีเข้าไปยัง ‘โลกวิญญาณ’
อุโมงค์ในเหมืองมืดมิด ยาวไกล และคดเคี้ยว เมื่อเดินอยู่คนเดียวในนั้น ลูเซียนเองก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
เมื่อเขาเดินจนเกือบจะถึงสุดทางของเหมือง เครื่องราง ‘มงกุฎสุริยัน’ บอกกับลูเซียนว่ามีทางเข้าปรากฏอยู่ ซึ่งไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่าหรือสัมผัสด้วยพลังวิญญาณ เป็นไปตามที่ลูเซียนคาดการณ์
ใกล้กับช่องโหว่ทางเข้า เขาพบมุมๆ หนึ่งจึงซ่อนตัวรอดูท่าที หลังจากนั่งพักได้สองสามนาที เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใครบางคนเดินเข้ามา
นั่นมันอีวานอฟสกี!
……………………………