Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 277 คำขอจากไรน์
“ท่าน… ท่านไรน์?! เหตุใดท่านจึงอยู่ที่นี่ขอรับ?!” ลูเซียนตะลึงงัน แม้ว่าเขาจะยังคงตื่นตัว แต่ลูเซียนก็รู้สึกโล่งอกอย่างยิ่งยวด
เป็นไรน์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้น พลางชูแก้วทักทายลูเซียน เหมือนกับที่เขาเคยทำตอนอยู่เมืองอัลโต้ ไรน์ยังคงดูท่าทางผ่อนคลายและเป็นกันเอง ราวกับว่าเขาเพียงมาอยู่ที่นี่เพื่อรอลูเซียน
บัลลังก์ทองคำแสนหรูหราในปราสาทโอ่อ่าแห่งนี้สร้างขึ้นโดยเคานต์วิตต์เอง เพื่อเป็นอนุสรให้แก่ผลงานใหญ่หลวงจากสมรภูมิรบนับครั้งไม่ถ้วน แต่ตอนนี้มันช่างดูน่าเบื่อเมื่ออยู่ในโลกแห่งขาวดำ เมื่อเผชิญกับความตาย ของมีค่าทั้งหลาย รวมถึงความรู้สึก ความรุ่งโรจน์ ความซื่อสัตย์ ทรัพย์สมบัติ และภัตตาหารต่างสูญเสียความหมายไปหมด ในโลกแห่งความตาย ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไร้ความหมายเหมือนกันทั้งสิ้น
ทว่า ไรน์กลับเป็นเพียงตัวตนเดียวในที่นี้ที่มีสีสัน สีเงิน แดง และดำ… เขาช่างไม่เข้ากับที่แห่งนี้ ชายผู้มีชีวิตในโลกแห่งความตาย เขาทำให้สถานที่แห่งนี้สดใสขึ้น แต่ก็ทำให้มันดูน่าขันเล็กน้อยและเหนือจริงเหลือเกิน
“เหตุใดข้าจึงอยู่ที่นี่น่ะรึ” ไรน์หมุนไวน์ในแก้วเป็นวงแล้วยิ้มกริ่ม “ข้าอยู่ที่นี่เพื่อเจ้า ลูเซียน”
“ไม่เอาน่า ท่านไรน์…” มุมปากของลูเซียนกระตุกเล็กน้อย ไรน์ยังคงชอบเล่นมุกตลกอยู่เหมือนเดิม ซึ่งทำให้เขาผ่อนคลายยิ่งขึ้น
แต่ลูเซียนไม่คิดเชื่อมุกตลกของไรน์ อย่างไรเสีย พวกเขาก็ไม่ได้พบกันมานานแล้ว แม้แต่การพยากรณ์ก็ยังมิอาจแม่นยำได้เท่านี้
ไรน์ส่ายศีรษะแล้ววางแก้วไวน์ลง ขณะที่เขาค่อยๆ ลุกขึ้น ลูเซียนก็เห็นปีกค้างคาวคู่หนึ่งด้านหลังไรน์ ปีกคู่นั้นมีขนาดใหญ่ชนิดที่แผ่เต็มภายในปราสาท และแสงสีทึบทึมก็แผ่ออกมาจากปีกเป็นระลอกราวกับสายน้ำ
“แวมไพร์… ระดับตำนานงั้นหรือ” หลังจากเห็นเช่นนั้น ลูเซียนก็มั่นใจในที่สุดว่าไรน์ไม่ใช่มนุษย์ แม้ว่าเขาจะคิดไว้แล้วตั้งแต่ตอนที่ได้พบกับไวเคานต์คาเรนเดีย หลานชายของไรน์ ตอนนี้ความคิดคาดเดาของเขาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง
ไรน์เดินลงบันไดมาช้าๆ พลางแย้มยิ้มกว้าง “ข้าไม่ได้ล่อเล่นนะ ลูเซียน ข้ากำลังรอเจ้าอยู่ ข้ายังถึงกับร่ายคาถาฉายภาพของข้าเข้าฝันเคานต์วิตต์เชียวนะ”
แม้ว่าไรน์ผู้อยู่เบื้องหน้าลูเซียนคนนี้จะแสดงท่าทางสบายๆ แต่จู่ๆ ลูเซียนก็เกิดความรู้แปลกๆ ว่าไรน์กำลังใช้พลังทั้งหมดเพื่อคงสภาพตัวตนของเขาในตอนนี้เอาไว้ บางทีไรน์ผู้นี้อาจไม่ใช่ตัวจริง มันอาจเป็นภาพฉายจำลอง!
“เข้าใจแล้วขอรับ ท่านไรน์อยากให้ข้าทำอะไรเช่นนั้นหรือ ท่านเองก็รู้เกี่ยวกับ ‘โลกแห่งวิญญาณ’ ใช่หรือไม่ขอรับ”ลูเซียนพลันมีท่าทีจริงจัง
ไรน์พยักหน้า “สภามืดส่งตัวข้าไปที่อัลโต้เพื่อทำภารกิจ แต่หลังจากนั้นข้าก็ค้นพบผนึกที่แท้จริงของเจ้าแห่งอาร์เจน เพราะผนึกนี้คือส่วนสำคัญของเรื่องราวที่สร้างความปั่นป่วนอย่างมากช่วงก่อนศักราชแห่งนักบุญ และเป็นส่วนหนึ่งของความลับ ‘โลกแห่งวิญญาณ’ ข้าจึงเปลี่ยนแผนและเลือกที่จะทำงานร่วมกับศัตรู”
“ซาร์ด… พระคาร์ดินัลหลวงน่ะหรือ” ลูเซียนพึมพำอย่างครุ่นคิด ทั่วทั้งเมืองอัลโต้ ก็เห็นจะมีเพียงพระคาร์ดินัลหลวงที่ดูจะเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติมากพอจะเป็นศัตรูของไรน์และร่วมงานกับเขา ผู้ที่อยู่ในระดับตำนานอีกสองท่านก็อยู่ที่ป้อมปราการทางตอนเหนือทั้งหมด ผู้หนึ่งคือเบลเลีย ‘เกียรติยศของพระเจ้า’ หัวหน้ากลุ่ม ‘ภราดรศาสตรา’ อาจารย์ของนาตาชา และอีกผู้หนึ่งก็คือมิลตัน ‘อสรพิษวายป่วง’ ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลไวโอเล็ต สำหรับลูเซียนแล้วมันช่างน่าขันและน่าขนลุกเมื่อคิดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าพระคาร์ดินัลชั้นนักบุญยอมทำงานร่วมกับบรรพบุรุษของแวมไพร์…
รอยยิ้มของไรน์ยังคงทรงเสน่ห์เหมือนเมื่อก่อนหน้านี้ “ยอดเยี่ยม จากนั้น โดยพื้นฐานแล้วเป้าหมายของเราก็บรรลุแล้วล่ะ แต่ในตอนที่ข้ากำลังสำรวจ ‘โลกแห่งวิญญาณ’ ข้ากลับบังเอิญเจอ… อุบัติเหตุบางอย่าง แล้วก็ถูกกักขังไว้ที่ไหนสักแห่งในนี้ เหมือนกับมาสเกลีน ผู้ที่ทิ้งเครื่องรางนั้นไว้ให้เจ้า”
เขาเหลือบมองแผงอกของลูเซียนขณะกล่าว
“ท่านรู้ได้อย่างไร…” ลูเซียนโพร่งถาม แต่เขาก็ตระหนักได้ในทันทีว่าไรน์เฝ้ามองเขาอยู่ตลอดก่อนที่เขาจะเข้ามาในโลกแห่งนี้ ไม่ใช่เรื่องยากอะไรหากไรน์จะรู้ว่าลูเซียนได้ค้นพบ ‘มงกุฎสุริยัน’ ที่มาสเกลีนทิ้งเอาไว้
เมื่อทั้งสองยืนประจันหน้ากันเช่นนี้ สัมผัสการมีอยู่ของ ‘มงกุฎสุริยัน’ ย่อมง่ายดายสำหรับแวมไพร์ระดับตำนาน บางทีไรน์อาจรู้ก็ได้ว่ามาสเกลีนอยู่ที่ไหนใน ‘โลกแห่งวิญญาณ’…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลูเซียนจึงรีบถาม “ท่านไรน์ขอรับ แต่ท่านดูแตกต่างออกไป ดูเหมือนว่าท่านกับท่านมาสเกลีนจะติดกับอยู่ในนี้กันทั้งคู่ใช่ไหมขอรับ แล้วท่านทราบความลับของสถานที่นี้หรือไม่ขอรับ”
ลูเซียนขบคิดถึงคำถามนี้มาแรมเดือนแรมปี โดยเฉพาะหลังจากที่เขาค้นพบว่ามาสเกลีนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องบางประการกับการก่อตั้งศาสนานักบุญแห่งความจริง ในที่สุดลูเซียนก็มีใครสักคนที่อาจตอบคำถามนี้ได้มาอยู่ตรงหน้า!
ไรน์ยักไหล่เล็กน้อย “เรื่องมันยาวน่ะ ปกติข้ามักจะรอบคอบเสมอ ดังนั้นก่อนที่ข้าจะเข้ามาในโลกนี้ ข้าจึงเตรียมตัวมาพอสมควร อีกอย่าง เพราะว่าข้าสามารถยืมพลังของคนอื่น แม้จะติดกับเหมือนอย่างตอนนี้ ข้าก็ยังสามารถร่ายคาถาฉายภาพจำลองของข้าได้ น่าเสียดายที่ภาพฉายนี้มีพลังไม่มากนัก การจะสื่อสารกับโลกคนเป็นนั้น ข้าทำได้เพียงเลือกผู้ที่ชีวิตใกล้ดับสูญเพื่อฉายภาพจำลองของข้าในความฝันของพวกเขา ความจริงแล้ว สิ่งที่เคานต์วิตต์กำลังเผชิญอยู่มีความเกี่ยวข้องกับโลกนี้ ข้าจึงเฝ้ามองเขามานานมาก และจากมีอานกา ความฝันของนักเวทจำแลงกาย ข้าจึงได้รู้ว่าเจ้ากำลังจะไปที่นั่น”
ลูเซียนผงกศีรษะด้วยสีหน้าจริงจัง เขาไม่รู้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างเบื้องหลังเรื่องราวที่แสดงให้เห็นนั้นซับซ้อนมากเพียงใด
“เพราะว่าเจ้ารู้ถึงการมีอยู่ของ ‘โลกแห่งวิญญาณ’ เพราะเรา ฮ่าๆ เป็นเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกัน เพราะเจ้าอ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเราที่รู้เรื่องโลกนี้ ดังนั้นจึงเป็นผู้ที่ปลอดภัยที่สุด และเพราะว่าข้าไม่สามารถฉายภาพจำลองในความฝันของเจ้าได้…ข้าจึงวางแผนนี้ขึ้นและตัดสินใจใช้เคานต์วิตต์เพื่อชักนำเจ้าเข้ามาใน ‘โลกแห่งวิญญาณ’ อีกครั้งเพื่อพูดคุยกัน” ไรน์ยิ้มกริ่ม
“แต่ว่าท่านไรน์ขอรับ ธุระของเคานต์วิตต์เกี่ยวข้องอะไรกับ ‘โลกแห่งวิญญาณ’ เช่นนั้นหรือ สถานที่แห่งนี้เชื่อมโยงกับเหล่าเทพเจ้าหรือไม่ ท่านอยากให้ข้าช่วยท่านออกมาใช่ไหม แต่หากว่าข้ายังไม่เลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้วิเศษระดับตำนาน ข้าเกรงว่าข้าคงไม่สามารถเจาะเข้าไปในโลกแห่งนี้ได้…” ลูเซียนถามคำถามมากมาย ด้วยทั้งตกตะลึงและไม่เข้าใจ
ไรน์พยักหน้ารับ และสีหน้าจริงจังในตอนนี้ก็หาดูได้ยากยิ่ง “ข้าไม่มั่นใจว่าความลับสุดยอดของโลกนี้คืออะไรหรอก ในความคิดของข้า จากข้อมูลที่ข้ามี สถานที่แห่งนี้เกี่ยวข้องกับเหล่าเทพเจ้าและความเป็นอมตะที่แท้จริง น่าเสียดายที่ข้ายังไม่ได้พบกับมาสเกลีนหรือสหายของเขา ข้าจึงมิอาจตอบคำถามของเจ้าได้ ลูเซียน บางทีเจ้าอาจค้นพบคำตอบของเจ้าเมื่อได้เข้ามาสำรวจโลกนี้เพิ่มเติมด้วยตนเอง”
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง ไรน์ก็กล่าวต่อ “ส่วนเรื่องของเคานต์วิตต์ ผู้ที่เข้าใกล้ความลับของเหล่าเทพเจ้าอย่างมาสเกลีนได้ส่งคนของเขาไปนำสมบัติมาจากเคานต์วิตต์ ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงทำเช่นนี้ อย่างไรทรัพย์สมบัติก็น่าจะไร้ความหมายสำหรับเขา”
ลูเซียนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมแล้วเอ่ยถาม “เช่นนั้นข้าจะช่วยท่านได้อย่างไรขอรับ ท่านไรน์”
“มีสองลำดับขั้น”ไรน์ตอบ “ขั้นแรก เมื่อเจ้ากลายเป็นนักเวทระดับสูง จงเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ข้าต้องขอสารภาพว่าเป็นที่ที่อันตรายมากทีเดียว แล้วเปิดใช้งานสิ่งที่ข้าทิ้งไว้ที่นั่น อีกอย่าง ช่วยตามหาคนให้ข้าที หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ข้าก็น่าจะออกไปจากที่แห่งนี้ได้โดยไม่ต้องใช้แผนการในขั้นที่สอง แต่ถ้าขั้นแรกล้มเหลว เช่นนั้นเราก็จะรอให้เจ้ากลายเป็นผู้วิเศษระดับตำนาน หรือมหาจอมเวท ซึ่งนั่นจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อมาช่วยข้า เหมือนอย่างที่มาสเกลีนขอให้ทำ”
ลูเซียนประหลาดใจเล็กน้อยกับแผนการที่วางไว้อย่างดีของไรน์ จากนั้นเขาจึงกล่าวกับไรน์ด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านไรน์ ท่านเคยช่วยข้ามาหลายต่อหลายครั้ง และข้าก็ไม่เคยลืมเลย หากว่าข้าได้กลายเป็นนักเวทระดับสูงเมื่อไหร่ ข้าย่อมพยายามช่วยท่านอย่างสุดกำลัง แต่เรื่องการไปให้ถึงระดับตำนาน… ข้าไม่ค่อยมั่นใจนักว่าข้าจะทำได้ในตอนนี้…”
“ข้าล่ะชอบนิสัยเจ้าจริงๆ ลูเซียน” ไรน์แย้มยิ้ม “เราต่างรู้ดีว่าเรื่องนี้เสี่ยงอันตรายมาก และข้าเพียงขอให้เจ้าช่วย ไม่ได้บังคับให้เจ้าสาบานหรือให้สัญญาเพื่อทำเรื่องนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้า และแน่นอนว่าข้าจะไม่ให้เจ้าช่วยเหลือข้าโดยไร้ซึ่งสิ่งตอบแทนหรอก เมื่อเจ้าเลื่อนขึ้นเป็นนักเวทระดับสูง จงไปยังสถานที่ที่ข้าใช้เก็บสมบัติ แล้วเลือกของสามอย่างที่เจ้าชอบที่สุดไปเสีย หากเจ้าช่วยข้าออกไปได้หรือกลายเป็นผู้วิเศษระดับตำนาน เจ้าสามารถไปที่ชั้นล่างสุดแล้วเลือกของมีค่าที่สุดของข้าไปได้หนึ่งอย่าง อย่าปฏิเสธเลย ลูเซียน ยิ่งเจ้าแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ โอกาสที่ข้าจะได้ออกไปก็ยิ่งมากขึ้นนะ”
ลูเซียนพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าจะทำเพื่อท่าน และก็เพื่อตัวข้าเองขอรับ ในฐานะจอมเวทผู้หนึ่ง หลังจากที่ได้รู้ความลับอันยิ่งใหญ่นี้ ข้าก็มิอาจหยุดตัวเองไม่ให้ออกสำรวจเพิ่มเติมได้เลยขอรับ”
แต่สิ่งที่ลูเซียนไม่ได้เอ่ยถึงคือความหวาดกลัวของเขาต่อความแก่ชรานั้นยังเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งอีกด้วย
อีกอย่าง ผู้ที่มีความบ่องชองโลกอย่างไรน์นั้น ลูเซียนเชื่อว่าตัวเขาหาใช่ความหวังเดียวของไรน์
“ลูเซียน ก่อนที่เจ้าจะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นระดับตำนาน ห้ามบอกเรื่องนี้กับผู้ใดหรือขอความช่วยเหลือจากพวกเขาเด็ดขาด ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นอัศวินระดับตำนานจากโฮล์ม หรือมหาจอมเวท หรือผู้วิเศษระดับตำนานก็ตาม สิ่งที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเจ้าบอกความลับอันยิ่งใหญ่นี้ให้กับผู้แข็งแกร่งเช่นพวกเขาก็คือ พวกเขาจะสังหารเจ้าเพื่อเก็บงำความลับไว้ต่อไป”
ลูเซียนพยักหน้ารับด้วยสีหน้าระแวดระวังและจริงจังอย่างยิ่ง นี่อาจจะเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกใบนี้ เมื่อใดที่ความลับถูกเปิดเผย โลกใบนี้ก็จะต้องเผชิญหน้ากับพายุร้าย
หลังจากนิ่งเงียบไปหลายวินาที ลูเซียนก็ถามขึ้น “ท่านไรน์ขอรับ ท่านช่วยเล่าเรื่องโลกนี้ให้ข้าทราบเพิ่มได้หรือไม่ขอรับ”
“การรู้มากเกินไปในทีเดียวอาจไม่ใช่เรื่องดีนะ ลูเซียน เมื่อใดที่เจ้ามีคุณสมบัติมากพอจะรับรู้เรื่องราวเพิ่ม ข้าจะฉายภาพจำลองเข้าไปในความฝันเพื่อบอกเจ้าเอง”ไรน์แย้มรอยยิ้มทรงเสน่ห์อีกครั้ง
ในตอนที่ลูเซียนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่ไรน์พูดนั้นขัดแย้งกับถ้อยคำก่อนหน้านี้ของเขา ไรน์ก็เอ่ยขึ้นว่า “ตอนนี้ให้ข้าจ่ายค่าตอบแทนล่วงหน้าสักหน่อยนะ”
เขาขยับเข้ามาใกล้ลูเซียนก้าวหนึ่ง ก่อนที่พลังมหาศาลจะทะลักออกมาจากร่างเขา ลูเซียนไม่อาจขยับตัวได้เลยสักนิด แล้วเขี้ยวแหลมคมทั้งสี่ก็งอกขึ้นจากฟันของไรน์ที่เคยเรียงตัวเท่ากัน
มันไม่ได้เลวร้ายหรือน่าหวาดกลัว แต่กลับงดงามอย่างมีเอกลักษณ์
“ท่านไรน์?” ลูเซียนไม่ได้ตื่นตระหนก เพราะเขาทราบดีว่าไรน์ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะฆ่าเขาหลังจากพูดคุยกันมายืดยาว
น้ำเสียงบองไรน์นั้นนุ่มนวลอ่อนโยน “ผ่อนคลาย มันไม่เหมือนกับการเปลี่ยนศาสนาหรอกนะ” จากนั้นเขาก็ลดศีรษะลงแล้วขบลงบนลำคอลูเซียน
ลำคอของลูเซียนรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดเสียดแทง และเขาก็รู้สึกเวียนศีรษะ จากนั้นเลือดในกายก็เริ่มเดือดพล่าน และความร้อนก็กลายเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง วิ่งตรงไปหาดวงจิตของลูเซียน
ร่างกายเขาเริ่มอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ดวงจิตของเขาแข็งแกร่งขึ้นด้วยความรวดเร็วยิ่งกว่า!
………………………….