Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 281 เทศกาลดนตรีที่คิดถึง
แม้ว่าดาบหนักในมือของลูเซียนนั้นจะไม่ได้สวยงาม แต่การออกแบบของมันก็หน้าเคร่งขรึมและดูน่าเกรงขาม แต่อย่างไรก็ตามด้วยรูปลักษณ์และคุณค่าของมันไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้น้ำเสียงและร่างกายของลีโอสั่นเท่า
“ใช่แล้ว ดาบเล่มนี้ถูกเรียกว่า ‘ชำระล้าง’ แล้วเจ้าของคนสุดท้ายก็คือ อีวานอฟสกี และข้าฆ่าเขา” ลูเซียนพยักหน้าแล้วเขาก็พูดทั้งที่ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขา
ลูเซียนไม่กังวลว่าใครจะรู้ว่า เขารู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของ ‘โลกแห่งวิญญาณ’ ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าแทนที่จะตามไปฆ่าลูเซียนแต่เป็น อีวานอฟสกี ต่างหากที่วิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดไปยังบ่อเหมือง
ในฐานะที่เป็นนักเวทลูเซียนมีโอกาสที่จะสังหาร อีวานอฟสกี โดยการใช้เวทมนตร์หรือกับดักที่แปลกประหลาดบางอย่าง ยิ่งไปกว่านั้น นิโคนอฟ ก็ไม่พบหลักฐานใดๆ ข้างใต้เหมืองและเขาก็ไม่พบ อีวานอฟสกี ใน ‘โลกแห่งวิญญาณ’ ดังนั้นลูเซียนจึงจะยังคงปลอดภัยอยู่
นอกจากนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่นักเวทระดับกลางจะควบคุมอัศวินหลวงด้วยเวทมนต์ควบคุมได้ ถึงแม้ว่า อีวานอฟสกี จะมี ‘พร’ ที่เรียกว่า ‘พรแทรกแซง’ ที่สามารถต่อต้านการควบคุมจิตใจได้ดี ต้องใช้เวทระดับเก้า ‘เวททะลวงสมอง’ ถ้าหากนักเวทระดับสูงต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ ‘โลกแห่งวิญญาณ’ จากอีวานอฟสกี ซึ่งน่าจะเป็นข้อมูลที่สำคัญที่สุดอย่างแน่นอนมันจะต้องได้รับการคุ้มครองอย่างดีจากจิตใต้สำนึกของเขา หรือเป็นไปได้ว่าที่เป้าหมายจะตื่นขึ้นมาจากความรู้สึกที่น่าขยะแขยง
จากมุมมองเหตุผลเหล่านี้ นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังของ อีวานอฟสกี มั่นใจว่าเขาจะเข้าสู่ ‘โลกแห่งวิญญาณ’ ได้อย่างปลอดภัย
จากการเปรียบเทียบรายชื่อนักบุญที่ต่อต้านสมเด็จพระสันตะปาปาใน ‘การประชุมเทววิทยาสูงสุด’ และรายชื่อพระคาร์ดินัลหลวงที่ร่วมกันสังหาร ‘ปรมาจารย์แห่งหัตถ์ไร้ชีวาวิลเฟรด’ ลูเซียนรู้สึกว่าเขากำลังได้รับรู้ความลับอันยิ่งใหญ่ที่น่าตกใจและทำให้เขาเข้าใจถึงคุณค่าอันมหาศาลของ ‘โลกแห่งวิญญาณ’ ความจริงที่ทำให้เขาตระหนักถึงการมีอยู่ของ‘โลกแห่งวิญญาณ’ ได้ถูกเปิดเผยออกมา ทำให้ลูเซียนมั่นใจว่านักบุญและสังฆราชจากศาสนจักรเหนือจะต้องมาสังหารเขาด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
แต่ทำไมศาสนจักรเหนือถึงไม่ซ่อนรายชื่อเอาไว้ แต่แทบทุกคนกลับสามารถเข้าถึงได้? เพราะพวกเขารู้ดีว่านี่จะเป็นหลักฐานชั้นดี ถ้ามีคนได้มาเห็นความลับอันยิ่งใหญ่ระหว่างรายชื่อทั้งสอง ก็ต้องรู้ว่า แม้ว่า วิลเฟรด ‘ปรมาจารย์แห่งหัตถ์ไร้ชีวา’ ไม่ได้หายตัวไป แต่เขาก็มีความเชื่อมโยงกับผู้วิเศษระดับตำนานหลายๆ คนที่หายไปมาก พวกเขาทำการทดลองลับๆ ด้วยกันแล้วก็รู้ความลับแห่งความอมตะที่ซ่อนอยู่ ‘โลกแห่งวิญญาณ’ อย่างไรก็ตาม คนที่รู้เรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้บันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นเอาไว้
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้สภาแห่งเวทมนตร์ยังคงค้นหาเรื่องราวทั้งหมด แม้ว่าจะมีบันทึกจากทั้งศาสนจักรเหนือและศาสนจักรใต้ก็ตาม
แม้ว่าคำตอบของลูเซียนนั้นจะค่อนข้างเรียบง่าย แต่ดวงตาของลีโอก็กระตุกวูบ ในวินาทีนี้เองที่จุดประสงค์ของชีวิตเขาได้สิ้นสุดลง
มือของเขาสั่นอย่างรุนแรง ริมฝีปากก็เปิดอ้าออกเล็กน้อย แต่ลำคอของเขาไม่สามารถที่จะส่งเสียงออกมาได้
หลังจากผ่านไปห้านาที ลีโอก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ขอบคุณนายท่าน… ที่แก้แค้น… ให้ข้า”
ลูเซียนสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของลีโอที่ผสมปนเปกันที่มีทั้งความสุข ความเสียใจ และความสับสน และเขาก็เข้าใจทุกอย่างได้อย่างสิ้นเชิง
“คนตายเป็นอดีต…” ลูเซียนพยายามปลอบลีโอ แต่เขาก็ถูกขัดจังหวะ
“ขออภัยนายท่าน โปรดให้เวลาข้าสักครู่”
ลูเซียนพยักหน้า จากนั้นลีโอก็เดินไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง แม้ว่าเขาจะดูสงบ แต่เขาก็เกือบล้มลงเพราะสะดุดรากต้นไม้ และเขาก็ยังคงสะดุดต่อไป
ลูเซียนเดินไปที่ด้านข้างเพื่อแสดงความเคารพ เหล่าอัศวินที่เติบโตภายใต้อิทธิพลของศาสนจักร มักจะวาดกางเขนตรงหน้าอกของเขาเมื่อพวกเขามีความรู้สึกที่ไม่ดี ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่อใน ‘เทพเจ้าแห่งความจริง’ หรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะมีพฤติกรรมที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม พวกเขาก็จะวาดกางเขนและสวดอธิษฐาน เพราะมันเป็นนิสัยที่เกิดจากการเห็นพ่อแม่หรือครอบครัวของพวกเขาทำเป็นประจำซึ่งไม่จำเป็นต้องนับถือศาสนา
จิตใจของลูเซียนไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนิดหน่อย เขากำลังคิดถึงหัวข้อการวิจัยอาร์คานาใหม่ – อิทธิพลที่มีผลต่อพฤติกรรมของวัยเด็ก
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ลีโอก็เดินกลับอย่างช้าๆ เขารู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย จากนั้นเขาพูดกับลูเซียนว่า “นายท่าน เราต้องออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้ เราต้องออกจาก ‘ยูรัล’ โดยเร็วที่สุด ผู้พิทักษ์ราตรีและอัศวินกำลังค้นหาเราอย่างบ้าคลั่ง โชคดีที่ข้าค่อนข้างคุ้นเคยกับพื้นที่นี้ หรือข้าจะไม่สามารถพบท่านที่นี่ได้อีก นายท่าน… ”
แม้ว่าหัวใจของเขาจะเต้นระส่ำด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่ลีโอก็ยังย้ำเตือนถึงหน้าที่ของตัวเอง
จากนั้นเขาก็หยิบรองเท้าบูทคู่หนึ่งที่มีลวดลายสีทองเข้มออกมา “นายท่าน นี้เป็นรองเท้าที่ข้าพบ จากร่างของนักเวท”
‘รองเท้าหลบฉาก’ เป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ระดับสามขั้นกลาง รองเท้าคู่นี้สามารถเพิ่มความว่องไวให้แก่นักเวทให้อยู่ในระดับอัศวินขั้นสาม และยังสามารถใช้เวทมนตร์ระดับสาม ‘เทเลพอร์ตระยะสั้น’ ได้สองครั้งต่อวัน
หลังจากตรวจสอบรองเท้าอย่างละเอียดแล้วเขาก็ยิ้มออกมาว่า “แน่นอน เราสามารถผ่านเทือกเขายูรัลได้ทันที ถ้าสามารถจัดการกับสัตว์ร้ายและสิ่งมีชีวิตในภูเขาได้ และข้ายังมี ‘กระท่อมนักเวท’ ด้วย”
ลูเซียนปลอบโยนลีโอ “ลีโอ เมื่อเราไปถึงอัลโต้ เจ้าก็พยายามอยู่ที่นั่น และไม่ต้องกลับมาอีก เจ้าควรจะนึกถึงชีวิตในอนาคตของเจ้าบ้าง เจ้าอาจจะมีลูกหลานอยู่ รับดาบไปลีโอ ภายในภูเขาเจ้าต้องการมันมากกว่าข้า”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ลูกหลาน’ ใบหน้าของลีโอก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ในโลกนี้ที่ซึ่ง ‘พร’ ชื่อเสียง สมบัติ และเกียรติยศมีบทบาทสำคัญที่สุด แต่ลูกหลานก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดเช่นกัน
ลีโอหยิบดาบ ‘ชำระล้าง’ อย่างเงียบๆ ราวกับว่าเขาหลงทางในความคิดของเขาเอง หลังจากตรวจสอบดาบอย่างถี่ถ้วนแล้ว ลีโอก็เริ่มเดินนำหน้าลูเซียนโดยมีดาบหนักอยู่ในมือ
…
ในตอนเย็นของปลายเดือนฤดูใบไม้ผลิ ( 20 เมษายน)
รถม้าจาก ‘นครทีรัน’ ทางตอนเหนือก็มาถึง ‘เมืองมัสซาวา’ ซึ่งใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าหนึ่งวันจาก อัลโต้
ลูเซียนที่มีผมสีบรอนซ์และดวงตาสีเขียวก็ก้าวออกมาจากรถม้า ตามด้วยลีโอพ่อบ้านของเขา เขาเดินเข้าไปในโรงแรมที่คุ้นเคยและมองไปรอบๆ
ลูเซียนออกจาก อัลโต้ เมื่อวันที่ 9 เมษายนในปีนักบุญที่ 816 และมาถึงเมืองเล็กๆ แห่งนี้ หลังจากผ่านไปสามปี ลูเซียนก็กลับมาในที่สุด อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านเล็กน้อย เนื่องจากทุกสิ่งในสถานที่นี่ก่อให้เกิดความทรงจำแก่เขา เขาตื่นเต้นที่จะได้กลับบ้าน
หลังจากออกจาก ‘ยูรัล’ แล้วลูเซียน และลีโอก็เดินทางผ่านเทือกเขาลึก แม้ว่าพวกเขาจะพบสัตว์ป่าและสัตว์อื่นๆ หลายครั้ง พวกเขาก็จัดการกับพวกมันได้ดีมาก โดยใช้พลังที่เพิ่มขึ้นของลูเซียนในฐานะนักเวทระดับสี่วงแหวน ดังนั้นพวกเขาจึงมาถึงป้อมปราการทางตอนเหนือตามแผนที่วางไว้
อย่างไรก็ตามเนื่องจากป้อมปราการทางทิศเหนือมี ‘ความรุ่งโรจน์ของพระเจ้า’ และ ‘งูแห่งความโกลาหล’ เฝ้าประตูอยู่ ลูเซียน และลีโอจึงต้องปีนข้ามภูเขาหิมะอันยิ่งใหญ่ เพื่อเข้าสู่ดินแดนของขุนนางแห่งไวโอเล็ต ดังนั้นการเดินทางของพวกเขาจึงล่าช้าไปเกือบเดือน
‘เมืองมัสซาวา’ เป็นเพียงเมืองทั่วไป ดังนั้นโรงแรมจึงแทบจะไม่โดดเด่นเท่าที่ควร ห้องโถงโรงแรมเป็นห้องอาหาร ผู้คนที่สวมใส่เสื้อผ้าที่มีรูปแบบแตกต่างกัน และมีสำเนียงต่างกันกำลังรับประทานอาหาร และพูดคุยในบรรยากาศที่อบอุ่น ที่นี่ไม่จำเป็นต้องมีมายาทหรือธรรมเนียมที่สูงส่ง
“เมื่อเปรียบเทียบกับเทศกาลดนตรีที่จัดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้ว เทศกาลดนตรีอัลโต้ของปีนี้คือ… อืม… เป็นเช่นนั้นและ แต่… ข้าหมายถึง มันเป็นงานฉลองดนตรีที่ยิ่งใหญ่ ข้าพักที่นี่นานกว่าที่ข้าวางแผนไว้หนึ่งสัปดาห์” ชายวัยกลางคนที่ดูร่ำรวยคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าไหมกำลังพูดคุยกับแขกที่อยู่รอบๆ โต๊ะเขา
เมื่อได้ยินคำพูดของชายคนนั้น ลูเซียนก็รู้ว่าเดือนเมษายนเป็นเดือนของเทศกาลดนตรีอัลโต้ แต่น่าเสียดายที่เขาพลาดไป อย่างไรก็ตามลูเซียนดีใจที่นาตาชาได้รับอิสระแล้วในตอนนี้ เขาต้องการพบนางโดยเร็วที่สุด หรือการกลับมาที่อัลโต้ในฐานะนักดนตรีชื่อดัง อาจจะทำให้เขาเดือดร้อนจากศาสนจักร
ในฐานะผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ลูเซียนค่อนข้างโด่งดังใน ‘สภาเวทมนตร์’ ลูเซียนระมัดระวังอย่างมากกับการปลอมตัว ในขณะที่ศาสนจักรอาจพบเบาะแสบางอย่างที่เชื่อมกันระหว่างนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ ‘ลูเซียน อีวานส์’ กับนักเวทอัจฉริยะ ‘ลูเซียน อีวานส์ เอ็กซ์’
ลูเซียนส่งสัญญาณไปยังลีโออย่างรวดเร็ว ลีโอพยักหน้าและเดินไปที่ชายวัยกลางคนคนนั้น แล้วถามอย่างสุภาพว่า “ขอโทษนะขอรับ ท่านจะรังเกียจไหมถ้าเราจะนั่งตรงนี้?”
ลูเซียนหวังว่าจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเพื่อนของเขา และสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในอัลโต้ หลังจากที่เขาสร้างเวทมนตร์ในวงแหวนเวทระดับสี่ ‘คลื่นใต้เสียงก้องกังวานของศาสตราจารย์’ ในจิตวิญญาณเสร็จเรียบร้อย เขาก็จะตรงไปอัลโต้ในวันรุ่งขึ้น
“ไม่มีปัญหา” ชายวัยกลางคนพบว่าลูเซียนยังคงเยาว์วัย และสง่างาม ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าทันที แขกอีกสามคนก็เห็นด้วย
ลูเซียนนั่งลงที่หน้าโต๊ะอาหารแล้วยิ้มว่า “ดีใจที่ได้รู้จักทุกคน ข้า มิเชลจากอาณาจักรซีราคิวส์
“ข้า เป็นกลินตัน เป็นนักธุรกิจที่เดินทางระหว่างป้อมปราการแห่งเทือกเขาแห่งความมืด อัลโต้ และทริอา” ชายวัยกลางคนแนะนำตนเองสั้นๆ ตามด้วยชายอีกสองคนและหญิงสาว
ลูเซียนรู้สึกเสียใจและถอนหายใจออกมา “ข้าพยายามอย่างดีที่สุดที่จะเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรีในอัลโต้ แต่ก็ยังพลาดอยู่ดี… มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางของข้า ช่างน่าเสียดาย… ท่านกลินตัน จากสิ่งที่ข้าได้ยินจากคำพูดของท่านดูเหมือนว่าท่านเพิ่งกลับมาจากอัลโต้ ท่านพอจะแบ่งปันเรื่องราวในสิ่งที่ท่านเห็นในงานเทศกาลได้หรือไม่?”
“น่าเสียดายจริงๆ” กลินตันพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เทศกาลดนตรีของปีนี้ไม่เลว… จริงๆ แล้วข้าควรจะบอกว่ามันค่อนข้างดี แต่เจ้ารู้ไหม… เทศกาลที่จัดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้วน่าประทับใจเกินกว่าที่จะเปรียบเทียบ… และเทศกาลในปีนี้ที่ไม่มี ท่านคริสโตเฟอร์ และท่านอีแวนส์ ดูเหมือนจะดูธรรมดาและน่าผิดหวังเล็กน้อย… แต่แน่นอน ในปีที่แล้วท่านวิคเตอร์เล่นใน ‘โรงละครซาล์มฮอล’ ยังคงสง่างามมากเช่นเคย…”
…………………..