Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 376 เคืองแค้น
บทที่ 376 เคืองแค้น
ถ้ำมืดและเล็ก ไม่ต่างจากถ้ำทั่วไป มีกองมูลสัตว์ของสัตว์ป่าอยู่ตามมุมต่างๆ เมื่อลูเซียนเดินลึกเข้าไปภายในถ้ำตามเส้นทางแคบๆ ก็เจอทางแยกมากมายราวกับเขากำลังเชิญหน้ากับใยแมงมุม
เมื่อหยิบลูกแก้วคริสตัลออกมาจากกระเป๋าเวทมนตร์ ลูเซียนลูบบนผิวลูกแก้วเบาๆ ประกอบกับข้อมูลที่ได้จากไรน์ เขาก็ร่ายเวทมนตร์คำพยากรณ์ง่ายๆ บทหนึ่ง เพื่อหาเส้นทางที่ต้องเลือกเดิน
เขาเดินตามทางแยกลงไปด้านล่าง ลูเซียนเดินไปตามทางอีกราวยี่สิบถึงสามสิบเมตรจนพบทางแยกทางใหม่ เขาก็พบกับกองถ่านหินสีดำรูปร่างแปลกๆ ตามที่ไรน์อธิบายไว้
เถ้าถ่านจากกองถ่านหินสีซีดดูเหมือนกับฝ่ามือของคน เหมือนกับป้ายสัญญาณจราจร
ลูเซียนต้องเดินทางไปยังเทือกเขาแห่งความมืด เขตมลพิษในมหาสมุทรไร้พรมแดน ทะเลทรายตอนใต้ของอาณาจักรกัสตา และแอนทิฟเฟอร์ เมืองหลวงของจักรวรรดิไฮลซ์ศักดิ์สิทธิ์ สถานที่เหล่านี้ตั้งอยู่เหนือจรดใต้ ตะวันตกจรดตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่ทั้งทวีป แม้ว่าลูเซียนจะเชี่ยวชาญ ‘เวทบินขั้นสูง’ แต่ก็ยังถือเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะไปยังสถานที่ทั้งหมดด้วยความระมัดระวังอย่างสูง ดังนั้น ไรน์จึงเสนอให้ลูเซียนใช้มิติที่อยู่ภายใต้การควบคุมของแวมไพร์เพื่อช่วยเขากระโดดทะลุมิติและประหยัดเวลา
แม้นักเวทธรรมดาส่วนใหญ่จะจินตนาการถึงรูปแบบของมิติอื่นและโลกหลักว่าเป็นเหมือนฟองอากาศเล็กๆ จำนวนมากที่ยึดติดอยู่กับฟองอากาศขนาดใหญ่ แต่ความเป็นจริงต่างกันสิ้นเชิง รูปแบบของมิติอวกาศที่มีอยู่เกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการและรับรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา การมีอยู่ของมิติโอกาสพวกนี้สามารถพิสูจน์ได้ด้วยสูตรการคำนวณเท่านั้น
มิติต่างๆ เชื่อมโยงกับโลกหลักด้วยรอยต่ออวกาศมากมาย แม้ว่ามิติเหล่านี้จะเล็กกว่าโลกหลัก แม้ว่ามิติทั้งสองจะมีพิกัดต่างกัน พิกัดหนึ่งอยู่ที่เทือกเขาแห่งความมืด ส่วนพิกัดหนึ่งอยู่ในนครอัลลิน ระยะทางระหว่างทั้งสองมิติสั้นลงกว่าเดิมมาก ดังนั้น การใช้ประตูมิติในรอยต่ออวกาศเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางไกล
อย่างไรก็ตาม มิติที่ยังไม่เคยมีการสำรวจก็อาจเป็นอันตรายอย่างสูง เช่น เขาวงกต เนื่องจากอุปสรรคระหว่างระดับที่แตกต่างกัน ทำให้อาจไม่สามารถเชื่อมต่อกับโลกหลักได้เมื่อหลุดเข้าไปในมิติอื่น แฮททาเวย์ ‘เจ้าแห่งธาตุ’ ครั้งหนึ่งเคยเข้าไปสำรวจมิติที่เรียกว่า ‘เอลค์ส เมซ’ และนางต้องใช้เวลารอนแรมอยู่ในมิตินั้นถึงสิบปีเพื่อหาทางออก จนในที่สุด นางต้องใช้การเชื่อมต่อกลับไปยังมิติพิเศษของตนเองในฐานะผู้วิเศษระดับตำนานโดยใช้ ‘เวทพเนจรอวกาศ’ เพื่อกลับมายังโลกปัจจุบัน ซึ่งทำให้นางต้องใช้เวลาอีกถึงห้าปี
ดังนั้น ลูเซียนจึงต้องระวังตัวเป็นพิเศษและระแวดระวังอย่างสูง เมื่อเข้าไปสู่โลกแห่งวิญญาณ เป็นเสมือนภาพสะท้อนความโกลาหลของโลกหลักที่ไม่มีรอยต่ออวกาศใดๆ อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ก็เชื่อมโยงไปยังรอยแตกและช่องโหว่อวกาศมากมายเหมือนกับใยแมงมุม
ลูเซียนรู้สึกมีความเกรงกลัวต่อโลกแห่งวิญญาณจะคุณลักษณะด้านมืดต่างๆ ยิ่งเมื่อรู้ว่าผู้วิเศษผู้ทรงพลังหลายต่อหลายคน เช่น มาสเกลีน ต่างติดอยู่ที่นั่น แล้วมีทั้งวิญญาณ ผีดิบ และปีศาจร้ายเร่ร่อนเต็มไปหมด เขากังวลถึงขนาดว่าสักวันโลกแห่งวิญญาณจะทำลายโลกหลักลงได้
นี่เป็นสาเหตุที่ลูเซียนตัดสินใจช่วยไรน์ ส่วนหนึ่งก็เพราะเขาเคยให้สัญญาไว้กับไรน์ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็เพราะเขาเชื่อว่าเขาสามารถทำภารกิจนี้ได้ แต่หากผลออกมาว่าเขาไม่สามารถทำภารกิจทั้งหมด ลูเซียนก็จะหันหลังกลับโดยไม่ลังเลและจะเสี่ยงรายงานเรื่องนี้ต่อสภาสูงสุด
เมื่อเห็นป้ายบอกทางที่แทบดูไม่ออกแล้ว ลูเซียนก็เดินตามทางลงไปข้างล่างเร็วขึ้นๆ เขาไม่ต้องอาศัยเวทมนตร์พยากรณ์อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ลูเซียนยังไม่ได้เก็บลูกแก้วคริสตัลลงในกระเป๋า แต่ปล่อยให้มันลอยอยู่กลางอากาศตรงข้างหน้าเขา เขาถูลูกแก้วคริสตัลเบาๆ ห้าครั้ง
ลูกแก้วก็เปล่งแสงสว่างขึ้นๆ และภายในลูกแก้วก็ใส่ขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นเอง อยู่ๆ แสงของลูกแก้วก็ดับลง และมี ‘สิ่ง’ แปลกประหลาดพุ่งออกมา
สิ่งนี้มีขนาดเพียงหัวแม่มือ มีลักษณะสีดำทั้งก้อนและมีรอยยับย่นเต็มไปหมด
ลูเซียนใช้นิ้วชี้สิ่งนั้นและมันก็ลอยขึ้นกลางอากาศ วัตถุดังกล่าวมีรอยแตกเกิดขึ้นตรงกลาง แล้วก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว และปรากฏเป็นลูกนัยน์ตา
มันคือดวงตา!
ดวงตาที่น่าขนลุกนี้ดูขมุกขมัว ก่อนจะแตกตัวออกเป็นดวงตาขนาดเท่ากันเก้าดวง หลังจากกลายสภาพเป็นดวงตาล่องหน ดวงตาทั้งเก้าก็กระจายไปยังทิศทางต่างๆ
ลูกแก้วคริสตัลก็กลับมากระจ่างใสอีกครั้ง ภาพที่ปรากฏในลูกแก้ว6แบ่งออกเป็นเก้าส่วน ซึ่งส่งตรงมาจากดวงตาทั้งเก้า
นี่คือเวทมนตร์โหราศาสตร์ระดับห้า ‘เนตรสอดแนม’
ขณะเดียวกัน ลูเซียนก็ร่ายเวทมนตร์โหราศาสตร์ระดับสี่อีกบท ‘เวทตรวจภัย’ ใส่ตัวเอง ซึ่งจะสามารถเตือนถึงภัยอันตรายและการสอดแนมในระยะห้าสิบเมตร
ขณะมองดูภาพในลูกแก้วคริสตัลด้วยความระมัดระวังกับสภาพแวดล้อมอย่างสูง ลูเซียนก็เดินลงไปใต้ดิน ตามข้อมูลที่ไรน์บอกกับเขา น่าจะมีสัตว์ประหลาดหรือสิ่งมีชีวิตซ่อนตัวอยู่ไหนสร้างวิหารคนแคระโบราณแห่งนี้ใกล้กับรอยแยกอวกาศ เช่น นักล่าใต้ดิน ปีศาจคนแคระ นางพญาผึ้งหน้าเบี้ยว และสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายอีกมากมายที่นางพญาตนนี้สร้างขึ้น แม้ปีศาจพวกนี้อาจไม่สามารถทำอะไรลูเซียนได้ แต่ลูเซียนก็ระวังตัวอยู่ดี
…
ทางแยกมากมายทำให้แองวูดส์มึนงง ภายในถ้ำที่มืดมิด อับชื้น และหายใจลำบาก มันไม่เหลือร่องรอยให้ติดตามลูเซียน ไม่มีแม้แต่กลิ่น
ทั้งนี้ วิชาการลบร่องรอย ลูเซียนได้ศึกษามาจากนาตาชา อัศวินอาภา
แองวูดส์ยังคงไม่ตื่นตระหนก ดวงไฟลูกตาแดงเพลิงของมันบนหน้าที่เน่าเฟะค่อยๆ หรี่ลง มันร่ายเวทมนตร์อย่าเงียบเชียบ และเริ่มใช้เวทมนตร์พยากรณ์เพื่อหาตำแหน่งของลูเซียน
แม้จะมีทางแยกมากมาย แองวูดส์ก็มั่นใจว่าระยะทางระหว่างทางแยกต่างๆ คงไม่เกินหนึ่งกิโลเมตร ดังนั้น มันจึงมั่นใจมากกว่าเวทมนตร์พยากรณ์จะสามารถช่วยได้
แองวูดส์ได้พิกัดของลูเซียน (159, 260) มาจากเวทโหราศาสตร์ และมันก็รู้ว่าลูเซียนอยู่ห่างออกไปเพียงสี่ร้อยเมตร ด้วยข้อมูลนี้ แองวูดส์จะค่อยๆ บรรจงเลือกทางแยกบนถนน ทันทีที่มันเดินไปเจอกับทางตัน แองวูดส์ก็สามารถเดินทะลุกำแพงได้
เนื่องจากไม่มีมาตรฐานในการใช้พิกัดเชิงโหราศาสตร์ แล้วก็ยังมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนระหว่างการใช้พิกัดของปีศาจชั้นสูงกลับสภาเวทมนตร์ สำหรับพวกปีศาจแล้ว พลังเวทมนตร์มาจากความสามารถที่ติดตัวมาแต่กำเนิด และพวกมันจะมีเวทมนตร์บทใหม่ๆ โดยอัตโนมัติเมื่อพัฒนาสู่ระดับที่สูงขึ้น
หลังจากทะลุกำแพงมามากกว่าสิบครั้ง แองวูดส์ก็รู้สึกได้ว่าลูเซียนอยู่ใกล้มาก แองวูดส์เตือนตัวเองว่ามันไม่ควรเข้าไปอยู่ในระยะสามสิบเมตรจากลูเซียน มิฉะนั้น อุปกรณ์เทพของลูเซียนอาจจับได้ เมื่อแองวูดส์รู้ปลายทางของลูเซียน มันก็จะไปดักรอที่นั่นและคอยดักซุ่มโจมตีเขา
…
ด้วยความช่วยเหลือจากดวงตาทั้งเก้าดวง ลูเซียนก็เตรียมพร้อมรับมือเมื่่อมีสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดโผล่มา ด้วยการใช้เวทมนตร์ที่ร่ายเร็วและง่ายที่สุด ‘กระสุนระเบิดเวท’ เขาก็สามารถฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย ทีละตัวๆ
ปีศาจที่น่าขยะแขยงพวกนี้บางตัวก็มีขนาดเท่ากับมนุษย์ บางตัวก็มีรูปร่างเหมือนคนแคระ และทุุกตัวจะมีเขาที่บิดเบี้ยวและของเหลวส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนปกคลุมตัวและกลายเป็นเกาะแข็งสีดำ มือข้างขวาของพวกมันจะเผยให้เห็นกระดูกสีขาว ซึ่งปีศาจบางตัวใช้ถือค้อนขนาดใหญ่ บางตัวถือดาบยาว ส่วนมือซ้ายมีโล่สีดำถือไว้
พวกมันรุมเข้าเล่นงานลูเซียน เสียงคำรามของพวกมันโหยหวนดั่งเสียงปีศาจ ทำให้ลูเซียนรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง
หลังจากฆ่าปีศาจไปสี่ตัว ลูเซียนก็มองดูที่ของเหลวน่าขยะแขยงที่ออกมาจากร่างของพวกมัน เนื่องจากกระเป๋าเวทมนตร์ของเขาเกือบจะเต็มแล้ว ลูเซียนจึงตัดสินใจไม่เก็บของอะไรไป
ขณะที่เขากำลังเดินอยู่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความร้อนแผดเผาที่ออกมาจากเครื่องราง ‘มงกุฎสุริยัน’ เนื่องจากผลึกชั้นที่สามถูกเปิดออกแล้ว มงกุฎสุริยันจึงไวต่อการรับรู้มากขึ้นกว่าเดิม!
ลูเซียนรู้ว่ามีปีศาจที่ทรงพลังอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงยี่สิบห้าเมตร และเขายังสัมผัสได้ว่ามันยังคงตามเข้ามา เขาสงสัยว่าแผนของไรน์ถูกใครบางคนรู้เข้าหรือไม่
ลูเซียนถูที่แหวน เตรียมตัวรับการต่อสู้
…
แองวูดส์รู้สึกแปลกว่าตอนนี้มันอยู่ห่างจากลูเซียนเที่ยงหกสิบเมตร และมันก็เตรียมตัวพร้อมมากขึ้นๆ ด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์ทรงพลังหลายชิ้นที่ลูเซียนพกติดตัว หากลูเซียนรู้ตัวและเตรียมพร้อมล่วงหน้า แองวูดส์เจอปัญหาใหญ่แน่นอน
เมื่อซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งวิญญาณและเดินทะลุผ่านผนังหินสีเทาอีกครั้งหนึ่ง แองวูดส์ก็ทะลุผ่านกำแพงมายังทางแยกอีกแยกบนทางเดิน อย่างไรก็ตาม จังหวะที่มันกำลังจะหาตำแหน่งของลูเซียนอีกครั้ง แองวูดส์ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นว่าลูเซียนยืนอยู่ตรงมุมๆ หนึ่ง และกำลังยิ้มให้มัน นักเวทหนุ่มปล่อยลำแสงสีสลัวใส่แองวูดส์ในทันที ราวกับว่าเขาเฝ้ารออยู่ตรงนี้มานานแล้ว
‘เป็นไปไม่ได้! ทำไมถึงอยู่ใกล้ขนาดนี้?!’ แองวูดส์คิดอยู่ในใจด้วยภาวะตกตะลึง
ก่อนที่มันจะสามารถทำอะไรได้ ลำแสงต่อต้านเวทมนตร์ก็ปะทะเข้ากับตัวมันอย่างจัง เวทมนตร์ทั้งหมดบนตัวแองวูดส์ก็สลายไป!
ลูเซียนเองก็รู้สึกอยู่บ้างที่เห็นว่าลำแสงเล่นงานปีศาจตนนี้อย่างง่ายดาย มันมาทำอะไรที่นี่? สถานการณ์ช่างดูน่าขัน ลูเซียนเตรียมตัวทุกอย่างให้พร้อมในการซุ่มโจมตีครั้งนี้ แต่ปีศาจระดับสูงตนนี้กลับทำเหมือนมันแค่บังเอิญผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ไม่นานลูเซียนก็สังเกตเห็นรูปแบบเวทมนตร์สีขาวที่คุ้นตาและเสื้อคลุมสีดำที่น่าขนลุก เขาเคยเห็นสัญลักษณ์พวกนี้มาก่อนบนตัวปีศาจระดับสูงตอนนี้ตอนที่เขาเข้ามาในโลกแห่งวิญญาณ หลังจากลำแสงต่อต้านเวทปะทะเข้ากับเจ้าปีศาจ ลูเซียนก็รีบร่ายเวทมนตร์ ‘เวทกรงมิติ’ ในทันที เวทมนตร์บทนี้จะใช้ในการจับตัวปีศาจได้เฉพาะ
เมื่อถูกเล่นงานด้วยลำแสงต่อต้านเป็น แองวูดส์ก็สูญเสียความสามารถในการเดินทางไปมาระหว่างโลกแห่งวิญญาณกับโลกหลักชั่วคราว รวมถึงความสามารถในการร่ายเวทมนตร์ด้วยเช่นกัน
แองวูดส์ ในฐานะปีศาจ ไม่สามารถต่อสู้ด้วยมือเปล่าได้เหมือนกับอัศวินแห่งความตาย ตอนนี้ แองวูดส์รีบพุ่งเข้าหากำแพงหินเพื่อถ่วงเวลาไว้สักสองสามวินาที
มันต้องการเวลาเพียงสองสามวินาทีเพื่อให้ฟื้นคืนพลัง!
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่แองวูดส์สัมผัสกับกำแพงหิน มันก็ไม่สามารถทะลุผ่านกำแพงได้ตามที่คิด แต่กลับกระเด็นกลับออกมา
แองวูดส์ลังเลอยู่สองสามวินาที มันสูญเสียโอกาสทองไปแล้ว
ตอนนั้นเอง อากาศรอบตัวลูเซียนเริ่มมีมวลพลังที่น่าเกรงขามและศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น และรัศมีทรงกลดก็กระจายออกไป
อาคมเทพระดับหก ‘เวทรัศมีปราบวิญญาณ’!
‘เวทกล่องมิติ’ เป็นเวทมนตร์ระดับสามเท่านั้น ฉะนั้น ลูเซียนไม่ต้องเสียเวลาฟื้นคืนพลังมากมาย
เมื่อถูกเล่นงานด้วยแสงรัศมีดังกล่าว ไม่ต่างจากหิมะละลายภายใต้แสงตะวัน ร่างของแองวูดส์ก็เริ่มละลาย เสียงร้องโหยหวนดังสะท้อนไปทั่วทุกแห่งในถ้ำ เมื่อไม่มีเวทมนตร์ป้องกัน แองวูดส์ก็ไม่อาจป้องกันตัวเองได้แม้แต่น้อย
แองวูดส์ยังไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่มีโอกาสได้ใช้พลังของตน และทำไมเวทมนตร์พยากรณ์ถึงแสดงผลต่างจากสถานการณ์จริงลิบลับ
ก่อนที่แองวูดส์จะสลายไป กุญแจมือที่มองไม่เห็นก็ตีตรวนมันไว้เดินลากตัวมันไปยังลูเซียน
‘กรงขังวิญญาณ’ เป็นเวทมนตร์จากเสื้อคลุมเวทมนตร์รางวัลจาก ‘บัลลังก์นิรันดร’
ลูเซียนไม่ยอมให้โอกาสหลุดมือ เขาต้องได้ข้อมูลที่เขาอยากรู้จักปีศาจตนนี้ และเขาก็เริ่มอ่านความทรงจำที่สำคัญที่สุดของปีศาจ
ลูเซียนรู้สึกขมขื่นและโกรธเกรี้ยว ตามด้วยความรู้สึกสับสน