Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 382 เคานต์วลาด
บทที่ 382 เคานต์วลาด
คนแคระไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ภาพที่เห็นตรงหน้าเกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้
อาคารหลังสูงใหญ่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองตัวเล็กมาก และแสงไฟที่ส่องสว่างเหมือนดวงดาวก็ทำให้เมืองดูใหญ่โตและสง่างามมากยิ่งขึ้น อารยธรรมของเมืองนี้ล้ำหน้ายิ่งกว่าอารยธรรมไอน้ำไปมาก
คนแคระรู้สึกว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวไร้พรมแดน พวกเขายังตกตะลึงกับความไร้ค่าและความเล็กจ้อยของตัวเอง
นี่คือพลังแห่งความศิวิไลซ์
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้เฒ่าคนแคระก็หลุดจากภวังค์และคุกเข่าลงหมอบกราบบนพื้น แม้ว่าผืนทรายจะยังร้อนมากก็ตาม
“พระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ยิ่งใหญ่ของเรา! อาณาจักรของพระองค์คืออาณาเขตที่พระเจ้าทุกพระองค์สถิตอยู่ อาณาจักรของพระองค์แสดงให้เห็นถึงอำนาจสูงสุดของไอน้ำ!”
เมื่อได้ยินการสวดภาวนาของผู้เฒ่า คนแคระที่เหลือต่างก็คุกเข่าลงด้วยอากัปกิริยาเลื่อมใสศรัทธาอย่างสูง ต่อหน้าเมืองแห่งนี้
“พรของพระองค์ช่างกว้างใหญ่ไพศาลราวกับมหาสมุทร ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ช่างอลังการราวกับขุนเขาอันยิ่งใหญ่”
เสียงศักดิ์สิทธิ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง “นามของข้ามิอาจเปิดเผยต่อพวกนอกรีต”
ผู้เฒ่าใช้เวลาอยู่วินาทีทำความเข้าใจประโยคนั้น แล้วเขาก็รีบกล่าวนำซ้ำคำดังกล่าวกับคนแคระที่เหลือ “พระนามของพระเจ้ามิอาจเปิดเผยต่อพวกนอกรีต”
เสียงศักดิ์สิทธิ์นั้นยังคงว่าต่อไป “ผู้ทรยศจะถูกไอน้ำกลืนกิน”
เหล่าคนแคระก็ว่าตาม “ผู้ใดทรยศต่อเราจะถูกไอน้ำกลืนกิน”
แล้วเสียงนั้นก็เบาบางลง “จงเป็นสาวกของข้า จงเป็นข้ารับใช้ทั้งกายใจ ไม่มีทาสอีกต่อไป”
เหล่าคนแคระตอบโดยพร้อมเพียงกัน “ขอ พระ สิริ จง มี แด่ พระ องค์!”
เสียงนั้นค่อยๆ จางหายไปในอากาศ แล้วตอนนั้นเอง ฮาโรลด์ก็เห็นเมืองโป่งพองต่อหน้าภูเขาและกลายเป็นฟองอากาศและเงาชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ภายในฟองอากาศและเงานั้น พาหนะรูปร่างแปลกๆ ก็ขยายใหญ่ขึ้น และก็เผยให้เห็นโครงสร้างภายในอันซับซ้อน ซึ่งรวมถึงลูกสูบและตลับลูกปืน อีกทั้งรูปแบบเวทมนตร์ปริศนา ซึ่งแตกต่างกับอารยธรรมไอน้ำโดยสิ้นเชิง ภายในฟองอากาศและเงานั้น นกเหล็กรูปร่างแปลกๆ ก็โปร่งใส และก็เผยให้เห็นโครงสร้างภายใน สายไฟ และอุปกรณ์ส่วนประกอบต่างๆ เช่นกัน
และภายในฟองอากาศและเงา โครงสร้างของอาคารสูง โรงงาน ปล่องควัน และสะพานแผ่นดินต่างก็แสดงออกมาให้คนแคระเห็น
…
คนแคระรู้สึกสับสนอย่างยิ่ง เหมือนว่าหัวของพวกเขาจะระเบิดออกมา เนื่องจากพวกเขากำลังมองดูสิ่งที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจของตน
ฟองอากาศและเงาห้อมล้อมพวกเขาไว้ และโลกทั้งใบก็มีแรงกระเพื่อมและแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
“ข้าได้ให้พวกเจ้าได้เห็นในสิ่งที่ประสงค์แล้ว ส่วนที่เหลือจากนี้ พวกเข้าต้องอาศัยวิริยะ ความกล้า และความองอาจของพวกเจ้าเอง” นี่เป็นข้อความสุดท้ายที่เสียงอันทรงพลังเสียงนี้กล่าวทิ้งท้าย
ผู้เฒ่ายังคงจำได้ว่าต้องสวดภาวนา แม้ว่าจะมีอาการมึนงงอย่างหนัก “แด่พระนามของพระองค์ เดินตามแนวทางของพระองค์ เราจะสร้างอาณาจักรบนพื้นพิภพ!”
ทะเลทรายทั้งหมดหายไปในพริบตา อวกาศเหมือนหมุนวนและคนแคระทั้งหมดก็สลบไป หลังจากผ่านระยะเวลาหนึ่ง เมื่อพวกเขาค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา คนแคระก็พบว่าพวกตนนอนกองอยู่บนพื้นในถ้ำใต้ดินที่เดิมที่คุ้นเคย
“เกิดอะไรขึ้น?” ขณะหันหน้าเข้าหาแท่นบูชา ผู้เฒ่ารู้สึกว่าเขายังคงอยู่ในความฝัน
เมื่อมองไปที่ตำราเล่มหนาบนหัว ฮาโรลด์ก็รู้สึกสับสน เขาเพิ่งเรียนอ่านเขียนจากผู้เฒ่าคนแคระได้เพียงสองปี ดังนั้น เขาต้องใช้เวลาสักพักรื้อฟื้นความจำเกี่ยวกับตัวอักษรบนหน้าปกตำรา ‘การหลอมเครื่องกลธาตุ’
“นี่เรื่องจริง! พระเจ้าแห่งไอน้ำช่วยชีวิตเราไว้!” ฮาโรลด์โพล่งออกมาด้วยความตื่นเต้น
คนแคระที่เหลือต่างก็หันมามองหนังสือเล่มนั้น พวกเขาเริ่มร้องไห้ออกมา เนื่องจากในที่สุดชีวิตก็มีความหวังเป็นครั้งแรก
ตอนนั้นเอง ความทรงจำทั้งหมดของพวกเขาก็กลับมา
กองกำลังกบฏคนแคระพบถ้ำลับแห่งนี้ที่อารยธรรมแห่งไอน้ำเคยใช้เป็นสถานที่สวดวิงวอนพระเจ้าโดยบังเอิญ และพวกเขาก็เริ่มซ่อนตัวอยู่ภายในถ้ำ นอกจากนั้น พวกเขาก็เริ่มธรรมเนียมการสวดภาวนาต่อพระเจ้า และวันนี้ พวกเขาถูกแวมไพร์บุกมาโจมตี และมีคนแคระหลายคนต้องเสียชีวิตไปในการต่อสู้อันโหดร้าย
เมื่อความมุ่งมั่นอันแรงกล้าเข้าเกาะกุมหัวใจพวกเขา พระเจ้าของคนแคระก็ปรากฏตัวขึ้นช่วยชีวิตพวกเขาจากแวมไพร์ และพาพวกเขาไปปราสาทใต้พิภพที่มีภาพฝาผนังของคนแคระอยู่ทุกหนทุกแห่ง เมื่อพวกเขาเปิดประตูปราสาทออก ก็ได้เห็นเมืองมหัศจรรย์ ‘แอตแลนติส’ อาณาจักรของพระเจ้าของคนแคระ!
ผู้เฒ่าถอนหายใจขณะที่ความจำของเขายังคงสับสน “ปราสาทใต้พิภพ ภาพเขียนฝาผนัง ทะเลทราย โอเอซิส และเมืองแอตแลนติส… ไม่ใช่เรื่องจริง พระเจ้าแห่งไอน้ำส่งทำให้วิญญาณของพวกเราได้เห็นภาพ…”
ในความสับสนนั้น คนส่วนใหญ่ซึ่งไม่รู้จักเวทมนตร์มากนักต่างก็เดาว่าความทรงจำของพวกเขาถูกดัดแปลง แต่คนแคระจะต่างออกไป พวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือปาฏิหาริย์จากพระเจ้า ดังนั้น พวกเขาจึงไม่รู้สึกคลางแคลงใจแต่อย่างใด
บางครั้ง เวทมนตร์ภาพมายาที่ทรงพลังก็ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งานของผู้ร่ายเวทมนตร์ด้วยเช่นกัน
แอตแลนต์ ‘เนตรแห่งคำสาป’ เคยอธิบายในบทความของเขาไว้ “ด้วยการอาศัยจุดอ่อนของแต่ละคน เราสามารถบรรจุความทรงจำปลอมลงในสมองของบุคคลได้ แม้โดยไม่ต้องใช้ภาพมายาเลยก็ตาม”
“ข้าไม่คิดเช่นนั้น… ท่านผู้เฒ่า!” อไควนัส แกนนำกลุ่มกองกำลังกบฏ โต้แย้ง “มันมีอยู่จริงในสวรรค์แห่งไอน้ำ! สักวัน พระประสงค์ของพระเจ้าต้องกลายเป็นเรื่องจริงบนโลกมนุษย์!”
ฮาโรลด์ยังคงจำได้ดีว่าเมืองแห่งความฝันมีลักษณะอย่างไร เขาก็พึมพำออกมา “ข้า… ข้าคิดว่าเมืองแห่งไอน้ำเป็นเรื่องสุดอัศจรรย์ เป็นเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในโลก แต่แอตแลนติส… แอตแลนติสมัน… เหลือเชื่อ…”
ฮาโรลด์ไม่รู้ว่าควรจะแสดงความเห็นอย่างไรถึงจะเหมาะสม
คนแคระอีกคนพูดแทรกขึ้นมา “เครื่องจักรทั้งหมดเหลือเชื่อมาก เขาเดาว่าอารยธรรมไอน้ำคงเป็นเหมือนเมืองนี้สมัยรุ่งเรือง… ไม่… ไม่… แอตแลนติสมีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าอารยธรรมไอน้ำเสียอีก!”
คนแคระที่เหลือต่างเห็นพ้องกัน เพราะทุกคนก็เห็นมาด้วยตาตัวเอง!
เมืองแห่งความฝัน!
ฮาโรลด์ดูตื่นเต้นมาก เขากำหมัดทั้งสองแน่น “แอตแลนติส… แอตแลนติส! ความฝันของข้าคือการสร้างบนพื้นดิน ขอให้เพียงมีปาฏิหาริย์สักหนึ่งในสามของเมืองจริงๆ”
“ข้าจะไม่มีวันลืมสายน้ำแห่งดวงดาว…” เมอร์นาพูดพึมพำราวกับว่านางยังคงติดอยู่ในความฝันอันงดงาม “น่าเสียดาย… เราไม่ทันได้เห็นโครงสร้างของลูกธนูโลหะยักษ์”
“นั่นสิ…” เหล่าคนแคระต่างผิดหวัง ทั้งนี้ทั้งนั้น อาวุธพลังทำลายล้างสูงที่พระเจ้าของพวกเขาสร้างขึ้นพลานุภาพสูงพอที่จะทำลายโลกทั้งใบ!
“แล้ว… เราก็ไม่ได้เห็นโครงสร้างภายในอื่นๆ ชัดเจน” ฮาโรลด์พูดได้ความรู้สึกผิดหวัง แต่ในพริบตาเขากลับกระชุ่มกระชวยขึ้นมาและพูดว่า “อย่างแรก เราต้องมีพื้นฐานที่แข็งแรงเสียก่อน!”
ฮาโรลด์ยกหนังสือในมือขึ้นและพบว่ามีกระดาษหนังแผ่นหนึ่งอยู่ในหนังสือ
นี่เป็นสัญญา พันธสัญญากับพระเจ้า
เมื่ออ่านสัญญาณฉบับนั้นจบ ผู้เฒ่าก็ประกาศออกมาด้วยความตื่นเต้น “พระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ยิ่งใหญ่ส่งของให้เราลงนามในสัญญากับนครแอตแลนติส เมื่อเราได้ล่วงรู้ถึงความลับนี้แล้ว”
แน่นอน เหล่าคนแคระต่างลงนามในสัญญาโดยไม่ลังเล สัญญาฉบับนี้เป็นตัวแทนของความหวังใหม่ที่คนแคระจะสามารถลบล้างชะตากรรมที่กำหนดมาให้เป็นทาสของแวมไพร์
แสงสว่างพุ่งออกมาจากสัญญากระดาษหนังฉบับนี้ ลูเซียนซึ่งอยู่ห่างออกมาจากพวกคนแคระก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะจากไป
เขาต้องใช้พลังอย่างมากในการเคลื่อนย้ายคนแคระทั้งหมดไปยังถ้ำลับใต้ดินที่เขาพบด้วยเวทมนตร์ เขาจัดระบบความทรงจำของคนแคระเสียใหม่และถักทอความทรงจำปลอมบางส่วนลงในสมองของพวกเขา
เมื่อคนแคระยอมรับความทรงจำใหม่นี้ ก็เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะแยกความทรงจำปลอมออกจากเรื่องจริง
ลูเซียนใช้เลือดของอัลเฟอร์ริสและสร้างทะเลทราย รวมถึงเมืองที่เรียกว่าแอตแลนติสโดยใช้เวทมนตร์ภาพมายาระดับห้า ‘จินตนิมิต’ ลูเซียนหยิบยืมโครงสร้างพื้นฐานของมหานครจากโลกเดิมและผสมผสานเข้ากับสัญลักษณ์เวทมนตร์มากมาย
หลังออกจากถ้ำใต้ดิน เขาก็มีสีหน้าเคร่งเครียด เขารู้ดีว่าหลังจากเจ้าสาวแวมไพร์และพ่อบ้านถูกเขาสังหาร เคานต์แวมไพร์จะไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ และในไม่นาน เคานต์แวมไพร์จะค้นหาปราสาทใต้พิภพและจุดเชื่อมอวกาศอันนี้พบ
ลูเซียนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้
ฉะนั้น เขาจึงมุ่งหน้าไปยังปราสาทของเคานต์แวมไพร์
…
เช้าตรู่วันต่อมา ทาสคนแคระทั้งหลายกำลังทำงานหนักภายใต้ความหวาดกลัวของแส้หนักๆ ที่คอยเฆี่ยนตี กลุ่มดวงดาวยังคงอยู่บนท้องฟ้าเหนือพวกเขา
พวกหัวหน้าคนงานไม่ได้เป็นกังวลแม้แต่น้อยที่ท่านหญิงเทสส์และพ่อบ้านแวมไพร์ไม่ได้กลับมา เพราะพวกเขารู้ข่าวมาว่ากองกำลังกบฏถูกพบตัวแล้ว และไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่ท่านหญิงเทสส์และพ่อบ้านแวมไพร์จะใช้เวลาสองสามวันจัดการเรื่องนี้
ภายในห้องใต้ดินที่มืดมิดของปราสาท ตรงกลางของวงเวทความมืดมากมาย มีโลงศพที่ชวนขนลุกตั้งอยู่ ควันสีดำลอยออกมาจากโลงศพเป็นระยะๆ บริเวณนี้คือชั้นใต้ดินหลักของปราสาท เป็นสถานที่ที่เคานต์วลาดจำศีลและเยียวยาตัวเอง
ทุกครั้งที่วลาดจะเข้าสู่การจำศีล เขาจะเปิดวงเวทและกับดักรอบตัวทั้งหมดเพื่อป้องกันตัว
ด้วยน้ำมือของเคานต์วลาดเอง การก่อสร้างและการออกแบบปราสาทแห่งนี้ใช้เวลามากกว่าพันปี ไม่มีทางที่จะผ่าเข้าไปโดยไม่ถูกวงเวทจับได้ แม้กระทั่งมาร์ควิสหรือดยุกแวมไพร์ ปราสาทแห่งนี้เป็นเสมือนป้อมปราการตั้งรับชั้นยอด
ดังนั้น ปราสาทอาจไม่มีศักยภาพรุนแรงมากนักเมื่อเป็นฝ่ายต้องจู่โจมศัตรู
ท่านหญิงเทสส์ พ่อบ้านกาลาต้า และเจ้าสาวแวมไพร์อีกสองตนรู้วิธีการเข้าถึงตัวเคานต์วลาด
ฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุดที่ลูเซียนจะสามารถสังหารเคานต์แวมไพร์ก็คือการใช้เจ้าสาวแวมไพร์ทั้งสองตนล่อให้วลาดออกมาจากห้องใต้ดินหลักของปราสาท
เคานต์วลาดเป็นผู้รอดชีวิตจากสงครามแห่งรุ่งอรุณ เขาไม่ใช่คนโง่ เมื่อลูเซียนพลาดและปล่อยโอกาสทองที่จะสังหารแวมไพร์ตนนี้หลุดมือไป นั่นจะเป็นจุดจบของเขา
ลูเซียนไม่อาจยอมให้เกิดข้อผิดพลาดได้แม้แต่น้อย