Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 384 หน้ากากแปลงกาย
บทที่ 384 หน้ากากแปลงกาย
หลังจากลูเซียนหายจากอาการหน้ามืด เขาก็เห็นดอกไม้สีแดงดูน่าขนลุกมากมายอยู่ตรงหน้า เป็นทะเลดอกไม้สีแดงไกลสุดลูกหูลูกตา
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นของสิ่งมีชีวิต ดอกไม้ก็ค่อยๆ บานออก ทีละกลีบๆ และเผยให้เห็นเลือดและเนื้อภายใน เนื้อในของมันกำลังขยับ! ตรงกลางของดอกไม้ขยับเหมือนหัวใจเต้น!
ขณะที่มองดูดอกไม้ดังกล่าว หัวใจของลูเซียนก็หยุดเต้น เขารู้ดีว่าดอกไม้พวกนี้อันตรายแค่ไหน! อย่างไรก็ตาม ไม่นานเขาก็สงบสติอารมณ์ลง เนื่องจากเขากำลังยืนอยู่ในสวนของไรน์ แล้วลูเซียนก็เริ่มใช้เวทมนตร์ปริศนาที่น่ากลัว
เมื่อร่ายเวทมนตร์ออกไป ดอกไม้ที่งดงามแต่แฝงด้วยความชั่วร้ายก็กวัดแกว่งไปมาเบาๆ ราวกับพวกมันกำลังต้อนรับลูเซียน แล้วดอกไม้ก็กลายร่างเป็นแมลงสีแดงตัวเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนและล่าถอยออกไปเหมือนกับน้ำลง ทิ้งไว้เพียงพื้นดินสีดำอยู่ตรงกลาง
ลูเซียนสงสัยและอยากรู้ว่าจะนิยามสิ่งมีชีวิตพวกนี้อย่างไร เพราะมันเป็นดอกไม้หรือแมลงกันแน่? เขาไม่เคยอ่านเจอในหนังสือเล่มไหนมาก่อน ในฐานะจอมเวทที่คลั่งไคล้การศึกษาอาร์คานาศาสตร์ ลูเซียนเกือบจะจับแมลงพวกนี้สักสองสามตัวไว้ใช้สำหรับการทดลองในอนาคต…
อย่างไรก็ตาม เขามีงานต้องทำ เขาเดินออกจากวงเวทและเดินเข้าประตูห้องโถงไปตามทางเดินสีดำที่ปรากฏ หลังจากลูเซียนเดินออกไป แมลงสีแดงตัวเล็กๆ เหล่านี้ก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งและก่อตัวเป็นดอกไม้งดงามแต่ชวนขนลุก ดอกไม้ส่งกลิ่นหอมหวานอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่จะทำให้ผู้สูดดมรู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างหนักและแขนขาไร้เรี่ยวแรง
ลูเซียนร่ายเวทฟองอากาศกรองทันทีเพื่อป้องกันกลิ่นหอมหวานอันตรายนี้
อย่างไรก็ตาม มหาสมุทรสีแดงก็เดือดปุดๆ และถาโถมเข้าใส่ลูเซียนอย่างเกรี้ยวกราด เหมือนผีและผีดิบจำนวนมหาศาลพยายามไขว่คว้าตัวเขาด้วยมือซีดขาวที่เหี่ยวเน่า
ลูเซียนไม่คิดว่าดอกไม้หรือแมลงพวกนี้จะอ่อนไหวต่อคลื่นพลังเวทมนตร์ขนาดนี้! เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ร่ายเวทมนตร์เพิ่มเพื่อป้องกันตัว และปล่อยให้กลีบดอกไม้ค่อยๆ พาดผ่านบนหน้าเขา ลูเซียนรู้สึกคันยิบๆ และตัวชา
แม้จะไม่สามารถจับขึ้นพลังเวทมนตร์ได้อีก แต่มหาสมุทรสีแดงอันดุดันก็ไม่ยอมลดราวาศอก มหาสมุทรดอกไม้ห้อมล้อมตัวลูเซียนไว้ และกรีดร้องคำราม
ด้วยพลังจากแหวนมงกุฎแห่งโฮล์ม ลูเซียนสามารถรักษาสติไว้ได้และเพิกเฉยต่อภาพภัยร้ายที่น่าขนลุกตรงหน้า
แม้เขาจะไม่รู้ว่าดอกไม้หรือแมลงพวกนี้มีพลังขนาดไหน เขาตัดสินใจแล้วว่าต้องระวังตัวและรอบคอบกับทุกสิ่งอย่างภายในปราสาท
ด้วยอากัปกิริยาสุขุมที่เขาฝืนทำ ลูเซียนก็เดินออกจากทะเลสาบสีแดงและย่างก้าวลงบนทางเดินที่เชื่อมต่อกับประตูประสาท
ต้นไม้สูงถูกปลูกไปสองข้างทาง ใบไม้สีเหลืองที่เกือบแห้งกำลังร่วงหล่นลงสู่พื้น ภาพงดงามตรงหน้าปราสาทดำทะมึนหลังนี้ช่างเหมือนกับภาพที่ลูเซียนชินตาในเขตเกซู นครอัลโต้
เมื่อลูเซียนเดินตรงไปยังประตู ทันใดนั้น ดวงตาที่อยู่บนลำต้นของต้นไม้เป็นแถวๆ ก็ลืมตาขึ้น เผยให้เห็นภาพตัดอย่างชัดเจนของสีขาวดำ รูปร่างของลูเซียนเป็นเงาสะท้อนอยู่ในนัยน์ตาของทุกดวง ดวงตาบ้างดวงดูสับสน บางดวงดูสงบและสันติ บางดวงดูเกรี้ยวกราด และบางดวงก็ดูเย็นชา…
ดวงตาทุกดวงกำลังจ้องมองลูเซียนเป็นตาเดียวกัน เหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก ลูเซียน และเขารู้ว่าต้นไม้พวกนี้คือต้นสการ์เล็ตของจริง ครั้งสุดท้ายที่ลูเซียนเห็นต้นไม้พวกนี้ก็คือในความฝันที่ราชาแห่งฝันร้ายสร้างขึ้น และสิ่งที่เขาเห็นในความฝันก็มีพื้นฐานมาจากจินตนาการของเขาเอง ต้นสการ์เล็ตในความฝันค่อนข้างแตกต่างจากต้นสการ์เล็ตของจริง
ต้นไม้เวทมนตร์เหล่านี้มีไม่มากนักที่สามารถโตขึ้นต้นสูงใหญ่ แต่เมื่อโตขึ้นแล้ว ต้นไม้พวกนี้จะมีพลังที่เท่ากับนักเวทชั้นอาวุโส และเหมือนกับ ‘ปีศาจลูกตา’ ต้นไม้พวกนี้สามารถปล่อยลําแสงออกมามากมาย นอกจากนี้ ต้นสการ์เล็ตสามารถดูดเลือดและสร้างภาพมายาได้
ด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์ทรงพลังมากมายที่สวมติดตัว ลูเซียนมั่นใจว่าเขาสามารถจัดการกับต้นสการ์เล็ตหนึ่งหรือสองต้นน่าจะใช้มันเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ชั้นดี อย่างไรก็ตาม นี่มีต้นสการ์เล็ตเรื่องรายมากมายอยู่สองแถว!
เมื่ออยู่ภายใต้การถูกจ้องมองจากต้นไม้ ลูเซียนก็ค่อยๆ เดินทีละก้าวจนไปถึงประตูปราสาทในที่สุด
เมื่อเท้าของลูเซียนสัมผัสลงบนพื้นที่ทั้งนุ่มทั้งแข็ง เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นั่นเป็นการเดินอย่างทรมานฝ่าดงสิ่งมีชีวิตที่น่าเกลียดน่ากลัว แม้ว่าไรน์จะบอกเวทมนตร์ที่ใช้ป้องกันตัวไว้แล้ว
ก่อนที่ลูเซียนจะยกมือขวาขึ้นเปิดประตู ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังออกมาจากภายในของปราสาท
“ข้าสัมผัสได้ถึงรอยประทับของนายท่านบนตัวเจ้า”
“ก็ถูกแล้ว ท่านไรน์ส่งข้ามาที่นี่เพื่อเอาของบางอย่าง” ลูเซียนตอบสั้นๆ และได้ใจความ เมื่อชีวินรสายนเวทในปราสาทจำรอยประทับบนตัวเขาได้ ภารกิจที่เหลือก็คงไม่มีอะไรต้องเสี่ยงภัย
เสียงทุ้มต่ำก็ตอบกลับมา “ข้าคือปราสาทมิคาลิก รหัสผ่าน ขอรับ”
“คิลาคิม” ลูเซียนตอบ เขารู้ว่ารหัสผ่านเป็นเพียงการเรียงลำดับชื่อของชีวินรสายนเวทตนนี้จากหลังไปหน้า ลูเซียนคิดว่าช่างเป็นรหัสผ่านที่ไม่สร้างสรรค์เอาเสียเลย
“แขกผู้ทรงเกียรติ ขอเชิญขอรับ” ประตูของปราสาทค่อยๆ เปิดออก และก็เผยให้เห็นห้องโถงหลักที่โหมและประดับประดาเป็นอย่างดี “ยกเว้นห้องส่วนควบคุมหลัก ห้องพลังงาน และห้องเก็บสมบัติ ท่านสามารถไปได้ทุกที่ตามประสงค์ขอรับ”
…
ภายในห้องอ่านหนังสือที่เต็มไปด้วยตำรับตำรานานาชนิด ลูเซียนร่ายเวทมนตร์ไรน์สอนเขามา และขณะเดียวกัน เขาก็สร้างพลังวิญญาณขึ้นมาเป็นรูปร่างหนามแหลมและแทงลงในช่องเสียบปากกาขนนกอย่างรุนแรง
ช่องเสียบปากกาขนนกเปล่งแสงสว่างเรืองรองออกมาและมีเสียงแตกหักอยู่ภายใน เมื่อช่องเสียบปากกาดังกล่าวแตกออก ก็เผยให้เห็นหลุมดำหลุมหนึ่ง
หลังจากตรวจสอบโดยรอบอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ลูเซียนก็หยิบของหลายชิ้นออกมาจากหลุมดำโดยใช้ ‘เวทมือวิเศษ’ ของที่บอกมาประกอบไปด้วยรูปปั้นสฟิงซ์ขนาดเล็ก ลูกตาโชกเลือดที่น่าขยะแขยง เข็มกลัดไม้กวาด และหน้ากากตัวตลกที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“หน้ากากแปลงกาย อุปกรณ์เวทมนตร์ชั้นกลางระดับเก้า ผู้สวมใส่สามารถแปลงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใดก็ได้เพศเดียวกับตน แต่ไม่สามารถเข้าถึงพลังของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้น หากมีตัวอย่างเลือดที่เหมาะสม ผู้สวมใส่สามารถแปลงกายเป็นอีกคนหนึ่งได้โดยสมบูรณ์แบบ”
ลูเซียนศึกษาข้อมูลของหน้ากากด้วยพลังวิญญาณ และพบว่าหน้ากากชิ้นนี้มีบันทึกตัวอย่างเลือดมากถึงเจ็ดพันแปดร้อยเก้าสิบห้าตัวอย่าง และก็ขึ้นอยู่กับผู้สงสัยว่าจะเลือกใช้ตัวอย่างไหน
“พลังของการแปลงกายมาจากเลือด ดังนั้น แม้แต่ผู้วิเศษชั้นตำนานก็สามารถถูกหลอกได้โดยไม่รู้ตัว พลังวิญญาณหรืออำนาจจิตของผู้สวมใส่ต้องใกล้เคียงกับระดับอาวุโส มิฉะนั้น ผู้สงสัยอาจเสียสติได้
“บ่อยครั้งมากที่ตัวตนใช้ได้ผลดีกว่าเวทมนตร์! จาก นักเวทนิรนามผู้แยกจิต”
ลูเซียนต้องเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของหน้ากากด้วย ‘เวทระบุตัวตน’ สำหรับของอีกสามชิ้น เขาบอกได้เพียงว่าทั้งหมดมีพลังเหนือธรรมชาติปริศนาที่ลึกลับซ่อนอยู่ และของแต่ละชิ้นก็ต่างกันออกไป โดยแต่ละชิ้นเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้เพื่อเปิดวงเวทสามแห่ง
มาเก็บหน้ากากและของทั้งสามชิ้นลงในกระเป๋าเวทมนตร์ ลูเซียนก็คัดลอกหนังสือบางเล่มในห้องลงในห้องสมุดห้วงจิต ไรน์มักเรียกตัวเองว่า ‘ผู้สังเกตการณ์ประวัติศาสตร์’ และลูเซียนก็มั่นใจว่าต้องมีหนังสือที่น่าสนใจมากมายอยู่ที่นี่
ลูเซียนใช้เวลาคัดลอกหนังสืออยู่สักพักใหญ่ เนื่องจากเขาไม่ต้องการให้มิคาลิกสังเกตได้ถึงความสามารถพิเศษของเขา ลูเซียนใช้เวลาคัดลอกหนังสือห้าสิบเล่มอยู่หกชั่วโมง
…
อัญมณีส่องแสงวิบวับ เหรียญทองของยุคสมัยต่างๆ เกราะอัศวินใหม่ถอดด้าม เสื้อคลุมเวทมนตร์มากมาย อาวุธ และอุปกรณ์เวทถึงกับทำให้ลูเซียนตาลาย ของสะสมของไรน์เต็มไปด้วยของล้ำค่ามากมาย!
ในบรรดาของวิเศษทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ที่มีพลังชั้นอาวุโส แต่อุปกรณ์พลังระดับเก้า สิบ และชั้นตำนานจะเก็บไว้ในห้องใต้ดินที่เก็บสมบัติ
หลังจากเลือกอย่างพิถีพิถัน และหลังจากผ่านการตัดสินใจอันยากลำบาก ลูเซียนก็หยิบม้วนคัมภีร์และเข็มขัดออกมา
ม้วนกระดาษหนังเวทมนตร์ระดับแปด ‘ท่องราตรี’
‘เข็มขัดสุขชีวา’ อุปกรณ์เวทมนตร์ชั้นสูงระดับแปด ผู้สวมใส่จะมีพลังต้านทานโรค พิษ พลังลบ และเวทมนตร์ที่ทำให้เป้าหมายเจ็บป่วย
“สุขชีวาคือกุญแจสำคัญของชีวิต จาก ปรัชญาขาว”
คัมภีร์เวทมนตร์สามารถทำให้ ‘มิติอวกาศ’ ใช้ไม่ได้ผล และนั่นจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการหลบหนี เนื่องจาก ‘เวทข้ามเวลา’ เป็นเวทมนตร์พิเศษของแวมไพร์ จอมเวทไม่สามารถหาทางเลียนแบบได้ ลูเซียนวางแผนจะศึกษาคัมภีร์นี้และใช้ในจังหวะที่สำคัญที่สุด
นอกจากนี้ เข็มขัดเส้นนี้ก็ทรงพลังมากเหมือนกัน
หลังจากประทับตราวิญญาณลงบนเข็มขัด ลูเซียนก็มองชั้นวางของที่มีอุปกรณ์เวทมนตร์มากมายเก็บอยู่ เขากำลังจะหยิบของดีๆ สักชิ้นให้ตัวเอง ของวิเศษที่เขามีในตอนนี้ก็มีเพียงไม้เท้าเวทมนตร์ระดับสอง ซึ่งยังไม่เทียบเท่ากับระดับพลังของเขา
ขณะที่ลูเซียนกำลังตัดสินใจอย่างยากลำบาก เขาก็เห็นดาบรูปร่างธรรมดาเล่มหนึ่งวางอยู่ข้างๆ ดาบเล่มนี้ดูธรรมดามากและมีครอสการ์ดทำจากไม้
ลูเซียนเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าทำไมไรน์ถึงเก็บดาบธรรมดาอยู่ในบรรดาของสะสม ดังนั้น เขาจึงร่าย ‘เวทระบุตัวตน’ ลงบนดาบในทันที เมื่อเขาได้เห็นข้อความ ลูเซียนก็ถึงกับตกตะลึง
“‘ยุติธรรมจืดจาง’ ดาบวิเศษชั้นสมบูรณ์ระดับแปด เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตชั่วร้าย ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณร้าย อสูรกาย และปีศาจ ดาบเล่มนี้จะกลายเป็นอาวุธชั้นตำนานระดับหนึ่ง ผู้ที่กวัดแกว่งดาบเล่มนี้จะปราศจากความกลัว ความลุ่มหลง ความป่าเถื่อน และความสิ้นหวัง การลงดาบและการโจมตีแต่ละครั้งจะถูกเป้าหมายด้วยการนำทางของความยุติธรรม ผู้ชายต้องมีพลังอย่างน้อยเทียบเท่ากับอัศวินอาภาระดับหกถึงจะสามารถหยิบดาบแห่งความยุติธรรมเล่มนี้ได้”
“ความยุติธรรมอาจจืดจาง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับพลังแสงศักดิ์สิทธิ์อื่น แต่ความยุติธรรมจะสถิตอยู่ทุกที่ และใช้ได้กับทุกคนและทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะในสมรภูมิหรือไร่นา ความยุติธรรมจะสถิตอยู่ทุกที่”
ลูเซียนเคยได้ยินชื่อดาบในตำนานเล่มนี้มาก่อน!