Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 431 การเปิดตัว
บทที่ 431 การเปิดตัว
เครื่องแบบทางการที่ดักลาสเคยสวมใส่ถูกแทนที่ด้วยเสื้อคลุมเวทมนตร์สีเทาเนื้อละเอียดที่มีจุด และเส้นนับไม่ถ้วนถักทอก่อให้เกิดลวดลายลึกลับต่างๆ นอกจากนี้เขายังสวมหมวกทรงสูงของจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณที่มีสีเดียวกัน ล้อมรอบด้วยหินคริสตัลหลากสีที่มีลักษณะคล้ายกับระบบท้องฟ้าจำลองขนาดเล็ก
รูปแบบการแต่งตัวของ ดักลาส เตือนผู้คนว่าดักลาสไม่เพียงแต่เป็นผู้ก่อตั้งสภาแห่งเวทมนตร์เท่านั้น แต่เขายังเป็นผู้รอดชีวิตหลังจากการล่มสลายของอาณาจักรเวทมนตร์โบราณอีกด้วย สุนทรียภาพในวัยเด็กที่ได้ถูกหล่อหลอมขึ้นมาของเขายังคงตราตรึงอยู่ในสมอง
“ลูเซียน ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของเจ้า ข้าได้สร้างดาวเคราะห์เทียมขึ้นมาด้วยการคำนวณที่เข้มงวด และขั้นตอนการเล่นแร่แปรธาตุที่ซับซ้อน ขั้นตอนต่อไปคือการส่งไปยังวงโคจรที่กำหนดเอาไว้” ดักลาสทักทาย ลูเซียนอย่างเบิกบาน
ในขณะเดียวกันดักลาสก็วางมือขวาลงบนกระเป๋าเวทมนตร์ และลูกบอลโลหะสีเทาเงินก็ลอยขึ้นมาอากาศตรงหน้าเขา
จากการทดลองครั้งแรก ขนาดของดาวเคราะห์เทียมนี้ค่อนข้างมีขนาดเล็กเพียงครึ่งหนึ่งของร่างกายมนุษย์ ดาวเคราะห์ลึกลับขนาดเล็กนี้ถูกปกคลุมด้วยโลหะมันวาวสีเทาเงิน และฝังด้วยอัญมณีทุกชนิด และลวดลายเวทมนตร์ที่ซับซ้อน ลูกบอลโลหะทั้งหมดดูเหมือนจะถูกห่อหุ้มด้วยวงแหวนเวทมนตร์อย่างสมบูรณ์
“มันดูซับซ้อนมาก…” ลูเซียนพึมพำ จากข้อมูลของเขา จุดประสงค์ของการทดลองนี้จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อ ดักลาสสามารถพิสูจน์ได้ว่าดาวเทียมสามารถหมุนรอบโลกได้ ส่วนปัจจัยการทำงานเพิ่มเติมอื่นๆ สามารถพิจารณาได้ในภายหลัง เช่น การสื่อสาร การสำรวจค้นคว้า สถานที่ รวมถึงการใช้เป็นอาวุธ หรือมันอาจทำให้เสียเวลาก็ได้
ดักลาสยิ้ม “ไม่จริง ไม่จริง…จักรวาลนี้เต็มไปด้วยอันตราย วงเวทนี้ออกแบบมาเพื่อต้านทานอุณหภูมิต่ำ…”
ดักลาสเริ่มแนะนำวงเวททุกวงบนพื้นผิวของลูกบอลโลหะให้ลูเซียนฟังอย่างอดทน
ในใจของลูเซียนไม่ได้เห็นด้วยสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังคงฟังดักลาสอย่างละเอียดเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวงแหวนเวทมนตร์ และถามคำถามเป็นครั้งคราว ในท้ายที่สุดลูเซียนถามอย่างจริงจังว่า
“ท่านประธาน ทำไมท่านไม่เพิ่มวงเวทสำหรับรับ และส่งสัญญาณล่ะ? เราจะได้ระบุตำแหน่ง และค้นหาติดตามจากที่นี่ได้อย่างใกล้ชิด”
“ข้าใส่วงแหวนเวทมนตร์ถาวรที่คล้ายกันไว้ในนั้น” ดักลาสไม่ได้คิดว่าคำถามของลูเซียนเป็นการรบกวนใดๆ และตอบเขาด้วยความอดทน “…นอกจากนี้ การทำงานของวงเวทหลักของมันยังเหนือจินตนาการของเจ้าอีกด้วย มันเป็นวงเวทที่แทบจะสูสีกับเวทมนตร์ในตำนานได้เลย”
“มันคืออะไร?” ลูเซียนาถามอย่างสงสัย
“ตอนนี้ ข้าจะเก็บมันไว้เป็นความลับ เจ้าจะได้เห็นเมื่อมันทำงาน” ดักลาสยิ้มให้กับลูกศิษย์ของเขา
ดวงตาเรียวเล็กของอาร์ทิลจ้องไปที่ลูกบอลโลหะอย่างบ้าคลั่ง “ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็น… ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะแสดงให้คนงี่เง่าเหล่านั้นเห็นว่าทฤษฎีของอาจารย์ของพวกเราถูกต้อง เพื่อแสดงให้พวกเขาเห็นว่าความฝันเกี่ยวกับอีเธอร์ของพวกเขาเป็นเพียงภาพลวงตา!”
เฟอร์นันโดแค้นเสียงทางจมูก “การประกาศชัยชนะก่อนที่จะเริ่มการทดลอง เจ้าเป็นคนงี่เง่าที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา”
คำพูดของเฟอร์นันโดนั้นรุนแรงเป็นปกติ แม้ว่าดักลาสจะอยู่ข้างๆ เขาก็ตาม แต่หากเป็นดักลาสที่พูดคำเหล่านั้นเฟอร์นันโดก็จะตอบสนองเช่นเดียวกัน
อาร์ทิลไม่กล้าที่จะถกเถียงกับเฟอร์นันโด เขาก้มศีรษะลงอย่างรู้สึกอับอาย
เบิร์กเนอร์ ศาสดาจากหอคอยมองไปที่ดักลาสด้วยความกังวลเล็กน้อย “สาเหตุที่ยังไม่พบดาวเคราะห์นั้นมีความซับซ้อน บางทีเราอาจจะไม่สามารถเห็นดาวเคราะห์เทียมที่มนุษย์สร้างขึ้นในจักรวาลได้ ท่านประธาน ท่านต้องเตรียมพร้อมสำหรับความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้น ความล้มเหลวไม่สามารถปฏิเสธทฤษฎีของท่านทั้งหมด”
เบิร์กเนอร์สวมหมวกทรงแหลมสีเทาอันเป็นเอกลักษณ์ของหอคอย คิ้ว และเคราของเขาเป็นสีขาวทั้งหมด ยกเว้นดวงตาของเขาที่ลึกล้ำราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เขาดูเหมือนชายชราธรรมดาๆ
เนื่องจากเป็นคำเตือนจากท่านศาสดา สีหน้าของลูกศิษย์จึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาสงสัยว่าท่านเบิร์กเนอร์ได้เห็นผลลัพธ์จากการร่าย ‘เวทผูกดวงโหราศาสตร์’ หรือไม่ …
แต่ความกังวลของพวกเขาถูกดักลาสปัดออกทันที ดักลาสยิ้มอย่างสบายๆ และพูดว่าข้าล้มเหลวหลายครั้งในการพยายามค้นหาดาวเคราะห์ อีกหนึ่งความล้มเหลวไม่ใช่สิ่งที่เอาชนะข้าได้ นั้นก็หมายความว่าทฤษฎีของข้ายังไม่สมบูรณ์แบบเท่านั้น บางทีข้าอาจพลาดอะไรไป และความล้มเหลวทั้งหมดจะนำข้าไปพบกับคำตอบ บัลลังก์แห่งความสำเร็จมักเกิดจากความล้มเหลวเสมอ อย่าหลงกับชื่อเสียง และสถานะปัจจุบันของข้าจนลืมไปว่าข้าเคยผ่านความล้มเหลวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน”
ดักลาสเงยหน้าขึ้นมองและจ้องไปที่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเสมือนจริงของ ‘เมืองเดมิเพลน’ ด้านบน “โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล ยิ่งเจ้าสำรวจมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเล็กลงเท่านั้น โลกนี้มีลักษณะอย่างไรในตอนเริ่มต้น? คำถามมากมายจะนำไปบทสรุปที่ใด? เราไม่อาจคาดคิดได้ สิ่งใดที่ไม่รู้จักก็สมควรได้รับความเคารพจากเรา เราไม่สามารถอยู่ห่างจากความกลัว และความไม่แน่นอนได้
“ถ้าวันนี้การทดลองของเราได้ผล เราจะพิสูจน์ว่ามนุษย์สามารถสร้างดาวเคราะห์ และสร้างโลกได้เช่นกัน ตอนนี้เรากำลังดำเนินการขั้นตอนแรก!”
ดักลาสยิ้มทั้งดวงตา เขาหันไปมองลูเซียน “และทั้งหมดนี้ต้องขอบใจเจ้า ลูเซียน ความคิดที่ไม่ถูกจำกัดขอบเขต และวิธีคิดย้อนกลับของเขาทำให้ข้าเป็นอิสระจากประสบการณ์ที่ผ่านมา”
เมื่อได้ยินคำชม ลูเซียนก็คิดกับตัวเองว่า ก้าวเล็กๆ ของท่านประธานอาจหมายถึงการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ
เฟอร์นันโดสังเกตเห็นว่าลูเซียนกำลังเหม่อลอย เขาส่งสายตาข่มขู่ให้ลูเซียนแล้วหันไปหาดักลาส “ไม่ต้องพูดแล้ว คำพูดที่ได้รับรางวัลควรได้รับการบันทึกไว้จนกว่าจะประสบความสำเร็จ ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นเรื่องตลก”
เบิร์กเนอร์ยังยิ้ม และอธิบายว่า”สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไม่ใช่คำทำนาย ข้าแค่แสดงความห่วงใยต่อเพื่อนเก่า ถ้าข้าต้องทำนายดวงชะตาให้ดักลาส ข้าจะต้องเตรียมตัวอย่างน้อยหนึ่งเดือนเพื่อที่ผลลัพธ์จะได้ไม่ผิดพลาดจนเกินไป”
อาร์ทิล ลูเซียนา และ นอร์แมน ยังคงส่งเสียงให้กำลังใจ
ดักลาสไม่ได้พูดอะไร เขาพยักหน้าเล็กน้อย และใส่ดาวเคราะห์เทียมกลับเข้าไปในกระเป๋าของเขา และเปิดหอคอยเวทมนตร์
ดวงดาวเสมือนจริงบนท้องฟ้ายามค่ำคืนก็ดับแสงลง ภูเขา ป่าไม้ ทะเลสาบ ทุ่งหญ้า และหอคอยเวทมนตร์นั้นถูกความมืดมิดเข้าปกคลุม
จากนั้นลวดลายสีขาวบนหอคอยเวทมนตร์ก็สว่างขึ้นทีละเส้น และก่อตัวเป็นวงเวทที่ซับซ้อนอย่างมาก
ทันทีที่วงเวทเสร็จสมบูรณ์หอคอยเวทมนตร์ก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงอื้ออึง พลังอันยิ่งใหญ่ราวกับมหาสมุทรคำรามมารวมตัวกันที่หน้าดักลาส และสร้างประตูลึกลับที่ฝังสัญลักษณ์กลุ่มดาวไว้นับไม่ถ้วน
“พวกเจ้าทุกคน จงกลับไปที่อัลลิน และเฝ้าดูท้องฟ้าอย่างละเอียด” ดักลาสกล่าว
ในขณะเดียวกันพลังทางวิญญาณที่น่าเกรงขามของเขาก็แผ่กระจายออกไป พลังนั้นเหมือนกับแสงอาทิตย์ที่แผดเผา และมันทำให้ลูเซียน และคนอื่นๆ ไม่สามารถลืมตาหรือแผ่พลังวิญญาณออกไปได้เลย
เมื่อพูดจบดักลาสก็ผลักพลังวิญญาณของเขาอย่างรุนแรงไปยังประตูดวงดาว และเปิดช่องว่างออก จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไป และหายเข้าไปในความมืด และความว่างเปล่า
นี่คือวิธีการเปิดตัวดาวเทียมในโลกนี้ ลูเซียนจ้องมองไปที่ประตูที่ค่อยๆ หายไปโดยไม่พูดอะไร ไม่มีเชื้อเพลิงราคาแพง ไม่มีจรวดยักษ์ ไม่มีอุปกรณ์จุดระเบิด ทั้งหมดที่ดักลาสต้องทำคือนำดาวเทียมไปกับเขา และกระโดดข้ามอวกาศไป
ลูเซียนตระหนักอย่างแท้จริงว่าในโลกแห่งเวทมนตร์นี้ยังมีหลายแง่มุมที่ก้าวหน้ากว่าบนโลก เพียงแค่เขายังไม่รู้ว่าพวกมันทำงานอย่างไร
ในโลกนี้ มหาจอมเวทคือจรวด ดาวเทียม ขีปนาวุธข้ามทวีป การรวมกันของพลัง และความรุ่งโรจน์!
“ในการสำรวจดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกลจากเราจะต้องใช้เวลาสองถึงสามปีในการเตรียมการที่จะกระโดดข้ามอวกาศ นานที่สุดอาจใช้เวลาหลายสิบปี ส่วนการกระโดดระยะสั้นเช่นนี้ใช้เวลาเตรียมการเพียงไม่กี่วัน” เฟอร์นันโดอธิบาย
ศาสดาเบิร์กเนอร์มองไปที่ลูกแก้วในมือของเขา “กลับไปที่ อัลลิน กันเถอะ เราไม่ควรพลาดช่วงเวลาดีๆ เช่นนี้ ต่อมาดักลาสจะสามารถเข้าสู่วงโคจรที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้ภายในสามถึงห้านาที”
ดักลาสจะสามารถเข้าสู่วงโคจรที่กำหนดไว้ได้… ลูเซียนคิดว่าประโยคนี้ฟังดูแปลกๆ และมันมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับมหาจอมเวทที่ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา
จากนั้นเขาก็กลับไปที่ อัลลิน พร้อมกับคนที่เหลือใน ‘เมืองเดมิเพลน’
พวกเขายืนอยู่บนชั้นสามสิบสามของหอคอยสำนักงานใหญ่ พวกเขาจ้องมองไปที่ท้องฟ้ายามค่ำคืน เวลาผ่านไปแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ลูเซียนาถามอย่างกังวล “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ฟังดูเหมือนเขากำลังถามคนอื่น แต่ก็เหมือนพูดกับตัวเอง
“ไม่จะไม่มีปัญหา มันแค่ช้าไปหน่อย” อาร์ทิลกล่าวอย่างมั่นใจ
นอร์แมนยังคงสงบนิ่งเหมือนนักเวทในตำนานทั้งสอง เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ ทฤษฎีของท่านดักลาสน่าจะถูกต้อง…”
ลูเซียนจ้องมองไปบนท้องฟ้า เขาทั้งรู้สึกตื่นเต้น และกังวล นี้เป็นอีกหนึ่งการค้นหาความจริงของโลก
มันจะทำงานไหม?
ดาวดวงใหม่จะเกิดหรือไม่?
ดวงดาวบนท้องฟ้าเป็นเหมือนดวงตานับไม่ถ้วน จากที่พวกเขาเชื่อมั่นมาหลายล้านปี ดวงดาวมักจะเงียบเสมอ
…
ซาแมนธากำลังดูดวงดาวบนดาดฟ้าที่บ้านของนาง นางกำลังพัฒนาเวทมนตร์เพื่อแทรกแซงโชคชะตา
ในช่วงพักสั้นๆ นางก็ยังคงมองไปที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยความชื่นชมอย่างแท้จริง
“ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเป็นทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดในโลกนี้ มันลึกซึ้ง และไร้ขอบเขต มีเสน่ห์ และดูน่าเกรงขามด้วย…” ซาแมนธาพึมพำกับตัวเองราวกับท่องบทกวี
ทันใดนั้นดวงตาอันงดงามของนางก็เบิกกว้างอย่างมาก! กว้างจนลูกตาของนางอาจหลุดออกจากเบ้าตาได้
บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว พลันปรากฏดาวดวงใหม่ขึ้นโดยไม่มีสัญญาณใดๆ มาก่อน!
มันอยู่ใกล้มาก สว่างมาก และวงโคจรของมันก็พิเศษมาก!
“กำเนิดดวงดาว?”
ซาแมนธาไม่สามารถหุบปากของนางได้
…
แลนซ์ นครศักดิ์สิทธิ์
สมเด็จพระสันตะปาปากำลังเปิดหนังสือเล่มหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงบางอย่าง และมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเห็นว่าบนท้องฟ้ามีดาวดวงหนึ่งสว่างพราวพร่าง โดยที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ดาวดวงนั้นสว่างมากจนกินบริเวณครึ่งหนึ่งของท้องฟ้า แม้แต่แสงพระอาทิตย์ตกก็ไม่สามารถซ่อนแสงของดวงดาวได้!
หนังสือหล่นลงพื้นจากมือของเบเนดิกต์ที่สอง เขาตกใจมาก และพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ดาวดวงใหม่…?”
“ใครเป็นคนทำ?!”
…
ในอัลลิน เมื่อดวงดาวสว่างขึ้นบนท้องฟ้า อาร์ทิลก็เปล่งเสียงคำรามออกมาเพื่อระบายความรู้สึกของเขาอย่างเต็มที่
“มันได้ผล! ท่านดักลาสทำได้!” ลูเซียนาร้องขึ้นมาด้วยน้ำตาคลอเบ้า
เฟอร์นันโดส่ายศีรษะเล็กน้อย “สว่างมาก… เหมือนกลัวคนอื่นจะมองไม่เห็น”
ลูเซียนลูบหน้าผากของเขา เขารู้สึกพูดไม่ออก นั่นคือหน้าที่ของวงเวทหลัก?… เพื่อที่จะระเบิดแสงจ้าให้เหมือนดวงอาทิตย์? ดักลาสกังวลว่าศาสนจักรอาจพลาดช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้หรือไม่?
แต่ลูเซียนคิดว่าในไม่ช้าดาวเทียมดวงนี้จะถูกยิงลงมาภายในไม่กี่ชั่วโมง เนื่องจากมีวงเวทหลักติดตั้งอยู่ การปล่อยดาวเทียมดวงอื่นที่มีการทำงานต่างกันสามารถกำหนดไว้ในวาระการประชุมได้
มันใช้งานได้จริง…
มันคือดาวเคราะห์จริงๆ…
…
นครเรนทาโต นครแอนทิฟเฟอร์ พระราชวังเทรีย และนครอัลโต้ รวมถึงเมืองอื่นๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนผู้ที่มีพลังพิเศษ และคนธรรมดาต่างก็จ้องมองไปที่ท้องฟ้าด้วยความตกตะลึง
พวกเขาไม่เคยเห็นการกำเนิดของดาวดวงใหม่!