Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 441 วิกฤต
บทที่ 441 วิกฤต
“นี่เป็นสมมติฐานที่ทำขึ้นเฉพาะเพื่ออธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ไม่สามารถใช้ได้อย่างกว้างขวางตามมาตรฐานของสมมติฐานที่ควรเป็น และไม่สามารถใช้อธิบายปรากฏการณ์อื่นๆ ของแสงได้ และขัดแย้งกับสิ่งที่ภาพการเลี้ยวเบนของแสงบอกเรา เมื่อไม่มีการทดลองสนับสนุน สมมติฐานนี้จึงค่อนข้างมีปัญหา แม้จะเป็นสมมติฐานที่ให้เหตุผลที่มีตรรกะ รัดกุม และสวยงาม แต่ก็ขัดแย้งกับสถานการณ์จริงโดยสิ้นเชิง…”
“จอมเวทสร้างสมมติฐานเหมือนเช่นสมมติฐานนี้มากมาย เมื่อสมมติฐานไม่ได้ถูกใช้งานในวงกว้าง นั่นย่อมหมายความว่าทิศทางของสมมติฐานมีปัญหา และข้าก็เห็นปัญหาของบทความชิ้นนี้เช่นเดียวกัน…”
“ข้าเชื่อว่าท่านลูเซียน อีวานส์ ก็ตระหนักถึงความจริงเรื่องนี้ดี เขารู้ว่าสมมติฐานของเขาขัดแย้งกับระบบแม่เหล็กไฟฟ้าของท่านบรูค รวมถึงรูปแบบแสงที่คลาสสิคมากมาย เพราะฉะนั้นเขาจึงระบุในส่วนท้ายของบทความว่าเขากล่าวถึงเพียงเรื่องความฉับไวของเวลา ขณะที่ในภาพรวมแล้วแสงยังคงมีลักษณะเหมือนคลื่น”
ลอเร็นยิ่งเขียน เขายิ่งมีน้ำโห สิ่งที่ทำให้เขาไม่ไปตำหนิลูเซียนต่อหน้าก็เพราะลูเซียนเป็นลูกศิษย์ของเจ้าแห่งวายุ เป็นสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบ และเป็นผู้ที่ได้รับรางวัลมากมาย ในสายตาของเขา ลูเซียนควรอยู่กับความจริง และล้มเลิกความฝันลมๆ แล้งๆ ที่จะตามหาทฤษฎีควอนตัม แล้วเปิดตาดูระบบอาร์คานาที่มั่นคงและสมบูรณ์แบบในปัจจุบัน
เมื่อสูดหายใจลึกๆ ลอเร็นก็เริ่มเขียนต่อ “…นอกจากนี้ ทฤษฎีนี้ซึ่งดูเหมือนกับทฤษฎีอนุภาคอีกรูปแบบหนึ่ง เริ่มจากความคิดที่ว่าพลังงานไม่ได้ถ่ายทอดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระ แม้แต่ผู้ที่สนับสนุนทฤษฎีอนุภาคก็จะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งก็คือบทความชิ้นนี้สมบูรณ์แบบซึ่งอาจเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นทางออกชั่วคราวเพื่ออธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก การตัดสินของข้าขอระบุว่า”
“บทความชิ้นนี้ควรค่าแก่การอธิบายในวงกว้าง แต่คุณค่าของบทความยังจำกัดอยู่ในตอนนี้ เมื่อมีหลักฐานสนับสนุนที่หนักแน่นพอ ผลการตรวจสอบอาจเปลี่ยนแปลงได้ ข้อเสนอของข้าในตอนนี้ก็คือมอบค่าความน่าเชื่อถือหนึ่งคะแนนและคะแนนอาร์คานาห้าคะแนนเป็นรางวัล”
ขณะที่เขียนบทสรุป ลอเร็นก็อาศัยความฉลาดแกมโกง เขาไม่กล้าที่จะเปิดเผยความเห็นที่แท้จริงของเขา เนื่องจากลูเซียน อีวานส์ เป็นจอมเวทผู้โด่งดัง แล้วเป็นอัจฉริยะวัยหนุ่มที่ได้รับการสนับสนุนมากมายจากอาจารย์ของเขา หากลอเร็นไม่ระมัดระวังให้มากพอ เขาอาจตกงานและสูญเสียเก้าอี้ในคณะกรรมการ
ลอเร็นมีเหตุผลของเขาที่จะยอมให้บทความชิ้นนี้ผ่าน ในสภาเวทมนตร์ ก็ยังมีผู้สนับสนุนทฤษฎีอนุภาคของแสงเหลืออยู่ หากเขาปฏิเสธบทความของลูเซียน อีวานส์ โดยใช้ข้อเท็จจริงที่ว่าบทความชิ้นนี้ขัดแย้งกับระบบแม่เหล็กไฟฟ้าของบรูค เรื่องเดียวกันก็จะเกิดขึ้นกับบทความทั้งหมดที่สนับสนุนทฤษฎีคลื่น เนื่องจากสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบผู้สนับสนุนทฤษฎีอนุภาคจะปฏิเสธบทความคดีคลื่นโดยใช้ข้อเท็จจริงที่ว่าขัดแย้งกับการทดลองความเร็วแสงของดักลาสและปรากฏการณ์โฟโต้อิเล็กทริก ดังนั้น เขาจึงเลือกปะนีปะนอม แม้ว่าทฤษฎีคลื่นจะมีอิทธิพลมากกว่า แต่ทฤษฎีอนุภาคก็ยังไม่ถูกว่าล้มเหลว
หลังจากเขียนแสดงความเห็นจบ ลอเร็นเขาหยิบกล้องยาสูบขึ้นมาสูบ แล้วรอยยิ้มเย็นก็ปรากฏบนใบหน้าเขา เขาจะแนะนำบทความของลูเซียน อีวานส์ ให้กับดรัมมอนด์ และให้เขาตีพิมพ์บทความนี้ในวารสารอาร์คานา ในฐานะบทความที่เปิดให้มีการอภิปราย ไม่ว่าลูเซียน อีวานส์ จะประสงค์หรือไม่ก็ตาม อัจฉริยะหนุ่มผู้นี้ต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับการวิพากษ์วิจารณ์และการโจมตีอย่างไม่รู้จบ
เนื่องจากปัจจุบันไม่มีทฤษฎีอื่นที่สามารถอธิบายสมมติฐานเรื่องควอนตัมพลังงานได้ และแทบไม่มีจอมเวทคนไหนที่สามารถเขียนบทความหักล้างได้ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป ลูเซียนท้าทายหนึ่งในสองระบบอาร์คานาที่คลาสสิคโดยตรง หรือพูดอีกนัยหนึ่งได้ว่าเขาเลือกที่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับจอมเวทส่วนใหญ่ ด้วยทฤษฎีคลาสสิกและข้อมูลการทดลอง พวกจอมเวทจะไม่ยอมให้ลูเซียนจบปัญหานี้ได้โดยง่าย!
แล้วลอเร็นก็เขียนจดหมายถึงดรัมมอนด์และส่งออกไป เขาผุดลุกขึ้นเดินไปเดินมาอยู่ในห้องทำงานขนาดมือไขว้หลัง แล้วเขาก็พูดพึมพำกับตัวเอง “ทางที่ดีต้องทำให้เห็นว่าสมมติฐานของเขาผิดโดยใช้ผลการทดลองที่หนักแน่น ผลการทดลองชี้ขาดจะทำให้ลูเซียนไม่เหลือข้อแก้ตัว…”
…
ณ สำนักงานสาขาอัลลินของสหพันธ์บทเพลงจันทรา ชายวัยกลางคนหน้าตาประหลาดกำลังอ่านบทความชิ้นหนึ่งอยู่ เขามีรอยสักรูปประกายไฟฟ้าอยู่มากมาย และมีประกายกระแสไฟฟ้าขนาดเล็กอยู่บนศีรษะที่โล้นเลี่ยนของเขาราวกับว่าเขามีผมหนาสีเงิน ตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยซึ่งภายในลูกตาก็มีประกายไฟเช่นกัน
“ในที่สุด ลูเซียน อีวานส์ ก็เปิดเผยตัวตนมาแล้วว่าเป็นผู้สนับสนุนทฤษฎีอนุภาค หรือว่า… เขากำลังโฆษณาทฤษฎีควอนตัมของเขา?” เตเซรา จอมเวทระดับเจ็ดและนักเวทระดับแปด พูดจาเยาะเย้ย “ไม่ว่าเขาจะมีจุดประสงค์อะไร บทความชิ้นนี้ก็ไร้สาระสิ้นดี ยกเว้นส่วนที่อธิบายถึงปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก เขาพูดจาไร้สาระทั้งหมดความเพียงเพื่ออธิบายปรากฏการณ์เนี่ยนะ แน่นอน ลูเซียน อีวานส์ ยังไม่มีหลักฐานการทดลองที่หนักแน่นสนับสนุน มิฉะนั้น หัวเขาคงระเบิดไปแล้วจากการเห็นภาพการทดลอง”
“ลูเซียน อีวานส์ เขียนคำพูดและสูตรมากมายในบทความ… ถ้าจะปล่อยให้บทความนี้ผ่าน แต่ก็เพื่อยอมให้เกิดการอธิบาย ฮ่าๆ อยากรู้จริงๆ ว่าหมาบ้าอย่างอาร์ทิลจะตอบเรื่องนี้อย่างไร?”
เตเซรากำลังบรรจุความคิดของเขาลงเป็นลายลักษณ์อักษร “…ปฏิเสธไม่ได้ว่าบทความชิ้นนี้สมควรมีการอภิปราย บทความนี้ทำให้เราเห็นทิศทางที่เป็นไปได้ในการอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ขอเสนอให้มอบค่าความน่าเชื่อถือสองคะแนนและคะแนนอาร์คานาหกคะแนนเป็นรางวัล”
ก่อนหน้านี้ เตเซราไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งกับลูเซียน แต่ปัจจุบันไม่เหมือนเดิม เนื่องจากลูเซียนโจมตีแนวคิดของระบบแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งเป็นรากฐานโลกแห่งปัญญาของเตเซรา โดยใช้ทฤษฎีอนุภาคและทฤษฎีควอนตัม
หากไม่ใช่เพราะความสำเร็จที่ผ่านมาของลูเซียน เตเซราคงจะเริ่มสงสัยว่าลูเซียนเป็นอัจฉริยะอาร์คานาจริงๆ เหมือนที่คนอื่นพูดกันหรือไม่
เมื่อวางปากกาขนนกลง เตเซราก็หยิบเอกสารเกี่ยวกับปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกซึ่งเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่งในช่วงนี้ ขณะที่เขาอ่านไปเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งขมวดคิ้ว
หากสมมติฐานของลูเซียน อีวานส์ ใช้งานได้จริง ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกก็สามารถได้รับคำอธิบายอย่างแม่นยำและกระชับยิ่งขึ้น
“ทำไม…” เตเซราชักหงุดหงิดขึ้นมา “สมมติฐานนี้ขัดแย้งกับภาพการทดลองที่คลาสสิคโดยสิ้นเชิง แต่มันสามารถอธิบายปรากฏการณ์โฟโต้อิเล็คทริคซึ่งขัดแย้งกับทฤษฎีคลื่นได้…”
…
เนื่องจากไม่อยากพบหน้าบรูค ลูกศิษย์ และผู้สนับสนุนของเขา อาร์ทิลจึงเลือกใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเล็กๆ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา หอคอยเวทมนตร์สีดำทรงแหลมหลังของเขามักได้รับความสนใจจากชาวเมืองและนักเดินทางซึ่งต่างก็เกรงกลัวกันทั้งสิ้น
ในห้องทำงานของเขา สีหน้าที่เกรี้ยวกราดโมโหโทโสของอาร์ทิลก็ถูกแทนที่ด้วยท่าทางเป็นสุขและรื่นรมย์กับชีวิต
“ฮ่าๆ ควอนตัมของแสง ควอนตัมของแสง… คิดว่าข้าจับเจ้าไม่ได้หรือเมื่อเจ้าเพียงแค่เปลี่ยนคำพูด! มันก็แค่อีกชื่อหนึ่งของควอนตัมโฟตอนในทฤษฎีอนุภาค! สัดส่วนที่จำกัดความต่ำสุด… มันก็อนุภาคไม่ใช่หรือ?!”
“การแบ่งแยกแสงก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงออกถึงทฤษฎีอนุภาคอีกแบบหนึ่ง และสมมติฐานนี้อธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกได้อย่างสมบูรณ์แบบ! ลูเซียน อีวานส์ สมควรได้รับชื่อเสียง! เขาเป็นอัจฉริยะ! แน่นอน เขามีแววรุ่งสุดที่จะได้เป็นมหาจอมเวทในอนาคต!”
ข้อเสนอของลูเซียนให้ปล่อยดาวจำลองขึ้นสู่ท้องฟ้าช่วยให้ดักลาสได้มาก แล้วตอนนี้เขายังออกมาสนับสนุนทฤษฎีอนุภาคอย่างโจ่งแจ้ง ดังนั้น อาร์ทิลจึงเริ่มนับเขาเป็นสหายที่ไว้ใจได้มากที่สุด
เขารู้สึกตื่นเต้นกันมาเมื่อจินตนาการว่าคนโง่พวกนั้นที่กำลังสนับสนุนทฤษฎีคลื่นของแสงจะตอบโต้บทความนี้อย่างไร
เมื่อรู้สึกค่อนข้างสดชื่น อาร์ทิลก็เริ่มเขียนจดหมายถึงดรัมมอนด์ เขากัดฟันกรอดขณะพยายามประครองยิ้มกว้างๆ ไว้บนใบหน้า ช่วงเดียวที่เขายังไม่มีความสุขด้วยเต็มร้อยก็คือย่อหน้าสุดท้ายของบทความ เนื่องจากฟังดูเหมือนว่ายังลังเลใจอยู่ แต่นั่นก็ไม่สำคัญ หากไม่มีใครสามารถหักล้างสมมติฐานของลูเซียนได้ภายในหนึ่งปี คะแนนอาร์คานาห้าหมื่นคะแนนจะตกเป็นของอีวานส์ อันที่จริง อาร์ทิลหวังว่าลูเซียน อีวานส์ จะสามารถรับคะแนนไปได้เลย!
หลังจากส่งสำเนาบทความให้กับดรัมมอนด์ อาร์ทิลนึกคิดอยู่ในหัวของตัวเองอย่างเป็นสุขว่าตอนนี้สมมติฐานเรื่องควอนตัมพลังงานของลูเซียนฟังดูสมเหตุสมผลกับเขามากขึ้น ถ้าเขาเริ่มและคิดไตร่ตรองจากมุมมองของทฤษฎีอนุภาคให้ลึกยิ่งขึ้น
…
ในฝ่ายบริหารจัดการนักเวท อีริคได้รับผลการตรวจบทความของลูเซียน
ในฐานะสักขีพยานต่อความสำเร็จมากมายของลูเซียน อีริคเปิดบทความออกดูด้วยความอยากรู้ แล้วสีหน้าเขาก็แข็งทื่อ ราวกับว่าเขาก็เป็นผู้สนับสนุนตัวยงของทฤษฎีคลื่นของแสง
หลังจากเขาอ่านบทความและความเห็นดูเข้าคร่าวๆ อีริคก็เกิดความรู้สึกอยากจะเขียนอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้ความคิดของลูเซียน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเมื่อลูเซียนเสนอตารางธาตุครั้งแรกก็กลับมาในหัวของเขา ณ ตอนนั้น บทความของลูเซียนได้ผลการตรวจสอบที่ต่ำมาก แต่กลับกลายเป็นบทความที่ทรงคุณค่ายิ่งขึ้นเมื่อมีการค้นพบธาตุใหม่ในภายหลัง สมาชิกคณะกรรมการสองคนผู้ตรวจสอบบทความต้องขอโทษเขาและประเมินผลบทความใหม่ และให้คำชมอันสูงส่งในเวลานั้น
“บทคิดนี้ก็พูดถึงสมมติฐานจำนวนมากบนพื้นฐานของควอนตัมของแสง… บางที…” อีริคเริ่มรู้สึกสงสัย แต่ไม่นานเขาก็ต้องหยุดคิดเรื่องนี้ “…ข้าควรรอจนมีผลการทดลองที่แม่นยำออกมาแต่ก่อน…”
…
ด้วยความพยายามของลอเร็น แม้ว่ายังมีเวลาเหลือประมาณสองถึงสามสัปดาห์ก่อนที่วารสารอาร์คานาฉบับน่าจะตีพิมพ์ แต่นักเวททุกคนก็ได้รับรู้แล้วว่าลูเซียน อีวานส์ นักเวทอัจฉริยะหนุ่ม ใช้ทฤษฎีอนุภาคเพื่ออธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกและยังนำเสนอสมมติฐานควอนตัมแสง หลายต่อหลายคนโจมตีลูเซียนเข้าอย่างจัง แต่ผู้คนส่วนใหญ่ เช่น อีริค จะระมัดระวังตัวและเลือกที่จะอยู่เงียบๆ ไปก่อนในช่วงนี้ เนื่องจากรางวัลมากมายที่ลูเซียนได้รับ เพราะเขาเกรงว่าหากใช้อารมณ์มากเกินไป เมื่อลูเซียนมีการทดลองที่หนักแน่นพอที่จะสนับสนุนบทความของเขา หัวของพวกเขาอาจระเบิดออก
ความคิดของคนเหล่านี้สั่นไหวไปแล้ว เมื่อพบว่าสมมติฐานของลูเซียนสามารถอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกได้ แม้ว่าเป็นครั้งคราว ก็จะมีคนเหน็บแนมความเห็นต่อสมมติฐานของลูเซียนบ้าง แต่ส่วนใหญ่ยังคงเฝ้ารอ รอผลคำตอบสุดท้าย
ในนครอัลลิน บรรยากาศที่ตึงเครียดก็ยังไม่หายไป แม้แต่ลาซาร์และเหล่านักเวทฝึกหัดก็ยังสัมผัสได้ถึงความอาฆาตมาดร้ายของผู้คน อย่างไรก็ตาม ไม่มีผลต่อลูเซียนแต่อย่างใด เขายังคงทำงานหนักเพื่อพัฒนาฌานสมาธิและการสร้างเวทมนตร์ระดับหก
อย่างไรก็ตาม พวกหัวรุนแรงมีอยู่ในทุกสังคม ภายในสิ้นเดือนนี้ ลูเซียนได้รับจดหมายจำนวนมาก นี่เป็นจดหมายขู่จากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม
ลูเซียนยิ้มและเปิดอ่านจดหมายดูคร่าวๆ รู้สึกเหมือนว่าเขากลายเป็นศัตรูต่อสาธารณะที่มีร่วมกันของนครอัลลิน อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นจดหมายฉบับหนึ่ง เขาก็ขมวดคิ้ว
“…ข้าอาจไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ แต่สหายและลูกศิษย์ของเจ้าล่ะ? ถอนสมมุติฐานเพี้ยนๆ นี้เสีย แล้วยอมรับความผิดของเจ้าต่อหน้าจอมเวททั้งหมด!”