Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 484 เปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน
บทที่ 484 เปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน
การวิจัยของสภาเวทมนตร์เกี่ยวกับกาลและอวกาศนั้นยังขาดสิ่งสำคัญไปและยังสร้างทฤษฎีไม่เป็นรูปเป็นร่าง ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จอมเวทจากสภาเวทมนตร์จะกำหนดรู้ว่าลูเซียนถูกเทเลพอร์ตไปที่ไหน หลังจากถูกระเบิดของรามิโร่กระแทกเข้ามาในมิติอื่นได้ เหนืออื่นใด ตัวลูเซียนเองเป็นผู้มีชะตาลี้ลับ ด้วยความสามารถพิเศษนี้และการรบกวนเวทมนตร์ระยะไกลและเวทพยากรณ์ของมิตินี้ เฟอร์นันโดกับแฮททาเวย์จึงยังค้นหาตัวเขาไม่พบ
ลูเซียนสรุปได้ว่าปีศาจตรวจตราตนนี้ได้ผสานตนเองเข้ากับร่างกายและดวงวิญญาณของเขาก่อนที่เขาจะเข้าประตูมิติสู่ ‘ดินแดนใหม่’
มิเช่นนั้น ชายผู้อยู่เบื้องหลังจะสามารถตามตัวเขาพบก่อนเฟอร์นันโดกับศาสดาพยากรณ์ และปล่อยให้ปีศาจครอบงำเขาก่อนที่เขาจะฟื้นฟูพลังได้อย่างไรกัน
ในฐานะจอมเวทผู้เชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์มืดคนหนึ่ง ลูเซียนรู้ดีว่าปีศาจตนนี้ย่อมถูกดาบยุติธรรมจืดจาง ‘กำจัด’ ได้ เช่นนั้นอาจารย์ของเขาย่อมต้องสัมผัสถึงมันได้ยามทั้งสองพบหน้ากัน ดังนนั้น ปีศาจตนนี้คงจะเข้าสิงร่างเขาในช่วงระหว่างที่เฟอร์นันโดเข้าประตูมิติสู่ดินแดนใหม่ไปแล้ว และก่อนที่ลูเซียนจะถูกกระแทกเข้ามา
ดูเหมือนว่าคำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ ชายผู้อยู่เบื้องหลังจะต้องทำอะไรสักอย่างกับร่างกายรามิโร่ เพื่อที่เวลาเขาระเบิดร่างพลีชีพ ปีศาจจะฉวยโอกาสนั้นเข้าสิงร่างของลูเซียน แรงระเบิดจะช่วยกลบร่องรอยทุกอย่าง และเนื่องจากลูเซียนถูกกระแทกลอยผ่านประตูมิติสู่ดินแดนใหม่ แม้ว่าแฮททาเวย์จะสงสัยอะไร ก็ไม่มีร่องรอยใดหลงเหลือให้ค้นพบแล้ว
ที่แน่ๆ ชายผู้อยู่เบื้องหลังจะต้องรู้ระยะเวลาแน่ชัดที่ประตูมิติจะเปิดอยู่ และยังสามารถปล่อยให้รามิโร่ลงมือลอบสังหารได้โดยที่เขาไม่รู้ตัวสักนิดว่าถูกควบคุม และสุดท้ายเขาก็นำวิธีการตรวจตรานี้มาใช้ประโยชน์ ลูเซียนนึกสงสัยว่าธานาทอส เทพอสูรลิช หรืออาจจะเป็นเนตรแห่งคำสาป อยากจะรู้อะไรจากเขา ทั้งการปลอมแปลงความทรงจำและการบอกใบ้อย่างชัดเจนสามารถทำให้รามิโร่ทำในสิ่งต่างๆ โดยไม่รู้ตัวว่านั่นหาใช่การตัดสินใจของเขาเอง
ความทรงจำมากมายแล่นผ่านสมองลูเซียน เขาพยายามจะตรวจสอบว่าตนเองพลาดอะไรไปหรือไม่
ทันใดนั้น ลูเซียนก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
‘ตอนที่เขาใช้ซากอารยธรรมใต้ดินของคนแคระเป็นทางผ่าน มีปีศาจระดับสูงตนหนึ่งจากโลกแห่งวิญญาณลอบโจมตีเขา ตอนนั้นเขาคิดเอาว่าเป็นเพราะแผนการของท่านไรน์ถูกค้นพบแล้ว
‘ตอนที่อะดอลถูกธานาทอสจับส่งไปยังอัลลิน เขาไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าท่านมาสเกลีนกับท่านไรน์ติดอยู่ในโลกแห่งวิญญาณเลย ลูเซียนก็นึกว่าอะดอลไม่ได้มีตำแหน่งสูงพอจะรับรู้ความลับที่ลึกล้ำกว่านั้น พอคิดย้อนกลับไปตอนนี้ ก็มั่นใจได้เลยว่าตอนนั้นตนเองได้ประเมินสถานการณ์ผิดพลาดไป
‘จากความทรงจำลึกๆ ของปีศาจระดับสูงที่ลอบโจมตีตน เห็นได้ว่าถึงมันจะเกลียดชังอะดอลมากแค่ไหน มันก็ทำได้แค่สาปส่งอีกฝ่ายให้ถูกนักบุญแห่งสัจธรรมชำระล้าง คงเป็นเพราะว่ามันมีระดับต่ำกว่าอะดอล อาจเป็นแค่ผู้ช่วยหรือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ถ้าเกิดว่ามันล่วงรู้ถึงแผนการของท่านไรน์ เช่นนั้นอะดอลก็ย่อมต้องรู้ด้วยเช่นกัน
‘หากอะดอลไม่รู้อะไรจริงๆ เช่นนั้น เหตุใดปีศาจระดับสูงถึงลอบโจมตีตนกันล่ะ เพื่อแก้แค้นให้กับฟิลิเป เจ้านายของมัน ผู้ที่มันเรียกขานว่า “เจ้าโง่” เนี่ยน่ะหรือ
‘สองเหตุการณ์นี้ช่างขัดแย้งกัน คำอธิบายที่ดีที่สุดคงเป็น อะดอลรู้เรื่องราวมากมายจริงๆ เขารู้ว่าท่านมาสเกลีนและท่านไรน์ติดอยู่ในโลกแห่งวิญญาณ และยังรู้ด้วยว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับตนเอง ซึ่งเป็นเหตุให้เขาพุ่งเป้ามาที่ตน แต่ว่า เขาไม่รู้อะไรอีกต่อไปหลังจากที่ถูกส่งตัวมายังอัลลิน ใครบางคนลบความทรงจำของเขาไป
‘ถ้าพิจารณาจากทั้งหมดนี้ ท่านมหาจอมเวทเนตรแห่งคำสาปคงจะไม่ใช่ชายผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นแน่ ส่วนธานาทอส ถึงเขาจะไม่ใช่ผู้ลงมือทำ แต่อย่างน้อยก็เป็นผู้ยินยอมให้มันเกิดขึ้น นี่เขาวางแผนจะใช้ความเกี่ยวข้องระหว่างตนเองกับอัลเทอร์นาหรือสิ่งมีชีวิตลึกลับจากโลกแห่งวิญญาณเพื่อค้นหาพวกเขาให้พบก่อนใครๆ อย่างนั้นหรือ
‘ไม่แปลกใจเลยที่รามิโร่มาตรวจสอบแถบมหาสมุทรเออร์โด ไม่แปลกเลยที่เขาจะเจอตัวแอนฮิวซ์อย่างรวดเร็ว ไม่แปลกใจเลยที่เขาพยายามโจมตีตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งหมดนั้นมันบังเอิญจนเกินไป’
ลูเซียนสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยายามจะสงบสติอารมณ์ ความคิดที่ว่าใครสักคนที่มีพลังระดับตำนานกำลังจับตามองเขาอยู่นั้น ทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง
ต้องยอมรับว่า มหาจอมเวทท่านอื่นๆ ก็อาจเป็นผู้ต้องสงสัยได้เช่นกัน หากว่าปีศาจเข้าสิงในร่างเขาก่อนที่เฟอร์นันโดจะเดินทางข้ามประตูมิติแล้วเฟอร์นันโดไม่รู้สึกถึงมันเลย เช่นนั้นการคิดวิเคราะห์ทั้งหมดของลูเซียนก็จะพังทลาย แฮททาเวย์ที่เฝ้าประตูมิติเองก็มีเวลาและความสามารถมากพอที่จะทำเช่นนั้น ทว่า เมื่อเทียบกันแล้ว ทั้งสองท่านนี้ไม่มีทางเป็นคนร้ายไปได้แน่
หากพิจารณาจากนิสัยของแฮททาเวย์ ความรู้ด้านศาสตร์มืดในระดับทั่วไป และอนาคตอันสดใสของนางที่ ‘การเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย’ จะนำมาให้ และหากพิจารณาจากระยะเวลาที่ลูเซียนได้ใช้กับเฟอร์นันโดและข้อเท็จจริงที่ว่านิสัยของเฟอร์นันโดนั้นเป็นเหมือนเดิมมานานหลายศตวรรษ ลูเซียนก็เลือกที่จะเชื่อใจทั้งสอง
ในตอนนี้เมื่ออัลเทอร์นาแห่งจันทราสีเงินได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว แต่ทั้งธานาทอสหรือเทพอสูรลิชกลับยังไม่ลงมือทำอันใด ลูเซียนจึงสงสัยว่านี่หมายความว่าเป้าหมายหลักของพวกเขาคือสิ่งมีชีวิตลึกลับในโลกแห่งวิญญาณใช่หรือไม่
แต่ลูเซียนปัดความคิดนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ในตอนที่เขาว่ายน้ำผ่านเขตแดนของเทพเจ้าแห่งยมโลกเป็นครั้งแรก อัลเทอร์นาก็สังเกตเห็นเขาแล้วแต่ไม่ได้ปรากฏกายมาพบเขา ในทางตรงกันข้าม บัดนี้นางกลับไว้ใจให้เขาดูแล และหลับใหลอยู่ในมือซ้ายของเขา มันคงมิใช่เพราะนางกังวลว่าลูเซียนจะไปขวางทางการสังหารเทพเจ้าแห่งยมโลกหรอก เมื่อย้อนคิดกลับไปในตอนนี้ อัลเทอร์นาคงจะสัมผัสได้ว่าใครบางคนกำลังจับตาสอดแนมลูเซียนอยู่ การพังทลายของเขตแดนยมโลกทำให้การสอดแนมนั้นไร้ผลไปชั่วขณะ และจากนั้นอัลเทอร์นาก็สะกดปีศาจเอาไว้ก่อนจะปรากฏกายในรูปลักษณ์แท้จริง มิเช่นนั้น นางก็คงหลบซ่อนตัวไปพร้อมกับ ‘เนื้อแดดเดียว’ ชิ้นนั้นไปแล้ว และลูเซียนก็คงไม่มีทางหานางพบได้แน่
ลูเซียนรู้สึกเย็นวูบไปตามสันหลังเมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา มันหาใช่เพราะปีศาจยังมีชีวิตอยู่ แต่เป็นความกลัวอย่างแท้จริง เขาได้สังหารปีศาจตนหนึ่งไปโดยไม่ไตร่ตรองให้ดี บุคคลในระดับตำนานที่ส่งมันมาคงจะต้องจับสังเกตได้เป็นแน่
ลูเซียนโผนทะยานออกจากหน้าต่าง เขาได้แต่หวังว่าบุคคลในระดับตำนานผู้นั้นจะซ่อนตัวอยู่ในที่ห่างไกลด้วยเกรงว่าจะทำให้พระเจ้าแห่งจันทราสีเงินและสิ่งมีชีวิตลึกลับจากโลกแห่งวิญญาณตื่นตัว
ลูเซียนพบว่าตนเองมาอยู่ในป่าทึบทึม ทว่า ด้วยการแปลงกายเป็นอัศวินอาภา เขาจึงผ่านไปอย่างว่องไวคล่องแคล่ว จากนั้นเขาก็กระโดดลงไปในแม่น้ำและแปลงกายเป็นปลา แหวกว่ายไปตามกระแสน้ำอยู่ครู่ใหญ่
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ลูเซียนก็ขึ้นมาบนฝั่งและใช้เวทมนตร์ลบร่องรอยของตน จากนั้นเขาก็กระโดดกลับลงไปในแม่น้ำและตรงไปยังสถานที่ที่อารามศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายตั้งอยู่รวมกัน ลูเซียนตัดสินใจแล้ว หาว่านักเวทระดับตำนานไม่สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของเขาได้ เช่นนั้นลูเซียนก็จะนำเขาไปพบกับเจ้าตาเดียวที่อัลเทอร์นาพูดถึง มันคือความพยายามสุดท้ายในการดิ้นรนอยู่รอด
หลังจากที่เขามาถึงบริเวณของอารามศักดิ์สิทธิ์ ลูเซียนก็ชะลอความเร็วลง เขาเพ่งจิตเพื่อสัมผัสถึงสภาพแวดล้อม จดจ่อไปที่การเปลี่ยนแปลงใดๆ บนมือซ้ายของเขา หากว่าเขาสามารถหลบหนีจอมเวทระดับตำนานที่ตามติดมาได้ เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องปลุกปั่นแอนทานาส เทพเจ้าแห่งสงคราม เพราะลูเซียนมั่นใจว่าความสามารถพิเศษของชะตาลี้ลับ บวกกับพลังในการปิดบังกายของพระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน เขาย่อมหลบหนีแผนการชั่วร้ายนี้ไปได้
เขาว่ายน้ำต่อไปช้าๆ อยู่พักใหญ่ แต่ทันใดนั้น ลูเซียนก็สัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนรุนแรงใต้น้ำ ราวกับเกิดแผ่นดินไหวขึ้นใกล้ๆ กันนี้
เมื่อเขายื่นศีรษะขึ้นมาจากดงต้นกก ลูเซียนก็เห็นว่าเทือกเขาทางนอกเมืองนั้นถูกปกคลุมด้วยสายฟ้าแปลบปลาบ บรรยากาศแห่งความตายบดบังแสงจันทร์ไปเสียสิ้น แล้วยอดเขาสูงตระหง่านก็พังครืน
ลูเซียนสันนิษฐานว่าผู้มีพลังระดับสูงกำลังต่อสู้กัน
เป็นไปได้ไหมว่าแอลกับคนที่เหลือกำลังพยายามสังหารเทพเจ้าแห่งฟ้าร้องและสายฟ้าอยู่
ฉับพลันหลังจากนั้น ลูเซียนก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด แล้วลูกธนูสีดำก็พุ่งออกจากอารามเทพเจ้าแห่งสงคราม
ด้วยอยู่ไกลมาก ลูเซียนจึงไม่อาจสัมผัสได้ว่า ‘ศรแห่งแอนทานาส’ ถูกเป้าหมายหรือไม่ ทว่า บรรยากาศแห่งความตายก็จางหายไปมากจริงๆ
จากนั้น กลุ่มเมฆหมอกก็พวยพุ่งออกมาจากอารามเทพเจ้าแห่งสงคราม แอนทานาสโผนทะยานมุ่งหน้าไปยังชานเมือง ตามติดด้วยกลิ่นไอแห่งชัยชนะและเสียงแตร ภายในไม่กี่วินาที เขาก็กลืนหายเข้าไปในบรรยากาศแห่งความตาย
ในขณะเดียวกันนั้น จากอารามศักดิ์สิทธิ์ ‘ดวงดาวแห่งรุ่งอรุณและสนธยา’ ดาวสุกใสดวงหนึ่งพลันพุ่งติดตามเทพเจ้าแห่งสงครามไป
ทว่า ในตอนที่มันพยายามจะข้ามแม่น้ำโซลนาไป ม่านหมอกสีดำก็จู่โจมกลืนกินมันอย่างฉับพลัน
ดวงดาราสุกใสเปล่งแสงวูบหนึ่งก่อนจะร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า ตกลงมากระทบสายน้ำ และเผยให้เห็นร่างนวลนางแสนเย้ายวน
อาซินถามด้วยความตื่นตระหนก “ฟรานซิส?”
ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค ดวงจันทร์สีเงินสว่างสดใสก็ลอยขึ้นมาจากในป่าและโผเข้าใส่อาซิน
อาซินหลบหลีกไม่ให้โดนจุดสำคัญได้อย่างฉิวเฉียด เขากระโดดลอยตัวอยู่ในอากาศ แล้วใบหน้าเขาก็ยิ่งซีดเผือดกว่าเดิม ดาบสั้นในมือเขาหักไปแล้ว
“แอล?”
พร้อมกับที่เขาอุทานออกมา แสงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นล้อมรอบกายแอล ผู้ที่แทบมองรูปร่างที่แท้จริงไม่ออก แสงดาวเหล่านั้นบิดเป็นรูปกรงขังด้วยความพยายามจะจองจำแอลไว้ภายใน
บรรยากาศแห่งความตายอันเข้มข้นไหลซึมออกมาจากแอล ทำให้กรงแสงดาวค่อยๆ หายไป แอลเอ่ยเสียงสงบนิ่ง “ฟรานซิส ช่วยข้าพันธนาการเขาที ข้าจะใช้ ‘เวทคำสั่ง’ เพื่อดึงเทวภาพของเขามาเป็นร่างอวตารของข้า เทวทูตแห่งฟ้าร้องและสายฟ้า เทวทูตแห่งปฐพี และเทวทูตแห่งปัญญาคงจะรั้งแอนทานาสไว้ได้ไม่นานนัก หลังจากที่ข้าดูดซับเทวภาพของเขา ข้าก็จะสามารถต่อกรกับแอนทานาสได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ”
ลูเซียนที่ยังคงซ่อนตัวอยู่ในน้ำนึกซาบซึ้งใจกับการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะมันจะช่วยกลบร่องรอยให้กับเขา แล้วจากนั้นเขาก็จะรอโอกาสหลบหนี ในระหว่างนี้ เขานึกสงสัยว่าเป็นโซเฟียหรือไม่ที่วางแผนการทุกอย่างเพื่อให้พระเจ้าเทียมเท็จทั้งหลายมาอยู่ฝ่ายแอล
ทันทีที่แอลกล่าวจบประโยค เสียงทุ้มลึกก็เอ่ยถามขึ้น “จริงหรือ”
“แอนทานาส?” แอลตกตะลึงที่ได้เห็นชายตัวสูงใหญ่ตาเดียวก้าวออกมาจากอารามเทพเจ้าแห่งสงคราม เขาถือค้อนที่ดูน่าคร้ามเกรงขณะจ้องมองลงมาที่แอลด้วยความมั่นคงดุจขุนเขา ด้านหลังของเขาคือชายหนุ่มร่างกายกำยำอีกผู้หนึ่ง เขาคือเบโร่ เทพเจ้าแห่งดวงตะวัน
น่าประหลาดใจที่นี่คือตัวตนที่แท้จริงของแอนทานาส เขาส่งเพียงร่างอวตารออกไปเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาไม่แม้แต่จะฉวยโอกาสนี้ลอบโจมตีใส่แอล
แอนทานาสแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ “อย่าได้แสร้งทำเป็นประหลาดใจเลย ข้ารู้ว่าเบโร่หลอกข้า เป้าหมายของเจ้าหาใช่อาซิน แต่เป็นข้า เข้ามาพร้อมกันเลยสิ ให้ข้าได้เห็นว่าอะไรที่ทำให้เจ้ามั่นใจเช่นนั้น!”
“อะไรนะ” เบโร่ถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความตกตะลึง พลางยกโล่ขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เขาลักลอบร่วมมือกับแอลจริง ด้วยการแสร้งเป็นสายสอดแนมให้กับทั้งสองฝ่าย เขาได้เปิดเผยความลับให้แก่เทพเจ้าแห่งสงครามว่าแอลกับพรรคพวกกำลังวางแผนจัดการอาซิน เบโร่บอกแอนทานาสว่าให้ใช้วิธีการพิเศษเพื่อผสานร่างอวตารเข้ากับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงแล้วหลบซ่อนตัวอยู่ภายในอาราม ระหว่างรอคอยโอกาสโจมตีแอลกับพรรคพวกให้หนักในคราวเดียว
แต่แผนการที่แท้จริงนั้น เป้าหมายกลับพุ่งตรงไปที่แอนทานาส ตราบใดที่เบโร่สามารถใช้ประโยชน์จากเวลาในยามที่แอนทานาสโจมตีแอลและลดความระวังตัวลง เขาก็จะโจมตีจุดตายได้ จากนั้นพวกเขาก็จะร่วมมือกันจัดการแอนทานาส แต่ว่าแอนทานาสกลับล่วงรู้ถึงแผนการที่แท้จริง
ผู้ใดกันที่หักหลังพวกเขา เหตุใดแอนทานาสจึงสงบนิ่งถึงเพียงนี้
ฟรานซิสสงบจิตใจลง “แผนการนั้นมีไว้เพื่อทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายดายขึ้น ในเมื่อเจ้ามองแผนการของข้าออกหมดแล้ว ข้าจะเผชิญหน้ากับเจ้าด้วยการต่อสู้อย่างตรงไปตรงมา”
ท่ามกลางความมืดมิดนั้น ปรากฏเงาร่างของคนสามคน คนหนึ่งคือชายผู้มีท่าทางเคร่งขรึมหม่นหมอง คนหนึ่งคือผู้เฒ่าในชุดคลุมสีขาว และคนสุดท้ายคือสตรีผู้งดงามจนลืมหายใจที่สวมชุดเกราะสีม่วงและถือดาบกับโล่เอาไว้
“นาตาชา?” ลูเซียนที่ยังอยู่ใต้น้ำแทบจะอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ