Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 490 การเดินทาง
บทที่ 490 การเดินทาง
หลังจากมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปตามหุบเขาแม่น้ำอยู่หลายนาที ลูเซียนก็บอกนาตาชาว่าจำเป็นเปลี่ยนเส้นทางและมุ่งหน้าไปทางตะวันออก ด้วยพลังลอยตัวขั้นสูง ลูเซียนและนาตาชาก็บินด้วยความเร็วเต็มกำลังไปยังทิศทางใหม่ ขณะเดียวกัน ลูเซียนก็ถอนแสงจันทราสลัวออกจากตัวนาตาชา
“เจ้าดึงความสนใจจากเทพอสูรจอมเวท-ลิชให้ท่านป้าคามิลออกจากฮูซัมเข้าเขตทะเลทรายตะวันออกได้ปลอดภัยสินะ?” นาตาชาถาม นางไม่ว่าอะไรลูเซียนสักคำที่เปลี่ยนแผนกะทันหัน แต่กลับกัน นางยอมรับการตัดสินใจของลูเซียน และเข้าใจแผนของเขาดี ทั้งสองผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง ทั้งสองรู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี
นาตาชารู้ว่าทะเลทรายฝั่งตะวันออกมีวงเวทประสานงานลับที่สภาเวทมนตร์แอบติดตั้งไว้ วงเวทนี้สามารถส่งข้อความเสียงข้ามมหาสมุทรไปยังพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสภาเวทมนตร์
เมื่อรู้ว่าลูเซียนอยู่ที่ไหน เฟอร์นันโดและแฮททาเวย์ก็สามารถกลับไปยังโลกหลักและเปิดประตูมิติอีกบานไปยังดินแดนใหม่เพื่อข้ามมายังหุบเขาตอนเหนือของคาบสมุทรเออร์โด นี่เป็นทางที่เร็วที่สุด แม้ว่าพวกเขาจะต้องใช้เวลาเดินทาง เป็นวันๆ
หากอัศวินอาภาคุ้นเคยกับสิ่งกีดขวางกึ่งแข็งตัวในอวกาศของมิตินี้ อัศวินอาภาก็จะสามารถเดินทางไปถึงวงเวทประสานงานในทะเลทรายภายในสองวัน หากยังไม่คุ้นเคย ก็อาจใช้เวลานานสามถึงสี่วัน โชคร้ายที่คามิลอยู่ในกลุ่มไม่คุ้นเคย
ขณะบินด้วยความเร็วสูงบนท้องฟ้า ทั้งสองได้ยินเสียงลมโหยหวยขณะซัดสาดความเย็นยะเยือกเข้ากับกระดูกของทั้งสอง ลูเซียนยิ้ม เขาพยักหน้าและพูดกับนาตาชาผ่านกระแสจิตระหว่างกัน “ถ้าเทพอสูร-ลิชกลับมาแล้วหาร่องรอยของเราไม่เจอ เขาจะออกตามล่าคามิลแน่ นางเป็นคนใกล้ชิดกับเราที่สุดที่รอดตายมาได้ ถ้าเขาจับตัวท่านคามิลได้ เราก็หมดหวังที่จะรอความช่วยเหลือจากแฮททาเวย์และอาจารย์ของกระหม่อม สถานการณ์คงแย่หนัก เขาจะใช้ท่านคามิลข่มขู่เราแน่ เราต้องป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายขึ้น”
“จริงของเจ้า ถ้าเทพอสูร-ลิชตามรอยเราได้ เขาจะตามล่าเราแน่” นาตาชาเห็นด้วย “ตราบใดที่ท่านป้าคามิลซ่อนตัวดีๆ นางก็จะมีเวลาพอที่จะฟื้นฟูพลัง”
“ในมิตินี้ แม้แต่สนามพลังวิญญาณของชั้นตำนานก็มีรัศมีเพียงสามร้อยเมตรเท่านั้น ถึงตอนนั้น ท่านป้าคามิลคงออกจากเมืองฮูซัมแล้ว แล้วเทพอสูร-ลิชก็คงหาตัวนางไม่เจอง่ายๆ ถ้าเขาอยากจะตามหา เราก็รู้ว่าการแกะรอยชะตาชีวิตไม่ได้แม่นยำมากนัก” นาตาชาพูดเสริม “ภายในวันเดียว ท่านป้าคามิลก็ไปถึงเขตเทือกเขาตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งท่านวารันไทน์กำลังตรวจตราอยู่ ถ้าเขาไม่เสียสติจนอยากท้าทายศาสนจักรด้วยตัวเองในตอนนี้ เทพอสูร-ลิชก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเลิกติดตามท่านป้าคามิล”
นาตาชาที่กำลังบินอยู่กลางอากาศราวกับลูกศรธนูเข้าใจแผนของลูเซียนทั้งหมด นางบอกกับลูเซียนว่าวารันไทน์อยู่ที่ไหน เพื่อป้องกันไม่ให้เขาบังเอิญต้องเผชิญหน้ากับวารันไทน์ ผู้นำนักพรตของศาสนจักร
การหลบหนีด้วยการหลอกล่อให้วารันไทน์กับเทพอสูร-ลิชปะทะกันเองไม่ใช่แผนที่เป็นไปได้ เนื่องจากวารันไทน์จะรายงานตรงต่อศาสนจักรเสมอ แล้วลูเซียนก็ต้องหลบหนีจากการตามล่าของคนทั้งศาสนจักร สถานการณ์ก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นกว่าที่ทั้งคู่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้
“เราก็ต้องคอยทำให้เทพอสูร-ลิชไขว้เขวตลอดทั้งวัน” ลูเซียนตอบกลับอย่างเอาจริงเอาจัง
นาตาชาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “เจ้าไม่กังวลหรือว่าท่านป้าคามิลจะบอกเรื่องเจ้ากับท่านวารันไทน์หรือ?”
“ไม่มีแผนไหนสมบูรณ์แบบเมื่อเผชิญกับอันตรายขนาดนี้หรอกพะยะค่ะ” ลูเซียนตอบตรงๆ “แต่พอครบเจ็ดวันแล้ว อัลเทอร์นาดูดมวลพลังหมด ต่อให้เจอพระสันตะปาปาก็ทำอะไรกระหม่อมไม่ได้ และกระหม่อมก็ไว้ใจพระองค์”
นาตาชาขยับริมฝีปากยิ้ม
“ข้าบอกท่านป้าคามิลว่าอัลเทอร์นาใช้เวลาสี่วันเพื่อดูดพลังจนสมบูรณ์ ถ้านางเลือกที่จะไม่ขายเจ้าและส่งข้อความไปถึงสภาได้สำเร็จ เจ้าแห่งวายุและท่านยายแฮททาเวย์ก็จะมาตามหาเจ้าเร็วกว่าที่วางแผนไว้ หากนางขายเจ้าจริงๆ พอสมเด็จพระสันตะปาปาส่งนักบวชมาที่นี่ ก็คงอีกสามวันหลังจากนี้ พระองค์จะพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนว่ามีโอกาสแค่ไหนเมื่อเผชิญหน้ากับอัลเทอร์นา ซึ่งจะฟื้นฟูพลังถึงระดับมนุษย์ครึ่งเทพ ข้าไม่คิดว่าพระองค์จะยอมเสี่ยง โดยเฉพาะเมื่อพระองค์ไม่สามารถใช้ ‘พลังพระเจ้าเสด็จ’ ได้ในตอนนี้”
ลูเซียนหันศีรษะมาสำรวจดูนาตาชาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาค่อนข้างประทับใจ “กระหม่อมคิดว่าพระองค์เป็นคนตรงไปตรงมาเสมอ ไม่ว่าจะสู้หรือจัดการกับเรื่องอะไร กระหม่อมไม่คิดว่าพระองค์จะคิดซับซ้อนขนาดนี้ แต่… ท่านคามิลปกป้องพระองค์มาหลายปี พระองค์คงรู้สึกไม่ดีที่ต้องโกหกนางสินะพะยะค่ะ?”
นาตาชายิ้มกว้าง “นี่ ที่ข้าบอกท่านป้าคามิลผิดๆ ก็เพราะเจ้าหลอกข้าก่อนตั้งแต่แรก อัศวินทรงเกียรติอย่างข้าไม่โกหกหรอก”
หลังจากพูดจาหัวชวนกันแล้ว สีหน้าของนาตาชาก็ดูจริงจังมากขึ้น “แม้ว่าข้าจะชอบแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แต่ในฐานะว่าที่ดัชเชส ข้าต้องระวังตัวสูงมาตลอด มิเช่นนั้น เหตุที่เกิดขึ้นคราวก่อนกับท่านพี่เวอร์ดี้ก็คงจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าท่านป้าคามิลจะไม่หักหลังข้า แต่ข้าไม่มั่นใจว่านางจะหักหลังเจ้าหรือไม่ บางทีในสายตาของนาง การส่งเจ้าขึ้นตะแลงแกงคงเป็นวิธีปกป้องข้าได้ดีที่สุดจากอันตรายและการตามล่าของเทพอสูร-ลิช ข้าไม่อาจเชื่อใจใครง่ายๆ ด้วยการบอกว่า ‘ข้าไว้ใจ’”
ลูเซียนเห็นคุณสมบัติของดัชเชสตัวจริงอยู่ตรงหน้าเขา เด็ดเดี่ยว มุ่งมั่น และรอบคอบ
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือนาตาชายังรู้ตัวว่านางต้องการอะไรกันแน่
ลูเซียนยิ้มเล็กน้อย “เราทำมามากพอแล้ว ที่เหลืออยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา เราน่าจะไปทางเหนือแล้วไปค่อยไปทางตะวันออก เทพอสูร-ลิชจะได้เชื่อว่าเรากำลังไปทะเลทรายตะวันออกตามเส้นทางที่ไม่ปกติ”
ตอนนั้นเอง มวลพลังสีดำ ขาว และเทาก็ไต่ขึ้นมาบนมือซ้ายของลูเซียนอีกครั้ง และก็แผ่ปกคลุมทั่วตัวของเขา เวทลอยตัวถูกขัดจังหวะ แล้วลูเซียนก็พลันร่วงลงจากท้องฟ้า
นาตาชาพุ่งฉวยคว้าตัวลูเซียนไว้ แล้วนางก็ดึง ‘ดาบยุติธรรมจืดจาง’ ออกมาและตวัดดาบไปที่มวลพลังสีดำ ขาว และเทา
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้การลงดาบครั้งเดียวกลับไม่พอ นาตาชาขมวดคิ้วและฟันดาบใส่มวลพลังนั้นต่อ หลังจากลงดาบไปสามครั้ง มวลพลังสามสีดังกล่าวจะล่าถอยไปในที่สุด
“เจ้าเป็นอะไรไหม?” นาตาชาถามด้วยความกังวล
ลูเซียนตอบอย่างใจเย็น “ไม่ต้องห่วงพะยะค่ะ พลังปะทะกันดุเดือดหน่อย พอกระบวนการดูดพลังใกล้เสร็จ นั่นแหละจะเป็นครั้งใหญ่”
“เจ้าต้องขอรางวัลจากอัลเทอร์นาเสียหน่อย พออัลเทอร์นาฟื้นฟูพลังเสร็จ” นาตาชาพูดติดตลก “เจ้าต้องเสี่ยงตายขนาดนี้”
ลูเซียนตอบอย่างครุ่นคิด “อันที่จริง กระหม่อมคิดว่ากระหม่อมได้รางวัลมาแล้ว ทุกครั้งที่พลังปะทะกัน โลกรอบตัวเหมือนหยุดทำงาน แต่ขณะเดียวกัน วิญญาณของกระหม่อมจะแข็งแกร่งขึ้นพร้อมกับโลกแห่งปัญญา เมื่อพลังปะทะกันครั้งแรก กระหม่อมรู้สึกเหมือนข้ามเวลาไปสองปี การเติบโตขึ้นสองปีทำให้วิญญาณของกระหม่อมแข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้ พลังวิญญาณของกระหม่อมอยู่ในระดับเจ็ดแล้ว ถ้ากระหม่อมวิเคราะห์เวทมนตร์ระดับเจ็ดสำเร็จ ก็จะพัฒนาต่อไปอีกขั้น”
“ขี้โกงชะมัด เราอยู่ระดับเดียวกันอีกแล้ว!” นาตาชาอุทานด้วยความประหลาดใจ “…ข้าต้องฝึกอย่างหนักกว่าจะมีระดับพลังสูงกว่าเจ้า จบเรื่องนี้ เจ้าต้องให้รางวัลข้าด้วย!”
“ได้สิพะยะค่ะ ตราบใดที่พระองค์ไม่ขอให้กระหม่อมแต่งตัวแปลกๆ” ลูเซียนรู้ไต๋ความคิดในหัวของนาตาชา
นาตาชายักไหล่ “เอาล่ะ ลุกขึ้นได้แล้ว”
ลูเซียนเพิ่งรู้ตัวว่านาตาชากำลังอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขนตลอดเวลาที่สนทนากัน ด้วยรอยยิ้มขวยเขินบนหน้า ลูเซียนก็ร่าย ‘เวทลอยตัวขึ้นสูง’ อีกครั้ง
…
ครึ่งวันต่อมา ลูเซียนและนาตาชาก็มาถึงเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งในเทือกเขาทางตอนเหนือ ตอนนี้ ทั้งสองกำลังซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมดินและพักระหว่างทาง
“โรคระบาดกำลังเกิดขึ้น คาดเดาไม่ได้เลย! เมื่อก่อนเรายังพอควบคุมได้ แต่หลังจากเทพอสูร-ลิชส่งสมุนภูตผีออกมา เราก็กำลังมีแรงกดดันอย่างหนัก” นาตาชาเอ่ยขึ้น
ดวงตาของนาตาชาจ้องเขม็งที่มือซ้ายของลูเซียน ซึ่งผู้เป็นต้นเรื่องทั้งหมดอาศัยอยู่ภายในมือนั้น เรื่องเดียวที่พอจะปลอบใจนางได้ในตอนนี้คือสิ่งที่ลูเซียนบอก อัลเทอร์นาเป็นเด็กสาวผมทองน่ารักน่าชัง นาตาชายังพอทนกับอัลเทอร์นาได้อยู่ แต่นางก็สงสัยว่าทำไมลูเซียนถึงตกอยู่ท่ามกลางปัญหาใหญ่ๆ ตลอด
ลูเซียนเองไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ “กระหม่อมควบคุมไม่ได้พะยะค่ะ ปัญหาเกิดขึ้นเองไม่ได้มีรูปแบบอะไร”
ในชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งสองเผชิญหน้ากับกลุ่มวิญญาณปีศาจชั้นสูงสองกลุ่ม ดาบยุติธรรมจืดจางเป็นอาวุธคู่อาฆาตกับภูตผีพวกนี้ ทั้งสองจึงหนีรอดมาได้ มิฉะนั้น คงอาจถูกเทพอสูรจอมเวท-ลิชจับได้แล้ว
นาตาชากำลังจะพูดอะไรขึ้นเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลาย ทันใดนั้น มวลพลังสีดำ ขาว และเทาก็ตามหลอกหลอนลูเซียนอีกครั้ง
นางมีท่าทางพร้อมรับมือและจริงจัง นาตาชาดึงดาบยุติธรรมจืดจางออกมา และฟันลงที่ชั้นมวลพลังสีขาวดำจากมุมที่เคยลงดาบมาแล้วหลายครั้งก่อนหน้านี้
แต่ครั้งนี้ มวลพลังสีขาวดำสลายไปในทันที แต่ยังไม่ทันที่นาตาชาจะมีเวลาได้ดีใจ ในจังหวะต่อมา นาตาชาก็กระโจนไปข้างหน้า คว้าตัวลูเซียนที่ยังไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ นางกลิ้งออกมาจากกระท่อมดิน
ตู้ม!
ผนังดินถูกหินก้อนใหญ่ยิงทะลุ หลังจากสั่นคลอนอยู่สักพัก กระท่อมก็ถล่มลงกับพื้น ฝุ่นตลบคละคลุ้งไปทั่ว
นาตาชาถือดาบในมือและยืนขึ้นขวางหน้าลูเซียน นางเห็นสัตว์ประหลาดเหม็นเน่าหน้าตาน่ารังเกียจ
พวกมันเป็นกลุ่มวานรยักษ์ที่ตัวสูงกว่ามนุษย์สองสามเท่าตัว แต่พวกมันไม่มีผิวหนัง จึงเผยให้เห็นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อสีเขียวเน่าเฟะ ในมือแต่ละข้างของมัน ต่างก็ถือหินก้อนใหญ่
“แค่กลุ่มหัวขโมยเนื้อเน่าชั้นกลาง?” นาตาชาแสยะยิ้ม การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วมาก ขณะที่การจ้วงแทงและการโจมตีด้วยดาบของนางใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที
เมื่อนาตาชาหันกลับไปมองจุดที่ยืนอยู่ตอนแรก วานรยักษ์ก็ร่วงลงกองกับพื้นทีละตัว ร่างยักษ์ของพวกมันละลายกลายเป็นน้ำหนองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสลายไป
“คงต้องมีพวกศพเดินได้ชั้นสูงเป็นหัวหน้าอยู่เบื้องหลัง! ไปกันเถอะพะยะค่ะ!” ลูเซียนเตือน นอกจากนี้ เขาไม่อยากให้ชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาเกี่ยวข้อง
หลังจากร่าย ‘เวทเร่งความเร็ว’ ใส่ทั้งสอง ลูเซียนและนาตาชาก็วิ่งเข้าไปในเขตเทือกเขา เปลี่ยนทิศทางไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย
ไม่กี่วินาทีต่อมา จู่ๆ นาตาชาก็กระโจนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ด้านข้างพวกเขาและแทงดาบทะลุสัตว์ยักษ์ตัวหนึ่ง มันเป็นหัวขโมยเนื้อเน่าอีกตัว
“เรากำลังถูกตาม” นาตาชาพูดด้วยเสียงเคร่งเครียด
ลูเซียนมองกลับหลังและขมวดคิ้ว “มีคนตามรอยเรามา เราต้องหามันให้เจอก่อน ไม่อย่างนั้นเทพอสูร-ลิชจะตามล่าเราไม่ในช้า”