Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 505 คำราม
บทที่ 505 คำราม
ในสำนักงานใหญ่ของหัตถ์ไร้ชีวาที่เมืองไฮด์เลอร์ ภายในหอคอยเวทมนตร์ที่มืดมิด และสูงชันหลังจากทำลายสิ่งกีดขวางด้วย ‘เวทพังทลายขั้นสูง’ และ ‘เวทชำแหละธาตุ’ แล้ว เฟอร์นันโด และแฮททาเวย์ก็พบทางเข้าสู่ดินแดนปถวีที่ซึ่งเป็นมิติพิเศษของคอนกัสด้วยความช่วยเหลือของศาสดาพยากรณ์เบิร์กเนอร์
จากนั้นพวกเขาก็ทำซ้ำสิ่งที่พวกเขาได้ทำไป เนื่องจากเจ้านายของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ การป้องกันส่วนใหญ่จึงถูกทำลายลงในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงมหาจอมเวทสองคนและนักพยากรณ์หนึ่งคน สิ่งเดียวที่เหลืออยู่เบื้องหน้าพวกเขาคือห้องลับของเทพอสูรจอมเวท-ลิช ที่ซึ่งเก็บรักษาเครื่องรางกักพลังของเขาเอาไว้ พวกเขาเห็นกล่องสีดำที่ฝังประดับอัญมณีหายากทุกชนิด และสัมผัสได้ถึงไฟแห่งวิญญาณที่อยู่ภายใน
“มันเป็นสิ่งกั้นขวางของ ‘นรกแห่งความสิ้นหวัง’ เบิร์กเนอร์เตือนเฟอร์นันโด และแฮททาเวย์ ถ้าพวกเขาถูกกลืนกิน วงเวทที่เทพอสูรจอมเวท-ลิช ใช้ปกป้องเครื่องรางกักพลังของเขานั้นจะก่อให้เกิดอันตรายอย่างแน่นอน
เฟอร์นันโดเพียงแค่บิดเบือนพื้นที่รอบๆ ด้วย ‘พายุแม่เหล็กไฟฟ้า’ ปิดกั้นการเชื่อมต่อครั้งสุดท้ายระหว่างวงแหวนเวทมนตร์ และจุดศูนย์กลางการควบคุมในขณะที่แฮททาเวย์เริ่มทำลายสิ่งกีดขวางอย่างไร้ความปราณีด้วย ‘เวทสลายสรรพสิ่ง’ พวกเขาไม่มีเวลา หรือความอดทนในมากพอที่จะวิเคราะห์ และคาดเดาปริศนาเพื่อทำลายการป้องกันโดยให้เสียหายแค่เพียงเล็กน้อย นี้จึงเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ที่จะต้องทนทุกข์ทรมานจากการโดนโจมตีโต้กลับหรือแม้กระทั่งบาดเจ็บสาหัส เพื่อให้มีเวลามากขึ้นในการช่วยเหลือ
วงแหวนเวทมนตร์ถูกทำลายทีละอัน ห้องแห่งความลับดูเหมือนจะกลายเป็นนรก และการโจมตีสะท้อนกลับที่ทรงพลังกำลังจะเริ่มขึ้น
ทันใดนั้น พวกเขาต่างก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง และเงยหน้าขึ้น พวกเขาสังเกตเห็นเครื่องรางกักพลังสีดำผ่านกำแพงโปร่งใส
มิติที่อยู่เหนือเครื่องรางกักพลังบิดเบี้ยว และพล่าเบลออย่างกะทันหัน แสดงให้เห็นการปะทุของแสงที่ไม่มีที่สิ้นสุดที่ซึ่งกะโหลกศีรษะทองคำกำลังร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวชในขณะที่มันกำลังจะแตกสลาย และละลายหายไป
พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งการทำลายล้างแม้ว่าจะมี ‘นรกแห่งความสิ้นหวัง’ อยู่ระหว่างนั้นก็ตาม
ขณะที่กะโหลกศีรษะทองคำหายไปอย่างรวดเร็ว ภาพมายาสะท้อนก็เบลอ และมุมมองของภาพก็ไกลออกไปเรื่อยๆ
นักเวทระดับตำนานทั้งสามคนค้นพบด้วยความตกใจว่ามีเมฆสีส้มรูปร่างคล้ายเห็ดโผล่ขึ้นมาบนภูเขาที่แสงระเบิดออกมา มันใหญ่มากจนเกือบปิดก้นท้องฟ้าไปครึ่งนึง
การระเบิดกระจายออกไปทำให้เกิดควันขึ้นเป็นวงที่ทำให้ ‘เห็ด’ ดูแปลกมาก
หลังจากทิ้งความประทับใจไว้อย่างลึกซึ้งต่อเฟอร์นันโด แฮททาเวย์ และเบิร์กเนอร์ เห็ดก็หายไปพร้อมกับภาพมายาสะท้อน
“การระเบิดนั้นทรงพลังพอๆ กับการระเบิดเต็มกำลังจากท่านประธานเลย” เบิร์กเนอร์ทบทวน และสรุปจากสิ่งเขาเห็น เขามองไปที่แฮททาเวย์ราวกับกำลังถามความเห็นของผู้มีความสามารถด้านสนามธาตุ “นั้นดูเหมือนเวทมนตร์ที่ง่ายๆ และระเบิดได้ โดยทั่วไปแล้วพลังของเวทมนตร์ดังกล่าวสามารถพัฒนาได้ ข้าสงสัยว่าสุดท้ายแล้วมันจะไปถึงระดับ ‘พลังพระเจ้าเสด็จ’ ได้หรือไม่”
เมื่อมองไปที่ความเงียบที่อยู่ข้างหน้า แฮททาเวย์ดูเหมือนจะกำลังพิจารณาหรือรวบรวมคำพูดอะไรบางอย่าง “ข้ารู้สึกได้ว่าการระเบิดมีส่วนเกี่ยวข้องกับความลึกลับของดวงอาทิตย์ ไม่ว่าจะพัฒนาได้มากแค่ไหน ข้าก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เลยหากไม่ได้ตรวจสอบทฤษฎี และโครงสร้างของเวทมนตร์ก่อน”
“คอนกัสกำลังสู้กับใคร” เฟอร์นันโดขมวดคิ้วเล็กน้อย “ความลึกลับของดวงอาทิตย์… ยังมีเด็กน้อยลูเซียนอยู่หรือเปล่า? แต่เขาใช้อะไรในการร่ายเวทมนตร์ระดับนี้?”
เมื่อตอนที่ดวงอาทิตย์ลวงตาปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้ เฟอร์นันโดรู้สึกได้แล้วว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับลูเซียน ตอนนี้ภาพเดิมๆ ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อตอนที่คอนกัสตามล่าลูเซียน เขาเชื่อมโยงเหตุการณ์ทั้งสองอย่างเป็นธรรมชาติ แต่เขาก็ไม่คิดว่าลูเซียนจะก้าวไปสู่จุดสูงสุดของตำนานในทันที แม้ว่าเขาจะมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความลึกลับของดวงอาทิตย์จากการวิจัยมาก่อนหน้านี้ และได้รับแบบจำลองของเวทมนตร์ในตำนานมาก็ตาม แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ต้องได้รับการพัฒนาทีละขั้นตอน ดังนั้นเฟอร์นันโดจึงสงสัยว่าลูเซียนน่าจะยืมพลังมาจากที่ไหนสักแห่ง
อัญมณีวิเศษอันล้ำค่าบนเครื่องรางกักพลังสีดำเริ่มเปล่งสีต่างๆ ออกมา และเริ่มดูดกลืนวัสดุอื่นๆ รอบตัวเพื่อสร้างกะโหลกทองคำขึ้นมาใหม่ เฟอร์นันโด และแฮททาเวย์มองหน้ากัน และเร่งความเร็วในการทำลาย ‘นรกแห่งความโดดเดี่ยว’ มากขึ้น
หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง กะโหลกศีรษะทองคำก็เป็นรูปเป็นร่าง และคอนกัสก็ตื่นขึ้นจากความมืด แต่แสงสว่างจ้าประหนึ่งแสงดวงอาทิตย์มาเยือนโลกก็ยังคงอยู่ในดวงตาของเขา
แสงนี้สร้างความเสียหายให้ได้มากที่สุด สำหรับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ตาย ไม่ต้องพูดถึงว่ามันมาพร้อมกับการระเบิดที่น่ากลัว และอุณหภูมิที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อ คอนกัสเกือบจะล้มเหลว และกลายเป็นเทพอสูรลิชตนแรกที่ไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้แม้ว่าเขาจะมีเครื่องรางกักพลัง
“จันทราสีเงินที่พลังฟื้นคืนมานานแล้ว และกำลังรอคอยโอกาสอยู่ โชคดีที่ข้าทำให้มันกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง” คอนกัสคิดกับตัวเองด้วยความกลัว ขณะนี้จิตวิญญาณของเขายังคงต้องการการพัฒนาภายในกะโหลกทองคำ และเขายังไม่รู้สึกถึงสภาพแวดล้อม “แล้วเวทมนตร์ที่ลูเซียน อีวานส์ ใช้คืออะไรกันแน่? มันน่ากลัวขนาดนี้ได้ยังไง”
แม้ว่าเขาจะมีเวลาเพียงแค่มองดู แต่เขาก็สามารถบอกได้ด้วยประสบการณ์ของเขาว่าจันทราสีเงินอัลเทอร์นาให้ความช่วยเหลือแก่ลูเซียน และอนุญาตให้เขาใช้เวทมนตร์ได้ ถ้าเวทมนตร์นั้นเป็นจันทราสีเงินใช้ด้วยตัวเองก็จะใช้งานได้ง่ายกว่ามาก
“เจ้าเด็กยังซ่อนความลับอะไรเอาไว้อีก” ยิ่งเขาตามล่าลูเซียนเขาก็ยิ่งตกใจ แต่ในไม่ช้าเขาก็สงบลง และพิจารณาแผนการในอนาคต “จันทราสีเงินฟื้นพลังแล้ว ผู้ล่าก็จะกลายเป็นเหยื่อ น่าเสียดายที่จิตสำนึกหลักของการดำรงอยู่อย่างลึกลับของโลกแห่งวิญญาณถูก ‘เวทมนตร์ในตำนาน’ ของลูเซียนกำจัด พร้อมกับเปลือกของข้า ความพยายามทั้งหมดของข้าได้พิสูจน์แล้วว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร อีกทั้งข้าทำแหวนหายด้วยซ้ำ!”
เขาค่อนข้างพอใจกับแหวนในตำนาน และถือว่ามันเป็นของศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าเขาจะเลือกเวทมนตร์หมอผีในพื้นที่ที่เขาเก่งที่สุด และใช้ความสามารถในระดับตำนานของเขาเป็นสถาปัตยกรรมเพื่อพัฒนาโอกาสแห่งความสำเร็จ ซึ่งหมายความว่าความสามารถของแหวนนั้นทับซ้อนกับความสามารถของเขาเอง แต่นั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่า แหวนเป็นของในตำนานเพียงชิ้นเดียวที่เขาทำปลอมขึ้นมา นี่เป็นผลงานชิ้นเอกที่ทำให้เขาภาคภูมิใจ
“ลูเซียน และนาตาชา เจ้าหนูทั้งสองคนยังไม่ตาย ข้าไม่สามารถอยู่ที่สภาได้อีกต่อไป ข้าควรไปเข้าร่วมกับพวกเขาใน ‘โลกแห่งวิญญาณ’ หรือข้าควรไปซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาแห่งความมืด”
เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คอนกัสก็กัดฟันและตัดสินใจเข้าสู่โลกแห่งวิญญาณ “ถ้ามีโอกาสในอนาคต ข้าจะทำตามสัญญา และทำให้หนูสองตัวนี้ให้กลายเป็นของเล่นของพวกซากศพ!”
ครู่ต่อมาเมื่อพลังทางจิตวิญญาณของเขากลับคืนมา กะโหลกศีรษะทองคำของคอนกัสก็ลอย และเบ้าตาของเขาก็เต็มไปด้วยเส้นสีแดงเหมือนเข็มก่อนหน้านี้ เขากำลังจะไปยังช่องว่างที่ใกล้ที่สุดกับโลกแห่งวิญญาณ
“เจ้า?” จนกระทั่งช่วงเวลานี้ เขาจึงสังเกตเห็นเฟอร์นันโด แฮททาเวย์ และเบิร์กเนอร์ที่กำลังสังเกตเขา เมื่อรู้สึกถึงความโกรธที่น่าสยดสยองที่เจ้าแห่งวายุกำลังอดกลั้นไว้ เขาก็รีบพูดว่า “ลูเซียนยังไม่ตาย นาตาชาก็ด้วย!”
เขากังวลว่าคนพวกนี้ จะเปลี่ยนจากการคำรามเป็นการโจมตีด้วย และกำจัดเขาเช่นเดียวกับแหล่งกำเนิดของเขา ตอนนี้ความสามารถของเขาลดลงครึ่งหนึ่ง และยังไม่ฟื้นตัวทั้งหมด ไม่มีทางที่เขาจะต้านทานเฟอร์นันโดได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแฮททาเวย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาโดยไม่แสดงอาการใดๆ
“เจ้าเคยทำความผิดที่มีโทษถึงตาย!” เฟอร์นันโดคำราม
คอนกัสสงบลง และมองไปที่ศาสดาพยากรณ์ที่สภาส่งมา “เบิร์กเนอร์ ข้าผิดที่พยายามฆ่านักเวทระดับสูงของสภา ค้นหาจันทราสีเงินอัลเทอร์นา และโลกแห่งวิญญาณด้วยตัวเอง ข้าควรได้รับการลงโทษเพื่อเป็นแบบอย่างให้นักเวทคนอื่นๆ ของสภาดู แต่ลูเซียน อีวานส์ ยังไม่ตาย โปรดยุติการลงโทษ นอกจากนี้ข้ายังต้องการให้มีการประชุมของสภาสูงสุดซึ่งสมาชิกทั้งหมดจะหารือเกี่ยวกับการลงโทษของข้าด้วยกัน นี่คือการกระทำที่นักเวทระดับตำนานสมควรได้รับ!”
สภามีนักเวทระดับตำนานพียงสิบแปดคน ศาสนาจักรที่มีอำนาจมากที่สุดก็มีเพียงยี่สิบคนเท่านั้น ระดับตำนานคือนักรบที่ดีที่สุด และเป็นรากฐานสำหรับองค์กรต่างๆ การสูญเสียระดับตำนานถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับทุกองค์กร ดังนั้นคอนกัสจึงมีคุณสมบัติที่จะเสนอข้อเรียกร้องดังกล่าว
เบิร์กเนอร์ที่นึกถึงการพัฒนาของสภาเวทมนตร์มาโดยตลอดพยักหน้า และกล่าวกับเฟอร์นันโด และแฮททาเวย์ว่า” คอนกัสละเมิดกฎของสภาและเกือบจะฆ่านักเวทระดับสูง นี้เป็นความผิดพลาดที่น่ากลัว แต่อย่างไรก็ตาม มันก็แค่ ‘เกือบ’ ลูเซียน อีวานส์ ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นการก่ออาชญากรรมของคอนกัสจึงไม่สมควรได้รับโทษประหารชีวิต”
“นอกจากนี้ ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้ดีถึงบทบาทของนักเวทระดับตำนาน เขาควรถูกลงโทษอย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่นภายใต้พยานของแหล่งกำเนิดเวทมนตร์ คอนกัส เจ้าจะสาบานกับทั้งสองคนหรือกับลูเซียน อีวานส์ ว่าจะไม่ทำร้ายเขาอีกต่อไป นอกจากนี้เขายังจะเสนอค่าตอบแทนจำนวนมาก และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สำรวจพื้นที่อันตรายบางแห่ง ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
“การตามล่านักเวทระดับสูงของสภาอย่างโจ่งแจ้งเป็นการยั่วยุอย่างรุนแรงต่อคำสั่งของสภา หากพฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้รับการลงโทษด้วยบทลงโทษที่น่ากลัว ข้าเชื่อว่านักเวททุกคนในสภาจะกังวลด้วยตนเอง ไม่งั้นทุกคนจะไม่มีจิตสำนึกเลย เมื่อเทียบกับผลที่ตามมาแล้วการสูญเสียนักเวทระดับตำนานไม่ใช่สิ่งที่จะยอมรับไม่ได้!” เจ้าแห่งวายุพยายามระงับความโกรธของเขา แต่นั้นฟังดูเหมือนว่าเขากำลังคำราม แม้เขาก็แค่อธิบายเหตุผล
คอนกัสยังคงมองไปที่เบิร์กเนอร์ และพูดว่า “ลูเซียน อีวานส์ ยังไม่ตาย และจริงๆ แล้วเขาไม่ได้รับอันตรายใดๆ นักเวทระดับสูงสำคัญกว่านักเวทระดับตำนานหรือไม่? แม้ว่าเขาอาจจะกลายเป็นมหาจอมเวทในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่นั่นก็แค่มีความเป็นไปได้เท่านั้น! การเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยของเขายังไม่ได้รับการพิสูจน์! เจ้าต้องการฆ่านักเวทระดับตำนานเพียงเพื่อเอาใจเขาหรืออย่างไร?”
“ข้าเชื่อว่าสมาชิกของสภาสูงสุดจะสามารถสรุปได้อย่างรอบคอบว่าอันไหนสำคัญกว่าระหว่างนักเวทระดับหกที่อาจเติบโตเป็นนักเวทระดับตำนานหรือนักเวทที่ก้าวเข้าระดับตำนานไปแล้ว!”
เขาตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงเวทมนตร์ในตำนานที่น่าสะพรึงกลัวที่ลูเซียนเพิ่งแสดงออกมา และพยายามมุ่งเน้นไปที่ตัวตน และตำแหน่งปัจจุบันของเขา
ตราบใดที่คดีนี้ถูกร้องเรียนต่อสภาสูงสุด วิเซนเตผู้มีอำนาจในการยับยั้งอย่างน้อยก็สามารถรักษาชีวิตของเขาไว้ได้!
เบิร์กเนอร์มองเฟอร์นันโด และแฮททาเวย์อย่างกระอักกระอ่วน “ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ก็ตาม การลงโทษนักเวทระดับตำนานควรได้รับการตัดสินโดยสภาสูงสุดร่วมกันไม่ใช่แค่พวกเราเป็นการส่วนตัว เอาล่ะ เฟอร์นันโด แฮททาเวย์พา คอนกัสกลับไปที่อัลลินกันเถอะ และเรียกประชุมสภาสูงสุดเพื่อหารือเกี่ยวกับความผิดพลาด ประเมินความจริงใจ และคุณค่าของเขาเพื่อตัดสินใจขั้นสุดท้าย”
สำหรับเขาแล้วคำขอของดักลาสนอกเหนือจากการให้ความช่วยเหลือคือการหยุดยั้งมหาจอมเวททั้งสองคนจากการกระทำที่อุกอาจ ดังนั้นเขาจึงแนะนำมหาจอมเวททั้งสองว่าให้ควรพิจารณาอนาคตของการประชุม และให้ความสำคัญกับนักเวทระดับตำนานมากพอ
ใบหน้าของเฟอร์นันโดบิดเบี้ยวเล็กน้อย และดวงตาของเขาก็ราวกับมีพายุ อย่างไรก็ตามเขาเก็บตัว และสงบเสงี่ยมราวกับว่าเขายอมรับคำแนะนำของเบิร์กเนอร์
เมื่อเห็นเช่นนั้นคอนกัสก็โล่งใจและเริ่มกระตุ้นตัวเองด้วยเวทมนตร์เช่น ‘การจัดลำดับเวทมนตร์’ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
ในทางกลับกันแฮททาเวย์ก็เดินออกไปราวกับว่านางยอมรับผลลัพธ์ได้ง่ายกว่าเฟอร์นันโด
เมื่อแฮททาเวย์เดินมาถึงเบิร์กเนอร์ ทันใดนั้นเบิร์กเนอร์ก็รู้สึกได้ว่ามีพายุทำลายโลกระเบิดออกมาในห้องเล็กๆ สายฟ้าพุ่งขึ้นเหมือนต้นไม้ และฟ้าร้องก็ดังขึ้นเหนือเพดาน เสียงของที่แตกหักดังก้องไปมาไม่หยุด สภาพอากาศภายในสิบกิโลเมตรได้รับผลกระทบ และเปลี่ยนเป็นพายุฝนฟ้าคะนองเช่นกัน
เสียงร้องของคอนกัสหยุดลงทันทีเมื่อมันดังขึ้น ลูกแก้วในมือของเบิร์กเนอร์เปล่งประกาย และเขากำลังจะช่วย คอนกัสแต่ดวงตาสีเทาเงินบนใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของแฮททาเวย์กกำลังจ้องมาที่เขาโดยไม่กระพริบตาจนเขาละทิ้งการเคลื่อนไหวทั้งหมด
“อื้อ!” เครื่องรางกักพลังแตก เสียงกรีดร้องที่ดูเหมือนจะสะท้อนอยู่ในจิตวิญญาณหายไปอย่างรวดเร็วทันทีที่ปรากฏขึ้นมา
พายุฝนฟ้าคะนองสิ้นสุดลง เฟอร์นันโดที่ยังมีสายฟ้าที่ยังคงปรากฏอยู่ในดวงตาสีแดงของเขาเดินไปที่ด้านหน้าของเบิร์กเนอร์ เขาคำรามอย่างน่ากลัว “มาประชุมสภาสูงสุดเพื่อหารือกันสิว่า อะไรสำคัญกว่ากันระหว่ามหาจอมเวทที่ยังมีชีวิตสองคน หรือนักเวทระดับตำนานที่ตายไปแล้ว!”