Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 541 ความประหลาดใจของเฟลิเป
บทที่ 541 ความประหลาดใจของเฟลิเป
อีกาเหมือนจะบินผ่านหน้าผ่านตาลูเซียน ขณะเขาหลับตาจินตนการถึงสภาวะล้มละลาย แม้ว่าเขาจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีในบริษัทโฮล์มการแร่และการเกษตร และบริษัทของขวัญจากธาตุ เขาก็ทุ่มเงินทั้งหมดในการก่อสร้างหอคอยเวทมนตร์เมื่อสามเดือนที่แล้ว และแทบจะไม่มีเงินเหลือพอประทังชีวิต เขาต้องหาทางกลับไปสู่ชุมชน ‘คนใหญ่คนโต’ ด้วยคะแนนอาร์คานาจากระบบการเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่ คะแนนเสริมจากสมมติฐานควอนตัมแสง และรายได้ประจำปีของเขา แต่ก็ยังขาดงบประมาณอยู่จำนวนมาก และเวทมนตร์พิธีกรรมระดับเก้าขั้นสูง
การสนับสนุนจากสภาเวทมนตร์ด้วยอุปกรณ์ ยา และเวทมนตร์แทบไม่มีประโยชน์ต่อเรื่องนี้ องค์กรหัตถ์ไร้ชีวาควรจะแสดงความเคารพต่อเขาบ้าง ด้วยการไม่คิดค่าใช้จ่ายเกินไปกว่านี้
ดังนั้น ลูเซียนจึงพิจารณาขอกู้เงินจากอาจารย์ของเขาหรือธนาคารสมาพันธ์การแร่แห่งโฮล์มอย่างจริงจัง
แล้วทันใดนั้น แว่นตาข้างเดียวของเขาก็ร้อนขึ้นมา
“ลูเซียน ข้าเพิ่งประชุมรัฐสภาขุนนางเสร็จ ข้าลงโทษประหารชีวิตเคานต์บาราดี้และปลดเขาออกจากตำแหน่ง…” นาตาชาเล่าด้วยความตื่นเต้น นางไม่มีความเมตตาให้กับคนบงการที่ทำให้ลูเซียนกับนางบาดเจ็บ
ลูเซียนกล้ำกลืนความรู้สึกเจ็บปวดจากภาวะล้มละลายที่กำลังจะมาถึงและฝืนยิ้มออกไป “ขุนนางคนไหนที่วางแผนจะลอบสังหารเจ้าในอนาคตคงต้องคิดถึงสภาพของเคานต์บาราดี้ก่อนจะลงมือ”
นาตาชาเล่าให้เขาฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐสภาและสิ่งที่นางคุยกับคริโทเนีย แล้วนางจึงบอกเขาว่า “ข้าแบ่งเนื้อที่ดินในศักดินาของเคานต์บาราดี้ออกเป็นห้าส่วน ส่วนหนึ่งยกให้ท่านป้าคามิลเป็น ‘ค่าทำขวัญ’ อีกสามส่วนจะใช้ชดเชยให้ดยุกเจมส์ที่ต้องการรับเคราะห์ด้วย และส่วนสุดท้ายคิดว่าจะยกให้เจ้า แต่ว่าตอนนี้เจ้ายังปรากฏตัวต่อสาธารณะไม่ได้ ข้าจะเก็บที่ดินไว้ในนามของราชวงศ์ แต่จะยกให้เจ้าเป็นการส่วนตัว ส่วนแบ่งของเจ้าเป็นธรรมดีแล้ว และข้าไม่อนุญาตให้เจ้าปฏิเสธ”
ลูเซียนตะลึงงันขึ้นมาทันที แล้วเขาก็พูดโพล่งออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม “นาตาชา ข้ารักเจ้า”
นับเป็นลาภลอยที่ไม่คาดฝันและมีมูลค่ามากเพียงพอที่จะจ่ายให้ ‘การซ่อนชีพ’ ขั้นสูง และจะยังมีเงินเหลืออีกจำนวนมาก
“ฮะ?” นาตาชาไม่คาดว่าจะได้รับคำตอบนี้ นางรู้สึกสับสนขึ้นมา
ลูเซียนไม่ได้โกหกนางและเล่าให้นางฟังถึงเรื่องการซ่อนชีพขั้นสูง
“โล่งอกไปที… ข้าไม่คิดว่าเจ้าก็ ‘หน้าเงิน’ กับเขาด้วย โชคดีที่ข้าเป็นราชินีและว่าที่ดัชเชส” นาตาชาหัวเราะคิกคักและตอบ “น่าเสียดายที่อัศวินต้องรักษาความเป็นปึกแผ่นของร่างกาย โลหิต วิญญาณ และอำนาจจิตก่อนจะพัฒนาพลังขึ้นเป็นชั้นตำนาน ข้าไม่อาจใช้วิธีนี้เป็นที่พึ่งสุดท้ายในการเอาชีวิตรอด วิถีอัศวินถูกขีดมาให้ลำบากยากเข็ญ”
ตระกูลไวโอเล็ตมีอัศวินชั้นตำนานหนึ่งคน และตระกูลฮอฟเฟนเบิร์กก็มีหนึ่งคน พัฒนาการของนาตาชาก้าวหน้ายิ่งกว่าอัศวินทั่วไปมากนัก
ลูเซียนก็พอจะรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง มิฉะนั้น ความสามารถในการแตกตัวเซลล์ปริมาณมากของรามิโร่ ‘ผู้ควบคุมร่าง’ คงไม่ได้เป็นทักษะเฉพาะของเขาได้ขนาดนี้
หลังจากจบการสนทนา ลูเซียนก็เพิ่งรู้ตัวว่าเฟอร์นันโดกำลังมองเขาอยู่พร้อมกับรอยยิ้ม เขาจึงถามขึ้น “มีอะไรขอรับอาจารย์?”
เฟอร์นันโดเม้มริมฝีปากเสียงดัง “เป็นหนุ่มสาวนี่มันดีจริงๆ ยิ่งมีคนรักเป็นถึงราชินีอีกก็ยิ่งดีไปกันใหญ่”
ลูเซียนเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาอย่างกระอักกระอ่วน “อาจารย์ขอรับ การซ่อนชีพขั้นสูงต้องใช้ชิ้นส่วนแขนขาหรือเปล่าขอรับ?”
การซ่อนชีพเป็นพิธีกรรมเฉพาะของกลุ่มหัตถ์ไร้ชีวา และลูเซียนก็ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้เพียงว่าพิธีกรรมซ่อนชีพแบบดั้งเดิมต้องมีอวัยวะแขนขาเข้ามาเกี่ยวข้อง
เฟอร์นันโดถลึงตาคิดไปถึงพิธีธรรมซ่อนชีพ “ถ้าข้ารู้รายละเอียดมากขนาดนั้น ข้าคงพัฒนาขึ้นมาเองแล้ว ข้ารู้แค่ว่าพิธีกรรมซ่อนชีพดั้งเดิมใช้แค่อวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย เจ้าอยู่อัลลินต่ออีกสักสองสามวัน หลังเสร็จพิธีกรรมซ่อนชีพแล้ว เจ้าจะไปไหนก็ตามใจเจ้า”
“ตั้งแต่เดือนหน้า น่าจะมีการอภิปรายเรื่องทฤษฎีการแปลงของโอลิเวอร์มากขึ้น เราต้องใช้การอภิปรายนี้ค้นหาสัมพัทธภาพ หวังว่าข้าจะได้เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของเจ้าให้ดักลาสในสองสามเดือนนี้”
“รับทราบขอรับ” ลูเซียนไม่คัดค้าน ภารกิจสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการสร้างรูปแบบเวทมนตร์ที่ช่วยให้เขากลายเป็นนักเวทระดับแปดที่แข็งแกร่ง เป้าหมายต่อไปขอเขาคือ ‘เวทย้อนกลับ’ เวทมนตร์ระดับเจ็ดที่เขาเฝ้าฝันถึงมายาวนาน
…
ณ ห้องทำงานของเขาภายในสถาบันอะตอม ลูเซียนกำลังอ่านบทความที่ลูกศิษย์ของเขาตรวจทานและแก้ไขความเห็นชี้ขาดเป็นระยะๆ
ร็อคเดินเข้ามาอย่างหมดเรี่ยวแรงพร้อมกับวารสารและเรซูเมอีกหลายสิบชุด “ลูเซียน การสอบสัมภาษณ์รอบสองเสร็จแล้วนะ การสอบสัมภาษณ์รอบสุดท้ายจะมีขึ้นในอีกสามวัน คอยดูว่าจะมีปัญหาอะไรไหม”
ลูเซียนเปิดดูเรซูเมผ่านๆ และยิ้มออกมา “ไม่เลว มีนักเวทชั้นกลางสองสามคน เจ้าตรวจดูพวกเขาก่อน แล้วค่อยให้ฝ่ายกิจการนักเวทตรวจสอบภูมิหลัง ข้าจะร่วมทดสอบพวกเขาในการสัมภาษณ์รอบสุดท้าย เผื่อมีสายลับจากศาสนจักรหรือองค์กรอื่นสอดแทรกเข้ามา”
เนื่องจากเป็นการประกาศรับสมัครงานต่อสาธารณะของสถาบันอะตอมที่มีชื่อเสียง สายลับพวกนั้นคงไม่สามารถผ่านการคัดเลือก หากไม่พยายามลอบเข้าด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ลูเซียนจะปล่อยให้เกิดความหละหลวมเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
ร็อคเห็นด้วย “ศาสนจักรแทรกซึมเก่งจริงๆ มีนักเวทหลายคนในสภาที่ไม่ได้มีชีวิตที่รุ่งเรือง”
แล้วเขาก็นึกถึงเรื่องอื่นก่อนยื่นวารสารให้กับลูเซียนและพูดเสียงเบาๆ “เจ้ารู้ไหม? ท่านโอลิเวอร์และท่านหญิงฟลอเรนเซียหย่าขาดกันแล้ว”
ลูเซียนรับวารสารมา ก่อนจะพบว่าวารสารฉบับนั้นคือ ‘ทรรศนะอัลลิน’ วารสารเกี่ยวกับเรื่องซุบซิบ เขาอ่านเจอบทความหนึ่งแล้วส่ายศีรษะ “ว่าด้วยเรื่องนี้ มหาจอมเวททั้งเจ็ดคนของสภาต่างครองสถานะโสด ช่างน่าขบขันและน่าเศร้ายิ่งนัก”
หลังจากสนทนาถึงข่าวซุบซิบกันอยู่พักใหญ่ ร็อคก็ลุกขึ้นเดินออกไปด้วยความพึงพอใจ จังหวะที่เขาเปิดประตู เขาก็เห็นชายวัยกลางคนผู้สง่ามงามคนหนึ่ง ซึ่งสวมวิกผมบนศีรษะ
“ท่าน… ท่านโอลิเวอร์…” ร็อคก็ก้มหน้าหลบ เขาเพิ่งพูดถึงเรื่องฉาวโฉ่ชายคนหนึ่งไปหลายต่อหลายเรื่อง
โอลิเวอร์พยักหน้าเดินผ่านร็อคไปและปิดประตูห้องทำงานของลูเซียน
“ลูเซียน นี่บทละครของข้า ลองอ่านดูสิ” โอลิเวอร์จ้องไปที่ ‘ทรรศนะอัลลิน’ และพูดด้วยเสียงเยือกเย็น
ลูเซียนหยิบบทละครขึ้นมาอ่านคร่าวๆ ริมฝีปากของเขาแสยะยิ้ม เขายิ้มมุมปากขณะอ่าน และเกือบจะสงสัยว่าโอลิเวอร์เป็นอีกคนที่มาจากโลกเดิม เนื่องจากบทประพันธ์ของเขาดูเหมือนกับเรื่องเงือกน้อยของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน มากทีเดียว แต่ยังโชคดีที่ตอนจบของเรื่องต่างกันคนละขั้ว
ในบทละครของโอลิเวอร์ เจ้าชายรูปงามบังเอิญพบกับเจ้าหญิงนางเงือกในมหาสมุทร ทั้งสองตกหลุมรักกัน เจ้าหญิงนางเงือกละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและดื่มยาวิเศษเพื่อสละหางทิ้ง และกลับไปยังประเทศของเจ้าชายในร่างของสาวงาม ทั้งสองสาบานว่าจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป แต่ต่อมาเจ้าชายก็กลับตกหลุมรักเจ้าหญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งทำร้ายจิตใจของเจ้าหญิงนางเงือกอย่างร้ายกาจและบีบให้นางต้องกลับสู่มหาสมุทร
เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าชายก็เพิ่งมารู้ใจตัวเองและสำนึกว่าเจ้าหญิงนางเงือกคือหญิงที่เขารักสุดหัวใจ ฉะนั้น เขาจึงออกเรือและตะโกนเรียกชื่อนางเงือกทุกวัน แต่ก็ไม่เคยได้ยินเสียงตอบรับ วันเวลาผ่านไป เจ้าชายก็ตรอมใจตายอย่างเศร้าสลด ในลมหายใจสุดท้าย จิตของเขาทำให้เห็นภาพเจ้าหญิงนางเงือกเดินเข้ามาหา แล้วเขาก็ยิ้มหวาน
“โศกจังขอรับ…” ลูเซียนไม่รู้ว่าจะแสดงความเห็นอย่างไร
โอลิเวอร์ถอนหายใจ “เรื่องโศกนาฏกรรมเท่านั้นที่ทำให้ผู้หญิงสะเทือนใจและช่วยให้ชีวิตสมรสอยู่รอด”
ลูเซียนรู้สึกปวดฟันแต่ก็ต้องออกความเห็น “ท่านโอลิเวอร์ ข้ารู้สึกสับสนบางอย่าง ทำไมท่านทรยศชีวิตสมรสของท่านและทำร้ายท่านหญิงฟลอเรนเซียซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งๆ ที่ท่านก็รักนาง?”
โอลิเวอร์ตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ลูเซียน เจ้ายังไม่เข้าใจ ข้าจริงจังกับความสัมพันธ์ทุกครั้ง ข้าอุทิศวิญญาณและหัวใจให้กับพวกนาง ความรักของข้าร้อนแรงแผดเผาดั่งเปลวไฟ ด้วยความรักนี้ ข้าจึงมีแรงบันดาลใจ ข้าทำหลายๆ อย่างสำเร็จก็ด้วยความรัก”
“ข้ารักพวกนางทุกคน แต่ข้ารักฟลอเรนเซียที่สุด”
ลูเซียนไม่รู้จะตอบอย่างไร หลังจากฟังการวิเคราะห์ตนเองของโอลิเวอร์ ลูเซียนก็ปรบมือให้กับสตรีทุกนางที่ทิ้งเขาไป
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที ลูเซียนก็ล้มเลิกความคิดก่อนหน้านี้ที่ตัดสินใจจะปรับบทละครของโอลิเวอร์ หากฟลอเรนเซียลดศักดิ์ศรีตัวเองลงมาให้อภัยโอลิเวอร์อีกครั้ง นั่นก็เป็นเรื่องของนาง แต่เขาไม่ควรเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของโอลิเวอร์ เขาคงรู้สึกผิดไปตลอด หากเขาทำงานในโอเปร่าเรื่องนี้
ดังนั้น หลังจากพิจารณาน้ำเสียงของตัวเองแล้ว ลูเซียนก็ตอบว่า “ท่านโอลิเวอร์ ข้าเสียใจจริงๆ ขอรับ ท่านหญิงแฮททาเวย์และท่านมอร์ริสไม่อยากให้ข้าร่วมเขียนบทโอเปร่ากับท่าน และทั้งสองท่าน…”
ลูเซียนเว้นช่องว่างของประโยคด้วยสีหน้าที่บอกว่า ‘ท่านก็น่าจะรู้ว่าข้าพูดเรื่องอะไร’
โอลิเวอร์ตะลึงอยู่พักหนึ่งและถอนหายใจยาว “ข้าเข้าใจ ทั้งสองคนเป็นผู้อาวุโสของตระกูลฮอฟเฟนเบิร์ก ลูเซียน ข้าหวังว่าข้าจะได้ร่วมแต่งโอเปร่าเรื่องอื่นกับเจ้าในอนาคต บทร้องที่ดีที่สุดย่อมคู่ควรกับสุดยอดนักดนตรี”
หลังจากมองโอลิเวอร์เดินออกไป ลูเซียนก็ปิดประตูตามหลัง ไม่อยากเข้าไปพัวพันกับเรื่องภายในครอบครัวของใคร ทั้งนี้ทั้งนั้น แฮททาเวย์ไม่เหลือความประทับใจดีๆ ในตัวโอลิเวอร์มานานแล้ว นางคงจะไม่พูดอะไร แม้โอลิเวอร์จะไปขอร้องนาง
หลังจากปฏิเสธงานไป ลูเซียนต้องเรียนรู้การสร้างบทละครโอเปร่าด้วยตัวเอง โชคดีที่เขามีตัวอย่างบทละครคลาสสิกมากมายให้อ้างอิงในห้องสมุดห้วงจิต และเขาก็เลือก ‘วาลคิรีส์’ อุปรากรเรื่องที่สองในปกรณัมชุด ‘แหวนของนีเบอลุง’ ผลงานของริชชาร์ท วากเนอร์ คีตกวีชาวเยอรมนี
และแน่นอน เพื่อปรับให้บทโอเปร่าที่มีรากฐานจากนิทานปรัมปราในเยอรมนีและยุโรปเหนือเข้ากับโลกนี้และนาตาชา ลูเซียนต้องแก้บทพื้นฐาน ซึ่งอาจเกือบเรียกได้ว่าการสร้างใหม่เกือบทั้งหมด
…
วันที่สองหลังจากโอลิเวอร์มาเยือน ลูเซียนก็ได้รับข้อความจากเฟอร์นันโดและรู้ว่าพิธีกรรมเตรียมการเสร็จสรรพแล้ว
ณ ชั้นที่สามสิบสามของหอคอยเวทมนตร์อัลลิน ภายในห้องโถงที่ว่างเปล่า…
ลูเซียนก็เห็นเฟลิเปอีกครั้ง ซึ่งก็ดูซีดเซียวและขี้โรคเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“เวทมนตร์พัฒนาขึ้นมาบนพื้นฐานการศึกษาเรื่องความทรงจำเรื่องเซลล์ ด้วยความร่วมมือของเขา โอกาสที่จะสำเร็จมีสูงมาก” เฟอร์นันโดยอมรับตรงๆ ว่าเขาไม่เคยประกอบพิธีกรรมซ่อนชีพขั้นสูงมาก่อน และธานาทอส ‘เจ้าแห่งผีดิบ’ จะต้องเป็นคนประกอบพิธีกรรมให้กับลูเซียน
เฟลิเปมองที่ลูเซียน และไม่น่าจะเชื่อว่าอาจารย์ของเขาสังหารชายคนนี้ไม่สำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า จนเป็นฝ่ายถูกสังหารเสียเอง อย่างไรก็ตาม เขาคงจะไม่พูดเรื่องนี้ต่อหน้าเฟอร์นันโด แต่กลับกัน เขาพยักหน้า “เวทขยายผลที่มีพื้นฐานจากธรรมชาติของแสงของเจ้าก็พอใช้ได้ แต่ยังห่างไกลจากผลที่เจ้าต้องการ”
ระดับเวทมนตร์ของเขาพัฒนาขึ้นสู่ระดับเจ็ดซึ่งถือว่าค่อนข้างเร็วมาก แต่ก็ยังไม่ดีพอหากเทียบกับลูเซียน ระดับอาร์คานาของเขาก็ใกล้เคียงกับระดับเจ็ด
ลูเซียนตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “การพัฒนาต้องทำไปทีละขั้น แต่มั่นใจได้เลย ข้าจะไม่เลิกศึกษาเรื่องนี้หรอก”
ลูเซียนไม่เคยกล้าทำการทดลองเรื่องการเลี้ยวเบนของอิเล็กตรอน เขาวางแผนที่จะรอจนกว่าเข้าใจผลการศึกษาจากทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษและดวงจันทร์สีเงิน
แล้วลูเซียนก็ถามคำถามที่เขาอยากรู้ “เฟลิเป พิธีกรรมซ่อนชีพขั้นสูงต้องใช้แขนขาอย่างเดียวหรือ?”
เฟลิเปตอบด้วยเสียงเยือกเย็น “เส้นผมและฟันไม่มีเลือดและไร้ประโยชน์ อย่าคิดว่าจะรักษาตัวรอดได้โดยไม่ยอมเสียอะไรเลย เจ้าคงไม่โลภและบ้าขนาดนั้นใช่ไหม?”
เขาไม่เคยลังเลที่จะถากถางลูเซียนทุกครั้งที่มีโอกาส
ลูเซียนขมวดคิ้ว “แล้วอวัยวะภายในล่ะ?”
เฟลิเปสูดลมหายใจเสียงดัง “อวัยวะภายในก็ใช้ได้ แต่จะมีประโยชน์อะไร? แม้แต่อัศวินอาภาก็ไม่อาจมีชีวิตยืนยาว ถ้าไม่มีไส้ในร่างกาย อวัยวะที่ถูกตัดด้วยพิธีกรรมซ่อนชีพจะไม่งอกใหม่ ไม่แม้แต่การเปลี่ยนรูปกาย หยุดเพ้อเจ้อถึงเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียที”
“แต่ก็แปลว่า อวัยวะภายในใช้ได้ผลไม่ใช่หรือ?” ลูเซียนโล่งอก “ข้าขอใช้ ‘ลำไส้’ เป็นอวัยวะทำพิธีกรรม”
เฟลิเปมองลูเซียนด้วยความรู้สึกตะลึงงัน ราวกับว่าเขาไม่เคยเห็นใครโง่เท่านี้มาก่อน “เจ้าแน่ใจ? ข้าไม่คืนเงินให้เจ้าหรอกนะ ถ้าพิธีกรรมล้มเหลว”
“ข้ามั่นใจ” ลูเซียนคำนวณและประเมินว่าเขาสามารถจ่ายค่าทำพิธีกรรมได้สองครั้ง ดังนั้น เขาก็น่าจะลองดูก่อน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เฟลิเปก็ต้องตกตะลึงอีก เมื่อเขาเห็นลูเซียนเดินจากไปพร้อมกับ ‘เครื่องรางชีวิต’ ด้วยอารมณ์สดใส
“เขาไม่เป็นอะไรเลยสินะ แม้จะถูกตัดลำไส้…”
“นี่มันปีศาจชัดๆ…”