Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 57 เผชิญหน้าชะตาชีวิต
สิบเอ็ดนาฬิกายี่สิบนาที ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการสมาคมนักดนตรี
“เจ้าต้องเลือกตอนนี้เลย เพลงพวกนี้ล้วนเป็นผลงานชั้นยอดของเจ้าในอดีต” โอเทลโล่ขมวดคิ้วพูด “พวกเรารอเจ้ามายี่สิบนาทีกว่าแล้วนะ”
“ข้าขออภัยท่านโอเทลโล่… ข้าขอ… ข้าขอเวลามากกว่านี้ได้ไหม” ดวงตาที่พร่ามัวของเขาไม่รู้จะมองไปทางไหนดี สมุดบันทึกเพลงเหล่านั้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขาแล้ว
วูล์ฟที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตรงข้ามกับผู้อำนวยการโอเทลโล่พลันปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยามบนใบหน้าของเขา “อย่าดิ้นรนเลยสหาย ที่เจ้าต้องทำก็เพียงแค่สุ่มเลือกเพลงมา ข้าคิดว่ามันก็เหมือนเหมือนกันแหละ เดี๋ยว ท่านโอเทลโล่ยังต้องร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกับเจ้าหญิงอีก”
“อืม…” โอเทลโล่หยิบนาฬิกาพกออกมา “มื้อกลางวันจะเริ่มตอนสิบสามนาฬิกา ข้าจะให้เวลากับเจ้าอีกสิบนาที หากเจ้ายังไม่สามารถตัดสินใจได้ในตอนนี้ ข้าเกรงว่าทางสมาคมคงจะต้องเชิญนักดนตรีคนอื่นมาร่วมการแสดง วูล์ฟที่เพิ่งกลับมาจากพระราชวังราเตเชีย น่าจะสามารถช่วยเรื่องนี้ได้”
พระราชวังราเตเชียเป็นโรงแสดงดนตรีหลวงในแคว้นออร์วาเรต
วูล์ฟไม่สามารถระงับความตื่นเต้นของเขาได้ “วิกเตอร์ ข้าขอโทษสำหรับความพยายามของท่าน แต่ในฐานะที่เป็นนักดนตรีของสมาคม พวกเราต้องให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของสมาคมก่อน ท่านคิดว่าอย่างไร?”
วิกเตอร์ไม่พูดอะไร สองนาทีต่อมา วิกเตอร์ก็กลับไปที่เก้าอี้ของเขาแล้วชี้ไปที่กระดาษแผ่นหนึ่ง “เพลงนี้ละ”
คำสามคำนี้เหมือนนำพลังทั้งหมดของเขาออกไป แต่เขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย วิกเตอร์ไม่ต้องใช้เวลาและความพยายามใดเลยกับงานที่เขาทำมานานกว่าเก้าปี
“บางที อาจจะดีก็ได้” วิกเตอร์คิดกับตัวเอง
“ดีมาก” โอเทลโล่ปรบมือและกล่าวว่า “ข้าดีใจที่เจ้าตัดสินใจได้ซักที ข้ามีตัวยาบางตัวที่อาจช่วยให้เจ้ารู้สึกดีขึ้น แต่อาจจะมีผลข้างเคียง อย่างไรก็ตาม ข้าอยากพักผ่อนซักสักหน่อย พวกเจ้าสามารถออกไปได้แล้ว”
หลังจากที่พวกเขาออกจากห้องทำงาน วูล์ฟก็เหลือบมองไปที่วิกเตอร์อย่างรวดเร็ว “เพลิดเพลินกับโอกาสครั้งสุดท้ายของเจ้าให้คุ้ม อย่าทำให้ภรรยาของเจ้าที่อยู่บนสวรรค์ผิดหวังละ”
“เจ้า…” ใบหน้าของวิกเตอร์บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
“ข้า?” วูล์ฟแค่นเสียงออกมา “เจ้าเป็นคนที่ทำให้ภรรยาของเจ้าผิดหวังไม่ใช่ข้า”
จากนั้นเขาก็เดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว
วิกเตอร์รู้สึกไม่สบายและเขาก็เวียนหัวมาก ล็อตต์ เฟลิเซีย และเฮโรโดตัสกำลังรออยู่ข้างนอกและเข้ามาใกล้อาจารย์ของพวกเขา
“อาจารย์ไม่เป็นอะไรนะ?” เฟลิเซียถามอย่างเป็นกังวล
“ข้าสบายดี ข้าแค่ต้องการพักผ่อน เราจะเริ่มฝึกซ้อมในช่วงบ่ายนี้” วิกเตอร์ตอบด้วยเสียงที่อ่อนเพลีย
…
ลูเซียนกำลังวิ่งท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก
อาการบาดเจ็บของเขายังไม่หายดี การที่เขาถือร่มด้วยอาจเป็นอุปสรรคในการวิ่ง แต่เขาก็ต้องทำ ถ้าเขาไปที่สมาคมทันเวลา จะเป็นโอกาสที่จะมอบผลงานใหม่ให้กับวิกเตอร์ก่อนที่เจ้าหญิงจะเห็นรายชื่อเพลง
สุดท้ายเขาก็ต้องพับร่มไว้ใต้วงแขนเพื่อให้เขาสามารถวิ่งได้เร็วขึ้น
เขาแค่อยากจะพยายามทำให้ดีที่สุดเขาเพื่อที่เขาจะไม่ต้องเสียใจ
…
ลูเซียนใช้เวลาหกนาทีซึ่งก็คือใช้เวลาประมาณหนึ่งในสี่ของเวลาปกติจากบ้านของเขาไปถึงบ้านของวิกเตอร์
เวลาสิบสองนาฬิกาสี่สิบเอ็ดนาที ลูเซียนผลักประตูเข้ามา ร่างกายของเขาเปียกโชก หยดน้ำฝนหยดลงมาจากใบหน้าของเขาลงบนพื้น
“ลูเซียน!” เอเลน่าวิ่งผ่านเคาน์เตอร์มาหาเขาอย่างรวดเร็ว “เจ้าสบายดีไหมเนี่ย?”
“ข้าสบายดีเอเลน่า อาจารย์วิกเตอร์อยู่ไหน” ลูเซียนถามอย่างรวดเร็ว
“น่าจะอยู่ที่ห้องทำงานของเขา ข้าเห็นเฟลิเซียยกอาหารกลางวันไปให้” เอเลน่าตอบ
“ขอบใจนะ!” ลูเซียนทิ้งร่มไว้ที่ประตูและวิ่งขึ้นไปข้างบน
“เกิดอะไรขึ้น?” เอเลน่าสงสัย
…
ล็อตต์เปิดประตูให้ ใบหน้าของเขาดูเศร้าหมองมาก ล็อตต์ไม่ได้ถามลูเซียนว่าทำไมเขาถึงอยู่ตรงนั่น เขาแค่พยักหน้าให้ลูเซียน
ลูเซียนเดินเข้าไปในห้องทำงานของวิกเตอร์ เขาเห็นวิกเตอร์นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ นัยน์ตาเขาดูเหม่อลอย ถาดอาหารกลางวันยังวางอยู่ตรงหน้าเขาโดยที่ไม่ได้แตะต้องเลย ลูเซียนเห็นไรน์อยู่ที่นั่นด้วย
“อาจารย์วิกเตอร์ ท่านส่งรายชื่อเพลงสำหรับการแสดงหรือยังขอรับ” ลูเซียนถาม
ล็อตต์ เฟลิเซีย และเฮโรโดตัส ไม่สนใจเขา มีเพียงไรน์ที่พยักหน้าให้ “เป็นหนึ่งในสามงานเก่าที่ผ่านมาของท่านวิกเตอร์”
ลูเซียนหายใจเข้าลึกๆ และเดินตรงไปที่วิกเตอร์พร้อมพูดดังๆ กับเขาว่า “อาจารย์วิกเตอร์ ข้าได้แต่งสุดยอดเพลงออกมาได้! ข้าหวังว่าท่านจะให้โอกาส! ข้าแน่ใจว่างานของข้าสามารถทำให้ท่านมีแรงบันดาลใจได้! เราสามารถเปลี่ยนรายการเพลงในภายหลังได้ไหมขอรับ?”
ลูเซียนใจร้อนและกระวนกระวายเกินไปที่จะเลือกใช้คำพูด จนฟังดูตรงไปตรงมาเกินไปจนเกือบจะเหมือนคนโง่
“เจ้าพูดอะไรของเจ้า?” เฮโรโดตัสตกใจ
ล็อตต์เดินไปที่ลูเซียนและดึงลูเซียนออกมาจากโต๊ะของวิกเตอร์
วิกเตอร์ซุกหน้าลงบนฝ่ามือและตอบอย่างอ่อนแรง “ไม่ เราทำไม่ได้ ผู้อำนวยการโอเทลโล่ไปร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกับเจ้าหญิงเมื่อสิบนาทีก่อน รายชื่อเพลงถูกส่งไปแล้ว เราไม่สามารถเปลี่ยนได้แล้ว”
“อาจารย์วิกเตอร์ ข้างนอกฝนตกหนัก ผู้อำนวยการโอเทลโล่อาจยังอยู่ระหว่างทาง เรายังมีโอกาส!”
“ไม่ หมดหวังแล้ว” วิกเตอร์บ่นพึมพำเหมือนอยู่ในความฝัน เขาไม่รับฟัง
ลูเซียนถูกล็อตต์ลากกลับไป ลูเซียนไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
ลูกศิษย์คนอื่นๆ ก็ยอมแพ้เหมือนกัน
“หยุดเถอะลูเซียน เราพยายามแล้ว”
“มันสายไปแล้ว ตอนนี้ท่านโอเทลโล่คงถึงพระราชวังแล้ว”
“ถึงเขายังไม่ได้ไป มันก็สายเกินไปที่จะแต่งซิมโฟนีเพลงใหม่ เราควรต้องซ้อมสิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้… เราต้องฝึกสิ่งที่เรามีตอนนี้ อาจยังสามารถประสบความสำเร็จได้”
“ ……” ลูเซียนก้าวถอยหลังกลับไปสองสามก้าว พลันเขาก็รู้สึกเหนื่อย บางทีอาจเป็นประสงค์ของพระเจ้า บางทีพระเจ้าอาจขัดขวางเขาไม่ให้มาทำงานที่สมาคมในเช้าวันนี้
‘ช่างมัน มันก็ไม่ใช่คอนเสิร์ตของข้า ไม่ใช่เรื่องของข้า’ ลูเซียนคิดกับตัวเองและพลันกลายมืดมนเหมือนคนอื่นๆ ในห้องทำงาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อลูเซียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาว พลันภาพของวิกเตอร์ที่สอนเขา ดูแลเขา และให้กำลังใจเขาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เป็นกำลังใจให้ลูเซียนมาตลอด เขาจำได้ว่าวิกเตอร์และลูกศิษย์คนอื่นๆ ทำงานอย่างหนักสำหรับการแสดงคอนเสิร์ต
แต่ตอนนี้คนเหล่านี้ในห้องทำงานทำให้รู้สึกว่าทำไมความพยายามของพวกเขาถึงไม่ได้ผล
ลูเซียนไม่อยากให้มันจบแบบนี้
ตราบใดที่ยังมีโอกาสแม้เพียงน้อยนิด เขาจะไม่ยอมแพ้และไม่ยอมรับผลแบบนี้ ตราบใดที่ยังมีหวัง ต้องมีหนทางที่พวกเขาสามารถทำได้มากกว่านั่งบ่น ตราบใดที่เขายังมีความหวังและศรัทธา เขาจะสู้ต่อไปจนถึงวินาทีสุดท้าย
และนี่ยังไม่ใช่วินาทีสุดท้าย
ลูเซียนสูดลมหายใจลึกๆ มองไปรอบๆ ห้องทำงานแล้วเดินไปที่เปียโน
“เจ้ากำลังทำอะไร ลูเซียน” ล็อตต์ตะโกนใส่เขา
ลูเซียนไม่ตอบ ลูเซียนนั่งลงด้านหน้าของเปียโนวางมือทั้งสองไว้บนแป้นคีย์บอร์ด
แม้แต่ไรน์ก็ยังประหลาดใจมาก เขาไม่รู้ว่าดนตรีแบบไหนที่ลูเซียนจะนำเสนอออกมาในฐานะผู้ศึกษาดนตรีหน้าใหม่
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่โน้ตตัวแรกที่บรรเลงออกมา ก็ทำให้ผู้คนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดรู้สึกตกใจ
โน้ตเหล่านี้มีพลังมากกว่าที่คิด วิกเตอร์เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เปียโน เขาดูสับสน
หลายท่อนต่อมาของซิมโฟนีเร่งเร้าเหมือนพายุที่รวดเร็วรุนแรงและดุเดือด เสียงเพลงบรรเลงเหมือนความโชคร้ายในชีวิตของละคน เหมือนคลื่นยักษ์ที่โหมกระหน่ำในมหาสมุทร เฉกเช่นเสียงร้องต่อเนื่องยาวนานในสนามรบ และเหมือนศัตรูนับไม่ถ้วนที่ถาโถมเข้ามาหา
มีบางท่อนปล่อยให้ผ่อนคลายอารมณ์ลง แต่สิ่งที่ตามมาคือการต่อสู้ที่รุนแรงมากขึ้นและสิ้นหวังมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ของเหล่านักรบไม่หยุดนิ่ง ไม่มีใครยอมแพ้ พวกเขายังต่อสู้ไป เหมือนลูกเรือกำลังต่อสู้กับคลื่นยักษ์บนเรือ เหมือนทหารกำลังต่อสู้กับศัตรูในสนามรบ ผู้คนเสียชีวิตจากคลื่น และลูกธนูผ่านม่านน้ำตาและเลือด แต่ก็ยังต้องไปต่อ
ลูกศิษย์ทุกคนตกใจมาก ไรน์ลุกขึ้นยื่นจากเก้าอี้นยาว
ลูเซียนเล่นต่อไปด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดของเขา
ทำไมเจ้าถึงยอมแพ้? ทำไม?
พวกเขายังมีเวลา ยังสามารถติดต่อกับบารอนโอเทลโล่ ถ้าล้มเหลว ก็ยังสามารถใช้เสน่ห์ของซิมโฟนีเพลงนี้เกลี้ยกล่อมเจ้าหญิงนาตาซาได้
ทำไมเจ้าถึงยอมแพ้?
ยังพอมีแสงแห่งความหวัง พวกเขายอมแพ้ไม่ได้!
กระบวนแรกของซิมโฟนีนี้รุนแรงขึ้นไม่หยุด ล็อตต์และเฟลิเซียตัวสั่นด้วยความกลัวและความตื่นตาตื่นใจ
โชคชะตาที่ทำให้เจ้ายอมแพ้หรือเป็นตัวของเจ้าเอง?
โชคชะตาที่เป็นความยากลำบากหรืออุปสรรคที่จะให้เจ้าเอาชนะมัน?
เสียงดนตรีกำลังถาม ทุกคนกำลังถูกถามด้วยคำถามเหล่านั้น
วิกเตอร์ยืนตัวตรง เขารู้สึกถึงคำถาม คำถามเหล่านั้นกำลังถามเขา
วิญญาณของลูเซียนเพิ่งอุทิศตนให้กับเสียงเพลงทั้งหมด ความคิดอื่นๆ เพิ่มขึ้นในใจของทุกคน
‘ข้าต้องการมีชีวิตที่สงบสุข ข้าคิดถึงครอบครัว แต่ข้าก็มายังโลกนี้และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง’
‘ข้าเห็นคนที่นี่เผาผู้หญิงคนหนึ่งจนตาย’
‘ข้าต้องลงไปในท่อระบายน้ำ’
‘ข้าต้องการเรียนรู้การอ่านและต้องการที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ก็ถูกแก๊งอันธพาลเล่นงาน’
‘ข้าต้องการที่จะเรียนรู้เวทมนตร์เพื่อปกป้องตัวเอง แต่การเป็นนักเวทในนครอันโต้หมายความว่าข้าต้องเสี่ยงชีวิตทุกวันท่ามกลางระหว่างแสงสว่างและความมืด’
‘ข้ายอมแพ้แล้วหรือ ข้าอยากยอมแพ้แล้วหรือ?’
‘ไม่!’
‘ข้าจะต่อสู้กับสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตาจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต!’
‘ข้าสามารถเปลี่ยนโชคชะตาได้ ข้าสามารถเปลี่ยนชีวิตได้!’
ลูเซียนเกือบจะหัวใจวาย เขาแค่ปล่อยอารมณ์ทั้งหมดออกไป เขาต้องการที่จะพูดออกมาดังๆ
‘เป็นโชคชะตาที่ทำให้สูญเสียความหวังหรือทำตัวเอง?’
‘เป็นโชคชะตาที่ทำให้ข้าต้องก้มหัวยอมรับหรือข้าทำตัวเอง’
‘เป็นโชคชะตาที่กำหนดชีวิตข้าหรือขจะเลือกโชคชะตาเอง?’
‘ข้าลูเซียน ซย่าเฟิง จะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา’
‘ข้าจะเสี่ยงกับโชคชะตาและเอาชนะความยากลำบากทั้งหมด ข้าจะไม่มีวันหยุดเดินหน้า!’
วิกเตอร์ยืนขึ้นจากเก้าอี้ กำหมัดทั้งสองมือแน่น
……………………………………….