Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 584 เป็นประโยชน์ต่อสังคม
บทที่ 584 เป็นประโยชน์ต่อสังคม
“ท่านก่อให้เกิดการปฏิวัติในสภาได้สำเร็จถึงสองคราและได้รับตำแหน่งมหาจอมเวทด้วยวัยเพียงยี่สิบหกปี ข้าเกรงว่าคงจะมิมีผู้ใดทำลายสถิติของท่านอีวานส์ได้อีกแล้ว แม้แต่ท่านบรูคตอนที่ได้เป็นมหาจอมเวทท่านก็อยู่ในวัยสี่สิบแล้ว…” แพทริเซีย สตรีอีกผู้หนึ่ง มีผมสีบลอนด์และหน้าตาดูราวกับเป็นพี่น้องกับคาทรินา นางเอ่ยด้วยท่าทางราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความชื่นชมสรรเสริญ
คาทรินาได้สติเมื่อได้ยินสิ่งที่สหายของตนพูด นางแย้มยิ้มเจิดจ้าด้วยความตื่นเต้นพลางตอบกลับไป “จริงๆ แล้ว นับแต่ที่มีการนำเสนอการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย เราก็คาดการณ์กันไว้แล้วว่าอาจารย์ของเราจะได้เป็นมหาจอมเวท เราคิดๆ กันว่าคงสักช่วงที่ท่านอายุสามสิบปี เฮะๆ แต่กระนั้น สถิติของอาจารย์เราก็ยังน่าตื่นตะลึงอย่างเหลือเชื่อ มิมีผู้ใดคาดคิดว่าท่านจะได้รับตำแหน่งด้วยวัยเพียงยี่สิบหกปี…”
พวกนางได้พบเจอกับลูเซียนตั้งแต่ตอนยังเป็นเพียงวัยรุ่น ทว่าอายุที่ห่างกันห้าปีกลับให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนละรุ่น ดังนั้นพวกนางจึงมองว่าเขาเป็นผู้อาวุโสมาตลอด หลังจากที่พวกนางได้กลายเป็นลูกศิษย์ของลูเซียน ก็ไม่แปลกที่พวกนางจะยิ่งให้ความเคารพและเกรงกลัว นอกจากนี้ เพราะอาจารย์ของพวกตนมีความเป็นผู้ใหญ่มากเกินไป มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะนึกถึงอายุที่แท้จริงของเขาได้ ซึ่งลูเซียนได้เปลี่ยนอายุกลับมาตามเดิมแล้วหลังจากที่ตัวตนในฐานะนักดนตรีของเขาถูกเปิดโปง
วันนี้ หลังจากได้ยินว่าเขาได้รับตำแหน่งมหาจอมเวท นางก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่าเขาอายุเพียงยี่สิบหกปีเท่านั้น! ตัวนางเองใกล้จะอายุยี่สิบสองแล้ว แต่กลับมีเพียงความหวังที่จะได้เป็นนักเวทระดับกลาง พวกนางกับอาจารย์คือคนรุ่นเดียวกันที่อายุห่างกันไม่มาก แต่ระยะห่างที่แท้จริงนั้นกลับกว้างใหญ่เสียจนนางทำได้เพียงมองแผ่นหลังของลูเซียนด้วยความชื่นชม!
“ฮ่าๆ ข้าคือลูกศิษย์ของท่านมหาจอมเวท!” ไฮดี้นั้นคิดง่ายๆ กว่ามากและพูดโพล่งอย่างตรงไปตรงมา ไม่คิดปิดบังความภาคภูมิใจของตนเลยสักนิด
เลนก้ามองเหล่าลูกศิษย์ของลูเซียนด้วยความรู้สึกซับซ้อน “ตอนนี้ท่านอีวานส์คงจะมีชั้นตำนานเป็นของตนเองแล้วเป็นแน่ บางทีนะ เจ้าอาจจะได้เป็นลูกศิษย์ของนักเวทชั้นตำนานภายในสิบปีนี้ก็ได้”
“ด้วยความสามารถของท่านอีวานส์แล้ว อย่างมากที่สุด ท่านจะต้องก้าวขึ้นสู่ชั้นตำนานขั้นสูงสุดภายในสี่สิบปีแน่ๆ” แพทริเซียแสดงความยินดีกับสหาย “ภายใต้การชี้นำจากท่าน เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าก็คงได้เป็นนักเวทระดับสูงอย่างแน่นอน ได้โปรดอย่าลืมพวกเรานะ”
ภายในสภาเวทมนตร์ เหล่ามหาจอมเวทนั้นมีความสำคัญมากกว่านักเวทชั้นตำนานเพราะแทบทั้งหมดสามารถเลื่อนขั้นขึ้นเป็นชั้นตำนานได้และการเลื่อนขึ้นสู่ขั้นสูงสุดของชั้นตำนานสำหรับเหล่ามหาจอมเวทก็ทำได้ง่ายกว่า
“ความจริงแล้ว ตอนนี้คงจะไม่มีความแตกต่างใหญ่หลวงอะไรหรอก การสอนของอาจารย์เราไม่มีทางเปลี่ยนแน่…” เลย์เรียเอ่ยด้วยความปิติยินดีขณะลอบบ่นในใจว่าความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคงจะเป็นข้อสอบโหดหินที่เพิ่มขึ้น
แพทริเซียถือถ้วยชาอยู่ในมือแต่กลับลืมยกขึ้นดื่ม “จะไม่มีความแตกต่างได้อย่างไรกัน จากนี้ไปหลายสิ่งหลายอย่างคงจะสะดวกสบายมากขึ้นสำหรับพวกเจ้า อย่างเช่น มันจะไม่มีภารกิจบังคับแสนอันตรายให้พวกเจ้าทำ นักเวทคนอื่นๆ ย่อมอยากแลกเปลี่ยนของรางวัลกับพวกเจ้าแน่ ชีวิตเจ้าจะเต็มไปด้วยประโยชน์มากมายที่มองไม่เห็น”
“นั่นไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความเข้มงวดของอาจารย์เราหรอก ทั้งรายงานประจำเดือนเกี่ยวกับความคืบหน้าของงานวิจัย ข้อสอบกองเป็นภูเขา รายงานการวิจัยที่ต้องอ่านทวนอีกเป็นกอง แล้วไหนจะแบบฝึกหัดเวทมนตร์ที่น่าเบื่ออีก… แค่คิดข้าก็ปวดเศียรเวียนเกล้าเสียแล้ว” เชลีย์ถูหน้าผากไปมา ตัวนางนั้นได้เข้าไปเรียนในสำนักเวทมนตร์มิใช่เพราะความสามารถ แต่เป็นเพราะเส้นสายของนาง ดังนั้นนางจึงต้องพยายามให้หนักเพื่อเติมเต็มข้อด้อย
“ข้ายอมทุกข์ทรมานเช่นนั้นเสียยังดีกว่า” เลนก้าโพล่งออกมา ก่อนจะกลบเกลื่อนความรู้สึกซับซ้อนของตนด้วยรอยยิ้ม “ข้าหมายถึง นักเวทและนักเวทฝึกหัดมากมายต่างอยากจะทนรับความเจ็บปวดแทนที่เจ้า เจ้าควรจะรักษาโอกาสนี้ไว้ให้ดีนะ”
ไฮดี้พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “แม้ว่าเราจะชอบบ่น แต่เราไม่เคยหยุดพยายามเลย มันคือความโชคดีที่สุดในชีวิตเราเลยที่ได้พบกับอาจารย์และกลายเป็นลูกศิษย์ของท่าน เราจะมัวหลงมัวเมากับความสุขมิได้”
“พูดได้ดีนี่” คาทรินาและเลย์เรียมองไฮดี้ด้วยความประหลาดใจ ด้วยไม่คาดคิดว่านางจะจริงจังถึงเพียงนี้
จากนั้น ไฮดี้ก็ฉีกยิ้ม ‘น่าขนลุก’ และประกาศกร้าว “เพราะฉะนั้น หลังจากที่ข้าได้เป็นนักเวทระดับสูงและมีลูกศิษย์เป็นของตัวเอง ข้าจะให้พวกเขาได้รู้ว่าอะไรคือ ‘ความโชคดี’ ที่ว่านี้ ข้าจะให้พวกเขาได้พบเจอกับการทดสอบและข้อสอบอีวานส์ทั้งหลาย ไม่สิ ไม่เพียงแต่ลูกศิษย์ข้าเท่านั้น ข้าจะนำเสนอสิ่งเหล่านี้ให้กับสำนักเวทมนตร์และให้ทุกๆ คนได้สนุกเพลิดเพลินไปกับมัน!”
รอยยิ้มของคาทรินาแข็งค้างไปโดยพลัน หรือนี่คือ ‘เป็นประโยชน์ต่อสังคม’ อย่างที่อาจารย์พวกตนเคยกล่าวไว้กันนะ
ดวงตาของแพทริเซียพลันเปล่งประกาย “ไฮดี้ ข้าขอลองทำข้อสอบที่ท่านอีวานส์ให้เจ้าทำได้หรือไม่ ข้าสงสัยเกี่ยวกับข้อสอบแสนน่ากลัวนี้เหลือเกิน”
แพทริเซียกระหายในการชี้นำที่เหล่าลูกศิษย์ของลูเซียนได้รับมาตลอด แต่การสอนสั่งอันเป็นส่วนตัวถือเป็นความลับของอาจารย์ทุกๆ คน หากว่านางบุ่มบ่ามถามออกไป พวกนางอาจจะมิใช่สหายกันอีกต่อไปก็เป็นได้ แต่ในเมื่อตอนนี้เป็นไฮดี้ที่พูดถึงมันเอง นางจึงไม่มีทางปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
ไฮดี้จำได้ว่าอาจารย์ของตนเคยบอกไว้ว่าข้อสอบเหล่านี้จะถูกรวบรวมเป็นตำราเพื่อให้ใช้กันอย่างแพร่หลายในภายหลัง ดังนั้น นางจึงหัวเราะร่า “เจ้าอยากจะลองจริงๆ หรือ ข้าเข้มงวดมากนะ เจ้าจะต้องทำให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดด้วย!”
“จริงหรือ ข้ายินดีลองทำดูไม่ว่าเจ้าจะเข้มงวดเพียงใดก็ตาม!” แพทริเซียร้องบอกด้วยความดีใจ
เลนก้ารีบเอ่ยตาม “ข้าขอลองทำด้วยได้หรือไม่” เสียงของนางค่อนข้างสั่น
สตรีนางอื่นต่างแสดงความประสงค์เช่นกัน ในขณะที่คาทรินาและศิษย์คนอื่นๆ ของลูเซียนต่างเผยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ
เมื่อไฮดี้นำข้อสอบออกมาแจกจ่าย เลนก้าก็เอ่ยด้วยท่าทางเศร้าซึม “เหตุใดเราจึงต้องไปเข้าเรียนในสำนักอัลบอร์กตั้งแต่แรกด้วยนะ หากว่าเราไม่ได้รู้จักกับเจ้าก่อนหน้านี้ ชีวิตเราคงจะแตกต่างไปจากนี้อย่างสิ้นเชิงเลยเชียว…”
“อาจารย์เราบอกว่านี่คือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง ผู้ใดก็ตามที่ถูกอดีตและสัญชาตญาณเหนี่ยวรั้งไว้น้อยที่สุดจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเจ้ายังมีโอกาสอีกมากมาย อนาคตเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น” เลย์เรียให้กำลังใจพวกนาง
แพทริเซียพยักหน้าด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ท่านอีวานส์พูดถูกแล้วล่ะ นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมผลงานสะเทือนวงการมากมายตลอดสิบปีที่ผ่านทั้งหมดจึงถูกทำให้สำเร็จได้โดยจอมเวทรุ่นหลัง อย่างฟิลิเป แลร์รี่ ยูลิสิส จูริเซียน เจโรม และเจ้า”
“เราเพียงโชคดีน่ะ ถึงแม้ว่าคนหนุ่มสาวจะถูกประสบการณ์เหนี่ยวรั้งไว้น้อยกว่า แต่มันก็ยังยากที่พวกเขาจะสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้เพราะพื้นฐานองค์ความรู้ยังไม่แน่นพอ” คาทรินาเตือนพวกเขา “จอมเวทอาวุโสทั้งหลายอาจจะเปลี่ยนโฉมความคิดและความเข้าใจเกี่ยวกับโลกนี้ได้หลังจากย่อยข้อมูลมากมายในช่วงนี้ เราไม่ควรจะมองข้ามพวกท่านไป”
“ทางสภาได้ตัดสินใจจัดตั้งรางวัลที่จะเป็นตัวแทนของเกียรติภูมิสูงสุดแห่งอาร์คานาและเวทมนตร์ ต้องขอบคุณท่านอีวานส์ที่ให้การสนับสนุนด้านเงินทุน รางวัลนี้จะใช้ชื่อว่ารางวัลอีวานส์ ซึ่งแบ่งแยกย่อยออกเป็นสาขาอาร์คานา ที่จะเป็นตัวแทนของกฎความเป็นไปของโลกและความลี้ลับเกี่ยวกับสสารและพลังงาน เช่นเดียวกับ…”
“รางวัลอีวานส์สาขาอาร์คานา เวทมนตร์ คณิตศาสตร์ และแพทยศาสตร์… ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าผู้ใดกันจะได้รับรางวัลนี้เป็นคนแรก…” ไฮดี้ เชลีย์ และคนที่เหลือต่างจ้องมองไปที่วิทยุด้วยความรู้สึกอยากไขว้คว้ามันมาให้ได้
…
“…วันนี้ท่านประธานได้เป็นตัวแทนสภาสูงสุดมอบตำแหน่งมหาจอมเวทให้แก่ท่านลูเซียน อีวานส์ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผลงานการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ด้วยการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย คำสรรเสริญของท่านคือ…”
ภายในสถานีวิทยุ ไนติงเกล ลาร์ค และผู้ดำเนินรายการคนอื่นๆ ต่างประกาศข่าวนี้ด้วยน้ำเสียงแตกต่างกันไป
“มหาจอมเวทที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ และอาจจะเป็นนักเวทชั้นตำนานที่อายุน้อยที่สุดหลังจากนี้…” แกสตันทำลายความเงียบชวนกระอักกระอ่วนภายในห้องสมุดลงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ใครจะไปคิดว่านักเวทระดับหนึ่งที่เจ้าพบเจอในวันนั้นจะกลายเป็นมหาจอมเวทได้ ข้าเพียงชื่นชมในศักยภาพมากมายของเขาตอนที่ตารางธาตุได้รับการพิสูจน์ยืนยันและคิดว่าเขาคงจะได้เป็นนักเวทระดับสูงในสักวันหนึ่ง แต่กลายเป็นว่า หลังจากที่ข้าพัฒนาขึ้นมาหนึ่งระดับ เขากลับแตกต่างจากอดีตไปอย่างสิ้นเชิงเสียแล้ว… มหาจอมเวทคนที่แปด ท่านมหาจอมเวทอีวานส์…”
แปดปีสำหรับนักเวทระดับสูงนั้นเหมือนเป็นเวลาหนึ่งปีสำหรับคนทั่วไป
แลร์รี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เอ่ยขึ้นยิ้มๆ “เมื่อไม่กี่ปีก่อน ข้ายังอิจฉาเขามากๆ และยังถึงกับริษยาเขาอย่างลับๆ แต่บัดนี้ ความอิจฉาริษยาทั้งหมดนั้นหายไปหมดแล้วขอรับ ข้าเลือกเป้าหมายผิดไป เราหาใช่คู่แข่งในระดับเดียวกันเลยสักนิด ตอนนี้ข้ามองไม่เห็นแม้แต่แผ่นหลังของเขาด้วยซ้ำ”
“เป็นเรื่องดีที่เจ้ารู้ตัวนะ แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไป การเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยและทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปได้เปิดประตูสู่ศักราชใหม่แล้วล่ะ เบื้องหน้านั้นมีความลี้ลับยากหยั่งถึงรออยู่ ตราบใดที่เราสำรวจมันอย่างหนัก เราเองก็จะประสบความสำเร็จมากมายเช่นกัน” แกสตันปลอบใจลูกศิษย์ตนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
แลร์รี่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ข้าจะไปศึกษาวงโคจรและการกระจายตัวของอิเล็กตรอนในการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยสักหน่อยขอรับ”
“ข้าเองก็เหมือนกัน” แกสตันพอใจอย่างยิ่งกับท่าทางกระตือรือร้นของลูกศิษย์
…
ภายในเมืองไฮด์เลอร์…
ขณะรับฟังรายการวิทยุ ฟิลิเปก็มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอยไร้จุดหมายเหมือนรูปปั้น
“มหาจอมเวท… มหาจอมเวท…” การออกอากาศเดียวกันกลับสร้างความรู้สึกแตกต่างต่อผู้ฟัง ฟิลิเปหัวเสียและทำอะไรไม่ถูกในทีแรก แต่เมื่อความทะนงตนของเขาฟื้นคืนกลับมา เขาก็คิดได้ว่าตนไม่อาจถูกทิ้งห่างไว้ข้างหลัง
“ลูเซียนเคยพูดว่าการปรับเปลี่ยนของเขายึดจากการเลี้ยวเบนของเอ็กซ์เรย์…” ฟิลิเปตัดสินใจศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแม่เหล็กไฟฟ้าและพัฒนาเวทมนตร์ขยายใหญ่ด้วยตัวเองเพื่อให้ตรงกับความต้องการของตน
…
ภายในถ้ำลึกลับที่ได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามและสะดวกสบายท่ามกลางป่าใหญ่บนแนวชายฝั่งทางตอนเหนือ…
คริโทเนียรับฟังรายการวิทยุอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ลูเซียน อีวานส์ กลายเป็นมหาจอมเวทแล้ว และอาจจะได้เป็นนักเวทชั้นตำนานในอีกไม่กี่ปี…”
ด้วยพลังชั้นตำนานระดับที่สาม เขามิจำเป็นต้องซ่อนตัว แต่ราชวงศ์ฮอฟเฟนเบิร์กมีแฮททาเวย์ที่มีพลังระดับสูงสุดของชั้นตำนานอยู่ เขาจึงจำต้องรอบคอบ
ในตอนนั้นเอง เปลวไฟในเตาผิงก็พลันลุกโหมขึ้นเป็นรูปร่างของมนุษย์
“เพลิงต้นกำเนิด” คริโทเนียสัมผัสได้ในทันทีที่เปลวเพลิงมีการเปลี่ยนแปลง นักเวทที่สืบสายมาจากโบราณกาลนั้นทำให้เขาทึ่ง ‘เพลิงต้นกำเนิด’ นั้นมีพลังอยู่ที่ชั้นตำนานระดับหนึ่งเท่านั้น แต่คริโทเนียกลับไม่เคยพบตัวชายผู้นี้เลยจนกระทั่งอีกฝ่ายเข้ามาใกล้แล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่มีทางถูกลอบโจมตี แต่มันก็ทำให้เขาไม่ไว้วางใจ
เสียงแหบแห้งดังก้องสะท้อนออกมาจากกองไฟ “เขากลายเป็นมหาจอมเวทแล้ว เราต้องวางแผนทำภารกิจแล้วล่ะ หากเราเลื่อนเวลาออกไปอีกสองสามปี เราจะต้องเผชิญหน้ากับนักเวทชั้นตำนานผู้นี้ ซึ่งคงจะรับมือได้ยากลำบากยิ่งกว่า”
“แต่เราต้องรอจนกว่าสภาเวทมนตร์จะลดความระแวงลงเสียก่อน” คริโทเนียพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
…
ภายในหอคอยบาเบล ลูเซียนได้รับสายจากนาตาซา
“ข้าได้ยินจากรายการว่าเจ้าได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นมหาจอมเวทแล้ว นั่นหมายความว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการพิจารณางานเขียนแล้วใช่หรือไม่” นาตาซาถามอย่างร่าเริงเปี่ยมสุข
ลูเซียนแย้มยิ้ม “เจ้าอยากให้ข้าไปหาที่เรนทาโตหรือไม่”
“เฮะๆ เจ้าเพิ่งจะทำลายแผนการร้ายของพระสันตะปาปาไปเมื่อไม่กี่วันก่อน มันคงจะอันตรายเกินไปหากเจ้าออกมานอกสถาบันอะตอม อีกอย่าง ข้าอยากจะเห็นสถาบันอะตอมกับหอคอยเวทมนตร์ของเจ้ามานานแล้วล่ะ เพราะฉะนั้น ข้าจะไปที่อัลลินในวันพรุ่งนี้!” นาตาซาเข้าใจสถานการณ์ดี
ลูเซียนหัวเราะขัน เขากำลังคิดว่าจะปรึกษาหารือเรื่องโรงเรียน กฎหมายแรงงาน และเรื่องคริโทเนียกับนางอยู่ แล้วนางก็ตัดสินใจมาหาเขาด้วยตัวเองอย่างเต็มใจ
“เจ้าไม่อยากให้ข้าไปเช่นนั้นหรือ” เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของลูเซียน นาตาซาจึงเอ่ยหยอกเย้า
ลูเซียนตอบกลับยิ้มๆ “ข้าย่อมต้องอยากให้เจ้ามาอยู่แล้ว สหายและลูกศิษย์ข้าเองก็อยากจะเจอเจ้ามาตลอด และข้าก็มีเรื่องจะหารือกับเจ้าด้วยเช่นกัน”
……………………………….