Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 59 การยืนยัน
“ท่านวิกเตอร์!” ล็อตต์และเฮโรโดตัสไม่อยากเชื่อว่าอาจารย์ของพวกเขาจะปฏิเสธที่จะรับของขวัญอันมีค่านี้
แม้ว่าจะยังมีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับการเล่นของลูเซียนแต่มันก็เป็นงานที่ยอดเยี่ยม หากวิกเตอร์ยินดีที่จะแก้ไขและทำให้เป็นซิมโฟนี อาจกลายเป็นหนึ่งในผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ทางดนตรีและเป็นเพชรน้ำงามของซิมโฟนี! แม้แต่เฟลิเซียก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่วิกเตอร์เพิ่งพูดไป
วิกเตอร์โบกมือขวาให้พวกเขาหยุดและหันไปหาลูเซียนอีกครั้ง
“ท่านวิกเตอร์…” ลูเซียนตระหนักว่าเขาไม่สามารถโน้มน้าวอาจารย์ของเขาได้เว้นเสียแต่เขาจะร่ายมนต์ เขาไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ขอบคุณลูเซียน ขอบคุณพระเจ้า” วิกเตอร์จับมือของเขาพร้อมกับรอยยิ้มในหัวใจ “เป็นเพลงที่ประทับใจที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินมา ข้าขอขอบคุณ ตอนนี้ข้ามีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับดนตรี และ… ข้าขอรับเกียรติให้แสดงผลงานที่ยอดเยี่ยมนี้ในคอนเสิร์ตในฐานะเป็นวาทยกรได้ไหม”
“ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของอาจารย์… เดี๋ยวก่อน วาทยกรหรือ?” ลูเซียนประหลาดใจมาก “ข้าไม่เข้าใจเลย… นี่เป็นคอนเสิร์ตของท่าน”
“แล้วใครบอกว่าข้าไม่สามารถเป็นวาทยกรในคอนเสิร์ตของตัวเองได้” วิกเตอร์ยิ้มจนเห็นฟัน
“โง่ชะมัด…” เฟลิเซียแสดงความคิดเห็นด้วยเสียงที่ต่ำมาก “อาจารย์วิกเตอร์จะแนะนำเพลงของเจ้ากับแขกผู้มีเกียรติในคอนเสิร์ต” นางอิจฉาลูเซียนที่มีโอกาสทองที่จะได้รับชื่อเสียงมากมายในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตาม นางยอมรับในความสามารถของลูเซียนเป็นอย่างดี เขาสมควรได้รับโอกาส
หลังจากลูเซียนได้ยินคำพูดของเฟลิเซียก็รีบพูดกับวิกเตอร์ว่า “ข้ายินดีอย่างยิ่งขอรับ”
“ข้ามีคำถามจะถามเจ้า” เฮโรโดตัสถามเขาจากไกลๆ มือของเขาจับกันแน่น “ผลงานนี้มาจากเจ้าจริงๆ ใช่ไหม?”
คนที่เหลือในห้องเพิ่งตระหนักว่าลูเซียนเป็นเพียงลูกศิษย์ดนตรีที่ไม่มีประสบการณ์มากนัก แต่เขาแต่งเพลงบรรเลงที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ได้อย่างไร
เขาเป็นอัจฉริยะจริงๆ เพชรในตมอย่างนั้นหรือ?
ทุกคนมองไปที่ลูเซียน
ลูเซียนไม่รู้วิธีที่จะอธิบายให้พวกเขาเข้าใจได้อย่างไร หากวัดกันเรื่องความชอบธรรมและความซื่อสัตย์ เขาไม่มีทางใกล้เคียงกับอาจารย์ของเขาได้
ตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่ลูเซียนทำได้คือทำตามแผนของเขา
“จริงสิ” ลูเซียนตอบ “แรงบันดาลใจการบรรเลงเพลงเดี่ยวอยู่ในใจของข้ามานานแล้ว ในเวลานั้น ข้ายังไม่ได้ศึกษาดนตรีอย่างจริงจัง ก่อนที่ข้าจะได้พบกับท่านวิกเตอร์ ข้าไม่รู้ว่าจะเขียนเพลงในหัวของข้าได้อย่างไร”
วิกเตอร์มองลูเซียนและพยักหน้า
“แรงบันดาลใจมาจากชีวิตประจำวันของข้า จากความยากจน ความสิ้นหวัง และการต่อสู้ ทุกครั้งที่ข้าเห็นคนอื่นแต่งตัวดีหรือมีอาหารดีๆ กิน ข้าสงสัยว่าทำไมมันถึงไม่ใช่ชีวิตของข้า ข้าต้องการต่อสู้เพื่ออนาคตของตัวข้าเอง”
“นั่นเป็นสาเหตุที่เจ้ามาหาท่านวิกเตอร์” ไรน์ถาม
“ใช่ขอรับ แต่การเป็นลูกศิษย์ดนตรีของท่านวิกเตอร์เป็นอะไรที่เกินความคาดหมายของข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะโชคดีขนาดนี้ได้ ข้าต้องการเพียงเรียนรู้การอ่านออกเขียนได้ ไม่ใช่ศึกษาดนตรี” ลูเซียนตอบ “แม้ว่าข้าจะพบกับความยากลำบากอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ข้ารู้สึกซาบซึ้งกับการสนับสนุนและกำลังใจที่ได้รับจากท่าน อาจารย์วิกเตอร์”
ประสบการณ์จริงและการโกหกของลูเซียนทำให้คำพูดของเขาฟังดูน่าเชื่อถือมากขึ้น “ข้าทำงานนี้มานานกว่าสามสัปดาห์และข้าพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น ล็อตต์ เฟลิเซีย และเฮโรโดตัสเป็นพยานให้ข้าได้”
ไรน์และวิกเตอร์หันไปมองศิษย์คนอื่นๆ และสงสัยว่าทำไมพวกเขาไม่เคยเห็นคุณค่าของงานของลูเซียน
“อ๋อ…” เฟลิเซียมองลูเซียนด้วยความรู้สึกหลากหลาย “บางทีอคติของเราทำให้เราหูหนวก ที่จริงแล้วข้าจำบางท่อนที่ข้าได้ยินในตอนลูเซียนกำลังแต่งเพลงและฝึกซ้อม ตอนนั้น ลูเซียนทำงานหนักแต่เขาเล่นค่อนข้างแย่… ดังนั้นเราจึงไม่ได้สนใจ”
มีเพียงลูเซียนเท่านั้นที่รู้ว่าการเล่นอันน่ารำคาญของเขานั้นเกิดขึ้นจากความตั้งใจของเขา
“อย่างที่เฟลิเซียพูด อคติของเราทำให้เราหูหนวก” ล็อตต์ยอมรับ “ลูเซียนเจ้าเป็นอัจฉริยะ เพลงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้มักใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีในการแต่ง”
ล็อตต์ประทับใจมากกับการเล่นของลูเซียน หากเพลงของเขาไม่ได้ดีระดับนี้ บางทีล็ออต์อาจยังรู้สึกอิจฉาและโกรธอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาเห็นความห่างชั้นระหว่างตัวเขากับลูเซียน เขารู้ดีว่านิสัยใจแคบและอดคติไม่ได้เป็นสิ่งดีต่อชีวิตนักดนตรีที่ดีในอนาคต
“ขอบใจเจ้า ล็อตต์ แต่ข้าไม่ใช่อัจฉริยะ… มันต้องใช้เวลาหลายปีด้วย…” ลูเซียนพยายามจะอธิบาย
“รับคำชมจากคนบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก ลูเซียน” วิกเตอร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่เคยได้ยินอะไรทำนองนี้มาก่อนเลย ข้าเชื่อว่ามันเป็นงานของเจ้าเอง”
ไรน์พยักหน้า “ข้าเดินทางไปทั่วทุกสารทิศ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ฟัง ข้าเชื่อว่ามันเป็นแรงบันดาลใจในชีวิตที่ยากลำบากของเจ้า ความทุกข์ทำให้เจ้าเป็นอัจฉริยะ ขอบคุณที่เล่นให้เราฟัง ลูเซียน”
ใบหน้าของลูเซียนแดงซ่าน ในขณะที่คนอื่นคิดว่าเขาเป็นคนขี้อาย ลูเซียนรู้ว่าเขารู้สึกอับอายและละอายใจ
“ข้าเห็นด้วยกับไรน์ บางครั้งถ้าไม่มีขอบเขตและข้อจำกัดมากมายในใจ ผู้ฝึกดนตรีใหม่ก็อาจสามารถปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกและแรงบันดาลใจ และสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมให้โบยบินได้อย่างอิสระในโลกแห่งดนตรี” วิกเตอร์รับช่วงต่อจากคำพูดของไรน์ “ข้าทำงานกับซิมโฟนีเพลงที่สี่เป็นเวลาเก้าปีเพื่อระลึกถึงภรรยาของข้า วินนี่ แต่ข้าก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากเพราะจากประสบการณ์ที่มีจำกัดและสิ่งที่รู้มาจากอาจารย์ ข้าคิดว่าซิมโฟนีไม่เหมาะสำหรับการแสดงอารมณ์ส่วนตัว แต่เป็นดนตรีเพื่อศาสนาที่จริงจังเท่านั้น ขอบคุณลูเซียนเจ้าทำให้ข้ามีความเข้าใจใหม่ๆ กับงานของข้า”
จากนั้นวิกเตอร์ก็หันกลับมาและปรบมืออย่างพึงพอใจ “เอาล่ะ ลูเซียน ข้าจะเขียนงานของเจ้าอย่างระมัดระวังและข้าจะเปลี่ยนมันให้เป็นซิมโฟนีให้เจ้า ข้าจะคุยกับท่านโอเทลโล่เพื่อเปลี่ยนรายชื่อเพลง ถ้าอย่างนั้นเราต้องซ้อมกันหนักสำหรับคอนเสิร์ตที่กำลังจะมาถึง”
……………………………………….