Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 6 อุบัติเหตุ
ทั้งลูเซียน แกรี่ และโคเรลลาไม่มีใครได้ยินเสียงขัดขืนดิ้นรน หรือเสียงกรีดร้อง หรือเสียงวิ่งหนีเลย
ฮาวสันผู้มีร่างกายสูงใหญ่แข็งแรง แม้เขาจะเงียบขรึมแต่ก็เป็นถึงอัศวินฝึกหัดระดับสูงที่แข็งแกร่ง จู่ๆ จะหายตัวไปอย่างเงียบเชียบเช่นนั้นได้อย่างไร?!
ความเย็นเยียบแล่นขึ้นมาจากปลายเท้าและแพร่กระจายไปทั่วสรรพางค์กาย ลมหายใจของลูเซียนเริ่มหอบหนักขึ้น
เขากระชับดาบแห่งแสงในมือให้แน่นขึ้น แล้วหันขวับกลับไปมองข้างหลังตน
ตรงข้ามผนังของท่อน้ำเสียนั้นมีเพียงตะไคร่น้ำลักษณะแปลกๆ ที่เรืองแสงได้ และการที่ฮาวสันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยก็ยิ่งทำให้มันดูน่าสงสัยกว่าเดิม
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังขึ้น ลูเซียนที่ในใจเต็มไปด้วยความตึงเครียดพลันหันขวับไปมอง
หนูตัวใหญ่เท่าขนาดคนผลักโคเรลลาลงไปกองกับพื้น แล้วฝังกรงเล็บแหลมคมลงบนไหล่ของเขา ตัดผ่านเกราะเข้าไปอย่างง่ายดาย โลหิตสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนเกราะสีเงิน ย้อมเหล็กให้กลายเป็นสีแดงฉาน ในดวงตาสีแดงเลือดของเจ้าสัตว์ประหลาดคล้ายจะฉายแววเยาะหยัน
มันอ้าปากกว้างเผยเขี้ยวแหลมคมน่ากลัว หมายจะฝังคมเขี้ยวลงบนตัวศัตรู ทว่าโคเรลลายกดาบขึ้นกันได้ทันเวลา
ในฐานะอัศวินฝึกหัดระดับสูง โคเรลลาได้ช่วยชีวิตตนเองด้วยการใช้ท่าที่เป็นพื้นฐานสามัญในช่วงเวลาวิกฤติที่สุด นั่นคือการเหวี่ยงโล่ในมือซ้ายเข้าใส่ส่วนท้องของหนูยักษ์เต็มแรง
ไม่มีอะไรน่ากลัวกว่าสิ่งที่ไม่อาจรับรู้ได้ ดังนั้นอย่างน้อยสำหรับลูเซียนแล้ว หนูยักษ์ตาสีแดงเลือดที่มีขนาดเท่ากับคนทั่วไปและเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบนี้ยังเป็นเรื่องที่ยอมรับได้มากกว่า ‘การหายตัวไปอย่างลึกลับ’ เสียอีก
ลูเซียนสูดหายใจเข้าปอดแล้วไม่รอช้า เหวี่ยงดาบแห่งแสงใส่หนูยักษ์เพื่อช่วยเหลือโคเรลลา
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงคำรามคล้ายสัตว์ป่าก็ดังขึ้นจากข้างหลังลูเซียน
‘แกรี่ก็ตกอยู่ในอันตรายด้วยงั้นหรือ?!’ ตอนที่ลูเซียนนึกขึ้นได้ว่าแกรี่ยืนอยู่ข้างหลัง ดาบคมกริบของอัศวินก็ฟาดเข้าใส่หลังลูเซียนอย่างมุ่งร้ายเสียแล้ว
รัศมีสีขาวของโล่แห่งแสงพลันสั่นสะเทือนรุนแรง และริบหรี่ลงอย่างมาก ในขณะเดียวกัน แรงกระแทกนั้นก็ดันลูเซียนให้โซเซไปข้างหน้าหลายก้าวและเกือบจะล้มลง
ทว่าดาบอัศวินอันแหลมคมกลับไม่หยุดกวัดแกว่งไล่ตามมา ทำให้ลูเซียนร้อนรนจนไม่สามารถทำอะไรได้ แม้แต่จะยกดาบตอบโต้ยังเป็นเรื่องยาก ไม่ต้องพูดถึงการตั้งสมาธิหรือเรียกใช้เวทจากเหรียญตราเลย
ลูเซียนหลบหลีกไปมาด้วยความตื่นตระหนก ในใจเขาทั้งตกตะลึงและมึนงง ‘ทำไมแกรี่ถึงโจมตีฉันล่ะ’
การโจมตีจากดาบอัศวินพุ่งมาจากด้านหลังอีกครั้ง หากว่าไม่ใช่แกรี่ เช่นนั้นก็ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นคือ แกรี่ตายแล้ว!
จังหวะการโจมตีจากดาบอัศวินนั้นดีเยี่ยมเสียจนลูเซียนไม่มีโอกาสหาสมดุลให้กับตนเอง และไม่นานลูเซียนก็ถูกดันเข้ามาในห้องลับ
แต่แล้วลูเซียนก็พบว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยหลังจากถูกโจมตีหมายชีวิตหลายต่อหลายครั้ง เพราะเขามีโล่แห่งแสง ความตื่นตระหนกของเขาจึงค่อยๆ หายไป พลางคิดในใจว่าทำไมเขาถึงต้องหาสมดุลแล้วตอบโต้ด้วย?!
ความคิดถึงพลันฉายวาบในสมอง และเมื่อดาบอัศวินตวัดมาอีครั้ง ลูเซียนก็ทิ้งตัวลงกับพื้นแล้วกลิ้งหนี พลางถือเหรียญตราศักดิ์สิทธิ์ไว้ในมือขวา
เมื่อถึงจุดนี้ ลูเซียนก็ได้รู้ในที่สุดว่าใครคือผู้ที่โจมตีเขา
เป็นแกรี่จริงๆ แกรี่ผู้นิ่งสงบและรู้จักยับยั้งใจตน
ทว่า กล้ามเนื้อบนใบหน้าเขากลับกระตุก ดวงตาเปล่งประกายแดงฉาน เขาดูราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังคลุ้มคลั่ง
‘เป็นเพราะกำจัดพิษจากหนูพวกนั้นออกไปไม่หมดหรือเปล่า เลยทำให้คนสูญเสียสติสัมปชัญญะและกลายเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือด’ ลูเซียนคิดถึงเรื่องนี้เมื่อเห็นแกรี่ ‘แต่ทำไมฉันถึงไม่เป็นอะไรเลยล่ะ’
ลูเซียนไม่มีเวลามาคิดถึงข้อสงสัยและความแปลกประหลาดนี้ เขาตั้งสมาธิ แล้วแตะเหรียญตราศักดิ์สิทธิ์ด้วยมือซ้าย ก่อนจะเริ่มร่ายคาถา
โล่เหล็กกลมกระแทกเข้าใส่โล่แห่งแสงของเขาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้โล่แสงสั่นสะเทือนไม่หยุด
แม้ว่าการโจมตีจากโล่เหล็กจะไม่ทำให้โล่แห่งแสงแตกกระจาย แต่แรงกระเทือนกับคลื่นช็อกจากมันกลับทำให้ลูเซียนรู้สึกอึดอัดตรงอก และหายใจไม่ออก
การโจมตีต่อเนื่องจากโล่เหล็กทำให้จังหวะการหายใจของลูเซียนติดขัด เขาจึงรวบรวมสมาธิไม่ได้อีกต่อไป
ในฐานะอัศวินฝึกหัดอนาคตไกล แกรี่จึงได้รับการฝึกวิธียับยั้งการร่ายคาถา
แน่นอนว่า หากมีบาทหลวง นักเวท หรือผู้ใช้มนตราคนอื่นๆ มาเห็นลูเซียนในสภาพนี้ย่อมต้องส่ายหน้าและถอนหายใจ นั่นเพราะ มีเพียงผู้ที่ไม่ได้เรียนรู้หลักพื้นฐานการตั้งสมาธิร่ายคาถาเท่านั้นที่จะถูกอัศวินฝึกหัดยับยั้งการร่ายได้ หากเป็นบาทหลวงฝึกหัดหรือนักเวทฝึกหัดที่มาในคราวนี้ การที่มีเหรียญตรานักบุญแห่งความจริงและเวทโล่แห่งแสงก็ทำงานอยู่ คงเป็นแกรี่ที่ต้องตาย
หากเป็นการประชันหน้าในระดับเดียวกัน ผู้ใช้มนตราย่อมเป็นผู้ได้เปรียบเสมอ!
ลูเซียนเจ็บใจที่ตนไม่อาจตั้งสมาธิและเรียกใช้เวทมนตร์ได้ ในขณะที่โคเรลลาตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่ามือและขาของโคเรลลาจะเริ่มอ่อนแรงลง มือขวาที่ถือดาบกันคมเขี้ยมสัตว์ร้ายอยู่เริ่มสั่นเทาและถูกดันเข้าหาอกเขาเรื่อยๆ
โชคดีที่หนูยักษ์รูปร่างเหมือนมนุษย์ดูจะอ่อนแรงลงเช่นกัน มันดูไม่คลุ้มคลั่งเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
ในเมื่อไม่สามารถร่ายคาถาได้ ลูเซียนจึงเลิกเรียกใช้เวทมนตร์แล้วตวัดดาบแห่งแสงในมือขวาออกไป
หลังจากต่อสู้กับฝูงหนูดวงตาสีแดงเลือดมา ลูเซียนจึงรับรู้และเข้าใจถึงความคมของดาบแห่งแสงที่เขาเรียกออกมา และแน่นอนว่ามันดีกว่าดาบอัศวินของแกรี่มากโข
แต่ภายใต้การกระแทกจากโล่เหล็กกลมของแกรี่ ดาบของลูเซียนคล้ายจะสะบัดไปมาไร้ทิศทาง ไม่สามารถรักษาเสถียรภาพและเล็งไปยังจุดสำคัญของแกรี่ได้
ถึงกระนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับรัศมีแสงจากดาบ แกรี่ก็ไม่กล้าทำตัวคลุ้มคลั่งเหมือนสัตว์ร้ายเสียสติอีกต่อไป เขาหยุดโจมตีแล้วเปลี่ยนไปตั้งรับด้วยการตวัดดาบอัศวินออกมา
เขาดูไม่กล้าถอยออกห่าง เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาผละตัวออกห่างจากลูเซียน เขาจะต้องถูกวงมนตราศักดิ์สิทธิ์ห้อมล้อมเป็นแน่ และแม้แต่อัศวินที่ได้รับการแต่งตั้งและได้รับพรก็ยังสามารถบาดเจ็บสาหัสหรือตกอยู่ในอันตรายหรือกระทั่งถูกสังหารได้หากไม่ระมัดระวัง
ดาบแห่งแสงปะทะกับดาบอัศวิน แต่กลับไม่มีเสียงเหมือนเหล็กกระทบกันให้ได้ยินสักนิด
ดาบอัศวินถูกตัดขาดครึ่งราวกับท่อนไม้อย่างไร้สุ้มเสียง แต่แกรี่ก็ดึงโล่ขึ้นมากันได้ทันเวลา
ถึงอย่างนั้น บนโล่เหล็กกลมก็ยังมีรอยครูดขีดฝังลึกจนแทบจะแยกโล่ออกเป็นสองชิ้น
ขณะที่ลูเซียนกำลังจะโจมตีตอบโต้อีกครั้ง ดาบแห่งแสงที่รัศมีริบหรี่ลงไปมากแล้วก็พลันแตกสลายกลายเป็นเศษเสี้ยวประกายแสงกระจัดกระจายไปทั่ว
ความจริงแล้ว พลังของดาบแห่งแสงเริ่มลดลงตั้งแต่ที่มันถูกใช้ทำลายผนังและเวทมนตร์ลวงตาที่ใช้ปกปิดห้องลับแล้ว ตอนนี้มันใช้พลังไปจนหมด จึงไม่อาจคงสภาพต่อไปได้อีก
ลูเซียนนิ่งงันไปครู่หนึ่ง และแกรี่ก็ฉวยโอกาสนี้ในการออกแรงใช้โล่เหล็กกลมกระแทกกับโล่แห่งแสงที่เริ่มหมดพลังจนซีดจางลงอย่างเต็มกำลัง
โล่เหล็กกลมพลันแตกกระจาย ส่วนโล่แห่งแสงของลูเซียนก็กะพริบวูบวาบก่อนจะหายวับไป
โล่แห่งแสงอันเป็นที่พึ่งพิงหลักของลูเซียนได้แตกสลายลงหลังจากทนรับการโจมตีอย่างต่อเนื่อง
เขาไม่มีเวลาไตร่ตรองว่าความผิดพลาดของเขาว่าเกิดจากการที่เขามีประสบการณ์การต่อสู้น้อยนิดหรือไม่สงบนิ่งพอกันแน่ ลูเซียนแตะมือบนเหรียญตราศักดิ์สิทธิ์ ตั้งสมาธิ แล้วร่ายคาถา
“ซะ…แค่กๆ!”
ก่อนที่ลูเซียนจะออกเสียงได้ครบ แกรี่ก็พุ่งเข้ามาต่อยท้องลูเซียนอย่างแรง ส่งผลให้ลูเซียนลงไปนอนขดตัวเป็นกุ้ง และเขารู้สึกได้ถึงกรดในกระเพาะที่แล่นขึ้นมาจุกอยู่ตรงคอจนแสบร้อน
แกรี่ยับยั้งการร่ายคาถาของลูเซียน ก่อนจะยื่นมือข้างหนึ่งออกมาจับตรงลำคอลูเซียนแล้วบีบแน่น
ลูเซียนฟาดมือขวาใส่นิ้วทั้งห้าของแกรี่ หลังจากกรำศึกมายาวนาน กำลังกายและพลังงานของเขาควรจะเหือดหายไปมากแล้ว แต่แกรี่คืออัศวินฝึกหัด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนธรรมดาอย่างลูเซียน เขาจึงได้เปรียบทางด้านพละกำลังอยู่มาก
การหายใจเริ่มยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ และความเจ็บปวดบนลำคอก็มิใช่สามัญ ในตาลูเซียนดำมืดไปครู่หนึ่ง มือซ้ายที่ถือเหรียญตราเอาไว้ถูกมืออีกข้างของแกรี่กดไว้แนบอก ด้วยเหตุนี้ ทั้งร่างของลูเซียนจึงถูกตรึงแน่นหนา
ลูเซียนได้ยินเสียงหอบหายใจของตัวเองดังก้องในหู และเขายังสัมผัสได้ถึงถุงมือเหล็กที่แกรี่สวมอยู่ ความเย็นเยียบของมันแทรกซึมผิวหนังลูเซียนจนขึ้นไปบนศีรษะ ซึ่งทำให้ลูเซียนที่สติเริ่มเลือนรางขึ้นทุกทีพลันตื่นเต็มตา
จิตของลูเซียนสั่นสะเทือน สร้างความรู้สึกคล้ายเขาเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ความปรารถนาที่จะอยู่รอดของลูเซียนพลันลุกโหม พลังจิตของเขาคล้ายจะทะลวงผ่านข้อจำกัดบางประการ ก่อนจะไหลออกไปทั่วร่างราวกับกระแสน้ำจากมหาสมุทร
ในขณะนั้นเอง แกรี่ที่กำมือขวาบนคอลูเซียนอยู่กลับอ่อนแรงลงอย่างมาก เช่นเดียวกับโคเรลลาและหนูยักษ์รูปร่างเหมือนมนุษย์ที่ต่อยตี ขบกัด และฟาดฟันกันอยู่ ทำให้ลูเซียนมีโอกาสสูดลมหายใจแสนมีค่าเข้าปอด
นับเป็นเรื่องแปลกที่จู่ๆ แกรี่ก็ไร้เรี่ยวแรง และพลังของเขาก็ค่อยๆ หมดลง แต่ลูเซียนได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญมาตั้งแต่ต้น เขาจึงไม่เหม่อลอยเสียสมาธิ ประหลาดใจ หรือสงสัย แล้วเพ่งพลังจิตตั้งสมาธิ ก่อนจะแตะไปที่เหรียญตรานักบุญแห่งความจริง
ทันทีที่แตะโดน จิตของลูเซียนก็พลันสั่นกระตุกรุนแรง ราวกับเขาได้เข้าไปยังห้วงมหาสมุทรแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ ลวดลายแปลกตาเป็นเส้นสาย วงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม และรูปไม้กางเขนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นภายในห้วงจิตของลูเซียนจนนับไม่ถ้วน ดูพิศวงลี้ลับอย่างยิ่ง
เมื่อมองให้ดีๆ ลูเซียนก็พบสัญลักษณ์ไม้กางเขนที่มีกลิ่นอายของเบนจามิน มันเป็นกลิ่นที่ไม่สามารถอธิบายได้
ลูเซียนแตะสัญลักษณ์ไม้กางเขนนั้นด้วยความสงสัยใคร่รู้ แต่ทันใดนั้นมันก็สั่นเทิ้มรุนแรง ราวกับถูกรุกล้ำ และลวดลายหนึ่งในนั้นก็พลันส่องแสงเจิดจ้าท่วมท้นจนน่าหวั่นใจ
ด้วยความตกใจ ลูเซียนจึงรีบถอนพลังจิตของตนกลับมา แต่มันก็ยังช้าเกินไป ลำแสงสีขาวแผ่พุ่งออกมาจากเหรียญตราศักดิ์สิทธิ์ เฉียดปลายจิตของลูเซียนไป ส่งผลให้ลูเซียนรู้สึกอยากอาเจียนและปวดศีรษะราวกับถูกผ่าแยก ฉับพลันนั้นของเหลวเย็นๆ ที่มีกลิ่นเหม็นของธาตุเหล็กก็ไหลออกจากรูจมูกเขา
หลังจากที่ลำแสงแผ่พุ่งออกมา มันก็รวบรวมพลังจากรอบๆ จนลำแสงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าแกรี่จะสัมผัสได้ถึงอันตรายใหญ่หลวง จึงรีบหลบไปด้านข้าง แต่ด้วยระยะห่างที่มีไม่มาก แม้เขาจะมีปฏิกิริยารวดเร็วเพียงใดก็ไม่อาจหลบพ้น ลำแสงสีขาวทำให้มือขวาและไหล่ขวาส่วนหนึ่งของเขาระเหิดหายไป บาดแผลของเขาดำเป็นตอตะโก และไม่มีแม้แต่เลือดสักหยด
‘คาถาใช้ออกโดยไม่ต้องร่ายได้ด้วยหรือ’ นั่นคือความคิดแรกของลูเซียน จากนั้นเขาก็รีบกลิ้งตัวหนี ด้วยกลัวว่าแกรี่จะทำร้ายเขาอีก อย่างไรเสียแกรี่ก็ยังมีสมรรถภาพในการต่อสู้อยู่
และการกลิ้งตัวนั้นก็ทำให้ลูเซียนพบว่าแขนขาของตนปวดร้าวไร้เรี่ยวแรงอย่างแปลกประหลาด จากนั้นเขาก็มองไปทางแกรี่
“นี่มัน?!” ลูเซียนอุทานด้วยความตกตะลึง เพราะภาพตรงหน้านั้นเหนือความคาดหมายของเขาไปไกล
แกรี่นอนแผ่อยู่บนพื้นโดยที่ดวงตาหรี่ลงเพียงครึ่งคล้ายคนใกล้ตาย แต่ดวงตาสีแดงฉานและใบหน้าที่กระตุกอยู่ตลอดเมื่อสักครู่ได้หายไปแล้ว
รอบๆ นั้นคือแอ่งโลหิตสีแดงประหลาดจากซากหนูตาย ไม่ทราบอย่างไรมันจึงระเหยขึ้นเป็นไอหมอกจางๆ ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องลับและท่อน้ำเสียใกล้ๆ กันนั้น
ภายในห้องลับ พืชประหลาดรูปร่างเหมือนมนุษย์ยื่นกิ่งก้านและใบของมันเข้าหาหมอกโลหิตจางๆ ท่าทางมันดูสุขสบายอย่างยิ่ง
การต่อสู้อีกทางด้านหนึ่งนั้นบังเกิดความเปลี่ยนแปลงเหนือจินตนาการขึ้น มันไม่ใช่หนูยักษ์ที่ต่อสู้หมายเอาชีวิตกับโคเรลลาเมื่อครู่นี้ แต่เป็นฮาวสัน ฮาวสันผู้เงียบขรึม
ดาบอัศวินของทั้งคู่ปักอยู่บนตัวของอีกฝ่าย
————————————————