Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 604 แก่นดาราจำรัส
บทที่ 604 แก่นดาราจำรัส
ภายในแดนสัจธรรม…
ดักลาสแก้สมการไปพร้อมกับถือบทความของลูเซียนอยู่ในมือและเทียบผลลัพธ์กับข้อมูลการทดลองที่ทราบอยู่แล้ว ท้ายที่สุด เขาก็วางวารสารลงแล้วดึงโบว์กระต่ายลง ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามด้วยความสับสน “สมาการพวกนี้บ่งชี้ถึงอะไรกัน”
เขาอ่านบทความนี้มานับครั้งไม่ถ้วนตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาค่อนข้างชื่นชนแนวคิดของลูเซียนที่ยึดหลักจากคุณความเป็นอนุภาคและความไม่ต่อเนื่อง และเขาก็ดีใจอย่างยิ่งที่ปัญหาหลายๆ อย่างในการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยได้รับการแก้ไขแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความดีใจของเขาก็กลายเป็นความพึงพอใจและความสุข เขาหาได้ตื่นเต้นอย่างที่เคยคาดคิดไว้ด้วยซ้ำ
นั่นเป็นเพราะสำหรับนักเวทแล้ว การแก้ปัญหาหนึ่งอย่างมักหมายถึงความใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในอาร์คานาศาสตร์แขนงนั้นๆ และหมายความว่าแบบจำลองหรือรูปแบบที่จำเพาะเจาะจงยิ่งกว่าถูกค้นพบแล้ว แต่กลศาสตร์ควอนตัมของลูเซียนกลับไม่นับว่าเป็นเช่นนั้น เป็นความจริงที่ว่าสูตรนี้สามารถให้ผลลัพธ์ที่ตรงกับเหตุการณ์จริงได้ และปัญหาทั้งหลายกับเลขควอนตัมในปัจจุบันก็สามารถรวมเข้าไปได้ ทว่า มันหาได้มีสิ่งอื่นนอกเหนือไปจากนั้น มันทั้งไม่อาจอธิบายโครงสร้างภายในของอะตอมได้อย่างถูกต้องแม่นยำ และไม่นำเสนอรูปแบบที่มีอยู่ภายใน ทุกคนจะลงเอยที่ความสับสนหลังจากอ่านบทความจบ พวกเขาทราบผลลัพธ์ แต่กลับไม่รู้ว่าผลลัพธ์มีที่มาจากแห่งหนใด
เมตริกซ์เป็นเหมือนดั่งบานประตูที่เฝ้าอารักขาความจริงของโลก มันทั้งลึกลับ เย็นชา และกีดกันทุกคนออกไป แม้ว่าจอมเวททั้งหลายในสำนักเวทธาตุและการเล่นแร่แปรธาตุต่างดีใจจนเนื้อเต้น แต่คนอื่นๆ กลับหาได้ตื่นเต้นอย่างที่ควรเป็นหลังจากที่ปัญหาหลายๆ อย่างในการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยได้รับการแก้ไข
“เมตริกซ์ไม่ได้ยากอะไร ในอดีตก็เคยมีสูตรคำนวณที่คล้ายกันนี้อยู่ แต่การคิดคำนวณจะน่าปวดหัวเอาได้เมื่อมันหลอมรวมเข้ากับระบบแสนซับซ้อนของการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย” ดักลาสส่ายศีรษะด้วยความขบขัน “ลูเซียนทำให้ทุกๆ คนติดอยู่ในเขาวงกตแห่งเมตริกซ์ แล้วเจ้าตัวก็ไม่อาจอธิบายถึงความหมายทางอาร์คานาเบื้องหลังมันได้แม้ว่าเขาจะปรับปรุงมันด้วยสูตรคำนวณที่มีอยู่แล้วก็ตาม”
“แต่ไม่ว่าอย่างไร เราก็ไม่อาจปฏิเสธความสำคัญของกลศาสตร์ควอนตัมนี้ได้ เราเพียงแต่ต้องการเวลาเพื่อหาคำตอบให้ได้ว่ามีอะไรซุกซ่อนอยู่เบื้องหลัง”
แทนที่จะศึกษากลศาสตร์ควอนตัมต่อ เขากลับทุ่มเทความพยายามไปกับการหาวิธีแก้สมการอีวานส์ของสนามแรงโน้มถ่วงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำ เขาเชื่อว่าผลลัพธ์จะต้องมีความลี้ลับของท้องฟ้าและวัตถุในฟากฟ้าอยู่เป็นแน่
แม้แต่มหาจอมเวทระดับเขายังจำเป็นต้องทุ่มเทสมาธิให้กับอาร์คานาศาสตร์ เขาอาจหาเวลาว่างมาศึกษาการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยหรือสนามแม่เหล็กไฟฟ้าบ้าง แต่เขาก็ยังอุทิศตนให้กับสนามแรงและโหราศาสตร์อยู่ดี โดยเฉพาะหลังจากที่ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปได้มอบความหวังในการกลายเป็นมนุษย์ครึ่งเทพให้กับเขา
จอมเวทส่วนใหญ่ต่างตระหนักถึงความซับซ้อนและ ‘ความไม่เป็นมิตร’ ของระบบใหม่นี้หลังจากหมดความตื่นเต้นในตอนแรกเริ่มไป เหมือนอย่างดักลาส มันเป็นเหมือนสตรีที่ครองตัวโสดและปฏิเสธบุรุษทุกผู้ที่เข้าหานางอย่างเย็นชา ไม่ยอมให้พวกเขาได้ล่วงรู้ว่านางคิดอะไรอยู่
จำนวนจอมเวทที่ปวดเศียรเวียนเกล้ามีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาพยายามนึกภาพโครงสร้างภายในของอะตอมและมอบความหมายแท้จริงให้กับกลศาสตร์ควอนตัมของลูเซียน
ทว่า สักวันหนึ่งพวกเขาคงจะเสียใจกับความพยายามในการค้นหาความหมายแท้จริงนี้ พวกเขาอาจคิดหวังไม่ให้ลูเซียนคิดค้นสิ่งนี้ขึ้นมา เพราะความจริงของโลกนั้นยังเป็น ‘อสูรทำลายล้าง’ ได้เช่นกัน!
ท่ามกลางความเสียใจนั้น มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่แตกต่างออกไป
หลังจากอ่านบทความ แฮททาเวย์ที่นั่งอยู่ในห้องสมุดสะอาดสะอ้านเรียบร้อยก็คิดคำนวณต่อไปจนเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไรไม่อาจทราบได้ แล้วนางก็ตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์ความคิด คิ้วขมวดเข้าหากัน ขณะมองหาความหมายทางอาร์คานาของระบบและเหตุผลที่ว่าทำไมค่าวัดทั้งสองจึงไม่เป็นไปตามสมบัติการสลับที่
เมื่อไม่อาจค้นพบอะไรในตอนนี้ นางก็เลิกคิดเรื่องอื่นแล้วตัดสินใจแก้สมการของอะตอมที่มีสองอิเล็กตรอนโดยยึดตามหลักการของระบบใหม่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของระบบใหม่ และอีกส่วนหนึ่งนั้นเพื่อหาความหมายทางอาร์คานาจากการลงมือปฏิบัติจริง
เฟอร์นันโดยอมรับแนวคิดของลูเซียนและเลิกพยายามมองหาแบบจำลองให้กับโครงสร้างภายในของอะตอม เขาจดจ่อกับการสำรวจหาความหมายทางอาร์คานาและผสมผสานมันเข้ากับงานวิจัยของเขาเรื่องการกระจายตัวของอิเล็กตรอน
วิเซนเต และเฮลเลนในทางกลับกัน ได้เริ่มศึกษาจากการสำรวจหาความหมายทางอาร์คานาของกลศาสตร์ควอนตัมของลูเซียนและลักษณะที่อิเล็กตรอนเป็นคลื่น
ภายในอาณาจักรแม่เหล็กไฟฟ้า…
หลังจากพิสูจน์ยืนยันบทความของลูเซียน บรูคก็พยักหน้าอย่างยอมรับในทีแรก ก่อนจะอุทิศตนให้กับงานของเขา พยายามจะมอบฟังก์ชันคลื่นให้กับอิเล็กตรอน หากว่าปัญหาทั้งหลายในการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยสามารถแก้ไขได้จากมุมมองของอนุภาค แล้วทำไมมันจะแก้จากมุมมองของคลื่นไม่ได้เล่า
“ข้าพลาดอะไรไปงั้นหรือ” บรูคถามตัวเองด้วยความมึนงงสับสน ฟังก์ชันคลื่นในตอนต้นนั้นเต็มไปด้วยปัญหา
ยิ่งเขาอนุมานฟังก์ชันคลื่นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าลูเซียนพูดถูกเรื่องที่ว่าควรจะต้องศึกษาคณิตศาสตร์เสียก่อน
ภายในโรงละครแห่งการทำลายล้าง โอลิเวอร์เองก็ติดอยู่ในสถานการณ์คล้ายคลึงกัน
…
เพราะเขาต้องรอให้ดักลาส เฟอร์นันโด แฮททาเวย์ และราเวนติพิสูจน์ยืนยันเมตริกซ์เสียก่อน กลศาสตร์ควอนตัมของลูเซียนจึงได้ตีพิมพ์ช้าไปหนึ่งเดือน นั่นส่งผลให้การทดลองเรื่องการเลี้ยวเบนของอิเล็กตรอนที่ควรได้ตีพิมพ์ในเดือนเมษายนต้องเลื่อนไปตีพิมพ์ในเดือนพฤษภาคมแทน ไม่เช่นนั้น เหล่าจอมเวทที่ไม่อาจเข้าใจวิธีการคำนวณแสนซับซ้อนนี้จะไม่สามารถมองเห็นคุณค่าของกลศาสตร์ควอนตัมได้เลย
วารสารฉบับเดือนมีนาคมกระตุ้นเหล่านักเวทให้ไตร่ตรองถึงสิ่งที่ไม่รู้ ทุกคนต่างทึ่งกับผลงานสรรค์สร้างแสนยอดเยี่ยมของลูเซียนจนแทบไม่มีปัญหาอะไรกับการยอมรับแนวคิดนี้ ในระหว่างนั้น หลักการกีดกันของเฟอร์นันโดก็ทำให้นักเวททั้งหลายที่เชี่ยวชาญด้านเวทธาตุและการเล่นแร่แปรธาตุต่างตื่นเต้นดีใจ ส่วนลูเซียนกลับเตรียมความพร้อมสำหรับการสร้างอุปกรณ์ชั้นตำนาน และเขาก็ประทับโครงสร้าง ‘หัตถ์แห่งความไม่แน่นอนของลูเซียน’ ไว้ในดวงจิตได้แล้วเช่นกัน
วันที่หนึ่งเมษายน เมื่อการสอบเข้าวิทยาลัยเวทมนตร์ขั้นสูงเริ่มขึ้น ลูเซียนก็เดินทางมาถึงพระราชวังเนคโซและกำลังเดินตามนาตาซาไปยังท้องพระคลังของราชวงศ์
“ข้าเกือบพลั้งปากบอกให้อัลเฟอร์ริสรู้แล้วว่าข้ากำลังมาที่ท้องพระคลัง” ลูเซียนเอ่ยกับนาตาซาด้วยความขบขัน เจ้ามังกรได้ ‘ยืม’ รางวัลเหรียญจันทราสีเงิน ‘สภาพตัวนำยิ่งยวด’ ของเขาไปเพื่อ ‘ชื่นชม’ แล้ว
นาตาซาเคยเจอกับอัลเฟอร์ริสมาแล้วครั้งหนึ่งและได้รู้เกี่ยวกับความโลภของมันเช่นกัน “เฮะๆ มันคงไม่ยอมออกจากท้องพระคลังอีกเป็นแน่! ตอนที่มันเห็นแหวนมงกุฎแห่งโฮล์มบนมือข้า มันถามข้าว่ามีเพียงสตรีเท่านั้นที่จะได้รับแหวนงดงามล้ำค่าและบุรุษเช่นเจ้าจะได้รับเพียง ‘แหวนโลหะ’ พังๆ ใช่หรือไม่ ข้าว่ามันคงจะแต่งงานกับมังกรที่ร่ำรวยมั่งคั่งเพราะทรัพย์สินเหล่านั้นไปแล้วหากว่ามันไม่ใช่มังกรตัวผู้น่ะ”
หลังจากเอ่ยหยอกเย้าเจ้ามังกรคริสตัลน้อย นาตาซาก็แย้มยิ้ม “วัตถุดิบชั้นตำนานชิ้นใดหรือที่เจ้าต้องใช้”
นาตาซาเคยบอกลูเซียนแล้วว่าภายในท้องพระคลังมีอะไรบ้างและบอกให้เขาไปปรึกษากับผู้มีพลังชั้นตำนานดู สำหรับเรื่องนี้ แกรนด์ดยุกแห่งออร์วาริตทำได้เพียงส่ายหน้ายิ้มๆ ปกติแล้ว ความลับเช่นนี้มักจะปกปิดไว้ไม่ให้ใครรู้นอกจากพระราชาหรือพระราชินีที่ไม่คิดจะบอกแม้แต่กับคู่ชีวิตของตน
ลูเซียนมองนาตาซาที่สวมชุดกระโปรงยาวสีขาวแล้วพยักหน้า “หินไขกระดูกมังกรน่ะ ท่านโอลิเวอร์อยากได้เตรียมไว้สำหรับทำพิธียืดชีวิตในอนาคต ท่านมีแก่นดาราจำรัสที่เหมาะจะใช้ปรับเข้ากับความสามารถพิเศษของ ‘ผู้สังเกตการณ์กาลและอวกาศ’”
หินไขกระดูกมังกรนั้นมาจากสุสานมังกร แก่นพลังจากซากศพเหล่ามังกรได้หลอมรวมกันเป็นแร่คริสตัลสีน้ำตาลโปร่งแสง เมื่อรวมกันกับกลิ่นแห่งความตายภายในสุสาน หินจึงมีคุณสมบัติเป็นทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต มันคือหนึ่งในวัตถุดิบล้ำค่าที่สุดในสำนักศาสตร์มืด
หากว่าหินไขกระดูกมังกรมาจากมังกรแห่งบรรพกาล มันจะเป็นวัตถุดิบชั้นตำนานและสามารถทำให้ชีวิตคนผู้หนึ่งยืนยาวขึ้นประมาณหนึ่งพันปี แน่นอนว่าผู้ที่มีระดับต่ำกว่าชั้นตำนานจะไม่อาจทานรับไหวและอาจถึงกับเสียชีวิตคาที่
แก่นดาราจำรัสคือ ‘สมบัติ’ ของดาวเคราะห์ที่พังทลายลงแล้ว มันคล้ายจะมีมวลเป็นศูนย์ แต่พวกมันกลับปลดปล่อยแรงโน้มถ่วงอันทรงพลังออกมาได้ภายใต้สถานการณ์พิเศษ ทั้งสภาเวทมนตร์ มีเพียงโอลิเวอร์เท่านั้นที่มีมันในครอบครอง ดักลาสเองก็ได้มาหนึ่งดวง แต่เขาใช้มันเพื่อสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ชั้นตำนานพิเศษไปแล้ว
“เข้าใจแล้ว” นาตาซาเปิดประตูท้องพระคลังและนำลูเซียนไปยังที่เก็บหินไขกระดูกมังกรโดยไม่ลังเล แม้ว่ามันจะเป็นวัตถุดิบสุดแสนล้ำค่าที่สามารถยืดเวลาชีวิตได้ แต่นางกลับไม่หยุดชะงักเลยสักนิด
ขณะเล่นกับแร่คริสตัลกึ่งโปร่งแสงในมือ ลูเซียนก็เอ่ยอย่างหยอกล้อ “เจ้าไม่กลัวว่าเจ้าจะหาวัตถุดิบมายืดเวลาชีวิตตัวเองไม่ได้หรือ”
ลูเซียนตั้งใจจะพูดอย่างนุ่มนวล แต่ถ้อยคำกลับกลายเป็นการเย้าแหย่ทันทีที่เขาพูดออกไป แต่แน่นอนว่าลูเซียนจับมือขวานาตาซามากุมไว้แล้วเพื่อให้นางรับรู้ว่าเขารู้สึกเช่นไร
นาตาซาประกาศด้วยท่าทางองอาจสมเป็นอัศวิน “ข้าเชื่อว่าข้าจะเลื่อนพลังขึ้นสู่ชั้นตำนานได้แน่!”
จากนั้น นางก็กล่าวเสริมเสียงแผ่ว “ข้าจะต้องเป็นผู้มีพลังชั้นตำนานที่เก่งกาจยิ่งกว่าเจ้าแน่นอน!”
ความมุ่งมั่นในประโยคหลังกลับฟังดูคล้ายจะแฝงความโศกเศร้าเอาไว้
ลูเซียนพลันยิ้มกว้าง
…
วันที่แปดเมษายน สองวันก่อนพิธีสมรส…
ภายในจักรวาลอะตอม บนดาวเคราะห์แปลกประหลาดที่สร้างจากโลหะ ลูเซียนกำลังสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ชั้นตำนานพิเศษของตนอยู่ภายในห้องทดลองที่ย้ายมาไว้ตรงนี้
แก่นดาราจำรัสส่องแสงวิบวับถูกวางลงตรงกลางวงแหวนเวท มันมีรูปทรงหลายหน้าเป็นประกายสดใสขนาดเท่าหนึ่งกำปั้น และสะท้อนลำแสงชวนฝันออกมาจากทุกเหลี่ยมมุม
ในตอนนั้นเอง แก่นดาราจำรัสก็หลอมละลายกลายเป็นของเหลวหน้าตาประหลาด บรรดาวัตถุดิบเวทมนตร์ถูกฝังลงไปจากการผลักดันของลูเซียน ทำให้ของเหลวนั้นบิดเบี้ยวอย่างรุนแรงราวกับว่ามันกำลังจะให้กำเนิดบางอย่างออกมา
ลูเซียนเข้าใจดีว่าช่วงเวลาสำคัญที่สุดได้มาถึงแล้ว ดังนั้นเขาจึงกำมือขวา แล้วสาดแสงไปยังวงแหวนเวทรอบนอกตามรูปแบบพิธีกรรมเลื่อนระดับพลังให้แก่ ‘ผู้สังเกตการณ์กาลและอวกาศ’ โดยใช้พลังจิตของเขาเอง
ทุกสิ่งทุกอย่างพลันตกอยู่ใต้แสงสลัวราง ระลอกคลื่นที่แผ่อากาศแห่งกาลคล้ายจะกระจายออกไป
จากนั้น แสงสว่างก็ดูเหมือนจะถูกดึงดูดด้วยบางสิ่งบางอย่าง แล้วฉับพลันนั้น มันก็พังทลายลงเพราะแก่นดาราจำรัส รอบๆ นั้นไม่มีสิ่งใดอื่นนอกจากความมืดและความกดอากาศต่ำ
โครงสร้างแสนซับซ้อนและเส้นสายมากมายยากเกินคำบรรยายส่งตรงเข้าสู่สมองลูเซียน ซึ่งเขาไม่ทันได้ตั้งตัวเลยเพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ชั้นตำนานขึ้นมา ต้องขอบคุณที่เขามีแบบจำลองทั้งหมดของ ‘ผู้สังเกตการณ์กาลและอวกาศ’ อยู่ภายในโลกแห่งปัญญา เขาจึงยังพอจะรับมือได้
ด้วยเวทจิตกลที่ร่ายให้ตนเอง ลูเซียนจึงเปิดใช้งานแบบจำลองเวทมนตร์พิเศษชั้นตำนานของตนด้วยพลังจิตอย่างใจเย็น และปล่อยให้มันชักนำกระบวนการหลอม
หลังจากที่ขั้นตอนยุ่งยากผ่านพ้นไป ลูเซียนก็จับจุดได้ ทั้งคาถาร่าย การทำสัญลักษณ์มือและการเชื่อมต่อของพลังจิตเป็นหนึ่งวิธีดำเนินการโดยสมบูรณ์เมื่อเรียงลำดับถูกต้อง ท้ายที่สุด กลุ่มแสงสีเงินเจิดจ้าก็ระเบิดออกมาจากกลางวงแหวนเวท ขับไล่ความมืดที่กำลังแตกสลายไป!
เมื่อแสงเจิดจ้าผ่อนแรงกำลังลงอีกครา ‘นาฬิกาพกสีเงิน’ เรือนหนึ่งก็เผยโฉมอยู่กลางวงแหวนเวทที่พังไปแล้ว มันมีขนาดเหมาะมืออย่างยิ่ง!
…………………………………………