Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 637 สวัสดีสหายเก่า
บทที่ 637 สวัสดีสหายเก่า
“ซาร์ด…” ลูเซียนยืนยันการประเมินของไรห์นจากสิ่งที่ได้รับจากเวทตรวจสอบ
แม้ว่าอดีตพระคาร์ดินัลหลวงแห่งสังฆะมณฑลออร์วาริตและผู้วางแผนการร้ายด้วยความทะเยอทะยานจะสูญเสียร่างกายและดวงวิญญาณไปภายใต้พลังพระเจ้าเสด็จ และมีเพียงเศษเสี้ยวอันลี้ลับหลงเหลืออยู่ แต่รอบกายเขากลับยังเต็มไปด้วยความลับมากมาย เช่น เหตุใดเขาจึงใช้พลังพระเจ้าเสด็จได้ เขาได้รับสิ่งใดจากทวารานาจักร เหตุใดเขาจึงหลบหนีจากเงื้อมมือสัตว์ประหลาดไปได้ เขาร่วมมือกับราชาแห่งทูตสวรรค์ได้อย่างไร และเศษเสี้ยวอันลี้ลับนั้นคืออะไรกันแน่
ไรห์นแย้มยิ้ม “ข้าสะกดรอยตามเขาเข้ามาในทวารานาจักรแต่กลับคลาดเบาะแสไปหลังจากเจอกับสัตว์ประหลาด แต่พอข้ายอมแพ้และทุ่มเทความสนใจไปที่ความลึกลับของสัตว์ประหลาด ร่องรอยของเขาก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างไม่คาดคิด โชคชะตาช่างเล่นตลกยิ่งนัก”
“ข้าเชื่อว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราในตอนนี้คือการไปที่ห้องทดลองของท่านธานอสและไขความลับของสัตว์ประหลาดขอรับ” ลูเซียนเองก็สนใจในเศษเสี้ยวลี้ลับของซาร์ดเช่นกัน แต่พวกเขาต้องมีสติแน่วแน่ยามอยู่ภายในทวารานาจักรแสนอันตรายโดยไม่ถูกอะไรเบี่ยงเบนความสนใจง่ายๆ
ไรห์นมิได้โต้แย้งกลับ เขาเพียงยิ้มอย่างเย้นหยันในตนเอง “เจ้าเปิดประตูเถิด ข้าเกรงว่าโชคร้ายของข้าจะยังตามมาหลอกหลอนอยู่”
ลูเซียนกะจะเอ่ยออกไปว่าพวกเขาต่างก็โชคร้ายพอๆ กัน เพราะเขาเป็นคนเปิดประตูไปเจออีวาน แต่ว่า เขากลับนึกขึ้นได้เสียก่อนว่าสิ่งที่รออยู่เบื้องหลังประตูที่ไรห์นเปิดนั้นคือ ‘หุบเขาวิมาน’ ซึ่งถือว่าหนักหนากว่าเขามากจริงๆ ดังนั้น เขาจึงพยักหน้าและตอบว่า “ก็ได้ขอรับ อย่างน้อยที่สุด ศัตรูที่เราจะเจอหลังจากที่ข้าเปิดประตูก็ยังเป็นผู้ที่เราพอจะกำจัดได้”
การเดินทางช่วงที่เหลือเป็นไปด้วยความเงียบสงบ สัตว์ประหลาดที่น่าหวาดหวั่นดูจะลืมเลือนพวกเขาไปแล้ว แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะไปถึงห้องทดลองของธานอส จู่ๆ ไรห์นก็หยุดชะงักและเอ่ยขึ้นด้วยความมึนงง “ร่องรอยที่เศษเสี้ยวลี้ลับนั่นทิ้งไว้อีกแล้ว…”
บัดนี้ซาร์ดเหลือเพียงเศษเสี้ยวชิ้นส่วนอันลี้ลับ จึงไร้ความสามารถในการกลบฝังร่องรอย นับเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่คนอื่นจะสัมผัสถึงกลิ่นอายของเขาได้เมื่อเข้ามาในห้องโถงเดียวกัน แต่ว่า โอกาสนั้นแทบจะเป็นศูนย์ที่พวกเขาจะเข้ามาในห้องโถงเดียวกันภายในทวารานาจักรแห่งนี้!
“จุดหมายของซาร์ดคือห้องทดลองของท่านธานอสเหมือนกันงั้นหรือ” การพบเจอในคราแรกอาจเป็นเหตุบังเอิญ แต่เมื่อพวกเขาสัมผัสถึงมันได้อีกครั้ง ลูเซียนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปทางเดียวกันหรือไม่ และเหตุผลเพียงอย่างเดียวที่พวกเขาไปทางเดียวกันก็คือ พวกเขามีจุดหมายปลายทางที่เดียวกัน!
ไรห์นยังคงรักษารอยยิ้มอันสง่างามเอาไว้ได้ “ก็อาจจะ…ข้านึกสงสัยเกี่ยวกับอดีตของเขาอย่างมาก เขาใช้พลังพระเจ้าเสด็จได้อย่างไร บางทีความลับอาจซ่อนอยู่ในห้องทดลองของธานอสก็เป็นได้…”
หลังเดินผ่านอีกสามห้องโถง พวกเขาก็พบกลิ่นอายและร่องรอยของซาร์ดอีกครั้ง นั่นยิ่งทำให้พวกเขาแน่ใจในข้อสันนิษฐานของตนเอง
หลายนาทีผ่านไป ลูเซียนกับไรห์นก็มาหยุดอยู่หน้าประตูที่หน้าตาไม่ต่างจากบานอื่นๆ
“ห้องทดลองของธานอสอยู่หลังประตูบานนี้เช่นนั้นรึ” ด้วยไม่มั่นใจในทักษะการคำนวณของตนเอง ไรห์นจึงถามผู้เชี่ยวชาญเพื่อความแน่ใจ
ลูเซียนพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เตรียมตัวนะขอรับท่านไรห์น ภัยอันตรายร้ายแรงอาจรออยู่ในนั้น ดาวหลักแห่งเทวลิขิตคอยเตือนข้าถึงลางร้ายไม่หยุดเลยขอรับ”
“แน่ล่ะ ห้องทดลองของนักเวทชั้นนำย่อมต้องมีการป้องกันแน่นหนาอยู่แล้ว” ในฐานะ ‘ผู้สังเกตการณ์’ ไรห์นย่อมผ่านประสบการณ์การผจญภัยมาอย่างโชกโชน
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบประโยค ประตูดำบานใกล้ๆ กันนั้นก็สั่นสะเทือนและส่งเสียงลั่น
ลูเซียนกับไรห์นระวังตัวอยู่ตลอดว่าอาจมีใครสักคนบุกเข้ามา พวกเขาเกือบจะโจมตีออกไปตามสัญชาตญาณแล้ว แต่ประตูกลับยังคงปิดแน่นหลังจากลั่นเอียดอาด ไร้ซึ่งสัญญาณที่ว่ากำลังจะมีคนเข้ามา ราวกับเมื่อครู่นี้เป็นเพียงภาพหลอน
“ข้าได้กลิ่นของซาร์ด” ด้วยพลังระดับเจ้าชายแวมไพร์ ฌานประสาทของไรห์นจึงรับรู้กลิ่นของสิ่งมีชีวิตได้ดีเป็นพิเศษ
“เขาอยากจะเข้ามาเช่นนั้นหรือ” ลูเซียนแก้คำพูดของตัวเองในทันที “ไม่สิ เขาเพิ่งจะออกไป”
ในห้องโถงห้องสุดท้ายที่นำทางมาสู่ห้องทดลองของธานอส ลูเซียนกับไรห์นพบเจอร่องรอยของซาร์ดอีกคราและสันนิษฐานว่าเขาได้เข้าไปในห้องทดลองแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่า เขาตรงไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งและจงใจส่งเสียงดังเสียด้วย
“เขาเล่นเล่ห์เพื่อจะลอบโจมตีเราหรือเปล่า” ไรห์นคาดเดาเจตนาของซาร์ด
ลูเซียนส่ายศีรษะ “จำเป็นด้วยหรือขอรับ เขาจะลอบโจมตีเราตอนเข้าไปในห้องทดลองของท่านธานอสก็ได้ อย่างไรนั่นก็เป็นที่ที่เราต้องเข้าไปอยู่แล้ว”
ทันใดนั้นเอง ลูเซียนก็เกิดสังหรณ์ใจพิกล เขาจึงนำลูกแก้วคริสตัลออกมาและร่ายเวทพยากรณ์ แต่ผลลัพธ์อันเลือนรางกลับอยู่เหนือความคาดหมายของเขา “ตามซาร์ดไป…”
“หา?” ลูเซียนกับไรห์นมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
“เราควรจะลองตามเขาไปดีหรือไม่ขอรับ เราจะกลับมาภายในสามนาทีไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เช่นนั้นจะไม่ทำให้การสำรวจห้องทดลองของท่านธานอสล่าช้าแน่นอนขอรับ” เหล่านักเวทจากสำนักโหราศาสตร์จะใส่ใจกับคำทำนายของตนเองพอสมควร นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมลูเซียนจึงเสนอความคิดนี้
หลังจากที่เขาศึกษาทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปครบทุกแง่มุม ความสามารถด้านการพยากรณ์ของเขาก็พัฒนาขึ้นมากและดีเทียบเท่า ‘ศาสดาพยากรณ์’ ขั้นหนึ่ง
ไรห์นนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง บรรยากาศเงียบงันให้รู้สึกพิกลนัก ก่อนที่เขาจะพยักหน้า “ก็ได้”
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงเปิดประตูบานที่เพิ่งเกิดเสียงดัง และก็พบกับกลิ่นอายของซาร์ดที่หลงเหลืออยู่ตามที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ จากนั้น เมื่อตามกลิ่นนั้นไป พวกเขาก็เดินผ่านห้องโถงสีเทาสองห้อง และมาหยุดอยู่หน้าประตูดำที่ไม่แสดงความผิดปกติใดๆ
ลูเซียนพลันประหลาดใจ ด้วยเพราะเขาคำนวณระยะพิกัดมาตลอดทาง “หลังประตูบานนี้ก็เป็นห้องทดลองของท่านธานอสเช่นกัน!”
“เรากลับมาที่เดิมหลังจากเดินอ้อมเช่นนั้นรึ” ไรห์นเอ่ยด้วยความขบขัน นี่พวกเขาโดนซาร์ดหลอกกระนั้นหรือ
ลูเซียนส่ายหน้า “น่าจะเป็นทางเข้าอีกทางขอรับ”
“ซาร์ดอยากให้เราเข้าจากทางนี้หรือ” ไรห์นหยุดยิ้มและเปิดประตูดำด้วยความระแวดระวัง อุปกรณ์เวทมนตร์ชั้นตำนานของเขาทุกชิ้นพร้อมใช้งานได้ทุกเมื่อ
เมื่อประตูถูกผลักถอย ภาพห้องทดลองแสนโอ่โถงอลังการก็เผยโฉมต่อหน้าทั้งสอง ลวดลายลี้ลับ ลูกบาศก์จำลอง วงแหวนเวทแปลกๆ และเศษกระจกที่เคยฝังอยู่บนเพดานโถงพบเห็นได้ทั่วห้อง
ห้องทดลองนั้นใหญ่เทียบเท่าอาณาบริเวณพระราชวังเนคโซทั้งหมด ซึ่งมีทางเดินมากมายที่เชื่อมกับห้องต่างๆ และมีเครื่องมือผุพังตกกระจายเกลื่อนพื้น
ห้องทดลองนี้ให้ความรู้สึกของการทำลายล้างเพราะแทบทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องเสียหายอย่างหนัก ราวกับมันเคยถูกใช้เป็นสมรภูมิรบระหว่างผู้มีพลังชั้นตำนาน และที่ห้องทดลองไม่ถูกทำลายจนไม่เหลือซากก็เพราะการป้องกันอันแข็งแกร่งของมันเพียงเท่านั้น แต่ถึงกระนั้น ลวดลาย วงแหวนเวท และวงแหวนพลังศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ก็ถูกลบออกไปแล้ว แท่นสำหรับการเล่นแร่แปรธาตุก็ราบเป็นหน้ากลองเช่นกัน
แสงสุกสกาวบริสุทธิ์แผ่ไอร้อนไหลวนรอบห้องทดลอง มันคืออาณาเขตของปราการป้องกัน แต่ตรงหน้าลูเซียนกับไรห์นกลับมีทางเดินที่ทะลุผ่านปราการป้องกันเข้าไป ดูเหมือนว่านี่จะเป็นช่องทางลับที่ใครสักคนสร้างเอาไว้
“ซาร์ดอยากช่วยเราประหยัดเวลาในการทำลายปราการป้องกันอย่างนั้นหรือ” ไรห์นเดินเข้าไปในห้องทดลอง
ลูเซียนตามเขาเข้าไปพลางกวาดสายตามองสำรวจไปรอบๆ “แต่กลิ่นของเขาหายไปจากตรงนี้นะขอรับ”
“ช่างเขาเถิด ในห้องพวกนี้น่าจะมีบันทึกการทดลองที่ยังไม่ถูกทำลายเก็บไว้นะ” ไรห์นเอ่ยด้วยท่าทางสงบนิ่ง
แต่ในตอนนั้นเอง ประตูบานหนึ่งจากบรรดาห้องสีเทาแยกย่อยก็เปิดออก
ประตูภายในห้องโถงนี้ปิดกั้นการแผ่พลังจิตฝ่าเข้าไป เหมือนกับที่อื่นๆ ภายในทวารานาจักร ด้วยไม่อาจระบุได้ว่าผู้มาใหม่เป็นใคร ทั้งสองจึงแยกย้ายและเตรียมตัวโจมตี
ภายในห้องเล็กสีเทาทึม…
แบนแฮม ‘เพลิงต้นกำเนิด’ ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เขาขบฟันแน่นด้วยความกรุ่นโกรธระคนสุขใจ “ในที่สุดข้าก็หายดี…ลูเซียน อีวานส์ รึ นาตาชา ออร์วาริต รึ พวกเจ้ามิพ้นเงื้อมข้าแน่ พวกเจ้าทำให้ข้าต้องสูญเสียอุปกรณ์ชั้นตำนานทั้งหมด จนข้าต้องพึ่งพาสิ่งที่ข้าอยากไม่อยากใช้ที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงความตายนิจนิรันดร์!”
ส่วนเดอร์ริก ดักลาส ผู้โจมตีเขาเป็นคนสุดท้ายจนถึงตาย จิตใต้สำนักของเขากลับเลือกที่จะทำเป็นลืมๆ ไปเสีย เพราะความต่างชั้นระหว่างพวกเขามันมากเกินไป
“หลังจากที่ข้ากลับไปถึงนครศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะลงชื่อขออุปกรณ์ชั้นตำนานกับท่านผู้ทรงศีลสูงสุด” ขณะครุ่นคิดถึงการตระเตรียมตัวในอนาคต เพลิงต้นกำเนิดก็เปิดประตู พร้อมจะออกไปจากที่แห่งนี้
ศาสนจักรได้เก็บสะสมอุปกรณ์เวทมนตร์ชั้นตำนานไว้หลายชิ้นหลังจากสังหารผู้มีพลังชั้นตำนานไปหลายคน ในเมื่อเพลิงต้นกำเนิดสูญเสียของของเขาไประหว่างทำภารกิจ เขาจึงสมควรได้รับการชดเชยอย่างยิ่ง
ทันทีที่เขาเปิดประตูออกมา ภาพมายาสะท้อนของดาวหลักแห่งเทวลิขิตของเพลิงต้นกำเนิดก็พลันสั่นไหว ส่งสัญญาณเตือนถึงภัยร้ายแรง ในขณะเดียวกันนั้น รูม่านตาเขาก็หดตัวอย่างแรง เมื่อเห็นบุรุษหล่อเหลาในชุดสูทตัวยาวแบบกระดุมสองแถวยืนอยู่ใน ‘ห้องทดลองหลัก’ บุรุษผู้สวมแว่นตาข้างเดียวผู้นั้นส่งยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น
เครื่องแต่งกายและความอ่อนโยนนุ่มนวลเช่นนั้นดูไม่เข้ากันกับสถานที่แห่งนี้ แต่เป็นห้องโถงจัดเลี้ยงแสนรื่นเริงมากกว่า!
“ลูเซียน อีวานส์…” เพลิงต้นกำเนิดครวญเสียงแผ่วกับตนเอง เกือบจะคิดว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือภาพลวงตาเพราะว่าเขาเกลียดชังและ ‘คิดถึง’ อีกฝ่ายมากเกินไป
ชั่วพริบตาถัดมา ด้วยประสบการณ์การต่อสู้อันโชกโชน เขารีบแยกร่างออกเป็นเงาห้าสายและหลบหนีไปโดยไม่คิดลังเล พลางร่ายเวท ‘เทเลพอร์ทวายป่วง’ กำกับร่างเงาทุกร่าง
“คทาอวกาศ” เศษเสี้ยวแสงสว่างมารวมตัวกันในมือลูเซียนและกลายเป็นคทาที่กระเพื่อมเป็นระลอก เมื่อเขาชี้คทา ห้วงอวกาศอันสั่นไหวภายในห้องทดลองก็สงบลง บีบให้เพลิงต้นกำเนิดต้องถอนตัวออกจากความว่างเปล่า เขารีบร่ายคาถา “เวทอัคคีจำแลง!”
ทันใดนั้น ร่างกายเขาก็กลายเป็นดวงไฟสีซีดเข้าโอบล้อมรอบตัวลูเซียน
ขณะเดียวกันนั้น ร่างเดิมของเขาก็ก้าวพริบตาไปยังทางเข้าห้องทดลองและเปิดประตูด้วยใจลิงโลด
ทว่า ใบหน้าเขากลับแข็งค้างไปหลังจากเปิดประตู เพราะสิ่งที่อยู่เบื้องหลังประตูกลับเป็นห้องทดลองของธานอสอีกห้องหนึ่ง เว้นแต่ว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงกลางห้องหาใช่ลูเซียน อีวานส์ แต่เป็นบุรุษหล่อเหลาในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำกับเสื้อโค้ตสีแดง เขาแย้มยิ้มและค้อมกายด้วยท่าทางสง่างาม ดวงตาสีเงินของเขาแผ่แสงจันทร์สลัวลางออกมา
“เจ้าพอใจกับ ‘ความฝันจริงแท้’ ของข้าหรือไม่”
เพลิงต้นกำเนิดนิ่งงันไปด้วยความตกตะลึง แล้วเสียงของลูเซียนก็ดังกึกก้องมาจากทางด้านหลัง “ข้าสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ หากเจ้าเลือกที่จะยอมให้ข้าใช้เวทพันธนาการ บางทีข้าอาจพิจารณาให้เจ้ามีชีวิตต่อไปก็ได้นะ”
ตรงหน้าเขาคือห้องทดลองของธานอส ทางด้านหลังก็ยังเป็นห้องทดลองของธานอส เพลิงต้นกำเนิดไม่รู้เลยว่าฝั่งไหนคือความจริงและฝั่งไหนคือภาพฝันกันแน่
เมื่อได้ยินคำพูดของลูเซียนและมองเห็นนาฬิกาพกแสนประณีตในมืออีกฝ่าย สีหน้าของเพลิงต้นกำเนิดก็พลันเปลี่ยนเป็นเศร้าซึมอับเฉา ท้ายที่สุด เขาก็พยักหน้าและเอ่ยตอบ “ก็ได้ เจ้าใช้เวท…”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดให้จบประโยค ใบหน้าเขาก็บิดเบี้ยว ดวงตาแดงก่ำ เขายกมือขึ้นกำลำคอตนเองอย่างแรงพร้อมกับคำรามด้วยความเหลือเชื่อ “ทะ-ทำไม”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขีดในตัวเขา ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตอันทรงพลังกำลังจะมาเยือน ลูเซียนก็รู้ได้ทันทีว่าท่าไม่ดีแล้ว จึงร่ายเวทออกไปทันใด “เพ่งพยาบาท!”
ดวงตาข้างซ้ายของลูเซียนกลายเป็นสีแดงเข้มเปล่งประกายสดใส ก่อนจะยิงลำแสงออกมา ด้วยการเสริมพลังจาก ‘เวทหัตถ์แห่งความไม่แน่นอน’ มันจึงโดนตัวเพลิงต้นกำเนิดผู้ที่ยังกลายร่างอย่างไม่สมบูรณ์อย่างจัง
พวกเขามีพลังระดับเดียวกัน และศัตรูก็เพิ่งจะฟื้นตัวหายดี เมื่อ ‘เวทหัตถ์แห่งความไม่แน่นอน’ ทำงาน ลำแสงสีแดงจึงพุ่งผ่านปราการป้องกันและทะลุหน้าผากเพลิงต้นกำเนิดที่ยังล้มลุกคลุกคลานอยู่
ไรห์นเองก็แตกตัวกลายเป็นค้างคาวจำนวนนับไม่ถ้วนแล้วโฉบเข้าใส่เพลิงต้นกำเนิดที่ลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว จนกระทั่งปกคลุมเขาไว้ทั้งตัว
เมื่อฝูงค้างคาวสีดำกระจายออกมาและกลับมารวมตัวกันเป็นไรห์นอีกครั้ง บนพื้นก็ไม่หลงเหลือสิ่งใดอยู่อีก และพลังที่ตั้งใจจะแทรกแซงก็ทำไม่สำเร็จ
“ผู้ใดกัน” ลูเซียนมองไปทางไรห์นด้วยความฉงนสนเท่ห์
แต่ก่อนที่ไรห์นจะทันได้ตอบ เสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นภายในห้องทดลองของธานอสอีกครั้ง พร้อมกับที่กลิ่นอายแสนคุ้นเคยฟุ้งกระจายออกมา
“เป็นซาร์ด เจ้าเศษเสี้ยวลี้ลับนั่นน่ะหรือ”