Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 64 สังคมศักดินา
โทนสีม่วงของรถม้าดูสง่าหรูหรา รถม้าทั้งสองคันประดับด้วยตราประจำราชวงศ์เดียวกัน สัญลักษณ์แขนอันทรงพลังถือโล่เงิน ล้อมด้วยดอกไวโอเล็ตสีม่วงเป็นป้อมปราการ
นี่คือตราประจำราชวงศ์ออร์วาริต ซึ่งได้รับสมญานามว่า ตระกูลแห่งดอกไวโอเล็ต และโล่แห่งสัจธรรม
รถม้าสองคันจอดเทียบหน้าพรมสีแดงยาว พวกขุนนางที่เข้าไปภายในโรงแสดงดนตรีแล้วลุกจากที่นั่งกลับออกมาด้านหน้า ตามเคานต์เฮย์นและเคานต์ราฟาติออกมาถวายความเคารพต่อแกรนด์ดยุก ขณะที่นักดนตรียืนอยู่ไกลๆ เพื่อถวายความเคารพเช่นกัน
สตรีวัยเยาว์ ร่างสูงโปร่ง ผมสีม่วงเป็นประกายลงจากรถม้าเป็นคนแรกในชุดราตรีสีดำสง่างาม
ตาคมนัยน์ตาสีม่วงไม่ต่างจากฝัน คิ้วของนางเข้มและยาวกว่าสตรีสามัญ จมูกโด่งตรงเป็นสัน เหมาะเจาะเข้ากับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อราวกับดอกไม้บาน สตรีวัยเยาว์ผู้นี้งามสง่าและงามแตกต่างจากทุกผู้ทุกนาม ความงามของนางยังเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่มีชีวิตชีวา มั่นใจ และห้าวหาญ หากเปรียบท่านหญิงซิลเวียเป็นดอกลิลลี่ซึ่งอ่อนช้อยและงดงาม สตรีวัยเยาว์นางนี้ก็เปรียบประหนึ่งดอกไวโอเล็ตที่งอกงาม มีชีวิตชีวา และมีเสน่ห์น่าหลงใหล
สตรีวัยเยาว์นางนี้เป็นที่รู้จักกันในนามไวโอเล็คเคานต์ติส นาตาซา
และสตรีวัยกลางคนที่ลูเซียนเห็นครั้งก่อนก็ยืนอยู่ข้างกายเจ้าหญิงนาตาซา
ในฐานะอัศวินหลวงระดับห้า นาตาซาทรงสูงกว่าบุรุษส่วนใหญ่ประมาณครึ่งศีรษะ นางเดินไปยังรถม้าอีกคันอย่างกระฉับกระเฉง และพยุงมือของแกรนด์ดยุก บิดาของนาง ลงจากรถม้า
ออร์วาริตมีผมสีม่วง แต่สีอ่อนบุตรสาวมาก ในวัยหกสิบต้นๆ แกรนด์ดยุกดูอ่อนเยาว์กว่าสหายรุ่นเดียวกัน เมื่อสมัยหนุ่มๆ ออร์วาริตไม่ได้เก่งกาจเหมือนธิดา เจ้าหญิงนาตาซา ฉะนั้น เขาต้องอาศัยยาวิเศษตำรับต่างๆ ที่ได้รับจากศาสนจักรและสมาชิกราชวงศ์เพื่อปลุกพรในสายเลือด ก่อนที่จะกลายเป็นอัศวินระดับสอง ร่างกายของเขาได้รับผลกระทบจากยาวิเศษที่ใช้สมัยหนุ่มๆ การสูญเสียชายาและบุตรคนโตต่อมาก็ยิ่งทำให้สุขภาพทรุดหนัก
แม้จะทรงเผชิญปัญหารุมเร้า โอร์วาริตยังดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์เหลือล้น ความรักของเขาต่อชายาที่สิ้นบุญไปถูกพูดถึงและเป็นที่ซาบซึ้งของบุคคลทั่วไป ก่อนหน้านี้ ออร์วาริตตกหลุมรักเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรโฮล์มที่อยู่อีกฝั่งของช่องแคบสตอร์ม สมัยดำรงตำแหน่งทูตที่นั่น ทั้งสองคนเผชิญความยากลำบากนานัปการร่วมกันจนได้สมรสกันในที่สุด หลายปีผ่านไป เขาก็ยังมอบความรักทั้งหมดให้กับชายานางเดียวและไม่เคยปันใจให้หญิงอื่น กวีมากมายยังขับขานลำนำเรื่องราวความรักของเขาจนถึงทุกวันนี้
แกรนด์ดยุกลงจากรถม้าและเดินไปบนพรมแดงพร้อมมีเจ้าหญิงนาตาซาประครองข้างกาย ในสายตาของเขา ซาล์มฮอลไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากความทรงจำ ตอนนี้ เขามีเจ้าหญิงนาตาซาให้เป็นห่วงเพียงเรื่องเดียว อันที่จริง เขาภาคภูมิใจในตัวธิดา แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เนื่องจากเจ้าหญิงนาตาซามีบุคลลิกแข็งกร้าวเสียยิ่งกว่าบุรุษบางคนเสียอีก
ด้านหน้าของโรงแสดงดนตรีที่หรูหราอลังการ ชนชั้นศักดินาพากันถวายความเคารพต่อแกรนด์ดยุกและเจ้าหญิง แสดงความเคารพสูงสุด ออร์วาริตยิ้มให้กับพวกขุนนางชนชั้นสูงด้วยบุคลิกที่น่าเคารพและสง่างามภูมิฐาน ขณะที่เจ้าหญิงนาตาซาพยักหน้าเล็กน้อยทักทาย แม้มองจากไกลๆ แต่ลูเซียนก็บอกได้ว่าแม้เจ้าหญิงคุ้นเคยกับมารยาทของชนชั้นสูงพวกนี้ดี แต่กลับไม่ได้ใส่ใจกับคนกลุ่มนี้เท่าไร อย่างไรก็ตาม เมื่อนางพบซิลเวียยืนอยู่ท่ามกลางคนกลุ่มนี้ รอยยิ้มกว้างมีเสน่ห์ก็ปรากฏบนหน้า
ลูเซียนเห็นเจ้าหญิงนาตาซาค้อมศีรษะลงเล็กน้อยทักทายซิลเวียโดยมือขวาวางแทบอก ซึ่งปกติเป็นวิธีการทักทายของบุรุษเพศ
‘แปลกจริง… อืม… ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด ระหว่างเจ้าหญิงนาตาซากับท่านหญิงซิลเวียต้องมีอะไรแน่ๆ…’ ลูเซียนไม่อยากจะปรักปรำ แต่ก็รู้สึกเสียใจแทนสุภาพบุรุษชนชั้นสูงทั้งหลายที่อยู่ตรงนั้น ทั้งซิลเวียและนาตาซาดูงดงามและมีเสน่ห์เหลือหลาย
“กระหม่อมว่าเราเข้าไปนั่งข้างในกันก่อนดีกว่า พะยะค่ะ” เคานต์เฮย์นยิ้ม หลังจากถวายความเคารพแกรน์ดดยุก “ปล่อยให้เด็กๆ ได้คุยกันไปก่อน”
บุตรของเขา วิสเคานต์ แฮร์ริงตัน กำลังสนทนากับเจ้าหญิงนาตาซา แฮร์ริงตันเป็นบุรุษหนุ่มหน้าตาดีท่าทางกระฉับกระเฉง การแสดงดนตรีค่ำคืนนี้ทั้งมีความสำคัญ และทั้งเป็นส่วนหนึ่งของการออกงานสังคม
ออร์วาริตมองบุรุษหนุ่มผู้นั้นโดยไม่ได้ตั้งความหวังอะไรนัก “เราควรรอสักหน่อยดีกว่า ข้าว่าคืนนี้ท่านคาร์ดินัลซาร์ดจะมาร่วมชมเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินชื่อท่านคาร์ดินัล ขุนนางชนชั้นสูงหลายคนที่ยืนใกล้ๆ หยุดสนทนาและมีท่าทางค่อนข้างประหลาดใจ
ซาร์ด พระคาร์ดินัลชั้นนักบุญ ผู้นำสูงสุดแห่งศาสนจักรแห่งแคว้นออร์วาริต สมาชิกแห่งสังฆนายก เป็นที่รู้กันว่าไม่นิยมการยุ่งเกี่ยวกับทางโลกมากนัก ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะมาร่วมชมการแสดงดนตรีคืนนี้ด้วย ชนชั้นสูงหลายคนคิดไปถึงข่าวพิธีกรรมบูชาปีศาจในคฤหาสน์ของบารอนโลรองต์ก่อนหน้านี้
และแล้ว รถม้าที่ดูเรียบๆ พร้อมตราสัจธรรม หยุดเทียบหน้าโรงแสดงดนตรี ทุกคนสันนิษฐานได้ว่าเป็นรถม้าของซาร์ด
บุรุษวัยชราในชุดสีขาวลงจากรถม้าด้วยการประครองจากอัศวินหนุ่ม เขาดูเป็นชายผู้มีเมตตา ด้วยผมสีดอกเลาทั้งศีรษะ ยิ่งดูเหมือนคุณตาใจดีคนหนึ่ง สืบเท้าอย่างมั่นคงและสม่ำเสมอ ซาร์ดยังมีสุขภาพค่อนข้างแข็งแรง ไม่มีใครบอกได้ว่าจริงๆ แล้วเขาอายุเกินกว่าสองร้อยปีแล้ว
เมื่อพระคาร์ดินัลชราเดินใกล้เข้ามา ลูเซียนสัมผัสได้ถึงลมอุ่นๆ เคลื่อนตัวภายในวิญญาณของเขา เหมือนวิญญาณของเขารับรู้ถึงแสงอันศักดิ์สิทธิ์
ลูเซียนประหลาดใจในพลังวิญญาณอันแรงกล้าของชายชราผู้นี้ เมื่อพลังวิญญาณของเขาเองถูกสกัดจากเกราะสกัดเวทที่ศาสนจักรตั้งขึ้น พลังของวิญญาณชายผู้นี้ยังคงรุนแรงถึงขนาดนี้ เขาเคยได้ยินชื่อของซารด์มาก่อนแล้ว เนื่องจากซาร์ดเป็นเสมือนบุคคลระดับตำนานของโลกใบนี้ ช่วงเวลานั้นเองที่ลูเซียนได้เห็นบุคคลในตำนานด้วยตาของตัวเอง
ว่ากันว่าในกลุ่มพระคาร์ดินัลทั้งหมดในศาสนจักรสัจธรรม มีเพียงสิบคนที่ได้เป็นตำแหน่งพระคาร์ดินัลชั้นนักบุญ เท่าที่ลูเซียนรู้มา ในกลุ่มผู้บัญชาการอัศวินระดับสูง ผู้บังคับการฝ่ายสืบสวนสอบสวน และบาทหลวงในโลกนี้ มีไม่เกินสามสิบคนที่มีพลังแข็งแกร่งเท่าซาร์ด
ขณะยืนข้างๆ ลูเซียน ไรน์หรี่ตาขมวดคิ้วใจจดใจจ่อราวกับมีแสงสว่างแยงตาเขา
ลูเซียนสังเกตความผิดปกติของไรน์และหันไปมองเขา จังหวะพอดีกับที่ได้เห็นไรน์ในตอนนั้น มุมปากเขาฝืนยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่นานๆ จะได้เห็นบนหน้าเขา
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูเซียนเห็นไรน์ทำตัวแปลกๆ อย่างไรก็ตาม ลูเซียนรู้ว่าคืนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสำหรับการหาคำตอบเรื่องไรน์นี้
เมื่อคาร์ดินัลซาร์ดเข้าไปยังโถงทางเดิน ด้วยมารยาทอัศวิน ออร์วาริตจุมพิตหัตถ์ขวาของซาร์ดอย่างเคารพพร้อมย่อตัวลงเล็กน้อย
“สัจจะคงอยู่นิรันดร์” แกรนด์ดยุกกล่าว
ดูเหมือนอิทธิพลของศาสนาจะอยู่เหนืออำนาจของราชวงศ์ในนครอัลโต้
“ดีจริงๆ ที่ได้พบพระองค์ พะยะค่ะ หม่อมฉันยินดีที่พระองค์ยังสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ ยินดีที่ได้พบหนูนาตาซาผู้น่ารักกลายเป็นอัศวินมากความสามารถ” ซาร์ดประครองแขนของออร์วาริตยิ้มอย่างมีเมตตา
แกรนด์ดยุกและพระคาร์ดินัลพากันกุมมือเดินเข้าโรงแสดงดนตรี โดยมีนาตาซาประครองแขนของซาร์ดอีกข้างหนึ่งตามไป ตามด้วยขบวนชนชั้นสูงที่เดินเข้าตามลำดับชั้นยศอย่างเคร่งครัด
“เอาละ… ได้เวลาไปเตรียมตัวหลังเวทีแล้ว” วิกเตอร์ยิ้ม “ลูเซียน เจ้ารอเพื่อนที่นี่ก่อนก็ได้ แล้วพาพวกเขาไปที่นั่งด้วย”
ลูเซียนพยักหน้ารับ มองวิกเตอร์กับไรน์เดินไป ไม่นานเฟลิเซีย ล็อตต์ และเฮโรโดตัส ก็ตามเข้าโรงแสดงดนตรีไปด้วย ทั้งสามคงไปนั่งที่นั่งดีๆ ที่จัดสรรให้กับตระกูลของตน
ใกล้ๆ กับโถงทางเดิน มีเพียงพ่อบ้านอาธีและลูเซียนยืนคอยอยู่ อาธีกำลังรอญาติๆ ของวิกเตอร์ และลูเซียนรอสหายของเขา
ไม่นาน รถม้าธรรมดาคันหนึ่งที่มีคนนั่งมาเต็มก็มาถึง ไอเวินเป็นคนแรกที่ลงมาจากรถม้า ตามด้วยจอห์น ไอเวินดูดีขึ้นเยอะในชุดสูทตัวเล็กของเขา ขณะที่จอห์นก็ดูดีไม่ต่างกัน สูงโปร่งและหล่อเหลา ผมสีทองของเขาเป็นประกายสะท้อนแสง
โจเอลและอะลิซ่าตามลงมาจากรถม้า ลูเซียนรู้สึกว่าชุดของป้าอะลิซ่าดูคับไปหน่อย แต่รอยยิ้มแห่งความสุขทำให้ดูอ่อนกว่าวัยมาก เมื่อเห็นทั้งครอบครัว ลูเซียนยิ้มออกไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“คิดว่าจะไม่มากันเสียแล้ว” ลูเซียนแกล้งตบไหล่จอห์น สหายทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากันมาสักพักใหญ่ๆ
“ไม่เอาน่า…!” จอห์นตบหลังลูเซียนกลับอย่างดีอกดีใจ “เพลงๆ แรกของเจ้าบรรเลงในซาล์มฮอล ในฐานะสหายที่ดีที่สุด ข้าจะพลาดได้ไง! อีกอย่าง ลูเซียน ข้าก็มีข่าวดีเหมือนกัน” จอห์นกอดลูเซียนและตบหลังเขาเบาๆ “ข้าได้เลื่อนเป็นอัศวินฝึกหัดระดับสูงแล้ว!”
“โอ้โห! สุดยอดเลยจอห์น! เจ้าไม่ธรรมดาเลย!” ลูเซียนยิ้มร่า
ตอนนั้นเองที่เอเลน่ามาถึงในชุดราตรียาวสีเหลืองอ่อน เอเลน่าดูเหมือนกับนางฟ้าก็ไม่ปานในคืนนี้
“เจ้าก็ไม่ธรรมดาเลย ลูเซียน” โจเอลมองเอเลน่า เอาศอกกระทุ้งลูเซียนเบาๆ “นางน่ารักดีนะ”
“ไม่… ไม่… เราเป็นแค่เพื่อนน่าลุง” ลูเซียนเขินและกระอักกระอ่วนนิดหน่อย
แล้วลูเซียนก็พาทุกคนเดินเข้าไปยังที่นั่งฝั่งตะวันตก ที่นั่งบริเวณนี้เล็กกว่าที่นั่งอีกฝั่ง และนั่งได้เพียงยี่สิบคนเท่านั้น
…
ที่นั่งที่ดีที่สุดถูกจับจองโดยเคานต์ชนชั้นสูงและขุนนางระดับสูงขึ้นไป หลังจากนั่งเรียบร้อย ออร์วาริตโน้มตัวไปข้างหน้าและถามพระคาร์ดินัล “ท่านคาร์ดินัล มีความคืบหน้าคดีของบารอนโลรองต์บ้างไหม?”
แม้ว่าทหารองครักษ์รักษานครและฝ่ายสืบสวนสอบสวนของแคว้นกำลังทำการสืบสวนคดีนี้อยู่ ก็ไม่อาจเทียบเคียงได้กับบาทหลวงระดับสูงจากกองสืบสวนสอบสวน ซึ่งอ้างว่าได้ยินเสียงจากพระเจ้าแห่งสัจธรรม
“ก็มี… พะยะค่ะ” คาร์ดินัลซาร์ดกำลังดูคณะออร์เคสตราเตรียมพร้อมการแสดงบนเวทีข้างหน้า ด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นกันเอง “เราเชื่อว่ามีการทำพิธีเกี่ยวกับดยุกในนรก บรรพบุรุษของพวกมันถูกผนึกไว้ในหุบเขาแห่งความมืดโดยอาณาจักรเวทมนตร์โบราณ และมันพยายามสืบหาบรรพบุรุษและดึงพลังเอามาใช้ตลอดเวลา”
“ข้าคิดว่าเขาจะระวังตัวมากขึ้น” นาตาซาร่วมบทสนทนา “และเราได้ยินมาว่ามีนักเวทเกี่ยวข้องด้วย”
“ใช่พะยะค่ะ” ซาร์ดพยักหน้า “พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับหม่อมฉันว่าพวกมันวางแผนอื่นไว้ เรากำลังรวบรวมข้อมูลกันอยู่ โดยเฉพาะการตามหาเอกสารโบราณจากจักรวรรดิเวทมนตร์ซิลวานาส สำหรับพวกนักเวท เป็นพวกนักเวทฝึกหัดกับนักเวทจากศูนย์บัญชาการสภาเวทมนตร์เท่านั้น เขาเรียกตัวเองว่า ‘ศาสตราจารย์’ แต่เขาเป็นเพียงนักเวทระดับสามหรือสี่เท่านั้น เราไม่กังวลเรื่องเขาเท่าไรพะยะค่ะ”
“ศูนย์บัญชาการสภาเวทมนตร์?” แกรนด์ดยุกและเจ้าหญิงถามขึ้นพร้อมกันด้วยความสงสัย
……………………………………….