Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 640 ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของสัตว์ประหลาด
- Home
- Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา
- บทที่ 640 ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของสัตว์ประหลาด
บทที่ 640 ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของสัตว์ประหลาด
ลูเซียนจับสัมผัสได้ถึงภัยร้าย และเงาของดาวหลักแห่งเทวลิขิตก็เขย่าดวงจิตของเขาให้สั่นไหวรุนแรง ดังนั้น ขณะตะโกนผ่านกระแสจิตว่า ‘ระวัง’ เขาก็ใช้เวทเคลื่อนที่ระยะสั้นด้วยความรวดเร็วที่สุดเท่าที่เคยทำมา
ร่างของเขาหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ ลูเซียนก้าวพริบตาไปอยู่หน้าประตูห้องทดลองเสริม เพียงเพื่อจะพบว่ากระจกฝุ่นเขรอะกลายเป็นใสแจ๋วสลับกับเลือนลาง ก่อนที่เงาบิดเบี้ยวจะโผล่ออกมาและเดินออกจากกระจกบานนั้น!
มันแผ่พลังอำนาจออกมาอย่างไม่คิดเก็บงำ สะกดข่มลูเซียนและทำลายเวทจิตกล ปราการคุ้มกันจิต และเวทมนตร์อื่นๆ ที่คุ้มกันเขาอยู่
มันคือบรรยากาศรอบกายสัตว์ประหลาดตนนั้น!
มันคือแรงกดดันระดับมนุษย์ครึ่งเทพ!
“ในที่สุดมันก็มาแล้วสินะ” ในช่วงที่ประมือกันทั้งสองครั้ง สัตว์ประหลาดตนนี้ได้แผ่บรรยากาศนี้ออกมายามที่มันพ่ายแพ้ในท้ายที่สุดและยามที่ร่างเงาทั้งสองของมันหลวมรวมเข้าด้วยกัน ฉะนั้น ลูเซียนจึงจำได้ว่าเงาเลือนลางสีเทาตรงหน้าคือสัตว์ประหลาดที่เฝ้าอารักขา ‘ทวารานาจักร’ แห่งนี้!
ร่างของไรห์นแตกกระจายออกราวกับภาพฝัน แล้วเงาสีเข้มตรงประตูห้องทดลองก็รวมตัวกันกลับเป็นเขาอีกครา
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนผ่านทางกระแสจิต “มนุษย์ครึ่งเทพ นี่คือแรงกดดันของมนุษย์ครึ่งเทพจริงๆ…”
เขาคิดมาตลอดว่าสัตว์ประหลาดตนนี้หาได้แข็งแกร่งเทียบเท่ามนุษย์ครึ่งเทพ มิเช่นนั้นมันคงจะสังหารเขาไปแล้ว ทว่า ดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดจะเพียงหยอกล้อเล่นกับผู้คนที่รุกล้ำเข้ามาในทวารานาจักร ปล่อยให้พวกเขาเดินทางมาสู่จุดจบของชีวิตด้วยความสิ้นหวังและเจ็บปวดทรมาน
ด้วยเคยพบเห็น ‘พลังพระเจ้าเสด็จ’ และเคยอัญเชิญอัลเทอร์นาให้มาประทับร่างของเขา ลูเซียนจึงรู้จักแรงกดดันของมนุษย์ครึ่งเทพเป็นอย่างดี ไรห์นไม่จำเป็นต้องเตือนอะไร เขาก็ร่ายเวทออกมาทันที “คทาอวกาศ!”
กระแสเวลารอบกายเขาเดินเร็วขึ้นมาก ลูเซียนแยกร่างออกเป็นหลายสาย แล้ววิ่งหนีไปยังทิศทางต่างๆ ของห้องทดลองด้วยความเร็วเต็มฝีเท้า
สัตว์ประหลาดส่งเสียงขึ้นจมูก “เจ้าพยายามจะตบตาข้าด้วยภาพมายาที่ระดับพลังไม่ถึงชั้นตำนานด้วยซ้ำงั้นรึ”
บรรยากาศกดดันอันเหลือล้นแผ่ออกมาพร้อมกับเสียงของมัน ทำให้เวลาและอวกาศกลับเป็นปกติ ภาพมายาทั้งหมดพลันแตกสลาย
ร่างจริงของลูเซียนปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า เขาไม่คิดยอมแพ้แม้ว่าเขาจะกำลังเผชิญหน้ากับมนุษย์ครึ่งเทพอยู่ก็ตาม นาฬิกาพกอันงดงามประณีตปรากฏขึ้นในมือขวาของเขา พร้อมกับที่เข็มวินาทีสีดำขยับเดินหน้า
แกร๊ก เมื่อลูเซียนกดนิ้วโป้งลงไป ความซีดจางก็พวยพุ่งขึ้นจากสีเทาทึมรอบๆ นั้น แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็พลันช้าลง
สัตว์ประหลาดที่ใบหน้าเปลี่ยนแปลงไปมาตลอดเวลากลับหาได้รับผลกระทบใดๆ มันออกมาจากกระจกทั้งตัวและเดินมาหาคนทั้งสอง น้ำเสียงเยาะหยันของมันดังข้ามห้วงอวกาศและเวลาอีกแห่งเข้าสู่โสตประสาทของลูเซียน
“หากเจ้าเป็นผู้มีพลังชั้นตำนานระดับสูงสุด ‘เวทหยุดเวลาชั้นสูง’ ของเจ้าอาจจะส่งผลกับข้าสักเล็กน้อยแล้ว แต่อนิจจา เจ้าหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถสังหารเจ้าได้ด้วยการโจมตีมั่วๆ นั่นแหละคือความต่างชั้นระหว่างมนุษย์ครึ่งเทพกับผู้ที่มิได้มีพลังชั้นตำนานระดับสูงสุด”
อุปกรณ์เวทมนตร์ชั้นตำนานที่ต้านทาน ‘เวทหยุดเวลาขั้นสูง’ ของไรห์นถูกใช้ไปแล้ว ตอนนี้เขาจึงได้รับผลพวงจากเวลาที่หยุดเดินและยืนนิ่งเป็นประติมากรรม ความคิดในหัวลูเซียนตีกันวุ่น ความสิ้นหวังอันลึกล้ำเข้าครอบงำเขา สัตว์ประหลาดตนนี้แข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะรับมือไหว หากเขาได้พบกับสัตว์อสูรชั้นตำนานระดับสูงสุดที่ไม่มีพลังต้านทาน ‘เวทหยุดเวลาชั้นสูง’ กับ ‘เวทแรงโน้มถ่วงยุบตัว’ มันก็คงพอจะมีโอกาสให้เขาหลบหนีไปโดยใช้ลักษณะพิเศษของทวารานาจักร แต่ตอนนี้มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้เพราะเขากำลังเผชิญหน้ากับมนุษย์ครึ่งเทพ!
สัตว์ประหลาดเลิกแสดงคุณสมบัติที่ว่ามันแข็งแกร่งกว่าเป้าหมายเพียงหนึ่งหรือครึ่งขั้นแล้วเปลี่ยนมาโจมตีอย่างเต็มกำลัง เมื่อย้อนคิดกลับไป ที่นาฬิกาจันทรากาลใช้ได้ผลก็เพราะอีกฝ่ายเล่นไปตาม ‘กฎของเกม’ ในตอนที่เขาเผชิญหน้ากับไรห์นตัวปลอม!
ท่ามกลางความสิ้นหวัง ความทรหดอดทนในใจลูเซียนและความเชื่อที่ว่าจงอย่ายอมแพ้ก็ทำให้เขากัดฟันแน่น ‘ไม่มีอะไรแน่นอนเสมอไป! ฉันจะสู้ต่อไปแม้โอกาสชนะจะต่ำมากก็ตาม! มนุษย์ครึ่งเทพแล้วยังไง พวกมันน่ากลัวกว่าโชคชะตาหรือเปล่าล่ะ‘
“เพ่งพยาบาท!”
“เพ่งพยาบาท!”
“เพ่งพยาบาท!”
ท่ามกลางเวลาที่หยุดเดิน ลำแสงสีแดงสามสายที่เสริมด้วย ‘เวทหัตถ์แห่งความไม่แน่นอน’ ถูกยิงออกมาจากดวงตาข้างซ้ายสีแดงฉานของลูเซียน
…
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!
ภายในหอคอยเวทมนตร์ใน ‘จักรวาลอะตอม’ นาตาชาในชุดสูทสีดำแบบอัศวิน ยืนอยู่หน้าเปียโนและกดนิ้วเรียวยาวลงไปบนคีย์ต่างๆ อย่างแรง ราวกับว่านางกำลังปลดปล่อยห้วงอารมณ์อันสับสนอลหม่านและกระตุ้นให้นางสู้ต่อไป
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!
ดวงตาของนาตาชาแดงเรื่อ และใบหน้าของนางก็เปี่ยมล้นด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ท่วงทำนองของเพลงซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิตดังกึกก้องน่าตกใจ สร้างความแตกตื่นให้กับเหล่าคนงานรอบๆ นั้น และทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนถูกพายุสายฟ้ากลืนกินเข้าไปโดยที่ไม่อาจต้านทานความน่ากลัวของธรรมชาติได้
‘เหตุใดข้าจึงลังเล เหตุใดข้าจึงไม่มั่นใจกับการเลื่อนระดับเป็นชั้นตำนาน เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าตนเองช่างไร้ประโยชน์อย่างยิ่ง’ ขณะเล่นเปียโนอยู่นั้น นาตาชาก็พร่ำพถามตนเอง พลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
…
ผลของ ‘เวทหยุดเวลาชั้นสูง’ หมดลงแล้ว และลำแสงสีแดงฉานก็พุ่งกระทบสัตว์ประหลาดที่ไร้สิ่งคุ้มกันกายด้วยความเร็วแสง แต่แล้ว มันกลับพุ่งผ่านสัตว์ประหลาดไปราวกับกระทบโดนกลุ่มควันและพุ่งไปกระแทกผนัง ส่งผลให้ควันลอยคลุ้งขึ้นจากลำแสงอันร้อนระอุ
“นี่มัน…” จู่ๆ สัตว์ประหลาดก็พูดด้วยน้ำเสียงคล้ายหวาดกลัว ราวกับว่ามันสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง แต่แล้วมันก็หัวเราะออกมา “หากเจ้าเป็นผู้มีพลังชั้นตำนานระดับสูงสุด เวทมนตร์แปลกๆ ที่เจ้าแอบเสริมเข้าไปอาจจะทำร้ายข้าได้จริงๆ ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน และไม่อาจเลียนแบบของแปลกๆ เช่นนั้นได้ แต่ว่าน่าเสียดายที่เจ้าไม่ใช่”
“เอาล่ะ ข้าจะแสดงความสามารถเพียงห้าส่วนร้อยให้เจ้าดู”
พลังดั่งพายุอันดุร้ายน่าหวาดหวั่นพลันระเบิดโพลง สัตว์ประหลาดโบกมือทั้งสองข้างแล้วเริ่มการโจมตีด้วยรูปแบบการต่อสู้ของอัศวิน
“เวทธาตุอารักขา!” ลูเซียนเรียกใช้เวทมนตร์จากเสื้อคลุมมหาจอมเวทด้วยความเร่งรีบ
จุดแสงหลากสีสันมารวมตัวกันกลายเป็นปราการป้องกันสีใสชั้นหนึ่ง คุ้มกันทั้งร่างกายลูเซียน
แกร๊ก พายุพลังปะทะเข้ากับปราการ ‘ธาตุอารักขา’ ส่งผลให้มันแตกสลาย และกระแทกใส่ลูเซียนอย่างจัง
เวทผิวหนังธาตุ ดูดซับเวทมนตร์ ร่างหิน เวทต้านทานพลังและเวทมนตร์อื่นๆ ถูกใช้ออกมาติดต่อกัน กระทั่งพายุพลังอ่อนตัวลงจนไม่อาจหยุดยั้งลูเซียนจากการก้าวพริบตาได้ในท้ายที่สุด
ถึงกระนั้น ลูเซียนที่ก้าวพริบตามาอยู่หน้าประตูของห้องอื่น ก็ยังรู้สึกอยากจะอาเจียนเอาเลือดออกมา เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส!
“เป็นอย่างไรเล่า ทีนี้เจ้ารู้สึกสิ้นหวังหรือยัง ข้าชอบรสชาติแห่งความสิ้นหวังที่สุด ฮ่าๆ นั่นเป็นความสามารถเพียงห้าส่วนจากร้อยส่วนเท่านั้นนะ” สัตว์ประหลาดหัวเราะร่าและขยับเข้ามาใกล้ลูเซียนกับไรห์นประดุจแมวที่กำลังหยอกล้อเหยื่อ ในขณะที่มันควบคุมปราการคุ้มกันห้องทดลองของธานอส ขัดขวางมิให้มีการเคลื่อนที่พริบตาภายในนี้
แต่ทันใดนั้น มันก็ก้าวไปข้างหน้า ทำลายแท่นปรุงยา โต๊ะ และสิ่งอื่นๆ ราวกับภาพฝัน ไรห์นที่ยืนอยู่ตรงประตูเซถอยหลังพร้อมกับกระอักเลือดออกมา
“ความฝันจริงแท้งั้นรึ น่าเสียดายที่เจ้ามิใช่แดรกคิวลา ข้าสามารถปลุกเจ้าจากฝันด้วยการแผ่พลังอันทรงอำนาจของข้าเพียงเท่านั้น” สัตว์ประหลาดหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ “มาเลย ขุดเอาเวทมนตร์กับความสามารถทางสายเลือดมาใช้ให้หมด ข้าชอบหยอกล้อผู้คนเล่นเป็นที่สุด ข้าจะทำให้เจ้าตกอยู่ในความสิ้นหวังอย่างหาที่สุดมิได้”
ลูเซียนพยายามรักษาบาดแผลด้วยเวทมนตร์อย่างทุลักทุเล จากนั้น เขาก็แปลงกายเป็นอัศวินชั้นตำนาน ยกโล่แห่งสัจธรรมขึ้น และฟาดฟันดาบยาวสีเงินออกไป!
‘ความสิ้นหวังงั้นรึ’
‘ฉันจะไม่มีวันรู้สึกสิ้นหวังหรือยอมแพ้ ตราบใดที่ฉันยังมีสติอยู่แม้จะน้อยนิดแค่ไหนก็ตาม!’
…
ท่วงทำนองเพลงที่น่าตื่นเต้นทำให้ทุกคนตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ แต่จู่ๆ นาตาชาก็กระแทกคีย์อย่างแรง ยังผลให้เกิดเสียงเสียดหู จากนั้นนางก็หยิบ ‘ดาบยุติธรรมจืดจาง’ และเดินออกไปจากหอคอยเวทมนตร์ด้วยย่างก้าวอันมั่นคง
‘ข้าไม่จำเป็นต้องเล่นให้จบเพื่อให้รู้คำตอบว่าข้าควรทำสิ่งใด!’
‘ข้าควรจะฝึก ฝึก และฝึก จนกว่าชีวิตจะหาไม่! แม้ว่าโอกาสจะมีเพียงหนึ่งในพัน ข้าก็ยังควรสู้เพื่อให้ได้มันมา! อ่อนแอและสิ้นหวังไปก็ไร้ประโยชน์!’
…
ดาบยาวสีเงินตัดผ่านร่างของสัตว์ประหลาดเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ช่องว่างแห่งความว่างเปล่าพลันฉีกกระชากมันเป็นชิ้นๆ แต่ไม่นาน ชิ้นส่วนเหล่านั้นก็กลับมารวมตัวกันเป็นร่างมนุษย์อันบิดเบี้ยวที่ส่งยิ้มชั่วร้ายมาให้ “ช่างสมกับเป็นดาบแห่งสัจธรรมเสียจริง น่าเสียดายที่เจ้ามีพลังเพียงขั้นสาม หากเป็นอัศวินผู้มีพลังโลหิต ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ ในชั้นตำนานระดับสูงสุดที่โจมตีข้า เมื่อครู่ข้าอาจจะดับดิ้นไปแล้วก็ได้ น่าเสียดายยิ่งนักที่เจ้ามิใช่”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คันธนูสีดำอันเล็กแลดูประณีตปรากฏขึ้นในมือไรห์น และมีศรหัวแตกสีแดงโลหิตวางทาบอยู่บนสาย
หลังจากที่เขาขึ้นสาย ศรหัวแตกสีแดงโลหิตก็ถูกยิงออกไปพร้อมกับรังสีแห่งการทำลายล้างอันเข้มข้น
สัตว์ประหลาดหยุดหัวเราะ และกล่าวเสียงทุ้มแผ่ว “มิติอารักขา!”
มิติซ้อนทับหลายมิติดูเหมือนจะปรากฏขึ้นข้างกายสัตว์ประหลาด หลังจากพุ่งผ่านมิติทั้งหลาย ลูกธนูหัวแตกก็หายไปกับความว่างเปล่าในที่สุด
“ไม่เลวเลย สมกับที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่มีของสะสมอยู่มากมาย ข้าไม่รู้เลยว่าธนูทำลายล้างของมัลฮานูจะอยู่ในมือเจ้า” มันเอ่ยปากชมเปาะ “แต่ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเพียงบอกว่าผู้มีพลังชั้นตำนานระดับสูงสุดอาจทำให้ข้าบาดเจ็บได้ ข้าไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าพวกมันทำอันตรายข้าได้จริงๆ ฮ่าๆๆ เป็นอย่างไรเล่า สนุกดีใช่ไหม”
ธนูของมัลฮานูคืออุปกรณ์ชั้นตำนานระดับสูงสุดที่รู้จักกันในนาม ‘ธนูสังหารเทพเจ้า’ แต่มันกำหนดคุณสมบัติของผู้ใช้ไว้สูงมาก หลังจากที่ไรห์นยิงลูกธนูออกไป โลหิตทั่วกายเขาก็เหมือนจะเหือดหายไป ทำให้เขาดูแห้งเหี่ยวและผอมบาง
“ธนูสังหารเทพเจ้า ข้าก็ใช้ของพรรค์นั้นได้เช่นกัน!” สัตว์ประหลาดลงมือโจมตีอีกครั้ง ลูกธนูหัวแตกสีโลหิตพุ่งออกจากมือทั้งสองข้างของมันมาโดนลูเซียนที่เข้ามาปกป้องไรห์นพร้อมกับโล่แห่งสัจธรรม
เมื่อลูกธนูหัวแตกสีโลหิตปะทะเข้ากับโล่แห่งสัจธรรม มันก็ทำลายคลื่นมายาไปโดยพลัน ราวกับว่ามันได้ทำลายล้างโลกทั้งใบ!
เมื่อแรงกดดันเหนือจินตนาการกดทับมาที่เขา ลูเซียนก็ไม่อาจถือโล่แห่งสัจธรรมได้อีกต่อไป เขาถูกกระแทกตัวปลิวเข้าไปในห้องสีเทาห้องหนึ่ง
…
ภายใน ‘จักรวาลอะตอม’ นาตาชาที่ถือ ‘ดาบยุติธรรมจืดจาง’ อยู่นั้น กำลังต่อสู้กับดาวเคราะห์ธาตุต่างๆ ในจักรวาลที่นางใช้เป็นศัตรูในจินตนาการ หยาดเหงื่อเม็ดโตไหลลงจากหน้าผาก ผ่านดวงตา และร่วงหล่นลงมายังสองข้างแก้ม
เมื่อนางฟาดดาบออกไป ช่องว่างที่น่าหวาดกลัวก็ปรากฏขึ้นบนดาวเคราห์เหล่านั้น
นาตาชาหาได้ตะโกนกู่ร้องเพื่อระบายโทสะหลังโจมตีทุกครั้ง กลับกัน ความรู้สึกทั้งหลาย ความมุ่งมั่น และพลังโลหิตทั้งหมดของนางหลอมรวมกันกลายเป็นการโจมตีในแต่ละครั้ง
‘เจ้าถามข้าว่าข้าจะลังเลหรือไม่’
‘เจ้าถามข้าว่าข้าจะยอมแพ้หรือไม่’
‘เจ้าถามข้าว่าข้าสิ้นหวังหรือไม่’
‘ดาบยาวของข้าจะตอบคำถามเหล่านั้นให้เอง!’
…
“หากโล่แห่งสัจธรรมของเจ้ามีพลังเทียบเท่า ‘พระเจ้าคุ้มครอง’ การโจมตีของข้าเมื่อครู่นี้คงจะสูญเปล่าไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่เจ้าหาใช่เมแคนทรอน ทีนี้ เจ้าเข้าใจถึงความไม่สำคัญและความไร้ประโยชน์ของเจ้าแล้วหรือยังเล่า” สัตว์ประหลาดเอ่ยเยาะเย้ย
ลูเซียนล้มลงไปกองกับพื้น เบื้องหน้าเขาคือหลุมที่ซาร์ดเพิ่งจะสิ้นชีพไปเมื่อไม่นานนี้ เขาเกือบจะลื่นไถลลงไปที่ก้นหลุมนั้นแล้ว
วงแหวนเวทรอบๆ นั้นเปล่งแสงเจิดจ้าเย็นเยียบและโคจรเป็นวงกลมเหมือนก่อนหน้านี้ ราวกับว่าที่แห่งนี้หาได้เกิดการต่อสู้ขึ้นเลยสักนิด
‘ซาร์ดเพิ่งจะตายอยู่ที่นี่ นี่เราก็กำลังจะ…’ ลูเซียนสังหร์ใจไม่ดีนัก เสียงฝีเท้าหนักๆ ที่สัตว์ประหลาดจงใจเดินลงน้ำหนักคล้ายกับสิ่งเตือนใจว่าความตายกำลังมาเยือนแล้ว
‘ดียิ่งนักที่สัตว์ประหลาดชอบพูดและหยอกล้อคนอื่น ไม่อย่างนั้นเราคงจะตายตั้งแต่การโจมตีแรกแล้ว’ ลูเซียนเลิกให้ความสนใจกับลางสังหรณ์แย่ๆ แล้วมองหาโอกาสเพื่อเอาตัวรอดจากแง่มุมนั้น
‘ถ้าแกอยากเล่น เราก็จะเล่นกับแกเอง!’
ลูเซียนครุ่นคิดอย่างหนัก แต่จู่ๆ ดวงตาของเขาก็นิ่งแข็งค้างไป ตรงก้นหลุมที่ซาร์ดเพิ่งจะเสียชีวิตไปนั้น มีศีรษะของหุ่นเชิดปรากฏขึ้นโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
‘เมื่อกี้มันไม่ได้อยู่ตรงนี้นี่…’
การตายของซาร์ด…
เศษกระดาษและชิ้นส่วนของหุ่นเชิดที่เราได้มาอย่างง่ายดาย…
สมุดบันทึกของมาสเกลีนที่ไม่ถูกทำลาย…
การบังเอิญไปเจอกับ ‘หุบเขาวิมาน’…
บันทึกการทดลองทั้งหลายในห้องทดลอง…
หลังจากที่เขาเห็นศีรษะของหุ่นเชิด ทุกคำถามในใจลูเซียนก็พลันไหลทะลักออกมาและเชื่อมโยงปะติดปะต่อกัน สายฟ้าฟาดดังกึกก้องภายในหัวเขา เปล่งแสงจนทุกสิ่งทุกอย่างสว่างวาบ
สัตว์ประหลาดเดินหัวเราะขบขันมาหาลูเซียนกับไรห์น “อย่างไรต่อรึ เจ้าจะไม่ต่อต้านแล้วงั้นหรือ ตอนนี้เจ้ารู้สึกสิ้นหวังแล้วใช่หรือไม่”
ลูเซียนลุกขึ้นยืน เขาปัดหูกระต่ายและชุดสูทของตนให้สะอาดขณะแย้มยิ้ม ราวกับว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่นั้นหาใช่มนุษย์ครึ่งเทพ แต่เป็นสุนัขตัวหนึ่ง “เหตุใดข้าต้องต่อต้านด้วยเล่า”
ไรห์นมองเขาด้วยความสงสัย สัตว์ประหลาดเองก็หยุดเดินและแย้มยิ้มเยาะ “เจตจำนงในการต่อสู้และความมุ่งมั่นเมื่อครู่นี้หายไปไหนเสียแล้วล่ะ”
ลูเซียนยกมือขวาขึ้นทาบอกแล้วค้อมตัวลง
“บางครั้ง คนที่เราคิดว่าเป็นศัตรูอาจเป็นมิตรที่ดีที่สุดของเราก็เป็นได้”
“ขอบคุณที่ท่านเก็บรักษาบันทึกการทดลอง สมุดบันทึกเวทมนตร์ และชิ้นส่วนหุ่นเชิดเหล่านี้ขอรับ”
เสียงหัวเราะของสัตว์ประหลาดหยุดไปโดยพลัน
…………………………………