Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 691 พระเจ้าแห่งช่างฝีมือ
“ปลาย่างน้ำผึ้งรึ” แฮมทวนคำโดยไม่รู้ตัว แต่ท้ายที่สุดเขาก็นึกขึ้นได้ว่าครู่ก่อนตนได้สั่งอาหารจานพิเศษในท้องถิ่นมาเป็นรางวัลให้กับตัวเอง
แม้ว่าอาหารของโฮล์มจะจืดชืดไร้รสชาติจนเกินไปสำหรับเหล่านักชิม แต่รสชาติที่แตกต่างออกไปของปลาย่างก็ยังนับเป็นอาหารจานเด็ดสำหรับผู้แวะมาเยี่ยมเยือนสถานที่นี้เป็นระยะสั้นๆ เช่น ปลาที่ย่างกับน้ำผึ้งของร้านบนถนนแลนเดลนั้นถึงกับโด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ และผู้มาเยือนนครเรนทาโตทุกคนจะต้องไปลิ้มลองที่นั่น แฮมเองก็มิใช่ข้อยกเว้น ทว่า เพราะเขาทำภารกิจอยู่จึงออกไปไม่สะดวกนัก เขาเลยทำได้เพียงสั่งอาหารของโรงแรมผ่านทางโทรศัพท์
แฮมโล่งอกขึ้นมากหลังจากรู้ว่าผู้มาเคาะประตูเป็นผู้ใด เขาใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของตนเพื่อตรวจสอบ และก็ได้เห็นบริกรหนุ่มยืนอยู่ด้านนอก ดังนั้น เขาจึงเดินไปที่ประตู เอื้อมมือไปหมายจะเปิดมันออก
“นายท่าน กรุณาเปิดประตูด้วยขอรับ ปลาย่างน้ำผึ้งที่ท่านสั่งมาถึงแล้ว” ปังๆๆ ดูเหมือนว่าบริกรด้านนอกจะรู้สึกว่าเมื่อครู่นี้ตนเรียกขานแขกของโรงแรมอย่างไม่สุภาพนัก เขาจึงเรียกด้วยสัพนามใหม่และเคาะประตูอีกครา
“จะรีบอะไรนักเล่า” นี่คือความเป็นเอกลักษณ์ของอาณาจักรโฮล์ม แฮมไม่เคยประสบพบเจอกับสิ่งที่คล้ายคลึงกันนี้ในดูมิวท์เลย เขาส่ายศีรษะด้วยความขบขัน การโทร.สั่งอาหารนั้นมีเพียงในนครเรนทาโต ที่ที่โทรศัพท์ได้รับการสนับสนุนให้ใช้อย่างกว้างขวาง
ทันทีที่เขาเปิดประตู กลิ่นหอมอบอวลของปลาย่างก็ลอยเข้าจมูกแฮม ในตอนที่เขากำลังน้ำลายสออย่างหนัก เงาสองสายก็พลันโฮบวูบออกมาจากมุมทางเดินด้านหนึ่ง หนึ่งในนั้นรัดเข้าที่ขาทั้งสองข้างของแฮม ส่วนอีกหนึ่งเข้าปกคลุมร่างกายท่อนบนของแฮมเอาไว้ ทำให้เขามองไม่เห็นหรือได้ยินถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว
“ศัตรู!” แฮมทั้งตกตะลึงทั้งเดือดดาล เขาเพียงเปิดประตูมารับปลาย่างน้ำผึ้งของเขา แต่กลับถูกโจมตีเอาเสียได้!
กล้ามเนื้อของเขาโป่งพองขึ้น ขณะที่ดวงตาของเขาฉายแสงสีแดงแห่งความคลุ้มคลั่งขึ้นมาลางๆ ผิวหนังส่วนที่ไม่ถูกปกคลุมมีสีเข้มขึ้นวูบหนึ่ง ระหว่างที่เขาดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการรัดรึงของเงาทั้งสองสาย
พลังโลหิตของเหล่าคนแคระนั้นใกล้เคียงกับเครื่องจักร พละกำลังของพวกเขาจะสูงขึ้นค่อนข้างมาก แต่ก็มิได้มีอะไรเป็นพิเศษ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนแคระทั้งหลายจากมิติภูเขารัตติกาลจึงไม่อาจกระตุ้นพลังโลหิตในกายให้ตื่นขึ้นได้เหมือนอย่างมนุษย์ ทว่า เหล่าคนแคระที่ย้ายถิ่นฐานไปยังมิติภูเขารัตติกาลมิสำเร็จ ได้กลายเป็นหนูทดลองอยู่ในจักรวรรดิเวทมนตร์ หลังจากหลอรวมโลหิตกับคนป่าและภูตโนมแห่งหนองน้ำ พลังโลหิตของเหล่าคนแคระก็กลายพันธุ์ไปเป็นพลังที่แข็งแกร่งขึ้น
หลังจากที่พลังโลหิตของพวกเขาได้รับการปลุกให้ตื่นขึ้น เผ่าคนแคระจึงมีพละกำลังและพลังคุ้มกันกายที่ยอดเยี่ยมพอๆ กับพวกคนป่าในระดับขั้นเดียวกัน และพวกเขาก็ยังได้รับความสามารถของนักรบคลั่งมาอีกด้วย ซึ่งแฮมก็เป็นนักรบที่พลังโลหิตถูกปลุกให้ตื่นขึ้นแล้วนั่นเอง
เขาระเบิดพละกำลัง เงาพันธนาการพลันขาดกระจาย แฮมก้าวพริบตาหลบหนีการโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมา ก่อนที่เขาจะกำจัดความมืดที่โอบล้อมรอบกายเขาเอาไว้ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์
ในตอนนั้นเอง บริกรหนุ่มที่ยืนอยู่อีกทางด้านหนึ่งก็ยกถาดที่มีปลาย่างน้ำผึ้งขึ้นแล้วฟาดใส่ศีรษะของแฮมโดยที่เขาไม่อาจหลบเลี่ยงได้เลย!
ถาดนั้นทำมาจากอะไรมิอาจบอกได้ แต่แฮมพลันรู้สึกวิงเวียนและมองเห็นดาวระยิบระยับนับไม่ถ้วนลอยอยู่ตรงหน้า เนื้อปลานุ่มๆ ร่วงหล่นผ่านดวงตากับจมูกของแฮม ก่อนจะเข้าปากเขาพร้อมกับกลิ่นหอมๆ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แต่ในที่สุดแฮมก็ได้ลิ้มรสชาติปลาย่างน้ำผึ้งที่เขาเฝ้ารอ
‘รสชาติไม่แย่เลย!’
ในขณะที่สมองของเขายังคงมึนงง เงาดำนั้นก็กลับมาอีกครั้ง ผู้ทำการลอบโจมตีใช้เวทมนตร์ที่น่าทึ่งอีกครา และไม่นานก็ทะลวงผ่านการคุ้มกันของแฮมเข้าไปได้
ตรงหัวมุมบันได บัค นายตำรวจอาวุโสแห่งนครเรนทาโต เฝ้ามองการต่อสู้อันดุเดือนทว่าเกิดขึ้นเพียงครู่นั้น หลังจากที่ผู้มีพลังชั้นสูงสามคนประจำหน่วยข่าวกรองกดตัวแฮมลงกับพื้นและตรึงเขาไว้ด้วยสายรัดข้อมือกับสร้อยที่สามารถกักพลังโลหิตและพลังศักดิ์สทธิ์มิให้ใช้ออกได้ เขาก็พึมพำกับตัวเองด้วยความขบขัน “สนใจพวกคนแคระงั้นหรือ เจ้าไม่รู้หรือไรว่าอาณาจักรจับตามองพวกเขาอย่างใกล้ชิดเพียงใด เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองเพ่งเล็งมาที่เจ้าทันทีที่เจ้าติดต่อกับฮาโรลด์แล้ว จิ๊ๆ ปลาย่างน้ำผึ้งงั้นรึ”
เขาได้รับคำสั่งมาให้ร่วมงานกับเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง เผื่อในกรณีที่คนทั่วไปรอบๆ นั้นอาจได้รับอันตราย
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าพระเจ้าแห่งไอน้ำคือใคร แต่เหล่าผู้นำของสภาเวทมนตร์และขุนนางชั้นสูงของอาณาจักรนั้นพอจะเดาได้ลางๆ เพราะมันไม่มีทางเป็นผู้ใดไปได้เลยนอกจากลูเซียน อีวานส์ อาร์เธอร์ ดอยล์ สามารถพิสูจน์ได้ว่าลูเซียนคือผู้ชักนำเหล่าคนแคระออกมาจากมิติภูเขารัตติกาล และพวกคนแคระก็ถือเอาเวทเปลวไฟนิรันดร์เป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้าแห่งไอน้ำหลังจากได้เห็นมัน โดยอ้างว่าพวกเขาเคยเห็นมันในนครแอตแลนติสในความฝันของพวกเขา ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงมองว่าเหล่าคนแคระคือ ‘อาณาเขต’ ของลูเซียน
สำหรับสภาเวทมนตร์แล้ว มันเป็นเพียงความเข้าใจผิดของคนแคระและมิใช่การรวบรวมสะสมพลังศรัทธา ส่วนทางด้านอาณาจักร พวกเขาได้รับการยืนยันจากลูเซียนว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ นาตาชาจึงได้ออกคำสั่งให้หน่วยข่าวกรองจับตาดูพวกคนแคระอย่างใกล้ชิด
บัคถอนกำลังกลับไปหลังจากที่แฮมถูกพาตัวไป กระบวนการทั้งหมดจบลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ส่งเสียงดังวุ่นวายอะไรมาก นักท่องเที่ยวที่พักอยู่ห้องข้างเคียงยังไม่รับรู้ว่าเกิดการลอบจับตัวขึ้นเมื่อครู่นี้ด้วยซ้ำ บัคยังคงพึมพำกับตัวเอง “ปลาย่างน้ำผึ้ง…กลิ่นหอมดีจริงๆ ฉันควรจะสั่งไปกินสักจานดีไหมนะ”
…
ภายในหน่วยข่าวกรองลับแห่งอาณาจักรโฮล์ม…
ที่ชั้นใต้ดิน หลังจากได้รับรายงาน นาตาชาก็ตัดสินใจมาสอบสวนเขาด้วยตนเอง นางสงสัยว่ามันจะเกี่ยวข้องกับความลับแห่งมนุษย์ครึ่งเทพที่ไวเค็นแอบเผยแพร่
นางสวมชุดสูทล่าสัตว์สีครีมดูเรียบง่ายมายืนอยู่ต่อหน้าแฮม นางกอดอก และพูดทวนข้อมูลที่เพิ่งได้รับมา “ไฮต์ พระเจ้าแห่งช่างฝีมือ เอาชนะโอคุน พระเจ้าแห่งความกล้าหาญได้ในพิธีกรรมคิมหันตฤดูประจำปี หลังจากนั้น โอคุนก็ยอมรับว่าไฮต์คือร่างจุติของพระเจ้าแห่งไอน้ำและให้ความเคารพเขาในฐานะนายเหนือหัวของบรรดาพระเจ้าแห่งคนแคระ และไฮต์ก็ฉวยโอกาสนี้ประกาศตัวตนและส่งทูตทั้งหลายไปติดต่อกับคนแคระชนเผ่าอื่นๆ ในทวีป”
“สรุปแล้ว เขากำลังหมายตากลุ่มคนแคระผู้เคร่งครัดในนครเรนทาโตและหมายใจจะฉวยโอกาสใช้ประโยชน์จากเรื่องที่พระเจ้าแห่งไอน้ำไม่สามารถมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ผู้ศรัทธาได้…ฮะๆ ข้าเกรงว่าโอคุนจะมิใช่โอคุนคนเดิมอีกต่อไปแล้ว”
น้ำเสียงของนางหาได้ฟังดูเคร่งเครียดจริงจัง แต่กลับฟังดูขบขัน ราวกับว่านี่ไท้ใช่เรื่องสำคัญ แต่เป็นเพียงมุกตลกไร้สาระเท่านั้น
ลัทธิของเหล่าพระเจ้าเทียมเท็จที่ปรากฏขึ้นในช่วงเริ่มต้นสงครามแห่งรุ่งอรุณนั้นหาได้อ่อนด้อยแต่อย่างใด พระเจ้าของลัทธิเหล่านี้มักมีระดับพลังในชั้นตำนาน แตกต่างจากพระเจ้าเทียมเท็จอย่างแอลในมิติดินแดนใหม่ ตัวอย่างก็คือพระแม่แห่งปฐพี เจ้าแห่งความมืด พระเจ้าแห่งความกล้าหาญ และพระเจ้าแห่งช่างฝีมือ ในยามนี้มีพระเจ้าเทียมเท็จชั้นตำนานประมาณแปดองค์
ส่วนสาเหตุที่พวกเขาไม่มีข้อจำกัดเรื่องเทวภาพหรือไม่ได้รับผลกระทบจากพลังศรัทธาที่รวบรวมมาเหมือนอย่างแอล ผู้ที่จิตวิญญาณและสติรับรู้ถึงตัวตนถูกจิตสำนึกที่บุกรุกเข้ามาทำให้ปั่นป่วนได้นั้น ในตอนแรกสภาเวทมนตร์หาได้เข้าใจถึงเหตุผล แต่หลังจากค้นพบความลับทั้งหลายในโลกแห่งวิญญาณที่เหล่านักเวทโบราณปิดซ่อนไว้ พวกเขาก็พอจะเข้าใจโดยคร่าวแล้ว
พวกพระเจ้ากลุ่มนี้คงเป็นผลิตผลของนักเวทโบราณในระหว่างการศึกษาเรื่องเทพเจ้าอย่างแน่นอน แทนที่จะหลอมรวมตนเองเข้ากับพลังศรัทธาโดยตรง พวกเขากลับแทนที่ตัวเองด้วยอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์แบบพิเศษเสียก่อน แล้วค่อยทำการหลอมรวมให้สำเร็จในตอนท้าย วิธีการนี้ช่วยลดความรุนแรงของปัญหาทั้งหลายลง
แฮมสูงเพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น ขณะสะบัดศีรษะไล่ความวิงเวียน ในใจเขาเต็มไปด้วยโทสะเดือดดาลยามเผชิญหน้ากับนาตาชา ก่อนหน้านี้เขาทำตามศรัทธาและปฏิเสธไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้นจนกระทั่งสุภาพสตรีผู้น่าหวาดเกรงกว่าพระเจ้าหรือมังกรตนใดเดินเข้ามา หลังจากที่ดวงตาสีม่วงเหลือบเงินของนางจดจ้องมาที่เขา เขาก็รู้สึกอึดอัดท่วมท้นเหมือนกับดวงวิญญาณของเขาถูกตัดและสับเป็นชิ้นๆ ด้วยมีดคมๆ หลายใบ และเขาก็สารภาพทุกอย่างที่ตนเองรู้ออกมา
นาตาชาตัวสูงมากเสียจนแฮมต้องแหงนหน้าคอตั้งบ่าเพื่อที่จะมองหน้านาง เขาตะโกนด้วยความกรุ่นโกรธ “เจ้าลบหลู่พระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าสมควรโดนลงทัณฑ์!”
“ข้ามิชอบที่คนอื่นเรียกตนเองว่าพระเจ้าแห่งไอน้ำ กรุณาไปบอกไฮต์ให้เปลี่ยนชื่อเสีย มิเช่นนั้นเขาอาจจะไม่เหลือชื่อเลยอีกต่อไปก็ได้ เพราะว่าคนตาย ไม่ใช่สิ พระเจ้าที่ตายไปแล้วไม่จำเป็นต้องมีชื่อ” นาตาชาพูดกึ่งๆ หยอกเย้า
แต่ทันใดนั้น แสงสีทองสว่างไสวก็ระเบิดโพลงออกจากร่างของแฮม ก่อนที่หัวใจศรัทธาจะกลืนกินเขา เปลี่ยนให้เขากลายเป็นกลุ่มแสงสีทองเจิดจ้าที่หมุนเป็นวง
น้ำเสียงฉุนเฉียวดังก้องออกมาจากวงแสงนั้น “การดูหมิ่นของเจ้าทำให้ข้าโกรธมาก!”
‘และผลลัพธ์ก็จะออกมาเลวร้ายยิ่ง…’ ด้วยได้รับอิทธิพลมาจากลูเซียน นาตาชาต่อประโยคจากอีกฝ่ายในใจ ในขณะที่นางคิดกับตนเองด้วยความขบขันว่าเจ้าตัวได้มาเยือนด้วยตนเองจริงๆ
จู่ๆ วงแสงนั้นก็โปร่งใส มองเห็นเป็นคนแคระสวมชุดเกราะสีทองดูสูงส่งได้เลือนราง เขามือค้อนเงินหนักๆ ที่เต็มไปด้วยลวดลายสัญลักษณ์
“จงรับการลงทัณฑ์ของเจ้าเสียเถิด!” ไฮต์ฟาดค้อนเงินในมืออย่างโกรธเกรี้ยว ส่งผลให้วงแสงสีทองบิดมวนเป็นรูปทรงเดียวกัน ก่อนจะพุ่งเข้าใส่นาตาชา
ดาบสีเงินพลันเปล่งประกาย หลังจากแสงวูบผ่าน วงแสงสีทองก็แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และรอยแตกน่ากลัวประดุจภาพมายาก็ตัดผ่านสิ่งกีดขวางมากมายผ่านช่องทางเชื่อมต่ออันคลุมเครือและฟันเข้าใสไฮต์อย่างไม่อาจหยุดยั้งได้!
“อ๊ากกกกกกกกก!!!”
เสียงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดของไฮต์ดังลอดผ่านแสงสีทองเสี้ยวสุดท้ายและก้องสะท้อนไปทั่วห้องใต้ดินอย่างยาวนาน
ขณะเฝ้ามองวงแสงสีทองเลือนหายไป นาตาชาก็ส่ายศีรษะ “ข้ายังคงไม่สามารถใช้พลังของดาบแห่งสัจธรรมได้ในสถานการณ์เช่นนี้…”
หากว่ากันตามจริง นางสามารถใช้พลังของดาบแห่งสัจธรรมได้มากกว่าคนอื่นๆ เพราะพลังโลหิตและความขยันหมั่นเพียรของนาง หากว่าผู้มีพลังชั้นตำนานระดับหนึ่งทั่วๆ ไปแข็งแกร่งเท่านางแล้วล่ะก็ ไฮต์คงไม่บุ่มบ่ามมาเยือนที่นี่เพื่อสั่งสอนนางอย่างแน่นอน
ไฮต์นั้นเป็นพระเจ้าชั้นตำนานระดับสอง เขาคิดว่าการต่อสู้ในระยะไกลโพ้นผ่านทางหัวใจศรัทธา ดาบแห่งสัจธรรมของนาตาชาย่อมไม่น่าหวาดเกรงเพราะมันจะไม่โดนเป้าหมายที่แท้จริง และเขาสามารถรับมือกับการโจมตีทั่วๆ ไปได้ ผลที่ได้ก็คือ เขากลับพ่ายแพ้อย่างหมดท่า
…
ภายในจักรวาลอะตอม…
นาตาชามองลูเซียนด้วยความขบขัน “นับแต่ที่ไวเค็นแอบเผยแพร่วิธีการเลื่อนขั้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ การแก่งแย่งพลังศรัทธาก็ร้อนแรงยิ่ง คนแคระเผ่าไอน้ำของเจ้าย่อมตกเป็นที่ต้องการอย่างแน่นอน เจ้าไม่คิดว่าเจ้าจะรักษาพวกเขาเอาไว้ได้ด้วยการมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเขาหรอกหรือ ฮะๆๆ เจ้าจะจัดการกับพวกเขาอย่างไรรึ”
“ข้าไม่คิดว่านั่นคือเรื่องสำคัญ มันไม่ใช่วิถีทางของข้า” ลูเซียนยกมือขึ้นเกาคางและแย้มยิ้ม “แต่ว่า ข้ายินดีทำสิ่งที่ใครบางคนต้องการให้ข้าทำ ส่วนเรื่องไฮต์ ข้าคงต้องหาโอกาสไป ‘พูดคุย’ กับเขาให้ถูกให้ควรสักหน่อยแล้ว”
นาตาชาหัวเราะขันและคิดว่าเรื่องนี้ช่างน่าสนใจ ทั้งสองถกเถียงหารือกันอยู่นานกว่าที่นางจะเปลี่ยนเรื่องไปด้วยความกระรือตือร้นในท้ายที่สุด “กองกระดาษบนโต๊ะเจ้าคืออะไรหรือ”
“พื้นฐานคณิตศาสตร์น่ะ การพัฒนาคณิตศาสตร์ของสภายังเป็นไปอย่างไร้ระบบระเบียบ ข้าตั้งใจว่าจะแบ่งแยกองค์ความรู้อย่างเซต กับทอพอโลยี[1] แล้วรวบยอดสร้างเป็นระบบ แต่ว่านะ มันยังรวมถึงปริศนาทางคณิตศาสตร์และปฏิทรรศน์อีกมากมายที่ข้ายังหาคำตอบมิได้ ข้าหวังไว้ว่าการพัฒนาของคณิตศาสตร์จะมีพื้นฐานค้ำจุนจากการหาคำตอบเหล่านั้นให้ได้”
…………………………………………..
[1] เป็นสาขาหลักทางคณิตศาสตร์ที่สนใจเกี่ยวกับคุณสมบัติทางรูปร่างของวัตถุต่าง ๆ ที่ไม่แปรเปลี่ยนภายใต้การดึง ยืด หด บีบ นอกจากนี้ ยังหมายความถึงวัตถุทางคณิตศาสตร์ประเภทหนึ่ง ซึ่งในความหมายนี้ ทอพอโลยีเป็นการกำหนดคุณสมบัติของเซตให้สามารถดำเนินการดึง ยืด หด จุดต่างๆ ภายในเซตนั้นได้