Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 730 นักสืบ
“มันพลาดตรงไหนกันแน่ เตาปฏิกรณ์ฟิชชันถึงระเบิดไม่หยุด?” เฟอร์นันโดไม่สนใจคำเตือนของลูเซียนสักนิด ถ้าไม่มีนักเวทชั้นตำนานหรือขั้นสามอยู่เบื้องหลังการระเบิด แม้เขาไม่มีเวลาทันได้ร่ายเวทป้องกัน แต่พลังจากเวทมนตร์ที่ทำงานอัตโนมัติและตั้งรับอยู่ตลอด ก็พอที่จะทำให้เขารอดตายจากการระเบิดฟิชชันโดยไม่ได้รับผลเสียหายใดๆ
ผมของเขายุ่งเหยิงเหมือนเพิ่งถูกลมพัดใส่ เสื้อคลุมเวทมนตร์สีแดงเต็มไปด้วยรอยยับยู่ยี่ บอกให้รู้ว่าเพิ่งเกิดเหตุหายนะขึ้น แต่เขาไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย สติสัมปชัญญะทั้งหมดทุ่มให้กับอะไรก็ตามที่อาจสร้างปัญหาให้กับเตาปฏิกรณ์ฟิชชัน เขาคิดไม่ตกและกระวนกระวายใจ จากการศึกษาฟิชชันและวิศวกรรมย้อนกลับของ “ฟิชชันปรมาณู” ซึ่งเป็นบทเวทมนตร์ชั้นตำนาน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่พอเป็นเตาปฏิกรณ์ฟิชชัน กลับเกิดระเบิดขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้!
“ระเบิดกี่ครั้งแล้วขอรับ?” ลูเซียนพูดอย่างกระหืดกระหอบ ดูจากน้ำเสียงของอาจารย์ นี่ไม่ใช่การหลอมละลายของเตาครั้งที่สอง แต่เป็นครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า หรืออาจถึงครั้งที่หกแล้ว ไม่แปลกที่เขาเจอกับ “อุบัติเหตุ” ระเบิด แต่นี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญแน่นอน
ลูเซียนเพิ่งจะคิดได้ว่าทำไมอาจารย์จึงไม่ยอมให้เขาหรือศิษย์คนอื่นทำการทดลอง การทดลองที่พวกเขาได้ทำก็มีเพียงการทดลองง่ายๆ เช่น การแผ่รังสีของวัตถุดำ เพราะเห็นแล้วว่าการทดลองของอาจารย์อันตรายมากแค่ไหน และนักวิจัยที่ยังพัฒนาไม่ถึงระดับตำนานก็อาจถูกทำลายจนสิ้นซากได้ตลอดเวลา!
เฟอร์นันโดทำหน้าบึ้ง “จะระเบิดกี่ครั้งไม่สำคัญหรอก แต่สำคัญที่ทำไมถึงระเบิด มันไม่ต่างกันเลยไม่ว่ารูปแบบหรือกลไกฟิชชัน”
ลูเซียนคิดอยู่พักหนึ่งก่อนตอบ “ฟิชชันปรมาณูเป็นเวททำลายล้างขั้นสูงที่ควบคุมไม่ได้ แต่เตาปฏิกรณ์ต้องการความเสถียรและต้องควบคุมได้ นั่นน่าจะเป็นต้นตอของปัญหานะขอรับ”
“เจ้าคิดว่าข้าโง่จนเตรียมการมักง่ายตามเวท ‘ฟิชชันปรมาณู’ เลยหรือไง?” เฟอร์นันโดตอกกลับ เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์ไม่ดีเลย “เจ้าก็เห็นต้นแบบเตาปฏิกรณ์และการเตรียมการด้วยตาตัวเอง เจ้าก็น่าจะรู้ว่าเราเพิ่มวงเวทช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพและควบคุมพลังงานไปมากแล้ว”
“แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเสถียรและควบคุมได้ ข้าคิดว่าเราต้องศึกษาฟิชชันมากกว่านี้จะได้แก้ปัญหาได้ขอรับ เราต้องวิเคราะห์หน้าที่ของนิวตรอนกับอนุภาคอื่นๆ และปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ต่างๆ” ลูเซียนวิเคราะห์อุบัติเหตุเตาปฏิกรณ์ และสงสัยว่าอาจเป็นเพราะการวิจัยยังไม่ละเอียดมากพอ การออกแบบเตาปฏิกรณ์ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับ “วิศวกรรมผันกลับ” ทั้งนี้ ยังไม่มีการค้นพบหน้าที่ของนิวตรอนช้ากับนิวตรอนเร็ว ไหนจะผลต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาฟิชชันอีก
เฟอร์นันโดไม่เคยมองข้ามคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ แต่ก็ไม่เคยยอมรับออกมาตรงๆ “เจ้าคิดว่าข้าไม่คิดถึงปัญหานั้นหรือไง? แต่การทดลองนิวตรอนด้วยการยิงอนุภาคต่างๆ มันใช้เวลานาน แล้วแฮททาเวย์กับข้าก็เคยคิดแล้ว”
นิวตรอนไม่อาจเร่งความเร็วด้วยสนามแม่เหล็ก การทดลองจึงยิ่งซับซ้อนยิ่งขึ้น
“ข้าจะทดลองศึกษาดูขอรับ” ลูเซียนยิ้ม “ยิ่งเราจะพัฒนาอุปกรณ์ฟิชชันแบบพกพาได้เร็วแค่ไหน ดาวเทียมของเราจะยิ่งมีประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น ศาสนจักรกับศัตรูอื่นๆ ไม่มีทางเลียนแบบเราได้”
กลไกดาวเทียม เช่น วงโคจรและการถ่ายทอดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่ได้ซับซ้อน และสามารถลอกเลียนกันได้ แต่เมื่อเป็นเรื่องของเตาปฏิกรณ์ฟิชชัน ถ้าไม่ได้มีการศึกษาเรื่องฟิชชันอย่างถ่องแท้ ศัตรูก็จะเจอแต่เหตุระเบิดที่เพิ่งเกิดขึ้นกับอาจารย์ของเขา ถ้าพวกเขาพยายามทำอุปกรณ์เลียนแบบ ถ้าพวกเขาไม่เข้าใจรูปแบบเวทมนตร์และกระบวนการ ไม่มีทางที่พวกเขาจะผสมผสานหรือละทิ้งรูปแบบ เมื่อแปลงรูปแบบเป็นสัญลักษณ์พลังศักดิ์สิทธิ์ ความผิดพลาดใดๆ ในกระบวนการอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้
นั่นคือความแตกต่างระหว่างความล้ำยุคกับการพัฒนาของอาร์คานา จริงๆ แล้ว “การปล่อยดาวเทียม” เป็นเรื่องปกติมากในโลกนี้
เฟอร์นันโดพยักหน้า “ตราบเท่าที่เราพัฒนาเตาปฏิกรณ์ฟิชชันให้เสถียร การย่อขนาดลงก็ไม่ใช่ปัญหา”
ในโลกเวทมนตร์นี้ ปัญหาทางเทคนิคมากมายบนโลกใบเดิมกลับไม่ใช่ปัญหาที่นี่ ตัวอย่างเช่น เตาปฏิกรณ์ฟิชชันที่เฟอร์นันโดและแฮททาเวย์สร้างใช้วงเวทเพื่อแปลงพลังงานที่ปล่อยออกมาเป็นกระแสไฟฟ้า โดยไม่ใช้องค์ประกอบอะไรอีกเลย แต่แน่นอนว่าต้นทุนการย่อส่วนอุปกรณ์สูงมาก ถ้าสภาไม่ยอมทุ่มเงินติดตั้งเตาปฏิกรณ์ย่อส่วนบนดาวเทียม ก็มีเพียงผู้วิเศษและนักเวทชั้นตำนานเท่านั้นที่สามารถซื้อหามาใช้ได้
นอกจากนี้ สภาสูงสุดไม่มีมติที่เป็นเอกฉันท์ว่าด้วยการส่งเสริมอุปกรณ์ฟิชชันนขนาดย่อม เพราะอาจมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยตามมา อาจเกิดการบาดเจ็บล้มตายและมลพิษที่อาจต้องใช้เวลาชั่วกัปชั่วกัลป์ในการกำจัด
เมื่อเห็นว่าอาจารย์ของเขาเชื่อมั่น ลูเซียนก็ยิ้มออกมา “เตาปฏิกรณ์ฟิชชันกับการลดขนาดเครื่องเป็นแค่ก้าวแรกของเรา แต่ฟิวชั่นที่ควบคุมได้คือเป้าหมายจริงๆ ขอรับ เมื่อบรรลุเป้าหมาย เราจะประกาศได้อย่างภาคภูมิว่าเราคือราชันสุริยัน”
“ฟิวชั่นที่ควบคุมได้…” เฟอร์นันโดทวนคำลูเซียนอย่างมีความหวัง แต่แล้วก็กลับมาหน้าบึ้งตึง เรื่องนั้นยากเสียยิ่งกว่าเตาปฏิกรณ์ฟิชชันเสียอีก เฟอร์นันโด ดักลาส และแฮททาเวย์ยังไม่รู้เลยว่าควรเริ่มจากตรงไหนดี และลูเซียนก็แทบไม่บอกอะไรที่เป็นประโยชน์เลย “ตอนนี้ เอาแค่เรื่องเตาปฏิกรณ์ฟิชชันก่อนเถอะ…”
เขาหยุดและชอบตอกกลับเป็นนิสัย “จอมเวทชั้นนำทุกคนในโลกจุลภาคกำลังทดลองยิงอนุภาคด้วยอนุภาคอื่นกันแทบทุกวัน หวังว่าจะพบกลุ่มอนุภาคที่มีปริศนาจากข้อมูลการทดลองที่เป็นอนันต์ พวกเขาดูเหมือนกรรมกรใช้แรงงานเสียมากกว่าเป็นจอมเวท”
“ไม่ใช่เพียงนักเวทชั้นนำหรอกขอรับ นักเวทส่วนใหญ่รู้ว่าการยิงอนุภาคขนาดเล็กน่าจะนำไปสู่การค้นพบอะไรใหม่ๆ” ลูเซียนหัวเราะคิกคัก “พวกเขากลัวลักษณะแปลกๆ ของอิเล็กตรอน ราวกับว่ามันอาจทำลายโลกได้ แล้วพวกเขายังเข้าใจกลศาสตร์ควอนตัมน้อยมาก ไม่ก้าวหน้าทั้งเชิงทฤษฎีหรือการทดลองเลย พวกเขาจะเดินบนเส้นทางที่ผิดไม่ได้เลย”
ที่นี่ไม่ต่างจากโลกเดิม การทดลองระเบิดและการปะทะของอนุภาคเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการค้นพบปริศนาของโลกจุลภาค ความแตกต่างเดียวก็คือนักเวทชั้นอาวุโสของสภาเวทมนตร์สร้างอุปกรณ์การทดลองด้วยตัวเอง ไม่เหมืนอกับนักวิจัยบนโลกเดิมที่ต้องทำการทดลองตามลำดับ เพื่อยืนยันข้อสันนิษฐานหรือข้อสรุปจากข้อมูล
แน่นอน เมื่อมีการสร้างเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนขนาดใหญ่ โครงการต่างๆ ก็ยิ่งเป็นที่คุ้นเคยมากขึ้น ตัวอย่างเช่น นักเวทชั้นกลางสามารถเลือกเดินได้หลายทาง ถ้าต้องทำการทดลองเวทมนตร์คล้ายๆ กัน
ประการแรก พวกเขาอาจขอเป็นศิษย์หรือสหายของนักเวทอาวุโส ประการที่สอง พวกเขาอาจได้งานในหน่วยงาน เช่น สถาบันอะตอม ประการที่สาม พวกเขาสามารถจ่ายเงินจ้างนักเวทอาวุโสให้จัดการให้พวกเขา
ประการที่สี่ พวกเขาสามารถยื่นใบสมัครไปยังคณะกรรมการวิจัยเวทมนตร์และต่อแถวรอโอกาสขอใช้ห้องทดลองเปิดขนาดใหญ่ของหอคอยเวทมนตร์อัลลินโดยไม่ต้องเสียเงินสักแดง นั่นเป็นแนวคิดที่ลูเซียนเสนอในการประชุมของสภาสูงสุด เพื่อช่วยให้นักเวทจำนวนหนึ่งได้ทำวิจัยโดยไม่ต้องเสียเงินเสียทอง
เฟอร์นันโดจ้องเขาเขม็ง “พวกเขาจะกลัวและตื่นตระหนกจากผลการสังเกตที่เจ้าว่ามา”
ลูเซียนรีบเปลี่ยนเรื่อง “อาจารย์ขอรับ วันนี้ท่านยังไม่ได้ศึกษาทฤษฎีสนามใช่ไหมขอรับ? ท่านบรูคไม่อยู่หรือขอรับ?”
“ทำไมข้าต้องทำเรื่องนั้น? หัวของข้าเต็มไปด้วยความเป็นอนันต์ ความเป็นอนันต์ และความเป็นอนันต์! ข้าไม่รู้ประโยชน์ของการวิจัยของข้าสักนิด!” ลูเซียนถามคำถามที่จุดระเบิดเฟอร์นันโดเหมือนกับแท่งระเบิดไดนาไมต์ที่ถูกจุดชนวนได้พอดี
ลูเซียนตั้งใจจะพูดให้อาจารย์สบายใจขึ้น ทุกคนที่ศึกษาเรื่องทฤษฎีสนามมีปัญหาเรื่องความเป็นอนันต์ล้านๆ ข้อให้คิด ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเข้าสู่การศึกษาโลกจุลภาค
ตัวอย่างเช่น ท่านดีแรคที่เสนอสมการดีแรค หนึ่งในผู้คิดค้นทฤษฎีสนามควอนตัม เป็นหนึ่งในสิบนักทฤษฎีชั้นยอด แม้จะไม่ติดอยู่ในสุดยอดนักทฤษฎีห้าอันดับแรกในสายตาของลูเซียนก็ตาม เขามีความเห็นเรื่องความเป็นอนันต์ต่างออกไป เขาเชื่อว่ามีเหตุผลที่เลี่ยงไม่ได้และความหมายที่ลึกซึ้งอยู่เบื้องหลังความเป็นอนันต์ และทฤษฎีคลาสสิกก็สอนกันมาผิดๆ ดังนั้น เขาคัดค้านการจัดระเบียบใหม่ผ่านวิธีการเชิงคณิตศาสตร์ เขาจึงค่อยๆ ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ถ้าไม่อย่างนั้น โลกแห่งปัญญาของเขาอาจแตกสลายและกลายเป็นปึกแผ่นไปแล้ว?
หลังจากคำรามอยู่พักใหญ่ เฟอร์นันโดก็เงียบลง “บรูคคงมาทีหลัง แต่ถ้าความเป็นอนันต์ปรากฏในการคำนวณการประมาณขั้นสูง ทฤษฎีสนามที่เราคิดขึ้นก็อธิบายปฏิกิริยาของอนุภาคประจุ ซึ่งเป็นแก่นของพลังแม่เหล็กไฟฟ้า…”
เขาค่อนข้างพอใจกับการศึกษาร่วมของเขา บรูค และลูเซียน ยกเว้นเรื่องความเป็นอนันต์บัดซบนั่น
จากทฤษฎีสนามที่พวกเขาคิดขึ้น เฟอร์นันโดและบรูคยืนกรานว่าแรงแม่เหล็กไฟฟ้าจะเกิดขึ้น เมื่ออนุภาคประจุแลกเปลี่ยนโฟตอนในกระบวนการต่างๆ อย่างไรก็ตาม โฟตอนนี้แตกต่างจากโฟตอนที่คนศึกษากันทั่วไป โฟตอนพวกนี้ไม่สามารถสำรวจ และมีเพียงผลสรุปทางคณิตศาสตร์ ทั้งสองแบบเรียกโฟตอนนั้นว่าโฟตอนเสมือน
หลังจากหารือกันถึงทฤษฎีสนามควอนตัมอีกสักพักใหญ่ เฟอร์นันโดก็พูดขึ้น “สตานิสบอกข้าว่าช่วงนี้หุบเขาแห่งความมืดไม่ค่อยสงบสุข ดูเหมือนพวกฝ่ายมืดเพ่งเล็งมาที่เราอีก หลังจบศึกเรนทาโต พวกมันคิดว่าจะเข้าร่วมหรือต่อต้านเราดี”
“พวกมันไม่คิดช้าไปหน่อยเหรอขอรับ” ลูเซียนพูดติดตลก
เฟอร์นันโดพ่นลมหายใจจมูกแรงๆ “พวกนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีอายุยืนยาว สิบปีของเราอาจจะแค่สิบวันในสายตาพวกมัน แล้วพวกมันก็ไม่ได้สนใจอาร์คานาไปมากกว่าศาสนจักรหรอก เพราะงั้นถึงมีปฏิกิริยาช้า เตือนนาตาชาให้เพิ่มการรักษาความปลอดภัยเรนทาโต อาจมีพวกฝ่ายมืดมาเยือนอีกมาก”
“รับทราบขอรับ” ลูเซียนพยักหน้าเคร่งขรึม
…
ภายในหุบเขาแห่งความมืด ชายหนุ่มผมสีเงินตาสีทองคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แนสเดล เจ้าจงลอบเข้าไปในเรนทาโตกับอัลลินโดยเร็ว สืบหาข้อมูลการพัฒนาที่สภาเวทมนตร์สร้างขึ้นมา ข้อมูลของเจ้าจะใช้ในการตัดสินใจของเรา”
“ขอรับ” ขนของมนุษย์หมาป่าตรงหน้าเขาหดเล็กลง จนกลายเป็นชายร่างกำยำคนหนึ่งที่มีผมสีเงินเหมือนเขา