Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 733 เรนทาโต สถานที่แสนอันตราย
ในช่วงเช้าตรู่ สายลมเย็นยะเยือกพัดพาเข้าใส่หน้าต่างจนเกิดเสียงดัง ผู้ใดก็ตามย่อมรู้สึกโชคดีที่ตนเองได้อยู่บนเตียงอันอบอุ่นในยามนี้
แต่อาลีไม่อาจข่มตาหลับได้ เขาเพิ่งทำงานกะกลางคืนในโรงพยาบาลเสร็จและกลับมาที่บ้านเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ในหัวเขาเต็มไปด้วยความคิดมากมายหลากหลาย เช่นว่า เขาจะทำให้ชีวิตตนเองดีขึ้นได้อย่างไร หนทางที่ดีที่สุดในการประสบความสำเร็จคืออะไรกันแน่ เขาจะมีโอกาสได้ครอบครองเรือเหาะเป็นของตนเองหรือไม่ เขาไม่สามารถหยุดความคิดเหล่านั้นได้
อาลีถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียง หลังจากหยิบเสื้อโค้ตมาสวมแล้ว เขาก็เดินไปยังโต๊ะตัวเล็กในห้องแคบๆ ของตนเองและรินเอลไร้รสชาติดื่มสองสามแก้ว อาลีไม่มีทางเรียกสุราว่ารสชาติดี แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งบันเทิงเดียวที่เขามีในชีวิต
อาลีเดินถือแก้วไปทางหน้าต่างแล้วนั่งลงกับพื้น โต๊ะเป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดียวที่เขามีในห้อง นอกจากเตียง
ขณะเฝ้ามองใบไม้สั่นไหวท่ามกลางสายลมที่นอกหน้าต่าง หัวใจของอาลีเองก็รู้สึกหนาวเหน็บ
บ้านเช่าของเขาหันหน้าไปทางถนนที่เงียบสงัด น้อยครั้งที่จะมีรถม้าหรือรถยนต์แล่นผ่าน และเสียงล้อบดไปบนถนนก็ทำให้บรรยากาศยิ่งหนาวเหน็บ ที่นี่ไม่มีสวนหน้าบ้าน เพราะที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนบริเวณที่แย่ที่สุดของเขต
แต่อาลีรู้ดีว่าเจ้าของบ้านเช่านั้นแท้จริงแล้วร่ำรวยมากทีเดียว และชีวิตของพวกเขาก็สบายกว่าคนส่วนใหญ่นัก พวกเขาเป็นผู้มองการณ์ไกลในการลงทุน ดังนั้น เมื่อผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในนครเรนทาโตเพื่อหางานทำในโรงงานแปรธาตุเหล่านั้น พวกเขาก็ปรับปรุงบ้านแต่ละหลังโดยแบ่งกั้นห้องเพิ่มเติม แม้ว่าพวกเขาจะปล่อยห้องให้เช่าในราคาที่ค่อนข้างถูก แต่พวกเขาก็ยังมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ
หลังจากที่โรงงานแปรธาตุเหล่านั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก อุตสาหกรรมสิ่งทอก็รู้สึกถึงวิกฤติได้ในที่สุด และเริ่มเชื้อเชิญนักเวทที่เก่งกาจการใช้โกเล็มเพื่อมาพัฒนาเครื่องปั่นด้ายของพวกเขา หลังจากนั้นสองสามปี การผลิตเครื่องปั่นด้ายก็พัฒนาไปเยอะมาก และมีงานเพิ่มขึ้นอย่างหลากหลาย ในขณะเดียวกันนั้น ผู้คนในอาณาจักรโฮล์มก็สามารถซื้อเสื้อผ้าเพิ่มมากขึ้นได้เพราะราคาผ้าถูกลงมาก!
หลังจากกระดกเอลลงไป อาลีก็ดันหน้าต่างเปิดออก สายลมเย็นเยียบทำให้เขารู้สึกเหน็บหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง แต่ความสดชื่นของมันยังทำให้เขารู้สึกดีขึ้นอีกด้วย
ดวงจันทร์เย็นเยียบทว่างดงามยังคงลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ในตอนนั้นเอง อาลีก็เห็นว่าเจ้าสุนัขตัวโตที่เขาช่วยชีวิตไว้กำลังจดจ้องไปที่บางสิ่งบางข้างอย่างนอกหน้าต่างในทิศทางของประตูเมืองอย่างตั้งอกตั้งใจ เขานึกขันขณะกล่าว “เจ้าเองก็รู้สึกหลงทางเช่นกันหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะไปทางไหนในอนาคตน่ะ”
เขากำลังพูดกับตัวเอง ด้วยไม่คาดหวังว่าเจ้าสุนัขจะเข้าใจ
เจ้าสุนัขเหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหันกลับไปจดจ้องประตูเมือง มันมีแผนของมันเอง และมันจะออกไปจากเมืองที่แสนอันตรายนี้ทันทีที่มันหายดี!
อาลีเองก็หันกลับไปมองยังทิศทางเดิม เขาสามารถมองเห็นกำแพงเมืองสูงตระหง่าน ซึ่งดูเป็นสีขาวภายใต้แสงจันทร์ เขาทอดถอนใจ “กำแพงนั่นสูงมากจริงๆ แต่กลับมิได้สูงเท่ากำแพงระหว่างชนชั้นสูงและสามัญชน กำแพงแบบหลังนั้นทั้งหนาวเหน็บและยากจะเอาชนะได้ ไม่มีผู้ใดจะปีนข้ามได้…”
ผู้รับฟังของเขาเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่ง เขาจึงไม่คิดอะไรมาก
“เหตุใดสามัญชนจึงไม่สามารถก้าวเข้าไปในโลกของชนชั้นสูงได้เล่า ทุกคนก็มีตา จมูก และสมองเหมือนกัน แต่พวกเขาเพียงเกิดมาในตระกูลขุนนางและมีอภิสิทธิ์ ชาติกำเนิดของคนคนหนึ่งควรจะเป็นตัวกำหนดทั้งชีวิตของคนคนนั้น…นั่นถูกต้องแล้วหรือ” อาลีพึมพำกับตนเอง แม้ความคิดมากมายจะผุดขึ้นในหัว เขาก็ยังต้องยอมรับความจริงที่ว่าตนอยู่ในฐานะต่ำต้อย แต่แน่นอนว่าเขาไม่อยากจะเป็นเช่นนี้ไม่ตลอดชีวิต
เจ้าสุนัขส่งเสียงครางพลางเหลือบมองอาลี ‘คิดเป็นเด็กไปได้!’
ฐานะทางสังคมของเหล่าขุนนางมาจากพลังที่พวกเขามี เหมือนกับเหล่าผู้นำที่แข็งแกร่งในหมู่มนุษย์หมาป่า นั่นคือข้อเท็จจริง และมิมีผู้ใดจะเปลี่ยนแปลงมันได้จนกว่าคนผู้นั้นจะมีอำนาจมากพอ เมื่อถึงตอนนั้น พวกขุนนางย่อมให้การต้อนรับเขาหรือนางสู่วงสังคมของพวกเขา และนั่นจะทำให้เขาหรือนางคาดหวังที่จะรักษาอำนาจไว้ในมือตนเองไปตลอดกาล
“เจ้าเห็นด้วยกับข้าเช่นนั้นหรือ” อาลีแย้มยิ้มเมื่อเห็นว่าเจ้าสุนัขตัวโตมีปฏิกิริยาขึ้นมาในที่สุด ก่อนที่เขาจะพูดต่อ “ข้าเข้าใจดีว่าการพิชิตกำแพงล่องหนได้นั้น ข้าต้องประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ด้วยตัวเลือกที่มีมากมายในเรนทาโต ข้าจึงไม่สามารถตัดสินใจได้เพราะข้ากลัวจะพลาดโอกาสที่แท้จริงไป เมื่อข้าเห็นยานพาหนะหรูหราที่หน้าโรงเรียน ข้าก็รู้สึกว่าข้าอาจไม่มีทางทลายกำแพงนั้นได้ เจ้าเข้าใจไหม”
เขาสารภาพกับตัวเองต่อหน้าเจ้าสุนัขตัวโต และนั่นทำให้เขากลับมากระตือรือร้นอีกครั้ง เขายังอายุไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ พลังงานจึงกลับมาได้เร็ว
“ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าอ่านออกเขียนได้ แต่ข้าไม่ค่อยรู้อะไร จริงอยู่ว่าข้าอาจจะเรียนรู้ได้ขณะทำงานในโรงพยาบาลหรือโรงงานแปรธาตุ แต่ข้าจะไม่มีพื้นฐานหนักแน่นสำหรับสิ่งที่ข้าอยากจะเรียนรู้ ฉะนั้น…ข้าจะเก็บเงินเพื่อไปเรียนในโรงเรียนสายสามัญ!” อาลีลุกขึ้นพร้อมกับประกาศกร้าวต่อหน้าดวงจันทร์
“ข้ารู้ว่ามันยาก ยากมากๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าจะทำไม่ได้ ท่านอีวานส์จนมากจนแทบไม่มีอะไรกินด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ท่านกลับเป็นถึงจอมเวทระดับแนวหน้า ทั้งหมดเป็นเพราะความมานะอุตสาหะของท่าน! ข้าเริ่มต้นในจุดที่ดีกว่าเพราะข้ามีเหรียญราชินีหลายเหรียญที่ได้จากบิดามารดา คงใช้เวลาไม่นานนักหรอกที่ข้าจะเก็บเงินได้มากพอ!” อาลีกำหมัดแน่นและให้กำลังใจตัวเอง
เรื่องราวของลูเซียน อีวานส์ นั้นเป็นเหมือนตำนานที่ถูกแปลงเป็นเรื่องราวหลากหลายรูปแบบโดยกวีขับลำนำ และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ชนชั้นสูงและสามัญชน
“แม้ว่าข้าจะไม่ได้มากความสามารถเช่นท่านอีวานส์ และข้าก็ไม่สามารถเป็นนักดนตรีหรือนักเวทผู้ยิ่งใหญ่ได้ แต่ตราบใดที่ข้าพยายามอย่างหนัก ข้าก็จะประสบความสำเร็จในด้านที่ข้าถนัดอย่างแน่นอน!” ในใจอาลีเต็มเปี่ยมด้วยความหวัง
จากจดหมายของเจน อาลีรู้ว่าผู้คนกำลังตั้งตอคอยให้สังคมกลายเป็นสังคมของผู้มีการศึกษา เพราะตอนนี้ยังมีคนจำนวนน้อยมากที่อ่านออกเขียนได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกลุ่มคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ตราบใดที่คนผู้หนึ่งยินดีและมีโอกาสได้เรียนรู้ คนผู้นั้นย่อมมีอนาคตที่สดใส
หากอาลีเรียนรู้ได้ดี บางทีเขาอาจเป็นนักเวท อัศวิน หรือเข้าสู่วงการอาชีพอื่นๆ ที่จะอยู่ในวงสังคมชั้นสูงได้เช่นเดียวกับเหล่าขุนนางก็เป็นได้
ในยุคสมัยนี้ ความรู้ไม่มีทางเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ แม้ว่ากระบวนการในการเรียนรู้จะใช้เวลานาน แต่ทุกวินาทีย่อมคุ้มค่า!
หลังจากตัดสินใจได้ อาลีก็อารมณ์ดีขึ้นมากในตอนนี้ ขณะจดจ้องดวงจันทร์สีเงิน อาลีก็พูดกับเจ้าสุนัขตัวโตว่า “หากข้าจะเป็นตัวละครหลักในเรื่องเล่าของกวีขับลำนำในอนาคต ข้าก็จะใช้โอกาสนี้เข้าศึกษาในโรงเรียนสายสามัญและเพิ่มพูนความสามารถด้านเวทมนตร์และอาร์คานา ข้าจะได้รู้จักกับสหายมากมายและกลายเป็นนักเวทชั้นตำนานเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้! และข้าก็จะปราบเหล่าปีศาจและมารร้ายที่วางแผนจะทำลายล้างโลก! แบบนั้น ประวัติศาสตร์ก็จะจดจำเจ้าไว้อีกด้วย! เจ้าจะถือเป็นสหายคนแรกๆ ของผู้ยิ่งใหญ่!”
จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปทางเจ้าสุนัขตัวโต “ในหลายๆ กรณี ถ้าเป็นในเรื่องเล่าของกวีขับลำนำ เจ้าควรจะเป็นสัตว์อสูร แบบว่า สุนัขที่มีปูมหลังลึกลับและแข็งแกร่งทรงพลัง ช่วงเวลาที่เราพบกันคือช่วงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเราทั้งสอง…”
ขณะพูดอยู่นั้น เขาก็สังเกตท่าทีของเจ้าสุนัขตัวโตอยางกระตือรือร้น แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ถอนหายใจออกมา “ไม่เลย เจ้าไม่มีอะไรพิเศษเลย”
ในตอนนั้นเอง เขาก็มองเห็นความไม่พอใจในดวงตาของเจ้าสุนัขตัวโต แต่เหตุใดกันเล่า
วันถัดมาเป็นวันหยุดของอาลี เขาออกไปหางานเสริมทำในตัวเมืองเพื่อเก็บเงินเพิ่ม โดยพาเจ้าสุนัขตัวโตไปด้วย ไม่ทราบอย่างไรเจ้าสุนัขจึงฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าที่เขาคาดคิด
“โรงงานแปรธาตุแห่งใหม่งั้นรึ ผลิตหลอดสุญญากาศ?” อาลีเห็นประกาศที่ติดบนกำแพง
ด้วยความสงสัย เพราะว่าเขาไม่รู้เลยว่าหลอดสุญญากาศคืออะไร เขากับเจ้าสุนัขตัวโตจึงมุ่งหน้าไปยังโรงงานนั้น
เมื่อทั้งสองเกือบจะไปถึงโรงงานที่ตั้งอยู่ใกล้กับประตูเมือง เจ้าสุนัขก็ก้มศีรษะลงและเดินเบียดเข้าหาอาลี
“เป็นอะไรไป” อาลีถามอย่างไม่คิดอะไรมาก “คนพลุกพล่านเกินไปสำหรับเจ้างั้นหรือ”
แนสเดลกำลังมองหาโอกาสในการหลบหนีออกไปจากนครเรนทาโต แต่ปฏิกิริยาของเขานั้นมาจากสิ่งอื่นต่างหาก
เขาเพิ่งจะเห็นแวมไพร์โสโครกในเรนทาโต! เขาเหลียวกลับไปมองและเชื่อว่าเจ้าแวมไพร์โสโครกนั่นจะต้องตกตายอยู่ในเมืองที่แสนอันตรายแห่งนี้แน่!
ทั้งสองเดินต่อ แล้วจู่ๆ ดวงตาของแนสเดลก็เปล่งประกายวูบ ประตูเมืองอยู่ตรงนั้นเอง!
ตราบใดที่เขาออกไปทางประตูนั้นได้ เขาก็จะปลอดภัย!
แนสเดลคิดว่าตนควรจะตอบแทนบุญคุณเด็กหนุ่มผู้นี้ที่ช่วยเหลือเขา หากว่ามีโอกาสแล้วล่ะก็นะ
ความโหยหาอิสรภาพนั้นเปี่ยมล้นในใจแนสเดล แม้ว่าเขาจะยังไม่หายดี แต่จู่ๆ เขาก็กระโจนตัวออกไปและเริ่มวิ่งไปทางประตูเมืองเร็วรี่ราวกับปลาที่พยายามจะกระโดดกลับลงน้ำ!
ห้าสิบเมตร ยี่สิบเมตร สิบเมตร ห้า…หัวใจของแนสเดลเต้นรัวเร็วขณะที่เขาเข้าไปใกล้ประตูเมืองขึ้นเรื่อยๆ
ปัง!
รถยนต์คันหนึ่งที่แล่นมาอย่างรวดเร็วชนเข้ากับแนสเดล เมื่อรถหยุดลง เจ้าของรถก็ก้าวลงมาพร้อมกับถามด้วยท่าทางหาเรื่อง “สุนัขผู้ใดกัน! จู่ๆ มันก็กระโดดออกมาเช่นนี้เนี่ย! เพื่ออะไรกัน จะฆ่ากันหรือ”
เมื่ออาลีตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น หยาดเลือดก็พวยพุ่งออกมาจากปากเจ้าสุนัขตัวโตเสียแล้ว ร่างของมันกระตุกอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่มันจะแน่นิ่งไป
อาลีรีบตรงเข้าไปขอโทษขอโพย แท้จริงแล้วเจ้าของรถนั้นเป็นฝ่ายผิด เขาถึงทำเพียงบอกให้อาลีลากตัวเจ้าสุนัขออกไปหลังจากกล่าวตำหนิสั้นๆ
เมื่อเห็นศพของเจ้าสุนัขตัวโต อาลีก็ถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าเราจะไม่ใช่คู่หูที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของกันและกันนะ แต่ขอบใจนะ เพราะมีเจ้าอยู่ด้วยในสองวันที่ผ่านมา ข้าจึงรวบรวมความมั่นใจกลับคืนมาได้ ข้าจะฝังเจ้าให้เอง”
เขาลากร่างของเจ้าสุนัขตัวโตไปที่ป่ารอบนอกเมืองและฝังมันไว้ด้วยความระมัดระวัง เขาอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งเพื่อปรับอารมณ์ ก่อนจะจากมา
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จู่ๆ หลุมศพก็แยกเปิดออก แล้วสุนัขสภาพเหมือนศพก็ปีนออกมา
“โชคดีที่ข้ารู้วิธีแกล้งตาย…” แนสเดลพึมพำเสียงแผ่ว เขามองกลับไปทางนครเรนทาโตที่อยู่ห่างออกไป ที่นี่ช่างเป็นสถานที่แสนอันตราย!
เขาจะต้องรายงานเรื่องทั้งหมดนี้ให้เจ้าชายรับรู้!
…
ณ นครศักดิ์สิทธิ์ แลนซ์ เบเนดิกต์ที่สามเอ่ยกับฟิลิป “ไม่มีการตอบรับจากราชาทูตสวรรค์เช่นนั้นหรือ”
………………………………….