Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 739 อนาคตสดใส
หากไม่มีปิดกั้นอากาศ นักเวทจะแผ่พลังวิญญาณออกไปได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ระยะสนามพลังของพลังวิญญาณจึงกว้างกว่าบนพื้นดินหลายสิบเท่า อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่กว้างเช่นนั้น ลูเซียนและนักเวทคนอื่นๆ ไม่อาจสัมผัสถึงสิ่งอื่นใดได้นอกจากดาวเทียมดวงเดียวที่โคจรในรูปแบบที่ตายตัว สภาพแวดล้อมทั้งหมดนั้นเยือกเย็นและมืดมิด นั่นคือความรู้สึกแท้จริงของจักรวาลที่อยู่นอกเหนือชั้นบรรยากาศ
บนวงโคจรดังกล่าว ลูเซียน ดักลาส เฟอร์นันโด และเฮลเลน ตัวเล็กมากเมื่อเทียบกับดาวเทียม แต่พวกเขาเต็มไปด้วยมวลอากาศที่น่าสะพรึงกลัวจนดูเหมือนดวงอาทิตย์ขนาดย่อมๆ พวกเขาคือผืนดินธรรมชาติ นรกสายฟ้า จักรวาลในอะตอม และภาพลวงตาที่สร้างจากหิมะ
เมื่อนักเวทชั้นตำนานแผ่พลังวิญญาณออกไปเต็มที่ โลกแห่งปัญญาที่เป็นปึกแผ่นครึ่งหนึ่งของพวกเขาส่งผลกระทบต่อความเป็นจริง พร้อมกับมิติพิเศษของพวกเขา!
ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและมืดมิดเช่นนี้ ลูเซียนตอบคำถามของเฮลเลนพร้อมกับรอยยิ้ม “เพราะข้าชอบให้ศาสนจักรเลียนแบบเรา ไล่หลังเรา และแข่งขันกับเราในโลกที่เราเชี่ยวชาญ มากกว่าที่จะไปความสนใจเรื่องเทววิทยา ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น สักวันพวกเขาอาจค้นพบวิธีใช้ “หุบเขาวิมาน” เต็มความสามารถ”
เฮลเลนพยักหน้า นางนิ่งคิดไตร่ตรอง “งั้น เจ้าตั้งใจเผยความสำคัญของดาวเทียมเพื่อดึงความสนใจของศาสนจักรมาจากจุดแข็ง พวกเขาจะแข่งกับเราในโลกที่พวกเขาไม่รู้อะไรเลย แต่เป็นงานถนัดของเราสินะ?”
“ขอรับ แม้พวกเขายังไม่อาจไขความลึกลับของหุบเขาวิมาน แต่เราก็ควรเลี่ยงเหตุไม่คาดฝันให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนกว่าเราจะถือไพ่เหนือกว่า” ลูเซียนพยักหน้า
“เจ้าไม่กลัวว่าสถานการณ์จะบานปลายไปกันใหญ่รึ ถ้าศาสนจักรรู้ความลับของดาวเทียม? ดาวเทียมมีบทบาทสำคัญ ในฐานะอาวุธกลยุทธ์ ดาวเทียมเปลี่ยนจากจุดยุทธศาสตร์ควบคุมธรรมดาๆ เป็นการควบคุมวงโคจรระดับดาวเคราะห์เลยนะ” ดักลาสถามด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“จุดยุทธศาสตร์ควบคุม” ไม่ใช่คำศัพท์ที่ยากกว่าสภาเวทมนตร์ที่จะเข้าใจ เมืองลอยฟ้าก็เป็นผลผลิตจากจุดยุทธศาสตร์ควบคุม แต่ก็ไม่มีใครเคยสรุปไว้มาก่อน
ลูเซียนพูดอย่างไม่เร่งร้อน “จริงอยู่ขอรับ ดาวเทียมมีความสำคัญมาก แต่เราพัฒนาประโยชน์ของมันไปเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น จนกว่าจะแก้ปัญหาเรื่องพลังงานได้ ดาวเทียมช่วยเราได้เฉพาะการส่งสัญญาณ การเฝ้าระวัง และการสำรวจเท่านั้น มันยังไม่ใช่กุญแจสู่ชัยชนะ ส่วนสำคัญที่สุดคือการส่งสัญญาณ”
“สำหรับคริสตจักร เนื่องจากวงเวทถ่ายทอดภาพมีใช้กันไปทั่วแล้ว นักบวชระดับกลางก็ถ่ายทอดภาพได้ไม่ต่างกับดาวเทียมในดินแดนฝั่งตรงข้ามช่องแคบสตอร์ม ในเขตที่เราและคริสตจักรเหนือยึดครอง พวกมันก็เคยทำมาแล้วในอดีต แต่ไม่ใช่ตอนนี้ สำหรับการถ่ายทอดสดและสื่ออื่นๆ พวกมันคงไม่ยอมคนธรรมดาได้ใช้ประโยชน์หรอก สำหรับพวกมัน ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี”
“สิ่งที่พวกมันต้องการคือศักยภาพเบื้องหลังการส่งสัญญาณของดาวเทียม แต่ชิ้นส่วนที่เป็นประโยชน์ในตอนนี้จะช่วยให้พวกมันฟื้นตัวกลับมาได้แค่ระดับก่อนศึกเรนทาโตเท่านั้น สำหรับเรา นั่นไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย แล้วเราก็ยังเข้าใจกลไกและรายละเอียดของดาวเทียมเป็นอย่างดี แล้วเราจะไม่มีทางยับยั้งดาวเทียมของศาสนจักรได้เลยเหรอขอรับ? เราจะไม่สามารถเจาะระบบขโมยการสื่อสารลับได้เลยเหรอ? นั่นมันโลกที่เราคุ้นเคยและเชี่ยวชาญนะขอรับ!”
พูดถึงตรงนี้ ลูเซียนก็นึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง เขายิ้มและพูดขึ้น “พูดง่ายๆ เราลากศัตรูเข้าสู่สนามที่เราคุ้นเคย ก่อนที่จะจัดการพวกมันด้วยประสบการณ์อันโชกโชนและการศึกษาอันถ่องแท้ของเรา”
“พลังศักดิ์สิทธิ์อาศัยพลังจากธานอส และยิ่งมีพลังมากขึ้นบนวงโคจร ถ้าพวกมันสร้างดาวเทียมเลียนแบบสำเร็จ ทั้งการโจมตีและการป้องกันจะก้าวหน้ากว่าเรามาก เจ้าไม่กลัวว่าพวกมันจะแซงหน้าเรารึไงกัน?” เฟอร์นันโดดูหงุดหงิด ตั้งแต่ที่ลูเซียนล้อเขาเรื่อง “เครื่องปฏิกรณ์ที่ควบคุมไม่ได้”
ลูเซียนหัวเราะเบาๆ “ถ้าคริสตจักรเป็นสภาอีกแห่งที่มีระบบอาร์คานาของตัวเอง ค่าชื่อเสียงอาร์คานา คะแนนอาร์คานา ส่งเสริมการศึกษา สั่งสมความรู้มาหลายร้อยปี ศึกษาโลกมหภาคและโลกจุลภาคอย่างถ่องแท้ ข้าจะไม่เสนอเรื่องนี้เลยขอรับ”
แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นไปได้ หากศาสนจักรมีรากฐานอาร์คานาคล้ายๆ กัน “สงครามดาวเคราะห์” ก็อาจเปลี่ยนจากการต่อสู้แย่งอำนาจเป็นการแข่งขันภาคเศรษฐกิจโดยสมบูรณ์แบบ ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาควรแข่งขันกับศัตรูในด้านที่พวกเขาเก่งกว่า ไม่ใช่ด้านที่ตัวเองไม่ถนัด
“ในตอนนี้ พิจารณาจากเหตุผลที่ข้าอธิบายมา ข้าไม่กังวลเลยว่าศาสนจักรจะเหนือกว่าเราในเรื่องดาวเทียม ไม่ใช่ในสิบปี ไม่ใช่ในร้อยปี และไม่ใช่ในพันปี” ลูเซียนอธิบายต่อ “เว้นแต่ศาสนจักรจะเริ่มสร้างระบบอาร์คานาของตัวเอง แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็จะไม่มีความขัดแย้งบาดหมางระหว่างพวกนั้นกับเรา เมื่อพวกมันเลิกพึ่งพายึดติดความเชื่อโดยสิ้นเชิง เราก็อยู่ร่วมกันได้”
“ดาวเทียมของพวกมันอาจมีพลังมากขึ้น แต่จนกว่า ‘หุบเขาวิมาน’ จะมีบทบาทจริงๆ ดาวเทียมพวกนั้นไม่อาจใช้เป็นปืนใหญ่ยิงจากวงโคจรยิงถล่มพื้นดินได้ แต่กลับกัน เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของเราจะสำเร็จในอีกปีสองปี หลังจากที่ย่อเครื่องให้เล็กลงได้ เครื่องจะมีประสิทธิภาพเหมือนกับดาวเทียม”
“เจ้าพูดราวกับว่าศาสนจักรไม่มีปัญหาทำอะไร นอกจากรอวันตาย และอนาคตของเราช่างสดใส ไร้อุปสรรค” ดักลาสหัวเราะหึๆ
ลูเซียนตอบ “อนาคตของเราสดใส แต่หนทางข้างหน้านั้นยากลำบากขอรับ อันที่จริง ข้ามั่นใจว่าท่านก็คิดเหมือนกันใช่ไหมขอรับ ท่านประธาน แต่ท่านไม่เคยเสนอออกมา ข้าขอยกตัวอย่างว่างานวิจัยทั้งหมดเกี่ยวกับอาร์คานาเผยแพร่สู่สาธารณะ ศาสนจักรและประเทศไหนๆ ก็หาอ่านได้เท่าที่ต้องการ แต่เรื่องเวทมนตร์ มีเพียงหลักการและแนวคิดกว้างๆ เท่านั้น การอ่านและแลกเปลี่ยนโครงสร้างเวทมนตร์เฉพาะต้องได้รับอนุญาต เพราะแบบนี้ พวกมันอาจรู้สึกว่ารู้จักอาร์คานาดีพอ และไล่ตามเราได้ทัน แต่ไม่มีทางที่พวกเขาจะทำได้”
“ข้าไม่ได้คิดอะไรมากในตอนนั้น และสร้างระบบด้วยงานตีพิมพ์ที่พวกมันไม่มีวันเข้าใจ” ดักลาสยอมรับตรงๆ พร้อมกับรอยยิ้มทะนงตน “ในสายตาของข้า หากปราศจากการค้นคว้าและการสำรวจด้วยตนเอง ไม่มีการสะสมความรู้นานพอ การอ่านบทความเฉยๆ ก็ไร้ประโยชน์ นักบวชและผู้มีพลังส่วนใหญ่ในประเทศไหนๆ ก็ไม่ได้อะไรมากนักจากบทความอาร์คานาที่ตีพิมพ์ของเรา ข้าไม่รู้ว่าโป๊บคือไวเค็น และเขายังใฝ่รู้อยู่ไหม”
ทันใดนั้น เฮลเลนก็แทรกขึ้นมา “อีวานส์ เจ้าติดตั้ง ‘เครื่องปฏิกรณ์ที่ควบคุมไม่ได้’ บนดาวเทียมทุกดวงด้วยค่าใช้จ่ายมหาศาล เพียงเพื่อให้ศาสนจักรไม่สามารถยึดมันไปง่ายๆ แค่นั้นเหรอ?”
“ขอรับ ท่านจะถวิลหาสิ่งที่ได้มายากเย็น พวกมันคงสงสัยจุดประสงค์ที่แท้จริง ถ้ามันง่ายเกินไป เราจึงต้องทำให้พวกมันลำบากและบีบให้ยอมลงทุนสูง ด้วยวิธีนี้ พวกมันจะยอมเสียเวลาในการเลียนแบบและดัดแปลงมากขึ้น” ลูเซียนส่ายหัวราวกับว่าเขาผิดหวังหนัก “ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะไม่มีจิตวิญญาณนักสู้เลย ข้าหวังจะเห็นพวกมันยอมแลกชีวิตพระคาร์ดินัลชั้นนักบุญสักคนกับความลับของดาวเทียม”
ดักลาสก็ถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าเราต้องหาวิธีเปิด ‘โอกาส’ ให้กับศาสนจักรอีกครั้ง…”
ดูเหมือนเขาเห็นด้วยกับความคิดของลูเซียน
“เราจะแน่ใจได้ไงว่าศาสนจักรกระสันอยากได้ดาวเทียม ถึงยอมเสี่ยงทุ่มเทสร้างเลียนแบบและดัดแปลงดาวเทียม” เฟอร์นันโดถามขึ้นด้วยความรอบคอบ
“ถ้าพวกมันไม่ขโมยดาวเทียมและศึกษาความลับ พวกมันก็หมดทางสู้ เมื่อเราใช้ประโยชน์จากดาวเทียมได้เต็มที่และควบคุมวงโคจรและดาวเคราะห์ ถึงตอนนั้น ก็รังแต่จะถูกกำจัด แต่กระบวนการดังกล่าวใช้เวลานานและอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝัน ถ้าพวกมันเลือกทางนี้ ทุกอย่างก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม” ลูเซียนพูดน้ำเสียงเคร่งขรึม
ดักลาสยิ้มอีกครั้ง “อนาคตของเราสดใสแน่นอน ไม่ว่าศาสนจักรจะเลือกอะไร ความล้มเหลวของศาสนจักรไม่หนีไปไหน นี่คือทางเลือกแห่งยุคของเรา แต่…”
ทันใดนั้น เขาก็ถอนหายใจ เหมือนกับลูเซียน พวกเขาถอนหายใจยาว ปล่อยอากาศที่ไม่มีอยู่ในอวกาศ และพูดขึ้นเกือบพร้อมกันด้วยความรู้สึกที่ไม่ชัดเจน “มนุษย์ครึ่งเทพ”
ใช่ หากไม่มีพวกมนุษย์ครึ่งเทพที่ครอบครองความลึกลับของผีดิบอีกต่อไป สภาเวทมนตร์ก็ไม่จำเป็นต้องวางแผนต่อกรกับศาสนจักรเลย แต่จะพัฒนาแผนหาหนทางกำจัดศาสนจักรให้สิ้นซากโดยเร็วที่สุด!
“นั่นเป็นสาเหตุที่หนทางข้างหน้าเรายากลำบาก มีโอกาสที่สภาเวทมนตร์อาจถูกทำลายจากมนุษย์ครึ่งเทพ หากพวกนั้นร่วมมือกัน มีโอกาสที่พวกเราบางคนจะถูกมนุษย์ครึ่งเทพสังหารก่อนที่ไปถึงชัยชนะครั้งสุดท้าย” ลูเซียนพูดอย่างหนักใจ แต่ไม่มีความกลัว
เมื่อมองไปที่ดวงดาว ดักลาสตั้งข้อสังเกตว่า “แม้ว่าเราจำเป็นต้องมีมนุษย์ครึ่งเทพอยู่ฝ่ายเราเอง แต่การพัฒนาของสภาพเวทมนตร์จะต้องมุ่งเน้นการศึกษาอาร์คานาและการใช้เวทมนตร์ เพราะเส้นทางของมนุษย์ครึ่งเทพของเราต้องและสร้างขึ้นมาจากอาร์คานาและเวทมนตร์เท่านั้น”
เฟอร์นันโดและเฮลเลนพยักหน้าพร้อมกัน เห็นด้วยกับข้อสังเกตของดักลาส
“เอาล่ะ แผนต่อไปเป็นยังไง?” ดักลาสมองไปที่ลูเซียน และขอความเห็นจากเขา
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลูเซียนก็ตอบ “เราน่าจะแก้ปัญหาที่มีเกาะกินภายในสภา ในแผนของเรา ก่อนที่คริสตจักรใต้จะล่าถอยออกไปจากทั้งสี่ประเทศบนช่องแคบและชายฝั่งตอนเหนือ มีสายลับของศาสนจักรเต็มสภา ต่อมา พอสถานการณ์ดีขึ้น สายลับหน้าใหม่ก็เข้ามา แต่หลังจากไวเค็นแอบเปิดเผยความลับการขึ้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ ข้าชักสงสัยว่าน่าจะมีใครในสภาลอบทำงานให้คริสตจักร”
ลูเซียน “ประดิษฐ์” คำบางคำใช้ในรายการเสียงแห่งอาร์คานามาก่อน เฟอร์นันโดและนักเวทคนอื่นๆ จึงเข้าใจเขาได้ไม่ยาก นอกจากนี้ เฮลเลนและบรูคก็รวมอยู่ในการศึกษาของดักลาส เฟอร์นันโด แฮททาเวย์ และลูเซียนเกี่ยวกับเส้นทางของมนุษย์ครึ่งเทพและความลับของความเป็นอมตะ
“ต้องอย่างนี้สิ” เฟอร์นันโดเกลียดสายลับมากกว่าอะไรทั้งหมด เขาเกลียดที่เขาไม่สามารถซัดพายุใส่พวกสายลับได้
………………………………………………