Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 761.1สื่อกลางการร่ายคาถาเวท (1
มวลสารหนาแน่นที่ไหลวนอยู่รอบๆ กุญแจน้ำเงินเป็นเหมือนกับกระแสน้ำในมหาสมุทรที่สาดซัดขับไล่พลังของปีศาจแห่งบรรพกาลที่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนอย่างไม่หยุดยั้ง พยายามสลายมวลพลังดำมืดที่บิดเบี้ยวน่าขยะแขยง ความรู้สึกด้านลบรอบบริเวณนั้นที่แทบจะชัดเจนจนจับต้องได้ค่อยๆ สลายไปในท้ายที่สุด
การระเบิดพลังอย่างไม่ยั้งคิดในช่วงเวลาสำคัญของฮาเร็กซ์ดูเหมือนจะได้ผลดีอย่างแท้จริง มวลพลังปีศาจแห่งบรรพกาลที่เจตจำนงของเจ้าแห่งนรกซุกซ่อนอยู่พลันเคลื่อนไหวช้าลงและไม่อาจหลอมรวมเข้ากับร่างของเขาได้ แต่หลายส่วนที่หลอมรวมเข้าด้วยกันแล้วกลับสั่นไหวเล็กน้อยท่ามกลางกระแสน้ำเงินเชี่ยวกราก หาได้มีสัญญาณของการแตกตัวออกไป
ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบในแผนการของมัลติมุส เขาเฝ้ารอให้การระเบิดพลังของฮาเร็กซ์หยุดลงเพื่อที่จะหลอมรวมกับอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์ก่อนที่เขาจะคลุ้มคลั่งอีกครา!
“ไร้ประโยชน์น่า ฮาเร็กซ์ หากเจ้ารู้ตัวเร็วกว่านี้ ก็คงยังพอมีโอกาสที่เจ้าจะหลบเลี่ยงมันได้ แต่ในยามนี้ ความรู้สึกด้านลบในใจเจ้าได้หลอมรวมกับข้าแล้ว หากเจ้าไม่ตายก็กลายเป็นร่างเปล่าๆ ให้ข้าไปเยือนได้โดยสะดวก” เจ้าแห่งนรกยังคงกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงเยาะหยันอันเป็นเอกลักษณ์ มันมิใช่เพราะว่าเขาเป็นคนช่างพูด ยโสโอหัง หรือสมองทึบ แต่เป็นเพราะในสงครามประสาท ยิ่งศัตรูถูกความรู้สึกด้านลบครอบงำมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งควบคุมอีกฝ่ายได้ง่ายขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การใช้ถ้อยคำโจมตีตามความจำเป็นจึงถือเป็นวิธีการที่ได้ผลดียิ่ง
ในยามนี้ ลูเซียนกับนาตาชายังถูกแยกจากฮาเร็กซ์โดยน้ำทะเลสีน้ำเงินหนาแน่นที่ไหลทะลักออกทางด้านนอก ทั้งสองไม่สามารถทำลายปราการที่ขวางกั้นอยู่ได้เลยในตอนนี้ หากว่ากระแสน้ำเงินเชี่ยวกรากจะถูกสลายไปง่ายๆ เช่นนั้นมัลติมุส ผู้เป็นถึงมนุษย์ครึ่งเทพ ก็คงจะทะลวงฝ่ามันเข้าไปและหยุดการดิ้นรนของฮาเร็กซ์แล้ว
ลูเซียนกับนาตาชาไม่มองหน้ากันและไม่พูดคุยผ่านกระแสจิต แต่ทั้งสองกลับมีความเคลื่อนไหวที่คล้ายคลึงกันแทบจะในเวลาเดียวกัน หนึ่งคนเอื้อนเอ่ยถ้อยคำแปลกประหลาดยากจะเข้าใจเพื่อร่ายคาถาเวทพังทลายขั้นสุดยอดที่เสริมด้วยเวทหัตถ์แห่งความไม่แน่นอนโดยเล็งไปทางสายน้ำที่รวมตัวกันหนาแน่น อีกคนหนึ่งถือดาบแห่งสัจธรรมแน่นและกลายเป็นแสงสว่างสายหนึ่งที่มิมีวันล่าถอย ก่อนจะฟาดฟันใส่กระแสน้ำเงินเชี่ยวกรากเบื้องหน้าลูเซียน!
ความคิดที่เหมือนกันของทั้งคู่ก็คือการหยุดเจ้าแห่งนรกจากการขโมยร่างของจักรพรรดิแห่งมหาสมุทรก่อนที่กระบวนการหลอมรวมจะสำเร็จ เพื่อที่เขาจะไม่สามารถมาเยือนโลกหลักแห่งนี้ได้ทุกเมื่อ มิเช่นนั้นอาจมีปัญหาตามมาไม่สิ้นสุด พวกเขาไม่อาจเสี่ยงเอาตัวเองไปอยู่ต่อหน้ามนุษย์ครึ่งเทพผู้ไม่เป็นมิตร
แกร๊กๆๆๆ
มวลสารสีน้ำเงินที่มิใช่น้ำทะเลของจริงระเบิดโพลงและสลายไปทีละชั้นๆ จากนั้น ช่องว่างที่ดูเหมือนภาพมายาและน่าหวาดกลัวก็คล้ายกับจะตัดเฉือนทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏขึ้นตรงหน้ามัน!
ช่องว่างมากมายที่ไม่ควรมีอยู่บนโลกใบนี้แตกแขนงออกไปเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ส่งผลให้มหาสมุทรมวลหนาแน่นที่ใกล้จะพังทลายภายใต้ฤทธิ์เดชของเวทพังทลายขั้นสุดยอด แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แกร๊ก
มหาสมุทรน้ำเงินถูกแบ่งออกเป็นทะเลสาบใหญ่ๆ ไม่กี่แห่งก่อน จากนั้นทะเลสาบก็แตกออกเป็นอ่างเก็บน้ำเล็กจิ๋ว
ทว่า มวลน้ำหนาแน่นจากกุญแจน้ำเงินยังคงหลั่งไหลออกมาไม่หยุด ยังไม่ทันที่ลูเซียนกับนาตาชาจะทำลายสิ่งขวางกั้นเบื้องหน้าทั้งสองได้สำเร็จจริงๆ กระแสน้ำเชี่ยวกรากก็ไหลทะลักมาขวางกั้นพวกเขาอีกครั้งแล้ว
ฮาเร็กซ์พยายามอย่างที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจกำจัดมวลพลังปีศาจแห่งบรรพกาลออกไปจากตัวเขาได้ ท่ามกลางความสิ้นหวัง จู่ๆ เขาก็เกิดความคิดว่าจะขอตายไปพร้อมกับศัตรู ‘หากเจ้าอยากขโมยร่างข้า เจ้าจักไม่มีทางได้มาที่โลกหลักนี้อีกนับสิบๆ ปี!’
เมื่อถึงยามนั้น การพลีชีพของเขาอาจทรงพลังมากพอที่จะเปลี่ยนมหาสมุทรภายในระยะหลายร้อยกิโลเมตรให้กลายเป็นเศษซากแห่งความตาย ความตั้งใจที่จะมาเยือนโลกหลักของเจ้าแห่งนรกจะถูกสั่นคลอน และมันย่อมได้รับบาดเจ็บสาหัส ลูเซียนกับนาตาชาก็จะถูกกลบฝังไปพร้อมกับมัน!
เขาปกครองมหาสมุทรไร้พรมแดนมากว่าหนึ่งพันปีและควบคุมพลังอันสูงส่งของเผ่าพันธุ์แห่งท้องทะเล เขาจึงทะนงตนเกินกว่าจะยินยอมให้ตัวเองสูญเสียสติสัมปชัญญะและกลายเป็นภาชนะให้กับเจ้าแห่งนรกเพื่อให้มาเยือนโลกหลัก!
บางครั้ง ความตายก็หาใช่ทางเลือกที่เลวร้ายที่สุด!
ชั่ววินาทีที่เขาเกิดความคิดที่ว่ายอมตกตายไปพร้อมกับศัตรู ฮาเร็กซ์พลันรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบลึกล้ำที่โถมกระหน่ำอยู่ภายในจิตวิญญาณ และเขาก็รู้สึกตัวแข็งทื่ออย่างที่ไม่ใช่เรื่องดี ในตอนนั้นเอง มวลพลังปีศาจแห่งบรรพกาลที่เกิดจากแมลงสีดำขนาดจิ๋วจำนวนไม่ถ้วนก็ต้องสะท้อนบนนัยน์ตาของเขา เจ้าแห่งนรกฝ่าผ่านการระเบิดพลังของกระแสน้ำเงินเชี่ยวหรากมาได้อย่างไรมิทราบ และกำลังคืบคลานเข้าสู่ร่างกายและจิตวิญญาณของเขา!
วัตถุไร้รูปร่างสภาพยั้วเยี้ยมารวมตัวกันเป็นสิ่งที่ดูคล้ายกับใบหน้ามนุษย์ มันเผยยิ้มหยัน ก่อนจะกล่าวว่า “การพลีชีพนับเป็นความคิดที่ ‘เข้าตาจน’ จริงๆ ข้าสัมผัสได้ถึงการเชื้อเชิญจากหัวใจเจ้า ซึ่งนั่นช่วยลดปราการที่กางกั้น ‘การสื่อสาร’ ระหว่างเราลง”
ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในดวงตาเฉยชาของฮาเร็กซ์เป็นครั้งแรก และนั่นยิ่งทำให้ความรู้สึกของเขาหลอมรวมเข้ากับเงาดำมืดมากกว่าเดิม
เจ้าแห่งนรกเข้าใจปีศาจแห่งบรรพกาลดี และทักษะในการบงการพวกมันของเขาก็ยอดเยี่ยมไร้ที่ติอย่างแท้จริง ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะเคยหัวเราะเยาะพระสันตะปาปาไวเค็น!
ลูเซียนร่ายคาถาเวทพังทลายขั้นสุดยอดที่เสริมด้วยเวทหัตถ์แห่งความไม่แน่นอนด้วยท่าทีเคร่งเครียดอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยหวังจะทำลายปราการมหาสมุทรอันแข็งแกร่งตรงหน้าเขาโดยประสานการทำงานกับดาบแห่งสัจธรรมของนาตาชา ทว่า กระแสน้ำเงินเชี่ยวกรากกลับไม่มีสัญญาณว่าจะสงบลงเลย ด้วยเหตุนี้ ทั้งคู่จึงฝ่าทะลวงไปได้เพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น
แท้จริงแล้วระหว่างลูเซียนกับฮาเร็กซ์นั้นมีแม่น้ำกว้างไม่กี่เมตรกางกั้นเท่านั้น แต่มันกลับเหมือนมีทั้งมหาสมุทรไร้พรมแดนที่ไม่อาจข้ามผ่านไปตั้งอยู่
“เหอะๆ แท้จริงแล้วเจ้าก็ตกเป็นเหยื่อของความหวาดระแวงของเจ้าเอง เห็นได้ชัดว่าลูเซียนตั้งใจจะกำจัดข้า แต่บัดนี้…” มัลติมุสหัวเราะขัน และความมืดมิดพิสดารก็ดูเหมือนจะแผ่ไปทางลูเซียนกับนาตาชาอย่างไรอย่างนั้น “เป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะเอาชนะข้าได้ หาก ‘เวทพังทลายขั้นสุดยอด’ ของเจ้าใช้การได้ดีเท่าของแฮทธาเวย์ และหาก ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ ของเจ้าคือหนึ่งในสิบสามอาวุธชั้นตำนานระดับสี่ ก็อาจยังพอมีโอกาสอยู่บ้าง แต่น่าเสียดายที่มันมิใช่ จงหนีไปเสีย หากเจ้าไม่หนีไป ข้าจะไม่ใจดีกับเจ้าอีกต่อไป”
สิ้นหวัง สิ้นหวังอย่างที่สุด ถ้อยคำของมัลติมุสทำให้ฮาเร็กซ์ที่ถูกครอบงำโดยปีศาจแห่งบรรพกาลไปแล้วส่วนหนึ่ง มองเห็นจุดจบของตนเอง นี่เขาทำผิดพลาดติดๆ กันในช่วงเวลาสำคัญได้อย่างไร สติปัญญาของเขาถูกความโลภบดบังจริงๆ หรือนี่
ความมืดอันลึกล้ำชวนหดหู่แนบติดไปกับใบหน้าของฮาเร็กซ์ เติมเต็มนัยน์ตาสีแดงเข้มด้วยความสิ้นหวังและสลดหดหู่อันไร้ที่สิ้นสุด
“เราไปจากที่นี่กันเถิด” เมื่อเห็นว่าฮาเร็กซ์ค่อยๆ ถูกมัลติมุสกลืนกิน ลูเซียนจึงรีบบอกนาตาชาผ่านกระแสจิต หากพวกเขาไม่หนีไปตอนนี้ พวกเขาคงไม่มีทางหลบหนีไปได้อีก!
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้ แต่การช่างน้ำหนักระหว่างข้อได้เปรียบและเสียเปรียบก็ยังเป็นเรื่องจำเป็น เจ้าแห่งนรกที่มาเยือนในร่าง ‘ฮาเร็กซ์’ คงจะใช้พลังจากประตูน้ำเงินเพื่อปิดกั้นบริเวณโดยรอบได้เป็นแน่ หากเขาสูญเสียข้อได้เปรียบที่แข็งแกร่งที่สุด นั่นคือการหลบหนีไป เขาคงจะถูกมนุษย์ครึ่งเทพผู้นี้บดขยี้และตกตายไป แม้ว่าร่างจริงของมัลติมุสจะไม่ได้มาเยือนเอง แต่เขาก็คงจะแข็งแกร่งเทียบเท่ามนุษย์ครึ่งเทพระดับแรกเริ่มเมื่อเขาอยู่ในร่างของฮาเร็กซ์
โดยไม่ลังเล นาตาชาเก็บดาบยาวเข้าฝักแล้วบินหนีออกจากบริเวณแอ่งกระทะ ในตอนนั้นเอง ฮาเร็กซ์กับมวลพลังปีศาจแห่งบรรพกาลก็หลอมรวมกันเกือบสมบูรณ์แล้ว คงอีกไม่นานก่อนที่การแปรสภาพและการครอบครองร่างจะสำเร็จ
ลูเซียนก้าวพริบตาออกไปภายนอกตามนาตาชาไปติดๆ เขาเริ่มครุ่นคิดถึงการเดินทางไปยังมิติภูเขารัตติกาล การจะจัดการกับเจ้าแห่งนรกที่มาเยือนโลกหลัก แน่นอนว่าผู้มีพลังชั้นตำนานระดับสูงสุดของสภาย่อมตั้งรับได้ แต่มีกำลังไม่พอจะโจมตี นอกจากนี้ พวกเขายังต้องระวังการลอบโจมตีจากพระสันตะปาปาไวเค็นและผู้มีพลังชั้นสูงคนอื่นๆ อีกด้วย ลูเซียนจึงต้องไปหาไรห์นและขอความช่วยเหลือจาก ‘พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน’ อัลเทอร์นา
ในตอนนั้นเอง ‘เพลง’ บทหนึ่งก็พลันดังก้องมาจากที่ไกลๆ อย่างเหนือความคาดหมาย และมหาสมุทรมายา ณ ใจกลางกุญแจน้ำเงินก็ออกผลเป็นเมล็ดสีเขียวสดใส
“ภาษาเอลฟ์? ‘พลังกระตุ้นชีวิต’ งั้นรึ” ลูเซียนหยุดชะงักในทันที พลันร่ายคาถาด้วยเวทมนตร์ระดับเก้าเพื่อแผ่พลังจิตออกไป ทำให้เขามองเห็นสตรีผู้งดงามอยู่ตรงชายขอบแอ่งกระทะที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวทำจากใบไม้ นางดูเหมือนกับคนที่ลอยตัวอยู่ตรงนั้นมาสักพักแล้ว ผมสีบลอนด์ของนางถูกมัดไว้ ผสมผสานความใสซื่อและความเป็นผู้ใหญ่อย่างลงตัวจนยากจะบรรยายความงามของนางได้ “ราชินีเอลฟ์ อะเกลียยา? นางอยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรือ”
เบื้องหลังอะเกลียยาคือเงาของต้นไม้สูงใหญ่ ซึ่งดูเหมือนทั้งของจริงและภาพมายา กลิ่นไอแห่งพลังอำนาจแผ่กำจายจากต้นไม้เขียวขจี และที่ใจกลางต้นไม้ก็คือหัวใจสีใสที่สร้างขึ้นจากจุดแสงมากมาย มันเต้นเป็นจังหวะหนักแน่น
ปากของนางปิดสนิท แต่บทเพลงแสนไพเราะเย้ายวนใจกลับยังดังก้อง ในเวลาเดียวกันนั้น เมล็ดพันธุ์สีเขียวมายาภายในมหาสมุทรน้ำเงินก็ดูดซับน้ำรอบๆ บริเวณเข้าไปอย่างหิวกระหายเหมือนกับพืชทั่วๆ ไป ก่อนที่มันจะออกราก ต้นอื่น และแผ่กิ่งก้าน เพียงครู่เดียว เมล็ดพันธุ์มายาก็เติบโตขึ้นเป็นต้นไม้สูงใหญ่ที่เกี่ยวกระหวัดเข้ากับเงาที่คล้ายคลึงกับต้นไม้เอลฟ์อย่างยิ่ง
ภายใต้การดูดซับอย่างบ้าคลั่ง กุญแจน้ำเงินที่ถึงขีดกำจัดของมันแล้วไม่อาจคงสภาพได้อีกต่อไป มหาสมุทรมายาจึงกลับกลายเป็นแห้งเหือด เผยให้เห็นตัวฮาเร็กซ์บนแท่นบูชากับเงาที่ซ้อนทับร่างของเขา
ดูเหมือนว่ามัลติมุสจะคาดการณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ เขาเร่งการหลอมรวมร่างกับฮาเร็กซ์ทันทีที่เสียงเพลงดังก้อง ร่างของเมอร์ล็อคกลับกลายเป็นเลือนลาง และเงามืดก็เริ่มชัดเจนขึ้น
ด้วยไม่มีเวลามามัวครุ่นคิดว่าเหตุใดอะเกลียยาถึงมาที่นี่ได้อย่างเหมาะเจาะ ลูเซียนต้องตัดสินใจให้เร็ว เขายกมือทั้งสองข้างขึ้น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบดุจสายลมโหมกระหน่ำ “ความเมตตาของเทพธิดาหิมะ!”
มีเวลาไม่มากพอให้สร้างสุญญากาศขึ้นมา มัลติมุสใกล้จะทำสำเร็จแล้ว!
ด้วยเหตุนี้ ลูเซียนจึงไม่เลือก ‘เวทปืนใหญ่โพซิตรอน’ หรือ ‘เวทเปลวไฟนิรันดร์’ ของเขา ซึ่งมีฤทธิ์เดชน้อยกว่าของท่านประธาน
ลำแสงโปร่งใสเป็นประกายระยิบระยับถูกยิงออกไป มันดูราวกับถูกกระแสไฟฟ้าและแสงเลเซอร์ขนาดจิ๋วจนแทบมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นจำนวนนับไม่ถ้วนเหนี่ยวรั้งเอาไว้ ไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ใด มันก็จะดึงเอาความสงบเงียบจากภายในออกมา
………………………………………………….