Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 765 แบบจำลองสุญญากาศรูปแบบใหม
ภายในห้องเรียน นักเรียนทุกคนต่างจดจ้องไปที่อาลี แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงสายตาเหล่านั้นเลย กลับจ้องมองไบรอัน ราวกับว่าเขากำลังพยายามยืนยันในสิ่งที่ตนได้ยินเมื่อครู่ว่ามันไม่ใช่ภาพหลอนหรือว่าเขาฝันไป
ตอนอยู่ในสำนักเวทมนตร์ ส่วนใหญ่แล้วไบรอันจะสนใจศาสตร์แห่งภาพมายาและจิตวิเคราะห์ เขาจึงพยักหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและทวนประโยคที่เพิ่งพูดไป “ใช่ การสอบประจำเดือนครั้งนี้เจ้าคือนักเรียนที่เก่งที่สุดในชั้นปี เจ้าคือผู้ชนะรางวัลพิเศษ”
‘เป็นความจริง!’
‘เป็นความจริง!’
สมองของอาลีพลันระเบิดโพลง สองมือที่กำแน่นสั่นเทา และในหัวของเขาก็เต็มไปด้วยคำไม่กี่คำนี้
‘ห้องสังเกตการณ์จักรวาล!’
‘สถาบันอะตอม!’
‘เจน!’
‘อวกาศอันไร้ขอบเขต!’
“อาลี เจ้าจะไม่แบ่งปันความสุขและประสบการณ์ในการเรียนรู้กับคนอื่นๆ หน่อยหรือ” เสียงของไบรอันเรียกสติอาลีกลับมา
“ใช่ อาลี เราทุกคนต่างไม่เคยเรียนอาร์คานาพื้นฐานมาก่อน เราจะเรียนมันให้เข้าใจได้อย่างไรงั้นรึ” นักเรียนบางคนที่เกิดมาในครอบครัวสามัญชนอย่างอาลีเอ่ยปากถาม
พวกเขาเพิ่งเข้าเรียนได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น จึงยังมิเคยทนทุกข์กับความล้มเหลวใหญ่ๆ หรือยอมแพ้กับตัวเอง ดังนั้น พวกเขาจึงสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับอันดับการเรียนของอาลีที่พุ่งสูงราวกับปาฏิหาริย์มากกว่าจะรู้สึกอิจฉา
อาลียืนขึ้นและกำลังจะเอ่ยปากบอกเล่า แต่ฉับพลันนั้น เขาก็นึกถึงเส้นทางอันยากลำบากในช่วงที่ผ่านมาและสิ่งที่เขาต้องตรากตำอย่างหนัก ดวงตาของเขาพลันรู้สึกแสบร้อน และภาพรอบกายเขาก็กลับกลายเป็นพร่าเลือน
“ข้า…ข้าเพียงแต่คิดว่าบิดาข้าหาใช่นักเวท ขุนนาง นายธนาคาร หรือพ่อค้า และความสามารถของข้าก็ไม่ได้ดีเหมือนอย่างเหล่าอัจฉริยะที่ได้รับเลือกให้เข้าเรียนในสำนักเวทมนตร์ ข้าจึงทำได้เพียงพยายามให้มากขึ้นกว่าพวกเขา หากว่าข้าอยากจะตามพวกเขาให้ทัน…” อาลีกล่าว น้ำเสียงกึ่งสะอื้นไห้ เขาอยากจะบอกเล่าความในใจ แต่กลับทำได้ย่ำแย่นัก
…
เดือนแห่งการเก็บเกี่ยว (กันยายน) หวนคืนมาอีกครา ยังมิมีหมู่เกาะใดที่สภาเวทมนตร์ดูแลถูกมัลติมุสโจมตี ดูเหมือนว่าความสนใจทั้งหมดของมันจะอุทิศให้กับการรวบรวมเผ่าพันธุ์แห่งท้องทะเล บรูกจึงกลับมายังอัลลินก่อนกำหนด
ภายในมิติจักรวาลอะตอม วงแหวนเวทแสนซับซ้อนบนพื้นชั้นบนสุดของหอคอยบาเบลใกล้จะสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ระลอกคลื่นแห่งกาลและอวกาศแผ่ออกมาจากโถง
“เจ้าเตรียมการพร้อมแล้วหรือ” นาตาชาสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดหลังนางกลับมาจากพระราชวังเนคโซ
ลูเซียนเก็บวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้กับวงแหวนเวทแล้วส่งยิ้มให้ “ข้ายังต้องปรับรายละเอียดอีกเล็กน้อย มันจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไม่กี่วันนี้แหละ”
“น่าเสียดายที่โล่แห่งสัจธรรมยังซ่อมไม่เสร็จดี มิเช่นนั้นข้าคงจะกระโดดข้ามอวกาศไปกับเจ้าเพื่อดูว่าดวงอาทิตย์ของจริงเป็นอย่างไร…” นาตาชายกมือขึ้นเกาปลายคาง ท่าทางเหมือนโดนล่อลวง น้ำเสียงฟังดูเสียดายไม่น้อย
เมื่อไม่มีการคุ้มกันจากโล่แห่งสัจธรรม ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะต้านทานอุณหภูมิร้อนสูงใกล้ๆ ดวงอาทิตย์ได้ ดังนั้น นางจึงเลิกคิดจะลองดูอย่างไม่ลังเล มิเช่นนั้นนางคงจะเป็นคนไร้ความรับผิดชอบต่อครอบครัว บิดา และผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของนางทุกคน อย่างไรเสีย แม้แต่ลูเซียนก็ยังบอกไม่ได้ว่าเขาจะเข้าไปใกล้ดวงอาทิตย์ในระยะเหมาะสมหรือไม่ หรือว่าจะไปอยู่บนดวงอาทิตย์หลังจากเทเลพอร์ตไปถึงเลย
ลูเซียนแย้มยิ้ม “เจ้าคงต้องโทษมัลติมุสแล้วล่ะเรื่องนั้น”
เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ “หากข้าค้นพบดวงอาทิตย์จริงๆ เจ้าจะไปดูมันเมื่อไหร่ก็ได้ ตอนนี้ ข้ามีรายงานที่อยากวานให้เจ้าไปส่งให้ที่อัลลินในวันพรุ่งนี้หน่อยน่ะ”
นาตาชาหัวเราะคิก “เจ้ายังมีเวลาเขียนรายงานอยู่อีกหรือ”
ลูเซียนต้องใช้เวลาทั้งหมดในการจัดเตรียมวงแหวนเวท เขาจึงไม่ได้ไปที่สถาบันอะตอมมาสองสามเดือนแล้ว
“มันคือรายงานที่ข้าเขียนไว้ก่อนหน้านั้นแล้วน่ะ” ลูเซียนหยิบรายงานออกมาจากกระเป๋ามิติและส่งให้นาตาชา
นาตาชารับมาพลางเหลือบดู ก่อนจะอ่านหัวข้อออกมาเสียงดัง “‘อิเล็กตรอนบวกที่ถูกค้นพบในรังสีคอสมิกและแนวคิดชวนศึกษาต่อในเรื่องแบบจำลองของอนุภาคบวกและลบ’ เจ้าพร้อมจะส่งรายงานฉบับนี้แล้วหรือ”
“พร้อมแล้ว” ลูเซียนพยักหน้าน้อยๆ “หลังจากที่ห้องสังเกตการณ์จักรวาลถูกสร้างขึ้น มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ก่อนที่จะมีคนค้นพบอิเล็กตรอนบวก อีกอย่าง ข้าได้ใช้ ‘เวทปืนใหญ่โพซิตรอน’ ไปในการต่อสู้กับเจ้าแห่งนรกแล้ว ราชินีเอลฟ์คงจะเห็นมันแล้วล่ะ…อย่างไรเสีย แบบจำลองเวทมนตร์บทนี้ก็ไม่ได้สร้างขึ้นง่ายๆ”
เพราะอย่างไรเสีย มันก็เป็นเวทมนตร์พิเศษของเขา
…
ช่วงต้นเดือนแห่งการเก็บเกี่ยว กลุ่มเด็กหนุ่มสาวแสนร่าเริงแจ่มใสได้เดินทางมาถึงประตูหน้าสถาบันอะตอม
“สถาบันอะตอมจะเป็นอย่างไรนะ” อาลีสูดหายใจเข้าลึกแล้วหันไปพูดกับแอนเดอร์สัน สหายที่เพิ่งพบหน้ากันครั้งแรก เด็กหนุ่มเป็นนักเรียนชั้นนำของโรงเรียนสายสามัญแห่งที่สอง
ในขณะที่อาลีกล่าวอยู่นั้น แท้จริงแล้วเขาแอบเหลือบมองไปทางเด็กสาวในชุดกระโปรงลายดอกเดซี่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไป เครื่องหน้าของนางดูละเมียดละไม และนางมีผมหยักเป็นลอนสีดำยาวเคลียไหล่
เหล่านักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ได้แนะนำตัวเองกันเมื่อครู่นี้ ดังนั้น อาลีจึงทราบว่านางคือเจน เพื่อนทางจดหมายของเขา
ทว่า ภายใต้สายตาของอาจารย์ทั้งหลายจากโรงเรียนขุนนาง อาลีไม่กล้าพูดคุยกับเจน ด้วยเกรงว่าบรรดาอาจารย์จะสงสัยและรายงานเรื่องนี้ให้บิดามารดาของเจนทราบ หากเป็นเช่นนั้น แม้แต่เพื่อนทางจดหมาย ทั้งสองก็คงเป็นต่อไปไม่ได้อีก ในเรื่องเล่าและบทละครของเหล่ากวีขับลำนำ ความสัมพันธ์ระหว่างสตรีชนชั้นสูงกับบุรุษสามัญชนโดยส่วนใหญ่แล้วจะถูกตระกูลขุนนางไม่เห็นชอบอย่างยิ่ง
เมื่อสัมผัสได้ว่าอาลีกำลังจ้องมองนางอยู่ เจนจึงหันกลับมาและส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ซึ่งนั่นทำให้อาลีตื่นเต้นและรู้สึกว่าเลือดในกายเดือดพล่าน
“มันไม่มีทางทำให้เจ้าผิดหวังอย่างแน่นอน” แอนเดอร์สันเคยมาเยี่ยมเยือนสถาบันอะตอมแล้ว แต่เขาเองก็ยังอดประหม่าและตื่นเต้นมิได้ “จักรวาลของจริงจะเป็นอย่างไรกันนะ”
สถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าตำนานและความหวังอันงดงามมากมายจะแสดงตัวอย่างไรกันนะ
“คราวก่อนเจ้าได้เห็นอะไรบ้างหรือ” อาลีจงใจถาม เพื่อมิให้คนอื่นสงสัยว่าเขารู้จากเจนแล้ว
แอนเดอร์สันเป็นเด็กหนุ่มผู้ร่าเริงมั่นใจ เขาจึงตอบด้วยท่าทางภาคภูมิใจ “คราวก่อน เราได้ทำการทดลองยิงอนุภาคโดยมีท่านลาซาร์และท่านหญิงไฮดี้คอยแนะนำ…”
ในระหว่างการเยี่ยมชมครั้งก่อน จอมเวทส่วนใหญ่ในสถาบันอะตอมต่างยุ่งอยู่กับการทดลองของตนเอง นอกจากนี้ พวกเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปใกล้เพื่อรักษาความลับ มีเพียงจอมเวทอย่างลาซาร์ ร็อค และไฮดี้เท่านั้นที่รับมือกับผู้คนได้ดีกว่า ที่คอยพานักเรียนเดินชมและทำการทดลองอันลือชื่อ
“…พวกท่านรอบรู้มากๆ…ทั้งห้องทดลองนั้นเงียบสนิท มีเพียงเสียงจากอุปกรณ์และแสงจากวงแหวนเวท…”
ต้องขอบคุณแอนเดอร์สันที่ทำให้ภาพของสถาบันอะตอมในหัวอาลีชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สิ่งเดียวที่ทำให้เขาไม่ค่อยพอใจนักก็คือคำบรรยายของแอนเดอร์สันนั้นไม่ค่อนสะท้อนให้เห็นถึงความล้ำสมัยในขอบเขตของโลกจุลภาคเลย
ในตอนนั้นเอง ประตูสถาบันก็เปิดผ่าง พร้อมกับเสียงที่ดังออกมาจากในห้อง
“อัลฟาเรีย อ่าน ‘อาร์คานา’ ฉบับนี้สิ!”
“อะไรกัน”
“ท่านอีวานส์ค้นพบอิเล็กตรอนบวกแล้ว ปฏิยานุภาคมีอยู่จริง!”
“โลกใบนี้จะมหัศจรรย์เกินไปแล้ว…”
คำอุทานมากมายดังเข้าหูอาลีและนักเรียนคนอื่นๆ พวกเขาค่อนข้างมึนงงว่าอะไรคืออิเล็กตรอนบวก แล้วอะไรคือปฏิยานุภาค เหตุใดทั้งสองอย่างนี้จึงคุ้นหูยิ่งนัก
เนื่องด้วยข้อสันนิษฐานนี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ แนวคิดเรื่องอิเล็กตรอนบวกและปฏิยานุภาคจึงยังไม่ได้นำไปใส่ไว้ในตำราเรียนของพวกเขา นั่นจึงเป็นสาเหตุที่นักเรียนทุกคนรู้สึกสับสนมึนงง
ทว่า ลูเซียนนั้นขึ้นชื่อในเรื่องทฤษฎีล้มล้างที่สุด ข้อสันนิษฐานของเขามักจะกระตุ้นความสนใจและความสงสัยของผู้คน พวกมันเป็นที่พูดถึงบนหนังสือพิมพ์และจากสถานีวิทยุบ่อยครั้ง
หากเป็นที่อื่น พวกเขาอาจจะนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ที่นี่คือแนวหน้าทางด้านโลกจุลภาค แล้วคำที่อยู่ในเรื่องเล่าพวกนี้จะมาปรากฏที่นี่ได้อย่างไร
“หลังจากที่ท่านหญิงเฮลเลนกับท่านโอลิเวอร์นำสมการลูเซียนมาอ้างอิงกับอนุภาคเล็กจิ๋วที่สปินไม่ใช่ปริพันธ์ ครอบคลุมอนุภาคเล็กจิ๋วทั้งหมดด้วยความวิเศษของมัน ข้าคิดไว้แล้วว่าข้อสันนิษฐานของท่านอีวานส์ในเรื่องปฏิยานุภาคจะได้รับการยืนยันไม่ช้าก็เร็ว” โลวี่กล่าวด้วยความตื่นเต้น “เช่นนั้น โอกาสที่การมีอยู่ของมหาสมุทรแห่งสุญญากาศของพลังงานลบก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน!”
เลย์เรียและอัลฟาเลียกำลังอ่าน ‘อาร์คานา’ เล่มเดียวกัน ทั้งสองเข้าใจถึงอาการตื่นเต้นของโลวี่เป็นอย่างดีเพราะพวกนางเองก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน และทันใดนั้นเอง ทั้งสองก็อุทานออกมาขณะอ่านบทความที่ตามมา
“อาจารย์ของเราไม่ได้พูดถึงมหาสมุทรแห่งสุญญากาศของพลังงานลบและละทิ้งคำอธิบายของพลังงานลบไปเลย ท่านได้มอบแบบจำลองใหม่ ที่ที่อนุภาคบวกและลบจะปรากฏขึ้นและหายไปเป็ยคู่ภายในสุญญากาศ” เชลีย์เงยหน้าขึ้นมา หวังใจว่าจะได้เห็นสีหน้าประหลาดใจของเลย์เรียและอัลฟาเลีย
เลย์เรียอ่านเนื้อหาส่วนหนึ่งของบทความ “…จากทฤษฎีสนามและอณูตัวใหม่ เราสามารถมองว่าอนุภาคทุกตัวคือสนามที่แตกต่างกัน พวกมันคือสนามที่มีสถานะถูกกระตุ้นใช้งาน และรากฐานของสนามก็คือสุญญากาศ ฉะนั้นแล้ว สนามต่างๆ ที่อยู่ในสถานะของฐานก็อาจคาบเกี่ยวกัน…มันหาได้มีสุญญากาศตายตัวในโลกของเรา…สุญญากาศมิได้ว่างเปล่า…”
“…ตามที่หลักความไม่แน่นอนว่าไว้ ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่มีความตายตัวจะไม่มีความผันผวนทางพลังงานอย่างใหญ่หลวง…ฉะนั้น ตัวสุญญากาศก็คือมหาสมุทรแห่งพลังงานที่ปะทุพลุ่งพล่านอยู่ตลอดเวลา การสงวนพลังงานก็คือการรักษาระดับพลังงานโดยทั่วไป…ในระหว่างกระบวนการ สนามต่างๆ จะเข้าสู่สถานะถูกกระตุ้นใช้งานจากสถานะฐาน ยังผลให้เกิดอนุภาคบวกและลบขึ้นมาคู่หนึ่ง จากนั้นอนุภาคคู่นี้ก็จะสลายหายไปด้วยกัน พร้อมกับปลดปล่อยพลังงาน และผลลัพธ์ก็เหมือนกัน…”
“…เพราะกระบวนนี้กินเวลาสั้นเกินกว่าจะตรวจสอบได้ อนุภาคบวกและลบจึงเป็นอนุภาคเสมือนจริง ทว่า ภายใต้สถานการณ์พิเศษ อนุภาคเสมือนจริงเหล่านั้นอาจถูกแบ่งแยกเพราะพลังภายนอกและกลายเป็นอนุภาคบวกและลบที่แท้จริง นั่นอาจจะเป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของอณู มันถูกสร้างขึ้นจาก ‘ความว่างเปล่า’ ตามหลักความไม่แน่นอน…”
ทั้งสถาบันเงียบกริบขณะที่นางอ่านเนื้อหา เลย์เรีย เชลีย์ และคนอื่นๆ พยายามลองทำความเข้าใจกับแบบจำลอง แต่พวกนางยังคงตื่นตะลึงจนเกินไป
มหาสมุทรแห่งพลังงานที่ปะทุพลุ่งพล่านอยู่ตลอดเวลาภายในสุญญากาศ การปรากฏและสลายหายไปของอนุภาค และการสร้างสสารทำให้ความเข้าใจในอดีตของพวกนางปั่นป่วน ก่อเกิดเป็นพายุภายในสมอง
นอกจากนี้ มหาสมุทรแห่งพลังงานที่ปะทุพลุ่งพล่านอยู่ตลอดเวลายังอธิบายแหล่งที่มาของพลังเวทมนตร์ได้อีกด้วย!
อัลฟาเลียที่ค่อนข้างเก่งด้านโหราศาสตร์ พลันพึมพำกับตนเองว่า “หลักความไม่แน่นอนที่ถูกมองว่าเป็นเหมือนปีศาจเพราะมันอาจทำลายนิยัตินิยมกลับกลายเป็นแหล่งที่มาของสสาร…”
อาลีที่มึนงงอยู่หน้าประตูหันมาถามแอนเดอร์สัน “เจ้าเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูดกันอยู่หรือไม่”
แอนเดอร์สันส่ายหน้าตอบอย่างรวดเร็ว “ไม่เลยสักนิด…แล้วเจ้าล่ะ”
ไม่ไกลจากทั้งสองคน เจนเองก็ส่ายศีรษะเช่นกัน
“ข้าเองก็ไม่เข้าใจ…” อาลีดูท่าทางสับสนมึนงงอย่างยิ่ง “บางที…นี่แหละคือภูมิทัศน์ของความล้ำสมัยในขอบเขตของโลกจุลภาค…”
“คงใช่” แอนเดอร์สันเห็นด้วยอย่างยิ่ง
ลาซาร์กลับมาได้สติจากความตกตะลึง เขาหันกลับมาหาอาลีและนักเรียนคนอื่นๆ ก่อนจะกล่าวว่า “พวกเจ้ามาถึงแล้วหรือ เราจะแบ่งกลุ่มออกเป็นสี่กลุ่ม กลุ่มหนึ่งๆ จะใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในห้องสังเกตการณ์จักรวาล ไฮดี้กับแอนนิครอพวกเจ้าอยู่ทางด้านบนแล้วล่ะ”
การเทเลพอร์ตนั้นทำได้ครั้งละห้าคน แต่พวกเขาจำเป็นต้องมีนักเวทระดับกลางติดตามไปด้วย ภายในห้องสังเกตการณ์จักรวาล แม้ว่าห้องนี้จะใหญ่พอจะรองรับการทดลองถึงห้ารูปแบบ มันก็ยังมีพื้นที่พอให้ผู้เชี่ยมชมเข้าไปได้ นอกจากนี้ ทางสถาเวทมนตร์จะเป็นผู้สนับสนุนอันญมณีเวทมนตร์และพลังงานที่ต้องใช้
อาลีและนักเรียนคนอื่นๆ ไม่มีท่าทางมึนงงอีกต่อไป หัวใจของพวกเขากลับมาเต้นรัวเร็วอีกครา
…
ภายในจักรวาลอะตอม…
ลูเซียนเดินเข้าไปอยู่ตรงกลาง พร้อมจะเปิดใช้งานวงแหวนเวท
นาตาชาที่มาส่งเขาออกเดินทาง ยกมือขึ้นเกาปลายคางพลางเอ่ยว่า “บอกตามตรงนะ เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงสามเดือนเท่านั้นที่เราไปสำรวจมหาสมุทรไร้พรมแดนและยืนยันแนวคิดทั้งหลายด้วยชุดข้อมูล ข้ารู้สึกว่ามันง่ายดายเกินไป เหมือนกับเกมเด็กเล่นอย่างไรอย่างนั้น”
“มันไม่ได้เริ่มจากการออกสำรวจมหาสมุทรไร้พรมแดนเสียหน่อย…” ลูเซียนกระพริบตาปริบๆ พลางแย้มริมฝีปากด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
จากนั้น แสงก็สว่างวาบ และประตูแห่งกาลและอวกาศก็ถูกเปิดออก