Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 77 พระราชวังลาตาเชีย
พอหันกลับมาเฟลิเซียสังเกตว่าแอนนี่ โคลิน และศิษย์คนอื่นที่ยืนอยู่รอบๆ พยายามจะพูดคุยกับลูเซียน นางยิ้มเล็กน้อยและก้าวมาข้างหน้า
“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของคอนเสิร์ตและความสำเร็จของลูเซียนกับซิมโฟนีแห่งโชคชะตา ข้าขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลอง ค่ำวันศุกร์ที่บ้านของครอบครัวข้า ท่านวิกเตอร์ตกลงแล้ว และข้าอยากรู้ว่าจะมีใครไปงานเลี้ยงฉลองกันกี่คน”
แม้ว่าเฟลิเซียไม่อยากให้เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นสนิทชิดเชื้อกับลูเซียนเหมือนนาง แต่นางก็เข้าใจดีว่าการแบ่งแยกเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ คงไม่ทำให้ลูเซียนประทับใจมากนัก
“จริงหรือ? ข้าอยากไป!” เรเน่ยิ้มกว้าง “เป็นเกียรติมาก!”
ลูกศิษย์คนอื่นๆ ก็สัญญาว่าจะไปเช่นกัน
“แล้วเจ้าล่ะ ลูเซียน” เฟลิเซียยิ้ม
ทันใดนั้นความคิดก็ผุดขึ้นในมาหัวของลูเซียน เขาพยักหน้าและตอบ “แน่นอน เฟลิเซีย”
ลูกศิษย์คนอื่นๆ ยิ่งดูตื่นเต้นมากพอได้ยินว่าลูเซียนจะไปร่วมงานเลี้ยงด้วย
“ท่านสุภาพบุรุษและท่านสุภาพสตรี เก็บแรงไว้ตื่นเต้นวันศุกร์เถอะ” วิกเตอร์เดินลงบันไดมาพร้อมกับหนังสือที่เหน็บใต้วงแขน ท่าทางกระชุ่มกระชวย “ได้เวลาเรียนแล้ว”
ลูเซียนกำลังมองหาที่นั่งตอนล็อตต์หยุดเขาและกระซิบข้างหูลูเซียน “ข้าได้ยินมาว่าเม็กเคนซีไม่ชอบหน้าเจ้าเลย ระวังตัวด้วยเมื่อเจ้าเข้าวัง”
“ขอบใจ ล็อตต์ ข้าจะระวัง” ลูเซียนตอบอย่างสุภาพ อย่างไรก็ตาม ในหัวของเขามีแต่จะคิดหาวิธีช่วยโจเอลกับครอบครัวเต็มเดียว ลูเซียนรู้ดีว่ายิ่งเขารอนานเท่าไร เขาก็จะมีโอกาสน้อยช่วยพวกเขาน้อยลง เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะคิดวิธีรับมือเม็กเคนซีในตอนนี้
ขณะเดียวกัน ลูเซียนก็ตระหนักถึงความจริงที่ว่าเขาต้องอดทนมาก การชิงลงมืออย่างไม่ชาญฉลาดอาจทำให้โจเอลกับครอบครัวตกอยู่ในอันตรายยิ่งขึ้น
ในขณะนั้น ลูเซียนรู้สึกเหมือนเขากำลังเดินบนเชือกที่ถูกขึงระหว่างหน้าผา เขาต้องทำให้ความอดทนและโอกาสสมดุลกัน การเอนเอียงไปทางด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไปจะทำให้เขาตกจากเชือกได้
ด้วยความจำที่ยอดเยี่ยมและวิธีการเรียนรู้ที่ถูกต้อง ตอนนี้ลูเซียนสามารถอ่านเนื้อหาส่วนใหญ่อย่างง่ายดาย การดิ่งตัวเองในโลกดนตรีเป็นช่วงเวลาที่ลูเซียนได้เลิกคิดฟุ้งซ่าน
และแผนการที่รอบคอบก็ค่อยๆ ก่อร่างขึ้นในใจของเขา
หลังจากการเรียนวันนี้จบสิ้น ลูเซียนกลับไปที่กระท่อมของเขา เก็บของบางอย่างและนำไปที่บ้านเช่าของเขา
ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติ ดังนั้น เมื่อลูเซียนหยิบจดหมายออกมาในคืนนั้น มีเพียงประโยคสั้นๆ สองสามประโยค
“พรุ่งนี้ ระวังตัว อย่าทำอะไรโง่ๆ เรากำลังจับตาดูอยู่”
…
เมื่อคืนที่ผ่านมา ลูเซียนนอนหลับสนิทและเขารู้สึกสดชื่นเมื่อตื่นขึ้นมา
‘วันนี้เป็นวันสำคัญมาก ข้าจะทำอะไรผิดพลาดไม่ได้’ ลูเซียนคิดอยู่ในหัว
ไม่มีข้อความใหม่ในจดหมาย หลังจากกินอาหารเช้า ลูเซียนมาที่สมาคมและเข้าห้องฝึกซ้อม เขาเริ่มเล่นเปียโนเพื่อลดความวิตกกังวลของเขา
ลูเซียนยังไม่มีทักษะสูงพอที่จะเล่นเพลงซิมโฟนีแห่งโชคชะตาให้สมบูรณ์แบบ หลังจากทบทวนการวางนิ้วขั้นพื้นฐานแล้ว ลูเซียนก็เริ่มเล่นเปียโนเพลง ‘โซนาต้าหมายเลขแปด’ ของ ‘เบโธเฟน’ ซีไมเนอร์ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็น ‘โซนาตาพาเทติก’
เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกหลงใหลงานดนตรีของเบโธเฟนเป็นพิเศษ อาจเพราะเขาสามารถเข้าใจความทุกข์เข็ญและความเจ็บปวดของเบโธเฟน และเขาก็ชื่นชมความเพียรและจิตวิญญาณนักสู้ของคีตกวีผู้นี้
เนื่องจากลูเซียนไม่เคยฝึกซ้อมเพลง ‘โซนาตาพาเทติก’ มาก่อน การเล่นของเขาจึงค่อนข้างแย่ อย่างไรก็ตาม การเล่นเพลงซ้ำแล้วซ้ำอีกกลายเป็นวิธีที่ดีในการฆ่าเวลาและระบายความเครียดของลูเซียน
หลังจากนั้น ลูเซียนจึงหยุดพักอยู่ในห้องทำงานของเขา
สิบโมงครึ่งมีคนเคาะประตูสำนักงานของลูเซียน นางคือเอเลน่า
“ลูเซียน รถม้าของเจ้าหญิงกำลังรอเจ้าอยู่ด้านหน้าสมาคม”
“เดี๋ยวตามไปนะ ขอบใจ เอเลน่า” ลูเซียนตอบ
เขาลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ยาวช้าๆ แล้วเดินไปทางกระจกเงา มองดูตัวเองในกระจกอยู่ราวสามสิบวินาที ลูเซียนหายใจลึกๆ และเดินออกจากห้องทำงานของเขา
…
ลูเซียนนั่งอยู่ข้างในรถม้าสีม่วงเข้มที่ตกแต่งอย่างดีของราชวงศ์ไวโอเล็ต เขารู้สึกว่ารถม้าเคลื่อนที่ค่อนข้างไหลรื่น พรมสีเหลืองเข้มผลิตจากในแคว้นเทรียนั้นหนานุ่มน่าสบาย ไวน์บนโต๊ะเล็กๆ สีแดงทับทิม อย่างไรก็ตาม ลูเซียนไม่รู้สึกอยากดื่มอะไรเลย เพราะเขาต้องต้องการมีสติสัมปชัญญะตลอดเวลาในพระราชวัง
สิบกว่านาทีต่อมา รถม้าก็มาถึงพระราชวังราตาเชียตรงเวลา ประตูด้านหน้าอันวิจิตรของพระราชวังทำจากหินและแกะสลักด้วยประติมากรรมนูนต่ำเป็นลวดลายวีรบุรุษผู้โด่งดังในประวัติศาสตร์มากมาย ทหารรักษาการณ์สิบสองนายนำโดยอัศวินร่างกายใหญ่โตกำยำยืนอยู่หน้าประตู
หลังจากตรวจสอบทรัพย์สินส่วนตัวของลูเซียนแล้ว อัศวินก็โบกมือและปล่อยให้รถม้าผ่านเขาไป
ทันทีที่ลูเซียนผ่านเข้าประตูใหญ่ เขาก็สัมผัสถึงพลังอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ที่ปกคลุมพระราชวังทั้งหมด
พระราชวังสีทองอ่อนๆ แห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามและอลังการที่สุดในนครอันโต้ นอกจากความยิ่งใหญ่แล้ว รายละเอียดของพระราชวังราตาเชียก็ถูกสร้างขึ้นงานฝีมือประณีตทั้งสิ้น สถาปัตยกรรมแนวสมมาตรแสดงให้เห็นความสง่างามของพระราชวังที่ประทับของดยุก ปราสาททั้งสองข้างในปีกตะวันตกและตะวันออกนั้นเชื่อมต่อกันด้วยอาคารส่วนกลางขนาดใหญ่ของพระราชวัง
ด้านหน้าของพระราชวังหลัก มีจัตุรัสขนาดใหญ่พร้อมน้ำพุ และปกคลุมด้วยต้นไม้และดอกไม้ที่หายากและงดงาม
มีแม่น้ำกว้างๆ ที่ขุดขึ้นไหลผ่านจัตุรัส ซึ่งมีเรือสองสามลำลอยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ
รถม้าที่ลูเซียนนั่งอยู่กำลังวิ่งไปบนถนนผ่านสวนและข้ามสะพานทอดยาวเหนือแม่น้ำที่ขุดขึ้นนี้ ในที่สุดก็หยุดเทียบตรงหน้าอาคารพระราชวังหลัก แม่บ้านดูแลพระราชวังสองคนกำลังรออยู่ที่นั่น
“ท่านอีวานส์ โปรดตามพวกเราไปที่ห้องทรงดนตรีของเจ้าหญิง” แม่บ้านสาวผมทองสองคนดูเหมือนเป็นฝาแฝด ทั้งสองทักทายลูเซียนด้วยความเคารพ
“ขอบคุณขอรับ” ลูเซียนพยักหน้าอย่างสุภาพ
เดินตามแม่บ้านทั้งสองไป เขาดูรายละเอียดของพระราชวังระหว่างทางไปห้องทรงดนตรี นักออกแบบและสถาปนิกใช้หินที่มีสีสันสวยงามที่สุดเป็นวัสดุก่อสร้างหลักในการก่อสร้างพระราชวัง หินชนิดต่างๆ ก็เปล่งแสงสะท้อนแสงอาทิตย์ ด้านในของพระราชวัง บันไดและราวบันไดฉลุทองอย่างประณีตตามรูปแบบการตกแต่งภายในที่แตกต่างกันในพระราชวัง เช่น คริสตัลขนาดใหญ่ ผ้าลูกไม้สีขาวชั้นดี และภาพวาดโดมที่งดงามที่สามารถมองเห็นได้จากทุกมุม
เดินไปตามโถงทางเดินอย่างคุ้นเคย แม่บ้านทั้งสองไม่ได้พูดคุยกับลูเซียนสักคำ เพียงแค่เดินนำหน้าเขาไปเท่านั้น พวกนางได้รับการสอนให้มีความเคารพและรู้กาลเทศะ ในไม่ช้า ลูเซียนก็มาถึงโถงทางเดินงดงามอย่างยิ่ง
หันหน้าไปทางสวน ฝั่งหนึ่งมีหน้าต่างโค้งยี่สิบสี่บานตลอดทางเดิน ขณะที่อีกฝั่งประดับกระจกเงายี่สิบสี่บานที่สะท้อนความงามของสวน ราวกับว่าโถงทางเดินที่เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้ ซึ่งเพิ่มแสงสว่างและความงามให้กับภาพวาดโดมขนาดใหญ่เหนือศีรษะ
บริเวณนี้คือ ‘โถงทางเดินสวรรค์’ เป็นส่วนที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของพระราชวังราตาเชีย ลูเซียนเคยอ่านเจอมาก่อน ตอนที่ทำงานในห้องสมุดของสมาคมนักดนตรี
ลูเซียนผ่าน ‘โถงทางเดินสวรรค์’ ซึ่งแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า ในที่สุด ลูเซียนก็เดินมาถึงปราสาทที่ประทับของเจ้าหญิงนาตาซา ปราสาทนี้มีชื่อเรียกที่โดดเด่นว่า ‘หอศิลป์สงคราม’ ที่นี่ลูเซียนเห็นภาพวาดสีน้ำมันชั้นดีมากมายแสดงภาพสงครามเต็มผนัง
“ห้องนี้เป็นห้องทรงดนตรีของเจ้าหญิง ท่านอีวานส์” แม่บ้านสองคนนำลูเซียนมาถึงห้องเงียบๆ ของห้องตรงมุมอาคาร และให้เขาข้างนอก เพราะพวกนางต้องไปรายงานที่ท่านหญิงคามิลก่อน
ครู่ต่อมา ลูเซียนก็ได้รับเชิญให้เข้าห้อง
…
ห้องซ้อมดนตรีห้องนี้ขนาดใหญ่กว่าห้องซ้อมดนตรีในสมาคม สีส้มหวานๆ อบอุ่นและแสนหวานของห้องทำให้บรรยากาศผ่อนคลายและน่าอภิรมย์ พรมตกแต่งก็มีลวดลายงดงาม บนพรมเต็มไปด้วยเครื่องดนตรีประเภทต่างๆ วางอยู่อย่างระมัดระวัง ตรงกลางห้องมีเปียโนสีทองสว่างอ่อนๆ ตั้งอยู่
นาตาซานั่งอยู่หน้าเปียโน กำลังบรรเลงเพลงเรียกว่า ‘เพลงแห่มาร์ชสงคราม’ การเล่นของนางนั้นเต็มไปด้วยทักษะชั้นสูง เผลอๆ อาจจะดีกว่านักดนตรีมืออาชีพหลายคน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านางจงใจเลียนแบบการวางนิ้วของวิกเตอร์อย่างตั้งใจ นั้นทำให้การเล่นเพลงของนางฟังดูแข็งแรงขึ้น
คามิลสวมชุดสีดำ กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวที่ปลายสุดของห้อง
นาตาซาหยุดเล่นเมื่อลูเซียนเข้ามาในห้อง นางหันหลังกลับมายิ้มให้เขา “การวางนิ้วแบบใหม่ของวิกเตอร์ทำให้เล่นยากขึ้นนะ เจ้าช่วยสอนข้าได้หน่อยสิ ลูเซียน?”
นางพูดกับลูเซียนอย่างเป็นกันเองราวกับว่าเขาเป็นสหายเก่าของนาง
“พะยะค่ะ เป็นเกียรติอย่างยิ่งพะยะค่ะ” ลูเซียนนั่งลงบนม้านั่งอีกตัวและเริ่มอธิบาย
ลูเซียนรู้ว่าเจ้าหญิงมีความสนใจในเปียโนมาก เขาก็ทำการบ้านมาค่อนข้างดีสำหรับคำถามที่เจ้าหญิงอาจถาม แม้เขาจะไม่สามารถอธิบายได้กระจ่างชัดสมบูรณ์แบบ แต่ลูเซียนก็ซื่อสัตย์และจริงใจมาก ซึ่งทำให้นาตาซารู้สึกว่าลูเซียนแนะนำคำตอบที่นางต้องการจริงๆ ขณะเดียวกัน ทั้งสองก็ได้เรียนรู้และสำรวจเปียโนไปด้วยกัน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนที่ลูเซียนยังคงแนะนำเรื่องการวางนิ้วแบบใหม่ จู่ๆ นาตาซาก็จ้องหน้าเขาและถามว่า “ลูเซียน เจ้ามีปัญหาหนักใจอะไรหรือเปล่า? ข้าสัมผัสได้ความกังวลของเจ้า”
ในฐานะอัศวินหลวงระดับห้า สัญชาตญาณของนาตาซาบอกนางว่าลูเซียนมีบางอย่างผิดปกติ ด้วยอุปนิสัยเป็นคนเปิดเผย เจ้าหญิงจึงถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
……………………………………….