Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 798 การทดลองยางลบควอนตัม
บนชั้นสูงสุดของหอคอยเวทมนตร์อัลลิน ภายในห้องชุดที่ถูกจัดเป็นห้องทดลองชั่วคราว นอกเหนือจากดักลาสกับลูเซียนที่มาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในครั้งนี้ ยังมีสมาชิกสภาสูงสุดทุกคนที่มารวมตัวกันอีกด้วย ซาแมนธา หลุยส์ และเจ้าหน้าที่จากช่องโทรทัศน์สกายต่างก็เฝ้ารอด้วยใจจดจ่อระคนกระสับกระส่าย
แม้พวกเขาจะไม่รู้แน่ชัดว่าการถ่ายทอดสดสู่สายตาสาธารณชนครั้งนี้จะเป็นการทดลองอะไร แต่พวกเขาก็พอจะคาดเดาได้เมื่อเห็นว่าคนใหญ่คนโตของสภาสูงสุดต่างมีท่าทีระมัดระวังและกระหายอยากตื่นเต้น อีกทั้ง ‘นักกินสมอง’ ลูเซียน อีวานส์ ยังมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการทดลองนี้เสียด้วย เป็นการทดลองในขอบเขตของโลกจุลภาคที่มีความแน่นอนและหักล้างหรือไม่ หรือจะเป็นหนึ่งในการทดลองทางความคิดที่ท่านมหาจอมเวทเคยนำเสนอไว้ก่อนหน้านี้กันแน่
ขณะหันหน้าเข้าหากล้อง ดักลาสพยายามทำให้ตนเองดูเคร่งเครียดน้อยลง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงกันเองและเรียบนิ่ง “ทุกๆ ท่าน ข้าเชื่อว่าทุกท่านคงรู้กันแล้วว่าข้าเลื่อนขั้นขึ้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพแล้ว”
ภายในโรงเรียนสายสามัญและโรงเรียนของเหล่าชนชั้นสูง อาลี ลองแมน เจน และนักเรียนคนอื่นๆ ต่างพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น ราวกับพวกเขากำลังพูดคุยสื่อสารกับจักรพรรดิแห่งอาร์คานาแบบตัวต่อตัว ปรากฏการณ์แปลกประหลาดในวันนั้นดึงดูดสายตาและวิเศษเกินไป ย่อมมิมีผู้ใดพลาดมันได้แน่!
ณ นครศักดิ์สิทธิ์ ไวเค็นครุ่นคิดกับตนเองในใจ ‘นี่เขาจะใช้การทดลองเป็นข้ออ้างเพื่อประกาศการเลื่อนขั้นขึ้นสู่ระดับมนุษย์ครึ่งเทพอย่างเป็นทางการ เพื่อเสริมความมั่นใจและพลังใจให้กับเหล่าผู้สนับสนุนสภาเวทมนตร์เช่นนั้นรึ’
เขาไม่คิดว่าการทดลองใดก็ตามจะเป็นภัยต่อตัวเขาได้ อย่างไรเสีย เขาก็หาได้มีโลกแห่งปัญญาอีกต่อไปแล้วไม่ และหัวใจแห่งศรัทธาก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิง จึงไม่มีทางสั่นคลอน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงรับสัญญาณอย่างไร้กังวลใดๆ พลางเปลี่ยนผนังห้องสมุดของตนให้เป็นจอภาพฉาย
หลังจากเรียนรู้วิธีการขโมยพลังแห่งศรัทธาและรวบรวมเทวภาพมาจากไวเค็น เหล่าพระคาร์ดินัลหลวงจึงมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับ ‘นักบุญแห่งสัจธรรม’ ด้วยเช่นกัน พวกเขาเชื่อว่าจะมิมีสิ่งใดสั่นคลอนหัวใจแห่งศรัทธาของพวกเขาได้โดยง่าย ดังนั้น พวกเขาจึงรับชมการถ่ายทอดสดผ่านหลากหลายวิธีการ ด้วยหวังว่าจะได้ล่วงรู้ถึงจุดประสงค์ของสภาเวทมนตร์ให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อที่พวกเขาจะได้หาวิธีการตอบโต้
ทางด้านเหล่าพระคาร์ดินัลเสื้อคลุมแดง ส่วนใหญ่กลับลังเล พวกเขากระหายใคร่รู้ว่าการทดลองคืออะไรและเหตุใดมันจึงถูกถ่ายทอดสดไปทั่ว แต่พวกเขาก็หวาดกลัวเกินกว่าจะรับชมมันด้วยตนเอง พวกเขายังจำภาพสหายมากมายที่ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์กลืนกินและกลายเป็นคบเพลิงหรือพลุได้อยู่เลย!
“ระบบการเคลื่อนไหวของวัตถุในฟากฟ้า…เลื่อนขั้นได้เพราะดวงอาทิตย์…บางทีเจ้าอาจจะเป็น ‘ราชันย์แห่งสุริยา’ ที่แท้จริงก็เป็นได้…” หลังจากได้ยินคำประกาศของดักลาส รูดอล์ฟที่สองก็มองหน้าจอด้วยรอยยิ้มเยาะหยันในตนเอง “ข้าควรจะมุ่งเน้นไปยังเส้นทางสู่ ‘พระเจ้าแห่งสัจธรรม’”
คำพูดพึมพำกับตนเองนี้ดูเหมือนจะเป็นการจบตัวตนของเขาในฐานะนักเวทเมื่อในอดีต
บนจอภาพถ่ายทอดสด ดักลาสกล่าวต่อไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “การได้เป็นมนุษย์ครึ่งเทพนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากก็จริง แต่สำหรับข้า สิ่งที่น่าปลื้มปีติที่สุดก็คือการที่ข้าสามารถสำรวจศึกษาขอบเขตความรู้ที่ข้าไม่อาจทำได้หากมิใช่มนุษย์ครึ่งเทพ ยกตัวอย่าง เช่น ข้าอยากจะรู้ว่ายังมีดาวเคราะห์ดวงอื่นอีกหรือไม่ที่มีสิ่งมีชีวิตมากสติปัญญาอาศัยอยู่ภายในจักรวาลอันไร้ขอบเขตนี้ อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ สองการทดลองทางความคิดที่อีวานส์ ข้า และจอมเวทท่านอื่นๆ คิดค้นขึ้นนั้น สามารถทำให้สำเร็จลุล่วงได้แล้วตอนนี้”
อาลีรู้สึกหลงใหลเสียจนสัมผัสได้ถึงหัวใจแห่งการสำรวจศึกษาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่รู้และความศรัทธาในอาร์คานาที่จะไม่เปลี่ยนแปลงไปเพราะพลังอำนาจของคนผู้หนึ่งได้จริงๆ
บัดนี้ เมื่อได้เห็นมนุษย์ครึ่งเทพผู้หนึ่งพูดคุยอย่างนิ่งสงบและเป็นกันเอง เขาก็ยิ่งเข้าใจลึกซึ้งถึงเสน่ห์และวิสัยทัศน์ของเหล่ามหาจอมเวท!
ส่วนจอมเวท อัศวิน และคนธรรมดาทั่วไปที่ชื่นชมบูชามนุษย์ครึ่งเทพต่างก็รู้สึกว่าจักรวาลช่างกว้างใหญ่ไพศาลเกินไปสำหรับมนุษย์ครึ่งเทพคนใดคนหนึ่ง ตามคำบรรยายแสนเรียบง่ายของดักลาส
“สองการทดลองทางความคิดเช่นนั้นรึ” ไวเค็นเคาะนิ้วกับโต๊ะเป็นจังหวะ พลางคาดการณ์ว่าจะเป็นการทดลองทางความคิดอันใด มิใช่ว่าเพราะเขาไม่ฉลาดปราดเปรื่องและกระตือรือร้นไม่มากพอ แต่เป็นเพราะมหาจอมเวทอย่างลูเซียนเคยนำเสนอการทดลองทางความคิดมามากมายจนเกินไป
ดักลาสชี้ไปทางลูเซียนที่ยืนอยู่ข้างๆ “การถ่ายทอดสดการทดลองในครั้งนี้จะเป็นอีวานส์กับข้าที่ลงมือทำ เพื่อที่ทุกท่านจะได้เห็นชัดแจ้งถึงความมหัศจรรย์ของโลกจุลภาค บอกตามตรงว่า ข้าเองก็มิทราบว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร เราจะได้พบกับสถานการณ์ใดก็ได้ที่อาจเกิดขึ้นไปพร้อมๆ กัน”
“โลกจุลภาค?”
“โลกจุลภาค!”
มนุษย์ครึ่งเทพอย่างไวเค้น รูดอล์ฟที่สอง และเจ้าแห่งนรกพลันมีสีหน้าเคร่งเครีด หลังจากที่ลูเซียนได้นพเสนอสถานการณ์ซ้อนทับของควอนตัม และแนวคิดอย่างการแพร่กระจายและการพังทลาย พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าการมีอยู่ของพวกเขานั้นมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก จึงได้เพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่โลกจุลภาค และมันยังเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมที่ผ่านมาพวกเขาจึงมองข้ามดักลาสไป
พวกเขาจ้องมองหน้าจอด้วยความระแวดระวังและพิสูจน์ยืนยันผ่านวิธีการอันหลากหลายว่าการทดลองนี้ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยอื่นหรือไม่ พวกเขาพอจะคาดเดาได้ลางๆ แล้วว่าจะเป็นการทดลองทางความคิดประเภทใด
“อันดับแรก อีวานส์จะสาธิตการทดลองช่องเปิดคู่ด้วยอิเล็กตรอน” ดักลาสถอนห่างเล็กน้อย เปิดทางให้กับลูเซียน
ลูเซียนถอดหมวกทรงสูงของตนและวางไว้บนชั้น ท่าทางสบายๆ ราวกับอยู่ในบ้านตนเอง ท่าทางเช่นนั้นทำให้เหล่าจอมเวทที่กำลังหวาดหวั่นและประหม่ากลัวค่อยๆ สงบลง
จากนั้น ลูเซียนก็เริ่มทำการทดลองช่องเปิดคู่ด้วยอิเล็กตรอนซ้ำไปซ้ำมาๆ เหมือนกับที่เคยทำเมื่อหลายปีก่อน
ยามที่อิเล็กตรอนแล่นผ่านช่องเปิดคู่และก่อรูปร่างเป็นริ้วของการแทรกสอดบนจอเบื้องหลัง ทั้งคนธรรมดาๆ อย่างอาลี ลองแมน และเจน รวมถึงเหล่าจอมเวท เช่น ไฮดี้และแอนนิค ต่างอุทานด้วยความอัศจรรย์ใจ แม้พวกเขาจะรู้ผลลัพธ์จากการทำการทดลองด้วยตนเองหรือจากหนังสือพิมพ์แล้ว แต่พวกเขาก็ยังตกตะลึงกับเรื่องที่ว่าอิเล็กตรอน ซึ่งมีมวลสาร โมเมนตัม และเส้นโคจร กลับมีพฤติกรรมของคลื่นบริสุทธิ์ได้
หลังจากที่ลูเซียนติดตั้งสัญญาณเตือนไว้ข้างช่องเปิด เพื่อยืนยันว่าเป็นช่องเปิดใดที่อิเล็กตรอนแล่นผ่าน ริ้วของการแทรกสอดบนจอก็หายไป แล้วอิเล็กตรอนก็มีพฤติกรรมของอนุภาคบริสุทธิ์
“เอ้อ…” แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินเกี่ยวกับบันทึกการทดลองช่องเปิดคู่จากเสียงแห่งอาร์คานาและอ่านจากหนังสือพิมพ์ คนธรรมดาสามัญอย่างอาลี ลองแมน และเจนต่างก็ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นการทดลองด้วยตาตนเองเลย การทดลองนั้นช่างเรียบง่ายและเข้าใจง่ายยิ่ง แต่ผลลัพธ์กลับน่าเหลือเชื่อ พวกเขาจึงพากันส่ายศีรษะด้วยความมึนงงและไม่เชื่อสายตา ไม่อยากจะเชื่อว่าริ้วของการแทรกสอดจะหายไปเพียงเพราะพวกเขาสังเกตดูว่าอิเล็กตรอนแล่นผ่านช่องเปิดใด!
‘อิเล็กตรอนมหัศจรรย์กว่าเวทมนตร์เสียอีกหรือนี่’
ภายในสถาบันอะตอม ไฮดี้ คาทรินา และจอมเวทคนอื่นๆ เฝ้ามองอาจารย์ของตนสาธิตการทดลองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับการทดลองหาใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ หากแต่เป็นการอธิบายมันต่างหาก!
แอนนิคคว้าแก้วน้ำมาด้วยความประหม่า พยายามสงบจิตใจตนเองลงด้วยการดื่มน้ำ ส่วนสปรินต์กำมือทั้งสองข้างเข้าหากันแน่นและวางติดกับโต๊ะทดลองตรงหน้าเขา ใบหน้ามิเผยความรู้สึกใด ทั้งสองต่างเดาได้แล้วว่าการทดลองทางความคิดใดที่กำลังจะสาธิตให้ดูต่อจากนี้!
‘ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไรกันนะ’
หลังจากอธิบายและสาธิตการทดลองช่องเปิดคู่ ลูเซียนก็กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มละไม “ต่อไป เราจะเปลี่ยนการทดลองเพื่อลดทอนการแทรกสอดลงในระหว่างที่กลไกยังดำเนินต่อไปตามเดิม”
จากนั้น ลูเซียนก็เริ่มทำการทดลองใหม่ จากการสาธิต เขาได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามันเหมือนกับการทดลองช่องเปิดคู่เมื่อครู่นี้
“พวกมันเท่ากันจริงๆ ไม่มีปัญหาอะไรเลย…” เฟอร์นันโดพยักหน้า
ไวเค็นและรูดอล์ฟที่สองต่างมิได้มีความรู้ความเข้าใจในอาร์คานาอย่างลึกซึ้ง แต่ในฐานะมนุษย์ครึ่งเทพ มันค่อนข้างเป็นเรื่องง่ายดายที่จะตัดสินว่าทั้งสองการทดลองนี้มีผลลัพธ์เหมือนกัน
“ต่อไป เราจะทำการทดลองยางลบควอนตัม ซึ่งเป็นการทดลองที่ผิดจากการทดลองเมื่อครู่ เมื่อครู่ก่อน ทุกท่านคงจะเห็นแล้วว่าเมื่อ ‘สัญญาณเตือน’ ทั้งสองที่อยู่ข้างช่องเปิดนั้นบันทึกอิเล็กตรอนขณะเคลื่อนผ่านช่องเปิดและส่งสัญญาณเตือนออกมา ริ้วของการแทรกสอดกลับหายไป แล้วคุณสมบัติของอนุภาคก็แสดงออกมาแทน”
“ทีนี้ เราจะปล่อยให้เพียงสัญญาณเตือนทำการบันทึกต่อไป แต่จะไม่ปล่อยสัญญาณออกมา และพวกมันก็จะลบบันทึกไปในทันทีหลังจากบันทึกข้อมูลแล้ว เช่นนั้นเราจะได้เห็นอะไร ริ้วของการแทรกสอดจะหายไปหรือไม่”
ลูเซียนอธิบายอย่างชัดเจนถึงกลไกในการทดลอง แทนที่จะเป็นกระบวนการการทดลองที่แท้จริง
“แน่นอนว่า ริ้วของการแทรกสอดย่อมหายไป และคุณสมบัติของอนุภาคก็จะถูกเปิดเผย โดยพื้นฐานแล้ว มันก็เหมือนกับการทดลองก่อนหน้านี้ ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าอิเล็กตรอนเคลื่อนผ่านช่องเปิดใดจากการปิดสัญญาณเตือน แต่ความรู้ที่เรามีจะส่งผลต่อผลการทดลองได้หรือไม่” ด้วยร่ำเรียนวิชาพื้นฐานอาร์คานามาหลายปี ลองแมนจึงพอจะคาดเดาเกี่ยวกับการทดลองนี้ได้สักอย่างสองอย่าง ซึ่งดูแล้วค่อนข้าง ‘เรียบง่าย’ นัก
นักเรียนธรรมดาๆ อย่างอาลีกับเจน และผู้ฝึกใช้มนตรากับจอมเวทส่วนใหญ่ต่างก็คิดเช่นเดียวกันนี้ ความแตกต่างเดียวระหว่างการทดลองนี้กับการทดลองก่อนหน้าก็คือ ‘ผู้ทำการทดลอง’ รู้เกี่ยวกับวิถีโคจรของอิเล็กตรอนหรือไม่ แต่ไม่ว่าผู้ทำการทดลองจะรู้หรือไม่ มันก็ไม่ควรส่งผลต่อข้อเท็จจริงของการทดลอง
แอนนิคไม่ได้วางแก้วน้ำลงเพราะเขากำลังจดจ่ออยู่กับการทดลองอย่างยิ่ง ทั้งสปรินต์ ไฮดี้ และคนอื่นๆ ต่างก็กลั้นหายใจและรอฟังผลการทดลอง ซึ่งอาจบ่งบอกว่าโลกใบนี้ปกติดีหรือพิสูจน์ว่าโลกใบนี้เป็นดั่งภาพมายาและน่าหลือเชื่อ มันจะเป็นแบบไหนกันนะ
มันจะปกติดีหรือผิดปกติกันแน่
ไวเค็น มัลติมุส และมนุษย์ครึ่งเทพคนอื่นๆ ยิ่งดูเคร่งเครียดกว่าเดิม เพราะมันยังเกี่ยวข้องกับความเข้าใจที่พวกเขามีต่อโลกใบนี้อีกด้วย ดักลาสกับลูเซียนจะไม่ทราบถึงผลลัพธ์จริงๆ เช่นนั้นหรือ
ดักลาสเดินไปยังโต๊ะสำหรับทำการทดลอง เขาจะสาธิตผลของ ‘การลบ’ ด้วยอุปกรณ์ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่ หลังจากที่ทุกคนเห็นมันอย่างชัดเจน เขาก็หัวเราะขันเล็กน้อย “ข้าเองก็อยากรู้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน เรามาเริ่มกันเถิด”
ทุกคนที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่ต่างกลั้นหายใจและเพ่งสายตามองไปบนจอ เฝ้ารอผลจากการทดลอง
ดักลาสเปิดใช้อุปกรณ์เครื่องมือ ช่วงแรกๆ นั้นเป็นขั้นตอนทั่วไป แล้วริ้วของการแทรกสอดก็ปรากฏขึ้น จากนั้น การทดลองยางลบควอนตัมจึงเริ่มต้นขึ้น
ริ้วของการแทรกสอดจะหายไป แล้วคุณลักษณะของอนุภาคจะเผยตัวออกมาหรือไม่ในครานี้
‘สัญญาณเตือนสร้างผลลัพธ์เดียวกันกับก่อนหน้านี้!’
แต่ละวินาทีผ่านไป แต่ริ้วของการแทรกสอดยังคงมองเห็นได้ชัดเจน มันดูงดงามและตรงตามแบบแผนอย่างยิ่ง!
อาลีกับลองแมนและผู้ฝึกใช้มนตรากับจอมเวทส่วนใหญ่แทบงับปากมิได้ ท่าทางของพวกเขาคงดูน่าขันไปมากกว่านี้มิได้แล้ว ความแตกต่างเดียวระหว่างการทดลองในตอนนี้กับอันก่อนหน้าคือพวกเขารู้หรือไม่รู้เกี่ยวกับวิถีโคจรของอิเล็กตรอน แต่ความรู้ของพวกเขาจะส่งผลต่อการทดลองได้อย่างไรกัน
‘นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี!’
ภายในห้องชุดถูกความเงียบเข้าครอบงำ ได้ยินเพียงเสียงหายใจหนักหน่วงรัวเร็ว
เปรี๊ยะ!
แก้วน้ำในมือแอนนิคร่วงลงกับพื้นและแตกกระตายจนน้ำกระเซ็นไปทั่ว แต่เขายังคงเอาแต่พึมพำกับตนเองว่า “ผลกระทบจากผู้สังเกต…”
โครม!
ก่อนที่เขาจะรู้ตัว สปรินต์ก็ล้มโต๊ะสำหรับทำการทดลองตรงหน้าเขาไปแล้ว
พระสันตะปาปาไวเค็นดูท่าทางทั้งปลื้มปีติยินดีและประหลาดใจกับผลลัพธ์ เขาเอ่ยกับตนเองเสียงแผ่ว “ผลกระทบจากผู้สังเกต!”
……………………………..