Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 89 ความพิโรธของผู้พิทักษ์ราตรี
หลังจากทิ้งข้อความไว้ ลูเซียนค้นตัวศพหมาป่าไฟอย่างระมัดระวัง จนเจออุปกรณ์เวทมนตร์สองชิ้น โชคดีที่ยังไม่เสียหายจากการต่อสู้อันดุเดือด
ของชิ้นแรกเป็นกำไลข้อมือสีแดงเข้มถักจากเส้นใยสีแดงจากพืชบางชนิด แม้ดูเหมือนกำไลพื้นๆ ทั่วไป กำไลชิ้นนี้มีพลัง ‘อัคคีมายา’ ที่ทำเอาลูเซียนถึงกับตกใจเมื่อตรวจสอบกำไลด้วยพลังวิญญาณ เขาเชื่อว่ากำไลชิ้นนี้มีพลังสูงกว่า ‘แหวนอาฆาตเหมันต์’ เสียอีก กำไลชิ้นนี้ต้องเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ระดับสองเป็นอย่างต่ำ
อีกชิ้นที่ลูเซียนค้นเจอคือกริชเหล็กดำ ที่สัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบและความคมมาก
ลูเซียนเก็บ ‘กำไลข้อมือ’ กับ ‘กริชดำ’ ลงในกระเป๋าเสื้อคลุม ลุกขึ้นและมองไปรอบๆ เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขาน่าจะหาอุปกรณ์เวทมนตร์จากศพที่นอนกลาดเกลื่อนพวกนี้ได้อีก อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมา เขาล้มเลิกความคิดเสีย เตือนตัวเองว่าอย่าโลภมาก
หลังจากข้ามแม่น้ำมัสซอล ลูเซียนเจอจุดเหมาะๆ ให้หยุดพักใน ‘ป่าดำ’ เพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณและพลังกาย ระหว่างที่พัก เขาบันทึกข้อมูลโครงสร้างเวทภายในของลูกตุ้มเหล็ก กำไลข้อมือ และกริชดำในห้องสมุดห้วงจิตเพื่อการวิเคราะห์โดยละเอียดในภายหลัง
หลังจากนั้น ลูเซียนฝังลูกตุ้มเหล็กไว้ใต้ต้นซีดาร์รูปร่างประหลาดต้นใหญ่ และซ่อนกำไลข้อมือกับกริชไว้ใต้ก้อนหินขนาดใหญ่
หากไม่มีการวิเคราะห์เชิงลึก ลูเซียนไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าอุปกรณ์เวทมนตร์พวกนี้ปลอดภัยไร้อันตราย หากมีสัญลักษณ์ติตตามหรือบอกตำแหน่งบนอุปกรณ์พวกนี้ แล้วลูเซียนเอากลับบ้านโดยไม่รอบคอบ อุปกรณ์เวทมนตร์พวกนี้อาจกลายเป็นหายนะได้
…
ณ หุบเหวลาร์นาคา
ในมุมมืดของหุบเหว มือที่ยาวและเรียบเนียนคว้าคอแองโกลายกขึ้นตัวลอย ดูเหมือนมือที่ขาวสะอาดมือนั้นจะยกคนตัวลอยได้อย่างง่ายดาย ราวกับกำลังจับหนูตัวเล็กๆ ไม่ใช่นักบวชระดับเจ็ดอย่างแองโกลา
“เจ้าฆ่าข้าไม่ได้! เจ้าต้องไม่…!” เสียงของแองโกลาเค้นออกมาจากลำคอ เต็มไปด้วยความกลัวและความตกตะลึง
“เอาละ… โชคร้ายหน่อย เกรงว่าข้าจำเป็น” เสียงนั้นอ่อนโยนและสุภาพ “น่าประทับใจมากที่เจ้ารอดจากอะเมลตัน หนึ่งในสามนักแกะรอยที่เก่งที่สุดในราชรัฐ แต่เจ้ายังเป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อเรา ถ้านางพบเจ้า พวกเราทั้งหมดคงมีปัญหาใหญ่”
“ไม่ นั่นมันข้ออ้าง!” แองโกลาร้องออกมา “เรามีเป้าหมายเดียวกัน… และเราจะพบ…!”
“พอแล้ว แองโกลา ข้าเหนื่อยหน่ายกับกลิ่นกำมะถันน่าสะอิดสะเอียนในเลือดชั่วของเจ้าเต็มกลืน” เสียงสุภาพนั้นพูดขัดจังหวะเขา “เจ้าคิดว่าเราเป็นพวกเดียวกันหรือ? อย่าโง่น่า ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าไม่อยากร่วมมือกับพวกเจ้าอีกต่อไป”
“เจ้าจะบ้าหรือไง?! เจ้าฆ่าข้าไม่ได้!” เสียงของแองโกลาออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก “ท่านจะถูกลงทัณฑ์!”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้าแล้วล่ะ” มือเรียวสวยออกแรงมากขึ้นเพียงนิดเดียว ร่างของแองโกลาก็เริ่มแห้งกรอบอย่างรวดเร็ว ในวินาทีต่อมา ร่างนั้นก็ระเบิดกลายเป็นผงโดยไม่มีแม้เสียง ผงฝุ่นสีเหลืองเล็กๆ กระจายไปในอากาศ
“ข้าจะบอกอะไรเจ้าสักอย่าง แองโกลา… ไหนๆ เจ้าก็ตายไปแล้ว” เสียงนุ่มนวลพูดต่อ “แฮททาเวย์จะกลับมาจากมิติลึกลับเร็วๆ นี้”
หลังจากนั้น เจ้าของมือที่เรียวสวยแต่ซีดเผือดมือนั้นก็หายไปในความมืด
สองนาทีต่อมา สตรีในเครื่องแบบพระคาร์ดินัลก็มาถึง ลอยกลางอากาศและมองสำรวจไปรอบๆ ดวงตาของนางเย็นชาตรงข้ามกับชุดสีแดงสด
“แองโกลาหายไป… ไม่เหลือ?” นางพึมพำเสียงแผ่วเบา
…
วิ่งเต็มกำลังใน ‘ป่าดำ’ ลูเซียนว่องไวราวเงาสีขาวโปร่งแสง
ยี่สิบนาทีต่อมา เขาก็เห็นคฤหาสน์ของตระกูลเฮย์นอยู่ตรงหน้า ไฟยังเปิดอยู่ และเสียงดนตรียังคงบรรเลง งานเลี้ยงใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป แม้จะใกล้เที่ยงคืนแล้ว
เหมือนที่เขาคาดการณ์ไว้ สาวกนอกรีตที่สอดแนมเขามาตลอดยังอยู่เฝ้ามองคฤหาสน์อยู่ แต่กลับกันตอนนี้ ลูเซียนเป็นฝ่ายเฝ้ามองเขาจากด้านหลัง
หากสาวกนอกรีตคนนี้ถูก ‘ศาสนจักร’ จับได้ ลูเซียนคงตกที่นั่งลำบากฐานโกหกเรื่องวิธีการปลุก ‘พร’ ของเขา
เมื่อเขาเข้าไปใกล้ๆ คฤหาสน์ ลูเซียนต้องจัดการสาวกนอกรีตคนนี้ให้เงียบที่สุดเท่าที่ทำได้ หลังจากประเมินระดับพลังของสาวกนอกรีตคนนี้แล้ว เขาสืบเท้าเข้าไปหาอย่างเงียบกริบและใช้ ‘เวทความมืด’ โดยไม่มีแม้เสียง
สาวกนอกรีตคนนั้นท่าทางสับสนอยู่เสี้ยววินาที เมื่อจู่ๆ แสงไฟทั้งหมดหายไปในพริบตา เหลือเพียงความมืดสนิทปกคลุมรอบหัว แล้วเขาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นเวทมนตร์มาจากด้านหลัง เขากำลังถูกโจมตี!
เนื่องจากเป็นพลัง ‘เนตรราตรี’ ของลูเซียน ตัวเขาเองจึงไม่ได้รับผลจาก ‘เวทความมืด’ เลย
ก่อนที่สาวกนอกรีตจะทันได้เห็นอะไร มือของลูเซียนก็คว้าเข้าที่คอ
“กร๊อบ”
นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่สาวกนอกรีตคนนี้ได้ยินในโลกนี้
…
คลาวน์, ผู้คุมกฎ, เล็นด์, จูเลียนา และมินสค์ รวมตัวกันด้านหน้าบ้านไม้ หลังจากการต่อสู้อันดุเดือด ความสะเทือนใจและความเหนื่อยล้าไม่สามารถลบไปจากใบหน้าพวกเขาได้ เมื่อผู้พิทักษ์ราตรีกำลังค้นโบรารณสถานร้างใต้ดินและไล่ล่าพวกสาวกนอกรีต ทุกคนต่างนิ่งไว้อาลัยอย่างเงียบงัน
ผู้พิทักษ์ราตรีเหลือรอดจากการต่อสู้เพียงห้าคน จากที่มากันทั้งหมดสามสิบคน ทุกคนต่างเป็นนักรบที่เก่งกาจและกล้าหาญในการเผชิญกับความมืดและปีศาจร้าย ความรู้สึกภายในใจของผู้พิทักษ์ราตรีทั้งห้าถูกแผดเผาด้วยความโกรธแค้นและความเศร้าอาลัย
“คลาวน์… ท่านลองมาดูตรงนี้?” จูเลียนาสังเกตเห็นบางอย่างบนศพของหมาป่าไฟ
“จุดจบผู้ทรยศ ศาสตราจารย์”
ข้อความสีแดงเลือดเหมือนมีดคมๆ ทิ่มแทงหัวใจของผู้พิทักษ์ราตรีทั้งห้า ความโกรธความแค้นแทบจะปะทุออกมาจากอก
ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของศาสตราจารย์ชั่วร้ายนั่น เขาเป็นคนวางกับดักนรกนี่
……………………………………….