Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 893 ความมืดมิดและรุ่งอรุณ
สูงขึ้นไปกลางท้องฟ้า แม่มดแดนน้ำแข็ง เนตรคำสาป และเจ้าแห่งความตาย ลอยตัวเรียงกันอยู่ห่างๆ เป็นรูปสามเหลี่ยม ตรงศูนย์กลางของทั้งสาม คือ “เจ้าแห่งเวลา” คริโตเนีย ซึ่งไม่เหลือความมั่นใจอีกแล้ว และยังมีผู้อาวุโสแห่งตระกูลฮอฟเฟนเบิร์ก ผู้มีแววตาเยือกเย็น
ไม่มีอัศวินชั้นตำนานคนไหนถือดาบยาว อัศวินทุกคนเพียงแค่ลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกับมือเปล่า
“ได้เวลาแล้ว ข้าจะลงไปบอกให้พวกมันยกเลิกระบบป้องกัน” ฮอฟเฟนเบิร์กแหงนหน้าขึ้นมองดวงดาวสุกสกาว
แอตแลนต์ “เนตรคำสาป” พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “ขอบพระทัยสำหรับความร่วมมือพะยะค่ะ”
ต่างจากคริโตเนีย ฮอฟเฟนเบิร์กไม่ได้ถูกเจ้าแห่งความตายควบคุมความตาย และพลังของเขาพัฒนาเกือบชั้นตำนานระดับสูงสุด เขาจึงดูเหมือนคู่หูมากกว่า
ฮอฟเฟนเบิร์กกลับตัวเหาะลงไปในแสงรัศมี พร้อมกับที่เสียงของเขาที่ดังสะเทือนท้องฟ้า
“ลงมือ!”
เขาแทบจะยังพูดไม่จบประโยค จู่ๆ ร่างของคริโตเนียก็เลือนลางราวกับเป็นระลอกคลื่น ดาบเงินพุ่งทะลุร่างและฟันใส่แม่มดแดนน้ำแข็ง!
เขากำลังถือ “ดาบแห่งสัจธรรม” ของฮอฟเฟนเบิร์ก!
แม่มดแดนน้ำแข็งไม่ทันตั้งตัว นางเหลือเวลาให้แค่ใช้เวทป้องกันและใช้เวทหายตัวหนีเท่านั้น แต่ลำแสงดาบเงินไม่ได้สกัดกั้นง่ายๆ เหมือนปรสิต มันทะลุเวทป้องกันและทำลายเวทกระโดดทะลุมิติ และฟันเข้ากลางตัวแม่มดแดนน้ำแข็งอย่างไม่พลาดเป้า
ดาบแห่งสัจธรรมตัดขาดทุกสรรพสิ่ง!
คริโตเนียไม่สนอะไรอีกแล้ว ไม่สนแม้แต่กระป้องกันตัวเอง ราวกับว่าไม่มีเจ้าแห่งความตายและเนตรคำสาปอยู่ข้างๆ
ตอนนั้นเอง เขาเห็นเพียงภาพแม่มดแดนน้ำแข็งในสายตาของตน
เจ้าแห่งความตายนิ่งมองโดยไม่ทำอะไรเลย เพราะดูเหมือนเขากำลังกระโดดข้ามไปมิติอื่น!
ดาบเงินผ่าร่างแม่มดแดนน้ำแข็ง ร่างที่ดูเหมือนเกิดมาจากน้ำแข็ง ร่างของนางแตกสลายออกเป็นชิ้นๆ ดิ้นกระเส่าๆ และกลายเป็นหิมะตกหนัก
ในลมหายใจสุดท้าย แม่มดแดนน้ำแข็งแทบไม่อยากเชื่อว่าเจ้าแห่งเวลาจะเล่นงานนาง เพราะเขาอยู่ติดอยู่ภายใต้การจองจำในคำสาปร้ายของเจ้าแห่งความตาย เสี้ยววินาทีที่เขาคิดร้าย เลือดในกายจะเดือดพล่านและสังหารเขาในทันที
คำสาปนี้มีที่มาจากพลังชั้นตำนานของเจ้าแห่งความตาย แม้แต่มนุษย์ครึ่งเทพ เช่น เจ้าแห่งนรก หรือเทพจันทราสีเงิน ก็แทบถอนคำสาปไม่ได้ หากเจ้าแห่งความตายไม่เป็นผู้ถอนคำสาปให้ นอกเสียจากนักเวทระดับมนุษย์ครึ่งเทพจะทำลายคำสาปโดยตรง
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
นักเวทที่มีพลังระดับนั้นยังไม่เกิด!
เกล็ดหิมะกระจัดกระจาย แม่มดแห่งดินแดนน้ำแข็งก็สลายไป
ลำแสงสีเงินแห่งความสว่างไสวที่ฮอฟเฟนเบิร์กเปลี่ยนเป็นลำแสงที่คดเคี้ยวและพุ่งไปยังตรงหน้าของเนตรคำสาป
แอตแลนต์รู้อนาคตทันทีที่แม่มดแดนน้ำแข็งถูกเล่นงาน แต่แทนที่จะเข้าไปช่วย เขากลับร่ายเวทหนีหายไป เมื่อลำแสงของฮอฟเฟนเบิร์กพุ่งเข้าปะทะ ก็มีเพียงเสียงร้องทรมานที่เล็ดลอดผ่านช่องว่างระหว่างมิติ แต่ก็ไม่ถึงกับสังหารเขาได้
“หนีเร็วจริงๆ…” ฮอฟเฟนเบิร์กพูดอย่างเยือกชา แต่ไม่ไล่ตามไป เขามองไปยังเจ้าแห่งความตาย และคิดอยู่ในใจว่าอย่าโทษข้าเลย ทั้งหมดนี่เป็นเพราะอัลโต้ล่มสลายแล้ว และเจ้าหมดโอกาสแล้ว…
ข่าวกรองเพิ่งถูกส่งไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา แม้นักเวทชั้นตำนานยังสื่อสารกันทุกวัน แต่ก็ไม่อาจสร้างวงเวทสื่อสารไว้ทุกๆ ที่ และทำได้เพียงส่งข้อความหากันผ่านมิติพิเศษตามที่กำหนดเวลากันไว้ ก็เพราะนักเวทชั้นตำนานในอัลโต้กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด จึงไม่มีเวลาพอจะส่งข่าวกรองมาที่นี่แน่นอน!
ดูเหมือนโลกจะทอดทิ้งเจ้าแห่งความตาย เขาลอยอยู่กลางอากาศอย่างนั้น พูดอะไรไม่ได้ ถึงได้รู้ตัวว่ากำลังเผชิญหน้ากับมนุษย์ครึ่งเทพ
บนท้องฟ้าเมืองโคคัส ชายวัยกลางคนสวมผู้มงกุฎศักดิ์สิทธิ์และถือคทาทองคำขาวลอยขึ้นมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เจ้าน่าจะภูมิใจนะ พระเจ้าขอให้ข้ายกเลิกภารกิจตามล่าสัตว์ประหลาดแห่งความมืด เพื่อมาประหารเจ้า”
แน่นอนว่านักเวทชั้นตำนานและนักเวทศาสตร์ซึ่งมีพลังระดับตำนานสูงสุดมานับพันปีย่อมมีพลังที่น่ากลัวเกินพรรณนา แม้แต่แดรกคูลากับดานิซอสก็ไม่กล้าบอกว่าตนแข็งแกร่งกว่าเจ้าแห่งความตาย ไม่ว่าจะในแง่ของพลังโจมตีลึกลับ พลังการรักษาชีวิต และพิธีกรรมคืนชีพ เจ้าแห่งความตายเหนือกว่าทั้งสองมาก
มองโป๊บเกรกอรี่ตรงหน้า เจ้าแห่งความตายก็ถามขึ้น “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
คำสาปของคริโตเนียถูกถอนไปแล้ว ทำให้เขารู้ว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากล แล้วเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่คุ้นเคยจากโป๊บ ความคุ้นเคยที่เขาเคยรู้สึกจากนักเวทชั้นตำนานคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน
เสียงไม่อาจกระจายออกไปนอกขอบพลังของเกรกอรี่ เขาเงยหน้าขึ้นพูดอย่างหยิ่งทะนง “เจ้าไม่คู่ควรที่จะรู้”
เขายกคทาทองคำขาวขึ้น แล้งภาพหุบเขาวิมานก็ปรากฏขึ้น เสียงสรรเสริญ “พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่” ดังก้องท้องฟ้า
……
ตาเฒ่าอาร์โนลด์ชักกังวล เมื่อเห็นเกล็ดหิมะพลิ้วร่วงลงมา ความรู้สึกหดหู่เสียดแทงขึ้นในภาพของดาวหลักเทวลิขิต
“วิ่ง!” เขาร้องตะโกนอย่างสิ้นหวัง
จากบริเวณบึง อัศวินทองคำและอัศวินอาภาปรากฏตัวขึ้นราวกับธาตุและแสง ส่วนภายในเมืองโคคัส นักบวชแดงก็โผล่มาพร้อมกับแสงศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ขณะที่ท่ามกลางความมืดมิด ผู้พิทักษ์ราตรีพร้อมเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณอย่างไม่เลือกหน้า
เมื่อเรียกสติกลับมาได้ คอนกุส เนียลสัน พริสซิลลา เฟอร์นันโด และนักเวทคนอื่นๆ ก็ยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พร้อมสังหารศัตรูด้วยพลังที่มีสุดความสามารถ ขณะเดียวกัน ทุกคนก็เรียกใช้เวทรักษาชีวิตโดยเร็วที่สุด หวังว่าจะหนีรอดไปได้ แม้หมายถึงการฆ่าตัวตายก็ตาม!
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน
อาร์โนลด์ออกตามหาพริสซิลลาและเฟอร์นันโด หวังจะช่วยให้ทั้งสองหลบหนีไปให้ได้
ตอนนั้นเอง คริโตเนียมองเห็นเขาจากฟากฟ้า เขาหรี่ตา สะบัดมือขวา แล้วดาบแห่งสัจธรรมก็ฟันร่างอาร์โนลด์ด้วยแสงสว่างจ้าในพริบตา
“เจ้าอ่อนแอเกินกว่าจะมายุ่งเรื่องนี้? ฉลาดแต่ไร้กำลังก็ไร้ประโยชน์” เขาพูดเยาะเย้ย
พลังเวทป้องกันอาร์โนลด์ถูกทำลายโดยยังไม่ทันรู้ตัว ดาบทะลุผ่านร่างของเขา
ความรู้สึกเย็นเยียบและปวดแสบปวดร้อนทำเอาวิญญาณของอาร์โนลด์ไม่อาจขยับเขยื้อน และส่งเขากลับเมืองเรนทาโตตามสัญชาตญาณ เขาคิดกระวนกระวาย ข้ากำลังจะตายจริงๆ รึ?
……
“จิ้งจอกเฒ่า!”
“จิ้งจอกเฒ่า!”
เฟอร์นันโดตีผ่าวงล้อมทั้งที่เต็มไปด้วยบาดแผล เขาเห็นจิ้งจอกเฒ่าถูกดาบเงินผ่าร่าง ในจังหวะที่เขากำลังจะร่ายเวทเทเลพอร์ตวายป่วง
เขาคิดเสมอมาว่าจิ้งจอกเฒ่าเป็นคนเจ้าเล่ห์หาตัวจับยาก ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ก็ดูเหมือนมีแผนการซ่อนอยู่ตลอด เขาเลยดูสบายๆ และควบคุมทุกอย่างไว้ในกำมือ
เขาไม่มีแผนสำรอง ไม่มีกำลังเสริมอีกแล้วหรือ? เขาจะตายแบบนี้เนี่ยนะ?
มีดสั้นเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากความมืด แทงทะลุหลังเฟอร์นันโด
……
บริเวณชั้นใต้ดิน ใกล้กับเมืองเรนทาโต…
ดักลาสนั่งอยู่ที่ใจกลางจัตุรัสด้วยความงุนงง ใจจดจ่ออยู่กับปัญหาที่สำคัญ
หลังจากทดลองอย่างหนักมาพักใหญ่ เขาก็เงยหน้าขึ้นด้วยความเหนื่อยล้าและมองไปที่นักเวทที่เหลือ
ตอนนั้นเอง เด็กสองสามคนวิ่งเล่นกันอยู่ เด็กคนหนึ่งปาแอปเปิลในมือทิ้ง
แอปเปิลลอยเป็นเส้นโค้งพาราโบลา ก่อนตกลงบนพื้นจัตุรัส
เส้นโค้งนั้นกระแทกหัวดักลาสราวกับฟ้าผ่าและส่องแสงสว่างให้กับความมืดทั้งหมด ความรู้ทั้งหมดที่เขาสั่งสมมาถูกรวบกลายเป็นคำตอบเดียว
“แบบนี้นี่เอง!”
“มันเป็นกฎการเคลื่อนที่ของเทห์ฟากฟ้า!”
ราวกับคนบ้า ดักลาสหยิบปากกาขนนกขึ้นมาเขียนลงอะไรบางอย่างบนกระดาษข้างๆ กายอย่างรวดเร็ว
แล้วเพลิงที่ลุกไหม้ทั่วอัลลินก็ดับวูบลง และเสียงระเบิดดังสะเทือนมาจากผืนดิน
นักเวทที่อยู่ตรงนั้นต่างมองหน้ากันด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ยามนี้เป็นยามราตรี และเรนทาโตก็ควรอยู่ภายใต้ความมืด แต่กลับมีดวงตะวันสว่างจ้าลอยเด่นกลางท้องฟ้า ส่องแสงและปล่อยรังสีความร้อน
ด้านหลังของดวงอาทิตย์ จักรวาลอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตปรากฏขึ้น ดวงดาวก็ส่องแสงทั้งในลักษณะที่ชัดเจนและลึกลับ
“เกิดอะไรขึ้น?” ยามประจำประตูที่ยังไม่หลับยามต่างตกตะลึง
……
ในลมหายใจสุดท้าย อาร์โนลด์เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทางเรนทาโต ตรงข้ามกับความมืดมิดในฝั่งเมืองที่เขาอยู่ เขาพยายามยิ้มออกมา
“ข้าเห็นภาพหลอนอยู่หรือเปล่า?”
“หรือเขาทำสำเร็จแล้วจริงๆ?”
ด้วยอารมณ์ปลอบใจตัวเองนั้น ร่างของเขาก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ด้วยดาบแห่งสัจธรรม
เฟอร์นันโดก็เห็นเหมือนกัน ขณะพยายามต้านพลังรุนแรงของมีดสั้น เขาหายตัวไปด้วยเวทเทเลพอร์ตวายป่วง
“ที่เรนทาโต กลางวันแล้วเหรอ? หรือโลกแห่งปัญญาของดักลาสบรรลุแล้ว? นี่เป็นผลกระทบต่อโลกจริงใช่ไหม?”
นั่นเป็นความคิดวูบสุดท้ายก่อนที่เขาจะสลบไป
อีกด้านหนึ่ง “ลมนิรันดร์” อัศวินชั้นตำนานแห่งเมืองโคคัส ก็อดเข้าร่วมสนามรบไม่ได้ และสกัดไม่ให้ทุกคนหลบหนี
ท้องทะเลสีขาวงาช้างแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมท้องฟ้า เจ้าแห่งความตายกลายร่างเป็นร่างโปร่งแสงอย่างไม่อาจหนีพ้น
ครั้นเมื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในเรนทาโต เขาก็ยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ”การสืบทอดเวทมนตร์จะไม่มีวันหยุดยั้ง”
ทันใดนั้น โป๊บเกรกอรี่ก็ดูแก่ลงไปอีกยี่สิบปี จู่ๆ ผมของเขาหงอกขาว เขามองไปที่ดวงอาทิตย์ในเรนทาโตแล้วก็ไอออกมา “แค่โลกปัญญาบรรลุเพียงครึ่งเดียว ก็แค่ชั้นตำนานคนใหม่”
เขาต้องจำศีล หลังใช้พลังพระเจ้าเสด็จและไม่คิดใช้พลังโจมตีอีกรอบ เขาจึงหันไปสั่งฮอฟเฟนเบิร์ก “เจ้าจงไปจัดการเรื่องนี้”
……
คนที่เขารู้จักมักจี่ล้มตาย เลือดของตาจิ้งจอกเฒ่ากระเซ็นเปื้อนหน้า ศัตรูซ่อนตัวอยู่ทุกหนทุกแห่งในความมืด และไม่เหลือทางให้หนี… เฟอร์นันโดตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว
“อะไรกัน” เขาได้กลิ่นใครบางคนอยู่ข้างๆ
เฟอร์นันโดอยู่ในอารามตกตะลึงที่ตื่นขึ้นมาอยู่ในรถม้าขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังวิ่งไปนิ่งๆ ไม่มีการกระแทก ภายในรถม้า มีสาวงามที่สุดที่เคยเจอกำลังจ้องมองเขาอย่างเย็นชา
แววตานางดูใสแจ๋วแต่เยือกเย็น
“แฮททาเวย์?” เฟอร์นันโดจำนางได้ แม้จะไม่ได้เจอกันมาสิบปีแล้ว เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนั้น โตขึ้นเป็นผู้หญิงที่งดงามอย่างยิ่ง
แฮททาเวย์สวมชุดสุภาพสตรีทั่วไปสีแดง นางพยักหน้ารับ และคิดอยู่นานว่าคงไม่มีอะไรปลอบใจเฟอร์นันโดได้ จึงพูดไปเพียงว่า “ไม่มีอุปสรรคขวางชั้นตำนานของดักลาสอีกแล้ว”
แล้วเฟอร์นันโดก็กลับมาสู่ความเป็นจริง เขาคำรามด้วยความโกรธและทุกข์ใจ “มันจะอะไรได้? สิ้นเจ้าแห่งความ จิ้งจอกเฒ่าก็ตาย เนียลสันก็ตาย ทุกคนตายหมดแล้ว!”
“ชั้นตำนานคนใหม่จะช่วยอะไรได้?”
ด้วยดวงตาเป็นประกายของนาง แฮททาเวย์จ้องเขาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนางก็หยิบหนังสือปกดำเล่มหนาขึ้นมา “ดักลาสขอให้ข้ามอบให้เจ้า”
“หนังสือ?” เฟอร์นันโดจึงหยิบหนังสือขึ้นมาและมองที่หน้าปกด้วยความสิ้นหวัง แต่ก็ต้องตกตะลึงไปชั่วอึดใจ
นี่มัน “หลักคณิตศาสตร์แห่งปรัชญาเวทมนตร์”!
………………………………………………………………………………………….