Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 95 งานฉลองวันเกิดเฟลิเซีย
งานฉลองวันเกิดเฟลิเซีย
เนื่องจากไม่ใช่งานพิธีอย่างเป็นทางการ ธรรมเนียมปฏิบัติไม่ได้ซับซ้อนมากนัก ลูเซียนแสดงความเคารพเจ้าหญิงตามธรรมเนียมอันควรแห่งอัศวิน และเจ้าหญิงยื่นดาบมาวางบนบ่าลูเซียน
“ดาบนี้จงพิทักษ์พลังปณิธานของเจ้า” นาตาซาพูดน้ำเสียงจริงจัง
ลูเซียนรับดาบจากมือของนาตาซาและปฏิบัติตามคำแนะนำด้วยการประทับสัญลักษณ์ด้วยพลังจิตบน ‘อะเลิร์ต’
‘อะเลิร์ต’ เป็นดาบจู่โจมของอัศวินระดับหนึ่งสามัญ และช่วยให้ผู้ครอบครองมีสัญชาตญาณรับรู้ต่อบรรยากาศรอบตัวได้เทียบเท่าอัศวินระดับสอง
ขณะที่นักเวทเรียกว่า ‘อาวุธเวท’ ขุนนางชนชั้นสูงและบาทหลวงเรียกว่า ‘อาวุธวิเศษ’ ซึ่งไม่จำเป็นต้องประทับจิตวิญญาณของผู้ครอบครอง ผู้ครอบครองอาวุธหรือของวิเศษเพียงต้องประทับสัญลักษณ์ด้วยพลังจิตเพื่อเปิดใช้ อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับพลังจิตของผู้ครอบครองด้วย อาวุธของหรือของวิเศษบางชิ้นปฏิเสธผู้ใช้บางจำพวกและพลังจิตของพวกเขาไม่สามารถเปิดใช้อาวุธหรือของวิเศษได้
เมื่อจับดาบ ลูเซียนแสดงความเคารพเจ้าหญิงอีกครั้งและออกจากห้องไป มองดูลูเซียนเดินจากไป นาตาซาพูดกับคามิลอย่างนุ่มนวล “ท่านป้า ท่านมีแผนสำหรับเย็นนี้หรือยัง?”
…
ในการเตรียมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดคืนนั้น เฟลิเซียเลยไม่ได้เข้าเรียนในวันนี้
ในช่วงพักระหว่างเรียน ล็อตต์และลูเซียนกำลังพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ล็อตต์บอกลูเซียนว่าวันนี้เป็นวันเกิดอายุครบสิบแปดปีของเฟลิเซีย และเป็นพิธีบรรลุนิติภาวะของนางด้วย ดังนั้น ขุนนางชนชั้นสูงมากหน้าหลายตาและนักดนตรีทุกคนในสมาคมจะไปร่วมงาน
“เจ้ากังวลไหม? เพราะนี่เป็นการแสดงดนตรีครั้งแรกของเจ้าหลังงานมหรสพดนตรี” ล็อตต์ถาม
เพื่อให้ลูเซียนมีสมาธิกับการเรียนดนตรีหลังจากประสบความสำเร็จ วิกเตอร์พยายาม ‘ปกป้อง’ ลูเซียนด้วยความระมัดระวังยิ่ง ในนามของลูกศิษย์ของเขา วิกเตอร์ปฏิเสธคำเชิญและข้อเสนอมากมายที่เข้ามาหาลูเซียน นั่นยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเรื่องราวของนักดนตรีหนุ่มไฟแรงคนนี้มากขึ้น
“ไม่หรอก” ลูเซียนตอบด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ข้าไม่คิดว่าจะมีแขกมาเยอะมากหรอก คืนนี้”
“อย่างน้อย หลายคนจะไปร่วมงานก็เพราะของขวัญวันเกิดเฟลิเซียของเจ้า ‘เซเรเนด’ เพลงใหม่” เฮโรโดตัสซึ่งปกติไม่ค่อยพูดค่อยจาก็ร่วมวงสนทนาและแสดงความเห็นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ทุกคนหวังจะได้ฟังเพลงที่เจ้านำเสนอ หนึ่งเดือนเต็มๆ หลังงานมหรสพ”
“ข้าก็คิดเหมือนเฮโรโดตัส” ล็อตต์พูด “ในฐานะผู้นำตระกูลเฮย์นคนปัจจุบัน ลุงของเฟลิเซียน่าจะมาร่วมงานด้วยคืนนี้ หวังว่าเขาจะไม่หาเรื่องเล่นงานเฟลิเซียกับพ่อแม่ของนางอีกนะ”
“อืม… เดี๋ยวเราก็ได้เห็นกัน” ลูเซียนพูดอย่างครุ่นคิด
…
ในช่วงค่ำ ลูเซียนขึ้นรถม้าและมุ่งหน้าสู่บ้านที่เฟลิเซียอาศัยอยู่ ครั้งนี้เขาจ้างรถม้าด้วยตัวเองและรู้สึกภูมิใจไม่น้อยทีเดียว
เมื่อลูเซียนมาถึง ด้านหน้าของคฤหาสน์สามชั้นหรูหราดูวุ่นวายไปหมด สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีแต่งกายประณีตมากหน้าหลายตาลงมาจากรถม้า ต่างพากันสนทนาและหัวร่อต่อกระซิก
บ้านหลังนี้สร้างขึ้นโดยท่านเคานต์คนก่อนสำหรับการจัดงานเลี้ยง
ผ่านประตูเข้าไป ลูเซียนเดินไปบนทางเดินผ่านสวน แล้วเขาก็เห็นเฟลิเซียยืนอยู่หน้าโถง
นางกำลังต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อพร้อมกับแม่ด้วยชุดราตรีสีแดงสดอีกชุดในคืนนี้ สีแดงเป็นสีประจำตระกูลเฮย์นและเป็นสีที่เหมาะกับนางมาก
“ขอบใจที่เจ้ามานะ ลูเซียน” เฟลิเซียพูดอย่างจริงใจ “นักดนตรีดังๆ มากันเยอะเลยคืนนี้เพราะเจ้า ท่านคริสโตเฟอร์ ประธานสมาคมก็มา”
“ข้ามั่นใจว่าพวกเขามาเพราะเจ้ามากว่า” ลูเซียนยิ้มและจุมพิตมือเฟลิเซีย แต่ไม่ให้ริมฝีปากของเขาสัมผัสมือของนางจริงๆ เพื่อแสดงความสุภาพ
“ยินดีต้อนรับจ้ะ ลูเซียน เรากำลังพูดถึงเจ้าอยู่เลย เจ้าเป็นอัจฉริยะจริงๆ เลยนะ” แม่ของเฟลิเซียเอ่ยปากทักทายเขา เฟลิเซียมีหน้าตาเหมือนแม่ของนางมาก ยกเว้นผม ผมแม่ของนางเป็นสีน้ำตาล
ลูเซียนค้อมศีรษะให้ทุกคนและเดินเข้าไปในห้องโถง แขกเหรื่อต่างๆ ถือแก้วและสนทนากัน นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเข้าสังคม
“สวัสดี อีวานส์” หลายๆ คนทักทายลูเซียนเมื่อเขาเดินผ่าน การแสดงออกทางสีหน้าก็หลากหลาย บางคนดูตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น ส่วนบางคนมองลูเซียนอยากมีเลศนัยและสายตาไม่เป็นมิตร
คืนนี้ เจ้าคนที่ว่ากันว่ามีพรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์ที่สุดจะมาไหม? ทุกคนต่างเฝ้ารอ ‘เซเรเนด’ เพลงใหม่ของลูเซียน
ในบรรดาเพลงเซเรเนดที่ประพันธ์สำหรับงานเลี้ยงฉลอง ไม่ค่อยมีเพลงดีๆ สักเท่าไร เนื่องจากแนวเพลงและรูปแบบค่อนข้างจำกัด นักดนตรีมากมายมองว่าเพลงเซเรเนด ‘ไม่ใกล้เคียงกับคำว่างดงาม’ ดังนั้น คืนนี้ทุกคนต่างเฝ้ารอความล้มเหลวของลูเซียนและต่างรอสั่งสอนบทเรียนให้กับอัจฉริยะหนุ่มไฟแรงผู้นี้
คริสโตเฟอร์ ซึ่งกำลังถูกนักดนตรีหลายคนล้อมหน้าล้อมหลัง พูดกับบรรดานักดนตรีที่ไม่ได้คาดหวังในตัวลูเซียน “เขายังหนุ่ม และเราไม่ควรวิจารณ์นักดนตรีหนุ่มรุนแรงเกินไป เราควรชื่นชมความสำเร็จ และมองข้ามความล้มเหลวของเขาบ้าง ให้เขาได้มีที่ยืน”
เมื่อลูเซียนเดินเข้ามา บรรดานักดนตรีหยุดพูดเรื่องที่คุยกันและเปลี่ยนไปพูดเรื่องการสร้างสรรค์ดนตรี ลูเซียนรับแก้วน้ำจากบริกรและฟังบทสนทนาเงียบๆ อย่างสุภาพชน ห่างออกมาสองสามก้าว
สังเกตได้ว่านักดนตรีอาวุโสหลายคนมีทัศนคติต่อลูเซียนเปลี่ยนไป เนื่องจากเห็นว่าเขาไม่ใช่พวกนักดนตรีหนุ่มที่หยิ่งยโสหลังจากประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย
แล้ววิกเตอร์ ไรน์ ล็อตต์ และสหายร่วมชั้นเรียนของลูเซียนบางส่วนก็มาถึง
…
ณ เวลาสิบเก้านาฬิกา สามสิบนาที เคานต์เฮย์นยังไม่มา บรรยากาศเริ่มกระอักกระอ่วนมากขึ้น
เออร์เบน พ่อของเฟลิเซีย เริ่มรู้สึกขายหน้า เขารู้สึกโกรธสก็อตต์ พี่ชายของเขา ไม่น้อย แม้จะมีความบาดหมางกันมาในอดีต แต่เฟลิเซียก็เป็นหลานสาวของสก็อตต์ และวันนี้เป็นวันเกิดปีที่สิบแปด ถือเป็นความรับผิดชอบของเคานต์เฮย์นคนปัจจุบันที่ต้องมาร่วมงานและอวยพรเฟลิเซีย เออร์เบนโกรธพี่ชายคนนี้จนไม่รู้จะพูดอย่างไร
เฟลิเซียบีบมือตัวเองไปมาและรู้สึกเสียหน้าจนเกือบจะร้องไห้ออกมา ในสถานการณ์นี้ การไม่มาร่วมงานของเคานต์เฮย์นจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของนางในกลุ่มชนชั้นสูงแน่นอน
สิบนาทีต่อมา ข้ารับใช้ของเคานต์เฮย์นก็มาถึงและแจ้งกับเออร์เบนอย่างสุภาพแต่ท่าทางเย็นชา “ลอร์ดเฮย์นคงไม่สามารถมาร่วมงานได้ในคืนนี้ ท่านรู้สึกไม่ค่อยสบาย”
หน้าของเออร์เบนดูหมองลงทันตา เขาจุกอกจนพูดอะไรไม่ออกสักคำ
ชนชั้นสูงที่มีสถานะสูงศักดิ์อีกสองสามคนที่สนิทกับเคานต์เฮย์นก็รออยู่ที่บ้านตัวเอง เนื่องจากไม่แน่ใจว่าควรมาร่วมงานเลี้ยงฉลองคืนนี้หรือไม่ หลังจากคำยืนยันว่าเคานต์เฮย์นจะไม่มาร่วมงานคืนนี้ ข้ารับใช้ทั้งหลายที่รออยู่หน้างานเลี้ยงฉลองก็กลับไปรายงานเจ้านายของตัวเอง
โชคดีที่ชนชั้นสูงคนอื่นๆ มาถึงงานแล้ว เนื่องจากเออร์เบนยังเป็นอาลักษณ์ของศาลาว่าการนคร
สูดลมหายใจยาวเข้าปอด เออร์เบนขอให้ลูกสาวสงบสติอารมณ์และต้อนรับแขกต่อไป
“แย่หน่อย ถ้าสมาชิกตระกูลถูกเกลียดชังจากผู้นำตระกูล ถ้าสมาชิกไม่สามารถปลุก ‘พร’ หรือขึ้นชั้น ‘อัศวิน’ ได้ สมาชิกตระกูลย่อมเผชิญความยากลำบากไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ก็ตาม” นักดนตรีชื่อ โคม็อตซ์ พูดกับลูเซียนอย่างมีเลศนัย
ลูเซียนแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่เข้าใจ “ข้าเชื่อว่า ไม่ว่าใครต้องการทำสิ่งใด ตราบเท่าที่เขาหรือนางหนักแน่นพอและทำงานหนัก คนๆ นั้นย่อมประสบความสำเร็จได้”
เสียงของเขาค่อนข้างดัง จนสามารถได้ยินไปทั่ว เนื่องจากห้องโถงค่อนข้างเงียบจากบรรยากาศกระอักกระอ่วน
เฟลิเซียได้ยินสิ่งที่ลูเซียนพูด และความจริงที่ว่าลูเซียนประสบความสำเร็จได้แม้มีชีวิตที่ยากลำบากทำให้นางมีกำลังใจขึ้นมา ในฐานะสุภาพสตรีชั้นสูงจากหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลที่สุดในราชรัฐออร์วาริต เฟลิเซียมีอภิสิทธิ์มากกว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนไหนๆ และไม่มีเหตุผลที่นางจะละทิ้งความฝันง่ายๆ
สักพักต่อมา โอเทลโล่ ผู้อำนวยการสมาคม ก็เข้ามาหาลูเซียน ตามมาด้วยเม็กเคนซี กริฟฟิธ และชายหนุ่มอีกสามคน
เม็กเคนซีทักทายนักดนตรีคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ตรงนั้น และแนะนำชายหนุ่มทั้งสามคนกับลูเซียน “คลีเมน บาเร็ต และจูเลียนจากเทรีย พวกเขาได้อ่านบทวิจารณ์ ‘เพลงซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ ใน ‘ดนตรีวิพากษ์และข่าวสารซิมโฟนี’ ทุกคนมาที่นี่เพื่อเจ้าโดยเฉพาะ ลูเซียน”
“ข้ายินดีที่ได้พบทุกท่าน ขอบคุณมากขอรับที่มาร่วมงาน” ลูเซียนจับมือทักทายทีละคน นักดนตรีหนุ่มทั้งสามคนจากราชรัฐเทรียอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ แต่งกายอย่างมีรสนิยม ทั้งสามเป็นชายหนุ่มที่สง่างามมาก
“อาจารย์ของพวกเจ้า ฟรังซัวส์ เขียนจดหมายแนะนำพวกท่านมาถึงข้าแล้ว” คริสโตเฟอร์นึกชื่อพวกเขา “ข้าเคยฟังงานเพลงของพวกเจ้ามาก่อน ทุกคนมีพรสวรรค์สูงจริงๆ”
ฟรังซัวส์เกิดในอาณาจักรซีราคิวส์ สมัยที่เขาเป็นวัยหนุ่มฉกรรจ์ ฟรังซัวส์เคยมายังนครอัลโต้เพื่อศึกษาดนตรีและประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยี่สิบปลายๆ ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ฟรังซัวส์กลับไปยังอาณาจักรซีราคิวส์และได้รับตำแหน่ง ‘ที่ปรึกษาดนตรีหลวง’ ของราชวงศ์
นักดนตรีหนุ่มทั้งสามคนรีบแสดงความเคารพต่อคริสโตเฟอร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม ‘ตำนานดนตรีที่ยังมีลมหายใจ’ ด้วยความเคารพอย่างสูง
เม็กเคนซีพูดกับลูเซียนแฝงความอาฆาตมาดร้าย “ข้าหวังว่าเซเรเนดของเจ้าจะทำให้ทุกคนในงานตกตะลึงได้นะ พ่ออัจฉริยะ!”
“เซเรเนด? ข้าก็มีเซเรเนดสองสามเพลงให้กับท่านหญิงเฮย์นในคืนนี้เหมือนกัน!” จูเลียน ชายหนุ่มผมดำ เป็นนักดนตรีพรสวรรค์สูงที่สุดและหยิ่งผยองที่สุดในบรรดาทั้งสามคนเช่นกัน “เราคงได้เล่นเพลงเซเรเนดของเราด้วยกัน”
เม็กเคนซีดูเหมือนจะสนิทชิดเชื้อกับจูเลียน
เมื่อลูเซียนกำลังจะตอบกลับ ทั้งโถงก็พลันเงียบลง ‘ดาบอะเลิร์ต’ ที่ลูเซียนพกเตือนเขาว่ามีคนที่เขารู้จักกำลังมา
ลูเซียนหันกลับไปและเห็นรถม้าสุดหรูหราเทียบอยู่หน้าทางเดินของอีกฝั่ง
สตรีงามร่างสูงผมสีม่วงในชุดสีขาวและรองเท้าบูตยาวสีดำกำลังเดินมาทางเฟลิเซีย ด้วยท่วงท่าเยื้องย่างงามสง่าอย่างกุลสตรีคล้องแขนกันเข้ามา ขณะที่คามิลเดินตามหลังมาเงียบๆ
“ฝ่าบาท?!” เฟลิเซียอุทานออกมาด้วยความตกใจ
……………………………………….