Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 107 มีแขกมา
บทที่ 107 มีแขกมา
บทที่ 107 มีแขกมา
สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์พูดไม่ออกเมื่อมองไปที่เธอ ปฏิกิริยาของเธอนั้นช้าเกินไป
[เตือนให้รางวัล: ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของซู่จู่ในการทดสอบ ซู่จู่ถึงระดับที่ยอดเยี่ยมในการทดสอบ จะได้รับรางวัลเป็นโอกาสในการเข้าสู่ดินแดนลับ]
เมื่อได้ยินรางวัลเธอก็แทบจะกระโดดลงจากเตียง
รางวัลคือดินแดนลับ!
เธอมีโอกาสเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง!
มีทักษะของคนในตำนานมากมายในนั้น ครั้งสุดท้ายที่เธอได้รับทักษะการร้องเพลงของหลินลี่ มันก็ได้สร้างประโยชน์กับเธอมาก แล้วครั้งนี้เธอจะได้อะไร?
ซูโย่วอี๋หลับไม่ลง
หลังจากวิเคราะห์สถานการณ์ของตัวเอง เธอก็สรุปได้ว่าตนจะไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อเข้าไปในดินแดนลับจนกว่าจะเข้าตาจนจริง ๆ
ในเช้าตรู่ของวันที่สอง ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดออกจากเกาะ
ที่ท่าเรือ ซูโย่วอี๋ถูกล้อมรอบด้วยผู้คน
“ลีดเดอร์เราไม่อยากจากคุณไปเลย”
“ฉันด้วย ครอบครัวฉันอยู่ทางใต้ กลับไปครั้งนี้ไม่รู้จะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่”
“เจอกันในทีวีนะ”
ซูโย่วอี๋ก็ไม่อยากให้พวกเธอไปเช่นกัน “ตราบใดที่ฉันอยู่ในปักกิ่ง เธอสามารถมาหาฉันได้ตลอด เมื่อไหร่ก็ได้”
“คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเราหรอกนะ”
พวกเธอไม่ได้คุยกันนาน และรีบแยกกันไปขึ้นเครื่องบินหรือรถไฟความเร็วสูง
สุดท้ายก็เหลือเพียงซูโย่วอี๋และอวี๋ชิงจ้าว พวกเธอคุยกันระหว่างรอรถที่ริมถนน
“เธอจะเซ็นสัญญากับเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์หรือเปล่า?”
“ฉันพยายามอย่างหนักมานานมากเพื่อจะเป็นศิลปินของเทียนฉี”
ซูโย่วอี๋ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้ม “ยินดีด้วย! เธอทำได้แล้ว”
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของอวี๋ชิงจ้าว “ฮิลเบิร์ตก็ดีมากเหมือนกัน”
“แต่ถึงจะมีโอกาส ฉันก็จะไม่ไปที่นั่น”
ซูโย่วอี๋มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างอยากรู้อยากเห็น ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงพูดเช่นนั้น
“อย่าคิดมากเลย ความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ตอนนี้ฉันต้องหาเงินเพิ่มเพื่อเลี้ยงตัวเองให้ได้”
เมื่อแท็กซี่มาถึงทั้งสองก็แยกย้ายกันไป
หลังจากกลับถึงบ้าน ซูโย่วอี๋ที่คุ้นเคยกับความเร่งรีบและวุ่นวายของการถ่ายทำวาไรตี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่คุ้นเคยกับห้องที่ว่างเปล่านี้เลย
หญิงสาวเปิดโทรศัพท์ แต่ก็ยังไม่มีข้อความจากเฉินซีซี
ซูโย่วอี๋อดไม่ได้ที่จะเดาว่าเธอยังอาการไม่ดีหรือเปล่า?
“จิ้งจอก ช่วยตรวจดูทีว่าตอนนี้เฉินซีซีเป็นยังไงบ้าง”
ด้วยการโบกมือ หน้าจอเสมือนทรงกลมปรากฏขึ้นในห้องนั่งเล่น
แล้วซูโย่วอี๋ก็เห็นภาพเฉินซีซีนอนอยู่บนเตียง ดูเหมือนเธอกำลังหลับอยู่
และมีแพทย์ในชุดสีขาวยืนอยู่ข้าง ๆ และกระซิบกับคุณนายเฉิน
“หลังจากการผ่าตัดครั้งนี้ ลำคอของคุณหนูเฉินฟื้นตัวถึงที่สุดแล้ว และการผ่าตัดครั้งต่อไปเธอคงจะไม่ดีขึ้นมากนัก คำแนะนำของเราคือให้เธอออกจากโรงพยาบาลได้ ซึ่งมันจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นด้วย”
หลังการผ่าตัดครั้งล่าสุด มันทำให้เฉินซีซีสามารถพูดด้วยเสียงต่ำได้
แต่เสียงของเธอแหบแห้ง และเฉินซีซีไม่สามารถร้องเพลงได้อีกต่อไป
เด็กสาวค่อย ๆ หยุดพูด
ด้านคุณนายเฉินดูเศร้าสร้อย “เธอยังเด็กอยู่เลย แต่ต้องมาเป็นแบบนี้ ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับลูกสาวฉันด้วย”
เธอยอมรับความจริงไม่ได้
“เราจะออกจากโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูโย่วอี๋ก็รู้สึกเศร้าใจ เธอไม่รู้ว่าเฉินซีซีกำลังตำหนิเธอที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้หรือไม่
“จิ้งจอกเน่า มีวิธีไหนที่จะได้เม็ดช็อกโกแลตจำนวนมากในเวลาสั้น ๆ ไหม”
จิ้งจอกส่ายหัว [ไม่ เม็ดช็อกโกแลตเป็นสกุลเงินทั่วไปของระบบ สามารถรับได้จากการทำภารกิจของซู่จู่เท่านั้น ตัวอย่างเช่น หลังจากการฝึกครั้งก่อน จะมีเม็ดช็อกโกแลต 2 เม็ด การลงชื่อเข้าใช้ถือเป็นสวัสดิการในการใช้ระบบ นอกนั้น ไม่มีทางอื่นที่จะได้รับเม็ดช็อกโกแลตอีกแล้ว]
ซูโย่วอี๋จำได้ว่าเธอยังมีโอกาสที่จะจับฉลากได้ ดังนั้นเธอจึงเสี่ยงโชค ตามที่คาดไว้ เธอได้รับรางวัลเป็นเม็ดช็อกโกแลต แต่มันก็มีเพียง 199 เม็ดเท่านั้น ซึ่งยังไม่เพียงพอ
เมื่อเห็นว่าซู่จู่รู้สึกหดหู่ใจ สุนัขจิ้งจอกตัวร้ายก็พูดอย่างไม่รักษาน้ำใจ [ไปโรงรับจำนำสิ ที่นั่นมีทุกอย่าง แต่คุณก็ต้องแลกเปลี่ยนบางอย่างด้วย]
นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอได้ยินคำว่า ‘โรงรับจำนำไร้กังวล’ จากปากสุนัขจิ้งจอกตัวร้าย ความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นจึงเกิดขึ้นในใจของเธอ
โรงรับจำนำไร้กังวลสามารถแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?
“ถ้าฉันไม่สามารถจ่ายสิ่งที่โรงรับจำนำต้องการได้ ฉันจะออกมาได้ไหม”
สุนัขจิ้งจอกกลอกตาและพูดว่า [โรงรับจำนำไร้กังวลถูกจำกัดโดยกฎหมายโรงรับจำนำ ไม่ใช่โรงรับจำนำใจดำ ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่คุณไม่เห็นด้วย โรงรับจำนำไม่สามารถเอาอะไรไปจากคุณได้หากไม่มีการอนุญาต]
ซูโย่วอี๋รู้สึกโล่งใจและตัดสินใจเข้าไปในโรงรับจำนำไร้กังวล เพื่อดูว่ามันเป็นอย่างไร
ทันใดนั้น สิ่งแวดล้อมรอบตัวเปลี่ยนไป และเธอก็ยืนอยู่หน้าโรงรับจำนำ
ที่นี่มีลานกว้างประมาณ 44 ตารางเมตร บนแผ่นไม้มีคำว่า ‘โรงรับจำนำไร้กังวล’ ที่ข้างประตูมีสิงโตทองคำสองตัวตั้งตระหง่าน
ในสวนมีต้นโกเมนแผ่กิ่งก้านสาขาและใบหนาทึบ
ถ้าไม่อยู่ในระบบ เธอคงคิดว่าเป็นบ้านของครอบครัวมีฐานะครอบครัวหนึ่ง
“ฉันจะเข้าไปในที่แบบนี้เหรอ”
สุนัขจิ้งจอกพยักหน้า [ระวังด้วย]
ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้นมองที่แผ่นไม้หน้าประตูแล้วเดินเข้าไป
เมื่อเปิดประตูเสียงกริ่งดังขึ้นในห้อง และมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“มีแขกมา”
โต๊ะหิน ทุ่งผัก เถาองุ่นในลานบ้านนั้นแตกต่างจากลานทั่วไป
ประตูห้องเปิดอยู่ ม่านสีเขียวและสีขาวสองผืนแยกสายตาของเธอออกจากกัน
ซูโย่วอี๋รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ยืนอยู่ข้างนอก
เมื่อเธอมาถึงประตู เธอถามอย่างสุภาพว่า “ขอฉันเข้าไปได้ไหม”
ข้างในเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่ หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “อะแฮ่ม ในเมื่อประตูเปิดอยู่ ก็เข้ามาได้ แค่ก ๆ”
ผู้พูดไออย่างควบคุมไม่ได้ และน้ำเสียงฟังดูกระท่อนกระแท่น
ซูโย่วอี๋เดินไปข้างหน้าและเห็นฉากในห้อง
เธอเห็นหญิงชรานั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีแสงแดดสาดส่อง มีกระดิ่งลมแขวนอยู่ข้างเตียง โต๊ะไม้ยาววางอยู่ตรงกลาง ควันสีขาวลอยขึ้นช้า ๆ และมีตู้วางเรียงชิดผนัง
ไม่มีอะไรอื่นอีก…
“คุณยาย คุณเป็นเจ้าของโรงรับจำนำนี้หรือเปล่าคะ?”
หญิงชรายิ้มอย่างประหลาด “เจ้าของ?”
แต่เธอไม่ได้พูดต่อ
ในชั่วพริบตา หญิงชราที่เพิ่งนั่งบนเก้าอี้ก็ค่อย ๆ รินชาให้เธอ
“จะมาที่โรงรับจำนำของฉัน ก็ต้องดื่มชาถ้วยนี้ก่อน”
ซูโย่วอี๋อยู่ในภาวะระวังตัวและไม่ต้องการดื่มมัน เธอยกมันขึ้นแตะริมฝีปากแล้ววางลง
“คุณยาย หนูอยากได้ยารักษาคอค่ะ ที่นี่มีไหมคะ”
หญิงชราจิบชาของตัวเองไปสามจิบก่อนจะถอนหายใจ ดวงตาของเธอมืดลง “ดูเหมือนว่าฉันจะชงชาไม่เก่ง แม้แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ก็ไม่อยากดื่มชาของฉัน”
หัวใจของซูโย่วอี๋กระตุกวูบเมื่อเธอได้ยินอย่างนั้น
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะคะ”
หญิงชราเทถ้วยชาลงบนโต๊ะพลางกล่าว “อืม ไม่ดื่มก็ไม่เป็นไร”
“ฉันมีสิ่งที่คุณต้องการ แต่คุณให้อะไรฉันได้บ้าง”
เธอก้มศีรษะลงและมองร่างกายของหญิงสาว บนร่างกายของเธอไม่มีอะไรเลย เพราะเธอไม่สามารถนำอะไรจากภายนอกเข้ามาในพื้นที่ระบบได้
หญิงชรายิ้มและพูดว่า “ฉันไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ แต่ฉันขอดูมือของคุณได้ไหม?”