Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 122 พายุที่โหมกระหน่ำ
บทที่ 122 พายุที่โหมกระหน่ำ
บทที่ 122 พายุที่โหมกระหน่ำ
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เรื่องราวต่าง ๆ ค่อย ๆ อยู่เหนือการควบคุมของเขา นับวันซูโย่วอี๋ก็ค่อยๆออกห่างจากเขาไป
ณ งานแถลงข่าว
เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ได้นำหลักฐานขึ้นมา หลักฐานพวกนั้นมากพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ของซูโย่วอี๋ ซึ่งเหล่านักข่าวต่างตื่นตกใจและแสดงท่าทีพอใจเป็นอย่างมาก
และในตอนที่ทุกคนคิดว่างานแถลงข่าวนี้ใกล้จบลงแล้ว ซูหยินก็ขึ้นไปบนเวที
ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทกับซูโย่วอี๋และเฉินเฉินมาก่อน เธอได้อธิบายถึงเฉินเฉินในช่วงแรกที่เขาตามจีบซูโย่วอี๋อย่างกับหมาที่หลงเจ้าของ หลังจากจีบติดกลับใช้ความเห็นแก่ตัวบังคับให้ซูโย่วอี๋ละทิ้งความฝันของตัวเอง และให้เธอไปหาเงินเพื่อส่งให้เขาเรียนหนังสือ เธอช่วยแม้กระทั่งเรื่องค่ายารักษาพ่อของเฉินเฉิน และยังเลี้ยงดูครอบครัวของเขาทั้งหมด
จนถึงช่วงก่อตั้งบริษัท ซูโย่วอี๋ให้การสนับสนุนเขาอย่างมาก เธอทำงานอย่างหนัก ทั้งช่วยเขาออกแบบของเล่น หาผู้ผลิต หานักลงทุน แต่พอบริษัทเริ่มเข้าที่ เฉินเฉินก็ให้ซูโย่วอี๋ลาออกอย่างไร้ยางอาย และลดตำแหน่งให้เธอกลายเป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัว
แม้แต่เรื่องชู้รักของเฉินเฉินอย่างเหอมี่มี่ เขาก็ไม่ยอมละทิ้ง ซูหยินเล่าถึงเรื่องราวในอดีตออกมา
เรื่องราวต่าง ๆ น่าสนใจมาก เฉินเฉินที่ดูการแถลงข่าวอยู่หน้าทีวีก็รู้สึกโกรธจนหน้าแดง
ด้านชาวเน็ตก็เริ่มโกรธขึ้นมา
[โอ๊ย ถ้าไม่ฟังก็ไม่รู้เลยนะว่านายเฉินคนนี้ร้ายกาจมากแค่ไหน บีบบังคับผู้หญิงรอบด้านเลย]
[เหล่าสาว ๆ ดูเอาไว้ นี่คือพระเอกขี่ม้าขาวของพวกเธอ ช่างน่ารังเกียจ ข้าวที่ฉันกินไปเมื่อสามวันก่อน ฉันก็อ้วกมันออกมาจนหมดละ]
[โย่วโย่วผู้น่าสงสาร ทำไมต้องให้เธอทนกับเรื่องราวเลวร้ายถึงขนาดนี้ด้วย โย่วโย่วทำอะไรผิดกัน? เรื่องเป็นแบบนี้แล้วยังมีคนตามจับผิดเรื่องที่เธอเคยแต่งงานมาก่อนอีก]
[ใช่ ๆ แต่งงานมาก่อนแล้วทำไมกัน แต่งงานแล้วเป็นความผิดเหรอ? ทำไมต้องสร้างมาตรฐานของผู้หญิงสูงขนาดนี้ด้วย ทีผู้ชายที่มีเมียสามสี่คนกลับเอาแต่ชื่นชมในความสามารถของเขา]
[พูดไปแล้วก็ยังคงเป็นเรื่องที่ว่าชายหญิงไม่มีความเสมอภาค]
[ตั้งแต่ที่โย่วโย่วของฉันเข้าวงการ ไม่ใช่ว่าเพราะความงามของเธอที่ดึงดูดฉันนะ แต่เป็นเสียงเพลงและพลังความสามารถของเธอต่างหาก พวกไร้สมองรีบไสหัวออกไปซะ]
ซูหยินระบายคำพูดออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน เธอพูดออกมาอย่างเต็มที่
ใช่แล้ว วันนี้เธอจะทำให้ผู้ชายเลว ๆ กับผู้หญิงร้าย ๆ ต้องพังทลาย ทำให้พวกเขาได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ต้องถูกคนอื่นประณาม และไม่มีหน้าไปเจอใครได้อีก
ทำให้พวกเขาต้องเสียใจที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้
ผลลัพธ์ของงานแถลงข่าวในครั้งนี้เป็นอย่างที่คิด หลักฐานทั้งหมดใช้ตบหน้าเขาได้อย่างแรง และยังมีเรื่องราวในอดีตอันน่าตื่นเต้นจากซูหยินอีก ผู้คนในอินเทอร์เน็ตบ้าคลั่งกันอยู่พักใหญ่
ด้านหนึ่งเริ่มพุ่งความสนใจไปยังผู้หญิงร้ายผู้ชายเลวสองคนนั้น ด้านหนึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารชี้แจงโดยทันทีและพูดแทนซูโย่วอี๋ไปจนทั่ว
หลังงานแถลงข่าวจบลง ซูหยินเลิกคิ้วอย่างภาคภูมิใจให้กับซูโย่วอี๋ “เป็นไง บทที่ฉันเขียนไม่เลวเลยใช่ไหม?”
เธอใช้เวลาทั้งคืนกว่าจะเขียนมันออกมาได้
และตอนนี้ในใจซูโย่วอี๋ก็เกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นมา ตอนแรกที่ทำเพื่อเฉินเฉินเธอไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ในวันนี้ พอได้ฟังสิ่งที่ซูหยินพูด เธอเพิ่งจะพบว่าตัวเองเมื่อก่อนโง่มากราวกับคนที่โดนเล่นของใส่
รู้สึกสมเพชตัวเองมาก
แต่เธอไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับความรู้สึกนี้นานนัก “ไปกินข้าวเถอะ ฉันเลี้ยงเอง เพื่อเป็นการขอบคุณทุกคนที่ต้องเหนื่อยเพราะเรื่องของฉัน”
ลู่เฉิน กู่อวี๋เฉิง สุ่ยเวยต่างก็ยังอยู่ ที่ซูโย่วอี๋พูดก็เพื่อเชิญทุกคน
กู่อวี๋เฉิงและสุ่ยเวยไม่ได้พูดอะไรเพราะกำลังรอให้ท่านประธานพูดก่อน
ลู่เฉินเลิกคิ้วขึ้น “ตกลง กี่โมงล่ะ?”
ซูโย่วอี๋ตอบ “หกโมง ดีไหมคะ?”
“ผมยังมีธุระ ส่งโลเคชันมา ถึงเวลาแล้วเจอกัน”
ท่านประธานพูดขึ้น แน่นอนว่าอีกสองคนที่เหลือไม่สามารถปฏิเสธได้
พวกเขารอจนลู่เฉินออกไป และกู่อวี๋เฉิก็มองไปยังซูหยินด้วยใบหน้านิ่งเฉย “ตามผมมา”
ซูหยินยักไหล่ให้ซูโย่วอี๋อย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา “ที่รัก อีกแป๊บฉันจะติดต่อไปนะ”
ซูโย่วอี๋เริ่มคิดอย่างจริงจังว่าจะกินอะไรดี
หากมีแค่เธอกับซูหยิน เธอคงจะเลือกร้านข้างทางหรือแผงขายอาหารทั่วไปแล้ว แต่มีลู่เฉินด้วยคงไม่สามารถเลือกร้านธรรมดาได้
คิดไปคิดมาก็คงจะต้องขอให้สุ่ยเวยช่วยแล้ว
“คุณเวย ประธานลู่ชอบกินอะไรเหรอคะ?”
สุ่ยเวยคิดแล้วคิดอีก “อาหารญี่ปุ่นกับสเต๊ก มีอยู่สองร้านที่เขาไปบ่อย ๆ แต่เป็นร้านที่ต้องจองล่วงหน้า มาจองเอาตอนนี้เธอน่าจะไม่ได้โต๊ะแล้ว เดี๋ยวฉันจองให้แล้วกัน”
ซูโย่วอี๋รู้สึกขอบคุณมาก “ขอบคุณค่ะพี่เวย งั้นเดี๋ยวฉันจ่ายเงินให้เอง”
“คุณไปนั่งพักที่ห้องทำงานสักพักเถอะ อีกสักพักค่อยไปสั่งอาหารไว้ล่วงหน้ากับฉัน”
โอกาสที่สุ่ยเวยและลู่เฉินจะกินข้าวด้วยกันนั้นมีไม่มาก ดังนั้นสุ่ยเวยจึงให้ความสำคัญกับอาหารมื้อค่ำนี้เป็นอย่างมาก
เธอพยายามใส่ใจรายละเอียดในทุกด้าน
ณ บริษัทออกแบบและพัฒนาของเล่นเฉินอี้
ทั้งบริษัทดูจะเงียบสงัด เพราะเรื่องส่วนตัวของท่านประธานได้แพร่กระจายออกไป
หญิงสาวแผนกต้อนรับที่เป็นแฟนตัวยงของซูโย่วอี๋ ตั้งแต่ที่รายงานเรื่อง ‘การนอกใจจนหย่าร้างกัน’ ออกมา เธอก็ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด
แต่เธอกับเหล่าแฟนคลับบนอินเทอร์เน็ตนั้นแตกต่างกัน เพราะเธอเชื่อมาตลอดว่าโย่วโย่วถูกเข้าใจผิด
การสืบสวนอย่างเป็นทางการไม่ทำให้เธอผิดหวัง แต่เธอแค่คิดไม่ถึงว่าเธอจะอยู่ใกล้กับพายุลูกนี้มากขนาดนี้
สามีเก่าผู้ชั่วร้ายของซูโย่วอี๋ก็คือท่านประธานเฉินเฉิน
มือที่สามก็คือเพื่อนร่วมงานคนเก่าอย่างเหอมี่มี่
ไอดอลในดวงใจของเธออย่างซูโย่วอี๋ก็คือภรรยาเก่าของเจ้านาย
ต่อให้แต่งเรื่องก็ยังไม่กล้าคิดเลย
เรื่องราวเหล่านี้ถูกพูดถึงไปทั้งบริษัทอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าเมื่อก่อนพวกเขาจะรู้จักกับซูโย่วอี๋หรือไม่ หรือไม่ว่าจะเคยรับรู้เรื่องนอกใจก่อนการหย่าร้างไหม แต่ตอนนี้ต่างก็รู้กันจนหมด
เรื่องซุบซิบนินทาเกี่ยวกับเจ้านายไม่ฟังก็เหมือนได้ฟัง
ส่วนเฉินเฉินเก็บตัวอยู่ในห้องทำงานมากว่าครึ่งวันแล้ว แม้แต่จะออกมาเข้าห้องน้ำก็ไม่กล้า เพราะเพียงแค่เดินออกมาจากห้องทำงานดวงตาที่เป็นประกายทิ่มแทงพวกนั้นต่างก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
เฉินเฉินเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรี หากเป็นอย่างนี้ต่อไปศักดิ์ศรีของเขาก็คงจะไม่เหลืออยู่แล้ว
จะทำงานก็คงไม่มีกะจิตกะใจจะทำแล้ว เฉินเฉินจึงกลับบ้าน
หญิงสาวแผนกต้อนรับที่เห็นเฉินเฉินจากไป ความเกลียดชังในดวงตาก็เพิ่มมากขึ้น
ปีศาจในร่างของคน เสียดายที่เมื่อก่อนเธอเคยคิดว่าเฉินเฉินและเหอมี่มี่เป็นคู่สร้างคู่สมกัน
คุณลุงวัยกลางคนรู้เรื่องภายในนี้มานานแล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมในงานเลี้ยงงานหมั้นของทั้งสองคน เขาจึงกล่าวว่า การมองผู้ชายก็ควรจะมองให้ถึงเบื้องหลัง แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นพวกเธอไม่เข้าใจ
ณ ย่านที่อยู่อาศัยสุดหรูหรา
เหอมี่มี่กำโทรศัพท์ในมือเอาไว้แน่น [บรรณาธิการเจี่ยง ทำไมเรื่องถึงจบแค่นี้? คุณก็แต่งต่อไปสิ จะบอกไปว่าหลักฐานของเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์เป็นของปลอมก็ได้ ทำยังไงก็ได้ให้พวกเขาเดือดร้อนสิ]
ที่เธอเปิดโปงเรื่องนี้ก็เพื่อจะทำให้ซูโย่วอี๋ต้องตกต่ำ ไม่ใช่ให้มาทำร้ายตัวเธอเอง
เจี่ยวต้าเว่ยหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา [มี่มี่ ผมว่าคุณนั่นแหละที่ทำให้ผมต้องเดือดร้อน คุณทำอะไรกับเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์? บริษัทนั้นสามารถบดขยี้คุณและผมได้ด้วยนิ้วเดียว คุณคิดว่าผมโง่เหรอ?]
ที่เขากล้าเขียนรายงานแบบนั้นก็เพื่อความนิยมและกระแสของข่าว ไม่เคยคิดที่จะโจมตีเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์เลยสักนิด
ตอนนี้หลักฐานได้ข้อสรุปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องดันทุรังกันอีกต่อไป อีกทั้งสิ่งที่นิตยสารเฟิงหยุนต้องการก็ได้ไปแล้ว
สำหรับเหอมี่มี่และเฉินเฉิน พายุครั้งนี้ทำให้พวกเขาพังทลาย
สายโทรศัพท์ถูกวางลง เหอมี่มี่โทรไปอีกครั้งแต่กลับถูกบล็อกเบอร์ไปแล้ว
จนถึงตอนนี้เหอมี่มี่ เพิ่งรู้ว่าตัวเธอเองเล็กแค่ไหน คิดว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมแต่จริง ๆแล้วเธอนั้นคิดผิด
เมื่อประตูเปิดออกก็เป็นเฉินเฉินที่เดินเข้ามา
เหอมี่มี่มีท่าทีลุกลี้ลุกลนและรีบลุกขึ้นยืน “ทำไมคุณกลับมาไวจัง?”
ใบหน้าของเฉินเฉินมืดมนและก้าวเข้าไปด้านใน ก่อนที่จะตบเธออย่างแรง
“ดูเรื่องโง่ ๆ ที่คุณทำซะ พอใจหรือยัง?”